แชร์

บทที่ 45 (2)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:28:34

บทที่ 45 (2)

พูดจบซือหมิงก็ยื่นหยกรูปร่างอย่างมังกรให้นาง นอกจากหยกเนื้อเย็นแล้วพอนางรับมายังเป็นเป็นนกหวีดอันแสนคุ้นเคยผูกร่วมกันอยู่ด้วย

“ครานี้ให้เจ้าแล้วอย่าได้แต่ใช้เพื่อช่วยผู้อื่นแล้วปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอันตรายอีกเล่า และที่สำคัญเจ้าต้องพกไปทุกที่อย่าทำหล่นหายเป็นอันขาด ส่วนหยกนั่นแทนข้า เจ้าแสดงมันออกมาลูกน้องข้าจักเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง”

ซูเมิ่งไม่อิดออด นางรีบรับมาแล้วเก็บเข้าอกเสื้อทันใด ในใจรู้สึกปลื้มปริ่มและตื่นเต้นเป็นอันมาก 

...นี่นางตอนนี้มีอำนาจเท่าชินหวังแล้วหรือนี่ ไม่อยากจะเชื่อ

แต่ถึงจะดีใจอย่างไรซูเมิ่งก็ต้องเก็บไว้ภายใน นางยิ้มรับไร้แววตาหรือท่าทีของอารมณ์ใดใด 

“ให้เสร็จท่านพี่ซือหมิงก็ไปได้แล้ว ข้าจะนอน”

พูดพลางเอี้ยวตัวหลบทางเป็นเชิงไล่ให้เขามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นอย่างอ้อม ๆ ซือหมิงแววตาหม่นหมองลงทันตาแต่ก็ยอมเดินกลับไปยังหน้าต่างบานที่ตนเข้ามา เขาปีนขึ้นไปอยู่บนขอบหน้าต่างแต่ไม่วายหันกลับมาเอ่ยเสียงเศร้าสลด

“ข้าให้ของสำคัญเจ้ามิคิดให้รางวัลข้าหน่อยหรือ?”

ซูเมิ่งชะงักตัวมองไปยังบุรุษร่างสูงที่ขาก้าวออกไปข้างหนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่ไปเสียที พอคิดบางอย่างได้ ริมฝีปากบางจึงแย้มยิ้มหวานหยดย้อย

“ได้สิเพคะ ทรงหลับตารอก่อนเลย”

พูดพลางเดินเข้าหา น้ำเสียงเย้ายวนเชิญชวนทำเอาบุรุษจิตใจแกร่งรีบหลับตาทำตามที่ซูเมิ่งบอก เพื่อรอรางวัล

...ได้เวลาแค้นต้องชำระเสียแล้ว สำหรับคนอย่างซูเมิ่งแล้วใครทำนางอับอายอย่างไรคนคนนั้นย่อมต้องอับอายยิ่งกว่าหลายเท่า

“อืม โอ้ย! เจ้า...เหวอ”

ภาพจำสุดท้ายหลังลืมตาคือใบหน้างามหยักยิ้มร้ายพร้อมร่างหนาหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

ปึก! พร้อมหน้าต่างปิดลงมิดชิด

 

“นั่นไยนายท่านถึงได้เดินกระเผกเช่นนั้นเล่า แล้วไยหิมะเต็มตัวราวร่วงลงในกองหิมะ แล้วก็ริมฝีปากบวมแดงและรอยแตกนั่นนายท่านไปฟัดกับสัตว์ดุร้ายอันใดมาหรือขอรับ”

ถงฝูที่ยืนเฝ้าม้าอยู่นอกจวนตระกูลไปเอ่ยถามทันทีที่เห็นผู้เป็นนายในสายตา แต่กลับไม่ได้คำตอบอันใดมีแต่แววตาดุดันนั่นที่ลงมาราวกับว่าหากเขาพูดมากไปกว่านี้อาจคอหลุดจากบ่าได้

ซือหมิงเหวี่ยงตัวขึ้นม้าด้วยท่าทางเอียงข้างอย่างประหลาด เพราะจากการถูกซูเมิ่งถีบตกหน้าต่างอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอาเอวเคล็ดข้างหนึ่ง ดีที่ตกลงเบื้องหลังมีกองหิมะรองไว้จึงลดแรงกระแทกไปมาก และที่ปากบวมเป่งและมีแผลเลือดไหลเพิ่งหยุดก่อนมาเจอถงฝูเพราะนางนั่นแหละ นางให้เขาหลับตาลงรอรับรางวัลแต่ไหงรสสัมผัสของริมฝีปากบางถึงไม่หวานล้ำเหมือนเมื่อกลางวันเล่า

