แชร์

บทที่ 33 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:14:50

บทที่ 33 (ต่อ)

“ซูเมิ่งกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” 

เป็นอิ่งจวนที่เอ่ยขึ้น นางยืนอยู่ข้างซูเมิ่งเช่นเดียวกันแม้สภาพจะดีกว่าคุณหนูคนอื่นอยู่มากแต่ก็ไม่วายใบหน้าซีดเผือดรู้สึกเหมือนอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปจะขย้อนออกมา โดยอิ่งจวนนั้นเอ่ยหลังจากที่ตัวเองรู้สึกดีขึ้นแล้วเพราะนางเห็นซูเมิ่งยืนมองการต่อสู้มานานแล้วโดยไม่เอ่ยอะไรสักแอ่ะเดียว

“ข้ากำลังคิดว่าเจ้าพวกชุดดำเหล่านี้ลอบโจมตีด้วยเหตุผลอันใดอยู่น่ะ เอ้อ ละอิ่งจวนดีขึ้นแล้วหรือ” 

ซูเมิ่งหันกลับมา พอเห็นสีหน้าสหายดีขึ้นแล้วก็กลับไปรวมกับคนอื่น

“องค์หญิงไม่ต้องกังวลไปพะยะค่ะ หม่อมฉันส่งคนไปเรียกกำลังเสริมแล้ว" 

ทหารองครักษ์ที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยใกล้ชิดองค์หญิงเอ่ยขึ้น แม้ในใจตนก็ยังไม่แน่ใจว่ากำลังเสริมจะมาทันไหม แต่เพื่อความสบายใจของเหล่าคุณหนูจึงเอ่ยไปอย่างนั้น แต่เป็นซูเมิ่งที่สังเกตเห็นสีหน้าของคนพูดที่ดูไม่สอดคล้องกับประโยคที่ออกมาจากปากเสียเลย ไม่ทันไรทหารนายหนึ่งที่ออกไปเป็นกำลังแนวหน้าที่ต่อสู้กับเหล่านักฆ่าก็พุ่งตัวเข้ามา สภาพเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล

“แย่แล้วท่านหัวหน้า! ดูเหมือนว่าพวกมันจะส่งคนมาเพิ่ม พวกเราน่าจะสามารถต้านมันได้ไม่นานขอรับ”

ใบหน้าของคนที่เอ่ยปลอบแก่องค์หญิงซีดเผือดซึ่งก็ไม่แพ้เหล่าคุณหนูใกล้เคียงที่น่าจะมีประมาณห้าถึงหกคน

“หากข้าไม่รอดพวกเจ้าถูกตัดหัวหมดแน่ ไปนำกำลังพาข้าหนีสิ!!” 

เฟิงอี้ตวาดกร้าวทั้งที่ขายังแทบยืนไม่ได้ นางมีนางกำนัลคอยเอายาแก้เวียนหัวให้อยู่ตลอด สองตาไม่กล้ามองไปไกลเลยแต่อารมณ์ภายในกายเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธจนทนไม่ได้

นายทหารพอได้รับคำตวาดก็ยิ่งเครียด ซึ่งหากองค์หญิงเฟิงอี้ผู้เป็นลูกคนโปรดของฮ่องเต้กับฮองเฮาแล้วยังเป็นหลานคนโปรดของไทเฮาด้วย หากเป็นอะไรไปพวกเขาคงไม่สามารถรักษาชีวิตของตนได้แน่ แต่พอมองไปที่คุณหนูคนอื่น พวกนางก็เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่หลายตระกูลเช่นกัน แต่หากชั่งน้ำหนักความสำคัญดูแล้วการปกป้ององค์หญิงย่อมสำคัญกว่ามาก หากลูกหลานตระกูลใหญ่เป็นอันตรายพวกเขาอาจแค่โดนลงโทษสถานหนักซึ่งก็ยังดีกว่าโทษตายเป็นแน่

“พระองค์ต้องทรงเย็นพระทัยก่อนพะยะค่ะ หม่อมฉันต้องพาพระองค์รอดแน่” 