นางแนบริมฝีปากลงมาที่เขาซึ่งเขาก็ตอบรับอย่างดี แรก ๆก็เข้าใจว่านางอาจคิดถึงเขามากจึงเอาแต่ดูดดึงริมฝีปากเขาเน้น ๆจนรู้สึกแสบร้อน แต่จากนั้นก็รับรู้ถึงความเจ็บจี๊ดเพราะนางกัดลงเต็มแรงที่ปากล่างของเขา จากนั้นก็ถีบเขาออกมาจากหน้าต่างและปิดมันลงต่อหน้าต่อตาเขาที่นอนไม่รู้เรื่องอันใดด้านล่าง

...แต่จะว่าไปรสจุมพิตแบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบนา อาจเป็นที่นางเขินอายเกินกว่าที่จะมองหน้าเขาต่อจึงถีบเขาออกไปก็เป็นได้

พอคิดได้ดังนั้นฉับพลับใบหน้าก็หยักยิ้มมีความสุข ทำเอาถงฝูที่เฝ้าสังเกตผู้เป็นนายตลอดระหว่างขี่ม้ากลับจวนถึงกลับงงหนักกว่าเดิม

สรุปเจ้านายเขาจะโกรธหรือจะชอบกันแน่หนา ว่าแต่นายท่านไม่ได้ไปหาคุณหนูซูเมิ่งหรอกหรือ ไยมีสภาพราวไปฟัดกับสัตว์ร้ายมาได้เล่า

 

หลังจากที่ซูเมิ่งไปจวนชินหวังเพื่อไปอบรมมารยาทครั้งแรกซึ่งนั่นก็คือครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน เพราะหลังจากนั้นเหมือนว่าซือหมิงจะสั่งให้ไม่ต้องมีการให้นางกำลังเจี่ยงมาสอนอีกแต่เปลี่ยนเป็นให้ซูเมิ่งอ่านในตำราเอาและหากสงสัยค่อยเรียกมาสอบถาม และแน่นอนซูเมิ่งไม่อยากเรียกคุณนางกำนัลสุดโหดมาถามแน่นอน ฉะนั้นแต่ละวันของซูเมิ่งจึงแวะเวียนไปข้างนอกจวนเป็นว่าเล่น ไปเดินถนนฝั่งประจิมบ้างฝั่งบูรพาบ้างแล้วแต่โอกาส และด้วยนางมีหยกมังกรตัวแทนของซือหมิง ซูเมิ่งจึงใช้ไปแสดงอำนาจที่หอสรรพสิ่งบ่อยครั้ง มีไปตรวจงานตอบแทนเขาบ้าง แต่ส่วนใหญ่นางจะเขาไปเลือกดูสินค้าเสียมากกว่า สนใจชิ้นไหนก็หยิบออกมาได้เลย เพราะเท่าที่นางดูสินค้าที่นี่โดยเฉพาะเครื่องประดับจะมีเอกลักษณ์ตรงที่หายากและไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนในร้านเครื่องประดับในเมืองที่ล้วนเดินไปไหนก็มีคุณหนูบ้านนู้นนี้ใส่คล้าย ๆกัน ใส่กันตามที่นิยมในแต่ละวัน

และวันนี้ก็เช่นเดียวกันนางออกมาข้างนอกกับไป๋จื่อสองคน ส่วนถิงเย่ที่มักจะติดตามนางราวเงาตัวเสมอมาวันนี้ถูกนางใช้งานบางอย่างจึงไม่ได้มาด้วยอย่างเคย

“คุณหนูเข้าคะอย่ายกผ้าปิดหน้าออกเจ้าค่ะ”

เย่าถิงที่เดินตามซูเมิ่งอยู่ด้านหลังเอ่ยเสียงแข็งดุตอนที่ซูเมิ่งเพียงอยากสูดดมอากาศบริสุทธิ์ตรง ๆโดยไม่ผ่านผ้าบางที่นางต้องสวมหมวกคลุมหน้าออกมาจากจวน เพราะด้วยเป็นข้อบังคับ หากนางอยากออกนอกจวน ทั้งที่จริงควรเก็บตัวอยู่ที่จวนห้ามออกมาก่อนจะมีการแต่งงานเกิดขึ้น

ก็มันเบื่อนี่เนอะ ก็ต้องออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง

“อุ้ย ขอโทษเจ้าค่ะ”

เย่าถิงที่มัวแต่กังวลและมองไปที่ซูเมิ่งจึงเดินไปชนชายผู้หนึ่งเข้า และก่อนที่บ่าวผู้เรียบร้อยจะล้มลงสู่พื้นมือหนาก็เอื้อมจับไว้ก่อน ทำให้ร่างบอบบางของเย่าถิงยืนขึ้นมาได้

“เดินไม่ดูทางเยี่ยงนี้ ตั้งใจชนข้าใช่หรือไม่ เจ้าบ่าวสถุล!”

เป็นเสียงเจ้าของมือหนาที่ช่วยไม่ให้เย่าถิงล้มนั่นเอง กริยาแสนสุภาพบุรุษแต่ไยคำพูดคำจานั้นกลับแย่เสียยิ่งกว่าขอทานที่ไม่ได้รับการศึกษาอีกเล่า

บุรุษในชุดสีขาวครีมเนื้อผ้าดีคนที่เป็นเจ้าของคำพูดูถูกเย่าถิงไม่พูดเปล่า เขาออกแรงสลัดมือที่จับแขนเย่าถิงอยู่ทำให้ร่างสตรีถลาจะล้มไปด้านหลัง แต่ซูเมิ่งเอื้อมแขนรองรับหลังทันทำให้เย่าถิงไม่ล้มไป

“บ่าวรับใช้ของข้าผิดที่ชนท่านก็จริง แต่นางก็ได้ขอโทษแล้วไม่เห็นว่าจำต้องทำกริยาแย่เยี่ยงนี้เลย” 

บุรุษชุดขาวเบี่ยงหน้ามองเสียงหวานติดออกห้าว สายตาจากดุดันเกรี้ยวกราวพลันเปลี่ยนเป็นมาดร้ายหยักยิ้มเจ้าเล่ห์

“คุณหนูพูดเยี่ยงนั้นก็ไม่ถูก แต่ก็เอาเถอะหากเป็นบ่าวของท่าน ข้าจะยอมอภัยให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าคุณหนูจักต้องไปกินอาหารกับข้าสักมื้อดีหรือไม่”

แม้ไม่เห็นหน้าตาเพราะมีหมวกผ้าคลุมไว้แต่ฟังจากน้ำเสียงและรูปร่างสะโอดสะองแล้วย่อมดีเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงคิดจะเกรี้ยวพาเสียหน่อย หากเห็นหน้าแล้วถูกใจเดี๋ยวให้ท่านพ่อไปขอ ไม่ว่าตระกูลใดสำหรับเขาย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“เจ้าอย่ามาพูดจาล่วงเกินเช่นนี้กับคุณหนูข้าน้า มิเช่นนั้นเจ้าจะโดนดีมิน้อย”

เย่าถิงขึ้นเสียงตามอารมณ์โกรธของตน และด้วยความที่นางแสนจะไม่ชอบที่ใครไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาพูดจาดูหมิ่นคุณหนูของนางทั้งที่นางเองที่เป็นต้นเหตุ

“บ่าวอย่างเจ้าหุบปากเสียมิเช่นนั้นจะไม่ได้มีปากไว้ใช้งานอีก” 

พูดจบก็เปลี่ยนเสียงเป็นอ่อนโยนลงหันมาพูดกับซูเมิ่ง “ไม่ว่าแม่นางจะเป็นคุณหนูบ้านใด แม้กระทั่งลูกหลานราชวงศ์พี่ชายคนนี้ย่อมไปขอได้อย่างแน่นอน แต่ว่าขอดูใบหน้าเสียหน่อยเถอะ”

ไม่พูดเปล่ามือของของชุดขาวก็เอื้อมมาทางซูเมิ่งหวังเปิดผ้าคลุมเนื้อบางที่ปกปิดใบหน้าของซูเมิ่งออก แต่ก่อนที่จะถึงเป้าหมายนั่น ฉันพลันเขาก็รับรู้ถึงความเจ็บราวแมลงตัวเล็กกัดที่มือ และจากนั้นก็ขยับร่างกายครึ่งซีกไม่ได้อีกเลย รวมถึงแขนข้างนั้นด้วยเช่นกัน

“นี่ใครทำอะไรข้า เข็มพิษ ๆ”

ชายในชุดขาวใช้มือข้างที่ยังขยับได้จับแขนอีกข้างที่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว อีกทั้งขาข้างเดียวกันก็ขยับไม่ได้ด้วย บ่าวของเขารีบกะลีกุจอเข้ามาดูอาการเจ้านายชุลมุน

“ท่านผู้มีน้ำใจคงไปเลี้ยงข้าวข้าไม่ไหวแล้วกระมังอย่างนั้นข้าต้องขอตัวก่อน”

ซูเมิ่งพูดจบก็เดินนำเย่าถิงจากมาทันที ทิ้งให้บุรุษชุดขาวร้องตะโกนโวยวายไม่สนใจทั้งสิ้น 

...ดีนะที่ปิ่นเข็มพิษที่นางพกมาวันนี้เป็นเพียงพิษออกฤทธิ์ทำให้รู้สึกชาและทำให้กล้ามเนื้อครึ่งซีกทำงานไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น ยังถือว่าบุรุษผู้นี้โชคดีไป