พูดจบก็เร่งฝีเท้าออกไปสั่งกายลูกน้องกับแผนใหม่ทันที ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อก็กลับมาตรงหน้าองค์หญิงและเหล่าคุณหนูอีกครั้ง

“ครานี้พวกกระหม่อมจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มพะยะค่ะ กลุ่มนึงเป็นกลุ่มขององค์หญิงและสหาย ส่วนอีกกลุ่มเป็นของเหล่าคุณหนูพะยะค่ะ โดยจะแยกหนีเป็นสองทาง และจะมีกำลังทหารรั้งพวกมันไว้ที่นี่ เชิญองค์หญิงมากับกระหม่อมพะยะค่ะ”

หลังจากนั้นทหารองครักษ์ก็แบ่งเป็นสามส่วนอย่างรวดเร็ว ส่วนที่จำนวนทหารองครักษ์มากสุดคอยต้านเหล่านักฆ่าอยู่ที่นี่เพื่อเปิดโอกาสให้ทหารอีกสองกลุ่มพาคนหนีออกไป กลุ่มหนีกลุ่มแรกคอยคุ้มกันองค์หญิงเฟิงอี้และเจียงเหมยที่เกาะติดองค์หญิงไม่ห่างออกไป ซึ่งกลุ่มทหารองครักษ์ส่วนนี้กินจำนวนทหารไปราวเจ็ดส่วนของทหารองครักษ์ที่เหลือ อีกสามส่วนแบ่งมาคุ้มกันคุณหนูห้าคนที่เหลือรวมซูเมิ่งและอิ่งจวนด้วย

“เจ้าว่ามันออกจะลำเอียงเกินไปหรือเปล่า?” 

อิ่งจวนหันมาพูดกับซูเมิ่งที่เพิ่งขึ้นม้าและตั้งตัวได้ สายตาของสตรีร่างสูงสง่าเพิ่งละมาจากกลุ่มเฟิงอี้ อิ่งจวนขี่ม้ามาข้าง ๆ แม้ปากจะพูดแต่มือก็คอยลูบแผงคอคอยปลอบประโลมม้าให้คลายอาการตกใจ

“พวกเขาแบ่งคนมาปกป้องให้พวกเราบ้างก็ดีแล้วล่ะ หึ” 

…ซูเมิ่งและอิ่งจวนมีนิสัยอย่างนึงที่เหมือนกัน คือเป็นคนพูดตรงไม่เสแสร้งอย่างสตรีสมัยนี้ส่วนใหญ่ ซึ่งนิสัยนี้ทำให้นางสนิทใจกับอิ่งจวนได้เร็ว

ไม่เพียงแค่ซูเมิ่งและอิ่งจวนเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ทุกคนต่างก็คิดแต่เพียงไม่มีใครกล้าท้วงเท่านั้น คุณหนูบางคนที่แทบไม่มีแรงก็จะถูกผูกไว้กับม้าและมีคนช่วยขี่พาไป พอทหารองครักษ์เห็นว่าเหล่าคุณหนูต่างขึ้นม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็หันมาพูดกับพวกนางนิดหน่อยแล้วก็มีคนนำออกมาตามแผนทันที

ระหว่างทางที่ขี่ม้าตามกันออกมาก็กลุ่มนักฆ่าตามมาจนเกิดการต่อสู้บ้าง ทำให้ค่อย ๆเสียทหารองครักษ์ไปเรื่อย ๆแต่เหมือนกับจำนวนนักฆ่าที่ตามมาทางกลุ่มซูเมิ่งจำนวนจะไม่ลดลง มีแต่เพิ่มจำนวนขึ้นจนในใจของนางเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว และสิ่งที่ทำให้แน่ใจก็คือลูกธนูที่ถูกยิงมาจากนักฆ่าต่างพุ่งมาที่ซูเมิ่งเป็นส่วนใหญ่ทำให้ทหารองครักษ์ที่ปัดป้องลูกธนูและปกป้องซูเมิ่งโดยเฉพาะค่อย ๆลดลงบ้างก็ถูกยิงตกม้า บ้างก็ถูกสกัดให้ออกห่าง และท้ายที่สุดกลุ่มนักฆ่าที่ตามมาก็สามารถเร่งม้าขึ้นมาสกัดหน้ากลุ่มหลบหนีของซูเมิ่งจนทัน เสียงหวีดร้องของคุณหนูดังแสบหูผสมกับเสียงร้องของม้าเมื่อถูกดึงให้หยุดชะงัก