“ใครชั่งกล้าลอบทำร้ายคุณชายตระกูลหานเยี่ยงข้า ไม่ตายดีแน่ ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งตระกูล”

ด้วยความที่ใครจะคิดเล่าว่าเข็มพิษนั้นจะมาจากสตรีร่างบอบบางเยี่ยงนาง บุรุษชุดขาวแต่นิสัยช่างตรงข้ามกับชุดจึงตะโกนหาเรื่องไม่คลาย จนบริเวณนั้นผู้คนเดินหลบหลีกออกไปเหลือเป็นที่ว่างวงกว้าง 

บุรุษผู้นี้คนแถวนี้รู้ดี เขามักใช้อำนาจของตระกูลหานข่มคนเขาไปทั่ว แต่มิรู้วันนี้เทพเซียนองค์ได้มองเห็นความผิดนั่นถึงถูกลงโทษเข้าแล้ว คนรอบข้างจึงได้แค่มองและเดินผ่านไปหาได้มีใครเข้าไปช่วยไม่

ซูเมิ่งเดินออกมาจากบริเวณนั้นก็เข้าไปนั่งที่โรงน้ำชาไม่ไกลจากบริเวณนั้นต่อ นางสั่งเป็นชาดำซึ่งเสี่ยวเอ้อก็บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้ที่ร้านมีชาดำรสใหม่ผสมนม และถามว่านางอยากลองไหม ซึ่งแน่นอนซูเมิ่งตอบตกลง สั่งมาหนึ่งชุด เพราะนางอยากรู้ว่าชาดำใส่นมที่นางเป็นต้นสูตรเนี่ยที่ร้านนี้ทำถูกปากไหมนั่นเอง

ระหว่างรอชามาก็มองไปรอบ ๆเปิดหูรับข่าวสารใหม่ ๆเช่นเคย ซึ่งนั่นก็มีหัวข้อเรื่องที่น่าสนใจพอดี เป็นเรื่องที่แม่นางน้อยสองคนคุยกันอยู่ไม่ไกล ท่าทางออกรสมาก

“เจ้าคงได้ยินข่าวการประกาศการแต่งงานขององค์ไท่จื่อกับแม่นางเผยหนิงแล้วใช่หรือไม่”

“แน่อยู่แล้วสิ ข้าก็ว่าอยู่แล้วว่าตำแหน่งชายาเอกคงหนีไม่พ้นแม่นางท่านนี้เป็นแน่ พ้นจากปากข้าที่ไหนกันเล่า”

เสียงหัวเราะของทั้งสองคนฟังดูแหลมแสบหูแต่ซูเมิ่งก็ยังฟัง ใบหน้านางไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด

“มิรู้ว่าเป็นเพราะแม่นางซูเมิ่งหนีไปแต่งงานกับองค์ชินหวังหรือเหตุผลไหนหนา ทำไมช่วงนี้บุรุษสง่างามทั้งหลายถึงได้ประกาศแต่งงานไปเป็นว่าเล่น”

เสียงหัวเราะฟังดูราวเย้ยหยันประโยคก่อนหน้าก่อนเจ้าของเสียงหัวเราะจะเอ่ยต่อ

“ข้าว่าอาจจะใช่แต่ไม่ใช่เพราะองค์ไท่จื่อเสียใจหรอกนะ แต่เป็นดีใจที่ตำแหน่งว่างจึงได้รีบแต่งตั้งคนใหม่เสียมากกว่า เจ้ามิรู้หรอกหรือว่าแน่นางเผยหนิงถูกฮองเฮาวางตัวตำแหน่งชายาเอกไว้นานแล้วเพียงหาโอกาสเขี่ยคุณหนูตระกูลไป๋นั่นต่างหาก”

“เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล คุณหนูเผยหนิงได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามความสามารถทุกศาสตร์เป็นเลิศ ตระกูลหานก็กำลังยิ่งใหญ่ ย่อมต้องเหมาะแก่ตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตอยู่แล้ว”

“เอ่อ เรื่องนั้นก็ไม่แน่เสมอไปหรอก เจ้าไม่ได้ข่าวหรือว่าคุณหนูซูเมิ่งหลังจากหายป่วยก็งดงามขึ้นเป็นกอง อีกทั้งยังได้รับพระราชทานเป็นท่านหญิงอีกด้วยนะ เพราะฝีมือยิงธนูถูกใจฝ่าบาทในงานล่าสัตว์”

ซูเมิ่งที่ฟังทั้งสองโต้กันไปมาก็พยักหน้าเห็นด้วยเรื่องนี้ พลางชมความใฝ่รู้ของสตรีทั้งสอง

“อ้อ จริงด้วย มิรู้หากนำทั้งสองมาแข่งกันใครจะชนะหนา”

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status