…ใช้เวลาไม่นานกลุ่มหลบหนีที่มีซูเมิ่งอยู่ก็ถูกล้อมไร้สิ้นทางออก จำนวนนักฆ่าที่เพิ่มมาจากไหนไม่ทราบที่มาในมือพร้อมอาวุธครบมือประจันหน้ากับทหารองครักษ์ที่เหลือไม่ถึงสิบนาย บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือก เหงื่อไหลหยดออกมาจากกรอบหน้าและเต็มแผ่นหลังอย่างไม่ควรจะเป็นในอากาศต้นฤดูหนาว

กลุ่มนักฆ่าเข้าล้อมกลุ่มของซูเมิ่งไม่เปิดให้นำม้าออกเลย ตอนนี้กลายเป็นเหล่าคุณหนูอยู่ข้างในอีกครั้งซึ่งสภาพของแต่ละคนนั้นบอกแน่ชัดแล้วว่าทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่เป็นลมไปเสียก็ตัวสั่นไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว กลุ่มนักฆ่าตรงหน้ามีราว ๆ ยี่สิบคนเห็นจะได้ แต่ทหารองค์รักษ์เหลือแค่หกคนบาดเจ็บอีกหนึ่ง ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่มีทางเอาชนะได้

คิ้วเรียวขมวดมุ่นสองตาจ้องมองเหล่านักฆ่าตรงหน้า จากที่ซูเมิ่งสังเกตพฤติกรรมของนักฆ่ามีความเป็นได้สูงที่อาจถูกจ้างวานมาฆ่าใครสักคนในกลุ่มลูกขุนนางซึ่งอาจจะเป็นซูเมิ่งเอง และดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยให้พลาดง่าย ๆเสียด้วยเพราะหากเหยื่อรอดไปได้ อาจเหลือหลักฐานตามไปถึงตัวการเบื้องหลังได้ และจากกลุ่มคุณหนูในกลุ่มนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกหลานของขุนนางขั้นเล็กเท่านั้นมีเพียงซูเมิ่งและอิ่งจวนที่พอเป็นเหยื่อที่เป็นไปได้ ส่วนองค์หญิงเฟิงอี้น่าจะไม่ใช่เป้าหมายของพวกมันเพราะกลุ่มนักฆ่าที่ตามกลุ่มองค์หญิงไปน้อยกว่าตามกลุ่มพวกนางมาก ทั้งยังตามทางที่พวกนางหลบหนีผ่านมาก็มีกำลังเสริมพวกมันมาเพิ่มด้วยซ้ำ หากซูเมิ่งไม่ทำอะไรสักอย่างมีหวังพวกนางทั้งหมดถูกฆ่าปิดปากหมดเป็นแน่

คิดได้ดังนั้นมือเรียวจึงค่อย ๆขยับมือควานหาของภายในชุดตนหวังหยิบยาพิษผงที่นางพกไว้ แต่ก่อนถึงตำแหน่งเป้าหมายนางกลับสัมผัสกับวัตถุเรียบเย็นชิ้นหนึ่งได้ก่อน

…นกหวีดเหล็กที่ชินหวังให้มา!

เขาบอกว่าให้นางใช้ยามที่ต้องการความช่วยเหลือนี่นา! หวังว่าเจ้านกหวีดนี้จะเป็นประโยชน์ล่ะ 

ซูเมิ่งยกนกหวีดขึ้นแตะริมฝีปากแล้วปล่อยลมใช้เวลาเพียงชั่ววาบเดียวและเอามือลง จากนั้นก็ลอบมองความเปลี่ยนแปลงรอบข้าง แต่กลับไม่มีเสียงใดใดออกมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง รอบข้างไม่ได้มีกองกำลังมาช่วยอย่างที่ซูเมิ่งหวัง ยังมีเพียงพวกนางและเหล่านักฆ่าเผชิญหน้ากันเยี่ยงเดิม…

อีตาชินหวังบ้า! ซูเมิ่งจึงได้แต่กร่นด่าในใจเก็บนกหวีดนั่นเข้าแขนเสื้อและล้วงหยิบของที่ต้องการออกมาแทน

ขณะที่เหล่านักฆ่าค่อย ๆเขยิบทำให้วงล้อมเล็กลงเรื่อย ๆซูเมิ่งที่เตะท้องม้าเบา ๆให้เขยิบเดินออกมาข้างหน้าทีละน้อยก็กะระยะแล้วสาดผงพิษใส่นักฆ่าตรงหน้านางทันที ผ่านไปชั่ววาบเดียวนักฆ่าสองคนตรงหน้าก็ล้มลงชักดิ้นชักงอเป็นจังหวะให้ซูเมิ่งควบม้าออกจากวงทันที นางหยิบธนูออกมาง้างลูกธนูสามดอกพร้อมกันเอี้ยวตัวไปข้างหลังยิงนักฆ่าที่ตามมาข้างหลังล้มสามคนรวด พอพวกมันตั้งตัวได้ก็รีบตามซูเมิ่งมาทันที เหลือคนที่เหลือจัดการกับกลุ่มทหารองครักษ์ไว้ แต่ส่วนใหญ่เร่งขึ้นม้าติดตามซูเมิ่งออกมา

…นั่นไง! ซูเมิ่งคิดผิดเสียที่ไหนกันเล่า เป้าหมายของพวกนักฆ่าคือนางจริง ๆด้วย

ที่ซูเมิ่งแยกตัวออกมาเพราะนางต้องการให้พวกมันตามตนออกมาเพื่อเปิดโอกาสรอดให้คนอื่น ไม่ใช่ซูเมิ่งเป็นคนดีหรืออย่างไร แต่นางแค่คิดว่าพวกคุณหนูพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ไม่ควรเอาชีวิตพวกนางมาเกี่ยว หากนางยังอยู่รวมด้วยมีหวังถูกฆ่าทั้งหมดแต่หากนางแยกออกมาอย่างน้อยพวกนั้นยังมีหนทางรอดบ้าง ส่วนตนก็ต้องพึ่งตัวเองหาทางรอดไปให้ได้ หรือไม่ก็พยายามยื้อเวลาพอพวกพี่ชายรู้เรื่องต้องรีบมาช่วยพวกนางเป็นแน่ นางตายมาแล้วครั้งหนึ่งครั้งนี้นางคงไม่ตายง่าย ๆกระมัง

เฟี้ยว!

ลูกธนูพุ่งถากข้างแก้มซูเมิ่งตัดผมกระจุกเล็กร่วงลง เมื่อครู่หากซูเมิ่งไม่เบี่ยงหลบอาจปักกลางหัวไปแล้ว เหล่านักฆ่าข้างหลังเริ่มเปลี่ยนอาวุธมาเป็นธนูแล้ว ส่วนลูกธนูของซูเมิ่งก็เหลืออีกไม่มากเพราะนางใช้ยิงพวกนักฆ่าที่ตามมาตกม้าไปหลายคนแล้ว แต่ด้วยจำนวนที่มากแม้ซูเมิ่งจะแม่นธนูเพียงใดก็ไม่อาจกำจัดพวกมันทั้งหมดได้ หากนางยังนั่งบนม้ากลางแจ้งมีหวังถูกพวกมันยิงจนพรุนแน่ คิดได้ดังนั้นซูเมิ่งก็เร่งม้าให้เร็วขึ้นอีกแล้วรีบหักเลี้ยวเข้าไปภายในป่ารกทึบทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status