2 วันต่อมา
บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด จิณห์วราหอบความเจ็บช้ำกลับมาซบอกคนที่บ้าน 6 ปีที่แล้วเธอเดินจากลาบ้านหลังนี้ไปด้วยความฝันและความหวังที่มี แต่พอมาวันนี้เธอกลับมาพร้อมกับความล้มเหลวในชีวิต พร้อมกับหัวใจที่แสนจะเจ็บปวดทรมาน ฝนตกอีกแล้วในวันนี้เหมือนฟ้าฝนยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ให้กับชีวิตของเธอเลย ดูเหมือนกำลังเศร้าโศกแทนหัวใจของเธอที่มันพังทลายลงไม่เป็นท่า บ้านไม้หลังเก่าที่เงียบเหงา มีเพียงเสียงฝนตกกระทบลงบนหลังคาสังกะสี กลิ่นหอมของข้าวเหนียวนึ่งใหม่พัดโชยออกมาจากครัวหลังบ้าน หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้านทั้งที่ตัวเปียกปอน คงไม่ที่ไหนจะทำให้รู้สึกดีได้เหมือนที่บ้านนี้อีกแล้ว “ตายแล้วจีน่า! ไปยังไงมายังไงล่ะลูก ทำไมได้เดินตากฝนมาแบบนี้ฮะ!” หญิงชราที่หลังโค้งค่อมเดินออกมาจากทางครัวพอดี ยายจันทร์รีบเดินเข้ามาหาหลานสาวที่กำลังยืนร้องไห้กอดตัวเองอยู่หน้าประตู "ยายจ๋า" จิณห์วราที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็กหลงทางรีบเดินเข้าไปกอดยายเพื่อหาที่พักพิงหัวใจที่มันอ่อนล้า เธอร้องไห้ปล่อยโฮออกมาแบบที่ไม่เคยร้องมาก่อน ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรากลงบนแผ่นหลังของยายจันทร์หยดแล้วหยดเล่า มือเหี่ยวย่นของหญิงชราค่อย ๆ ลูบแผ่นหลังหลานสาวไปมาเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม ทำให้รู้สึกอบอุ่นและมีรู้สึกถึงความปราถนาดีส่งมอบให้ "เป็นอะไรน่ะจีน่า ใครทำอะไรเอ็ง เล่าให้ยายฟังมาสิ" "ยายจ๋า หนูไม่มีที่ไปแล้ว ชีวิตหนูพังลงไม่เป็นท่า ยายจะรังเกียจหนูไหมถ้าวันนี้หนูกลับมาขอพึ่งพายายอีกครั้ง แต่หนูไม่ได้กลับมาคนเดียวนะ หนูท้องไม่มีพ่อ ยายจะดุด่าว่าตีหนูไหมที่หนูทำตัวให้ยายไม่ได้ภาคภูมิใจเลยสักครั้ง" น้ำเสียงที่สั่นเครือตอบกลับยายเบา ๆ ทั้งที่ยังโอบกอดขอกำลังใจจากคนตรงหน้าอยู่เหมือนเดิมแบบนั้น “ไม่เป็นไรนะหลานเอ๊ย ใครเขาจะทิ้งเอ็งก็ให้เขาทิ้งไป แต่ยายคนนี้ไม่มีวันทิ้งเอ็งแน่ ๆ” เสียงยายจันทร์เอ่ยขึ้นเบา ๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจในตัวหลานสาวที่กำลังร้องไห้ผิดหวังกับชีวิต ผิดหวังกับความรักที่มันไม่ได้ดั่งใจ "เอ็งจะผิดจะพลาดยังไงก็แล้วแต่ มันก็ผ่านมาแล้ว มันย้อนกลับไปไม่ได้หรอกจีน่า แต่ชีวิตมันยังไปข้างหน้าได้เสมอนะลูก อย่าร้องไห้เลย ยายเจ็บแทนเอ็งไปหมดแล้วนะ เดินทางมาตั้งไกล กลับมาเหยียบเรือนยายทั้งที ไม่ต้องหอบเอาน้ำตากลับมาฝากยายขนาดนี้ก็ได้" ทำเอาจิณวราห์ร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิมอีก ไม่ได้ร้องเพราะเสียใจเพียงอย่างเดียว แต่ร้องไห้เพราะดีใจที่อย่างน้อยชีวิตก็ยังมียายเป็นที่พึ่ง มีคำพูดปลอบโยนในวันที่ชีวิตล้มเหลวกลับบ้านมาแบบนี้ “หนูทำผิดมากเลยจ้ะยาย ยายจ๋าหนูโง่มากใช่ไหม หนูทำให้ตัวเองไม่เหลืออะไรให้ภูมิใจไม่ได้เลยสักอย่าง” ยายจันทร์หอมผมที่เปียกชุ่มของหลานสาวเบา ๆ มือก็ลูบหลังปลอบอย่างเข้าใจหลานที่สุด "หลานยายไม่ใช่คนผิดหรอก คนที่เอาหัวใจคนอื่นไปเหยียบย่ำต่างหากที่เขาควรละอายใจ เป็นคนดีเกินไปมันก็แค่หลงผิด ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะลูก เอ็งแค่รักผิดคนแค่นั้นเอง อย่าโทษตัวเองแบบนี้" จิณห์วรากอดยายเอาไว้แน่น ร้องไห้จนเหนื่อยเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งรับรู้ว่าโลกภายนอกโหดร้ายเกินกว่าจะรับมือคนเดียวไหว "เขา...เขาไม่เคยรักหนูเลยสักนิดจ้ะยาย แต่หนูมันโง่เองที่รักเขาจนไม่เผื่อใจแบบนี้" "ก็ช่างเขาเถอะลูก ใครไม่รักเอ็งแต่ยายคนนี้รักเอ็งที่สุด รักตั้งแต่ตัวเท่าฝ่ามือ แล้วก็จะรักไปจนลมหายใจสุดท้ายของยายนั่นล่ะ" ยายจันทร์ทำได้เพียงแค่ปลอบโยนหลานสาว เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยนั่งปลอบลูกสาวของตัวเองมาแล้ว วันนั้นที่แม่ของจิณห์วราก็อุ้มท้องลูกกลับมาหาเพราะสามีทิ้งไม่ใยดีแบบนี้เลย ประวัติศาสตร์ความเจ็บช้ำมันไม่ได้ซ้ำรอยเดิม เพียงแค่ลูกหลานของนางเป็นคนดีมากเกินไปสำหรับโลกใบนี้ก็เท่านั้น "ขอบคุณนะยาย วันนี้ที่หนูไม่มีใครอย่างน้อยก็ยังมียายอยู่ตรงนี้กับหนูอีกคน" "ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ก่อนเถอะลูก เดี๋ยวจะไม่สบายเอา เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ อย่างน้อยก็นึกถึงลูกในท้องมันด้วย เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก แต่มันรับรู้ได้ว่าแม่มันกำลังร้องไห้เสียใจอยู่นะ" ดวงตากลมโตที่ดูเศร้ามองจ้องหน้ายายจันทร์ผู้เป็นที่รักชัด ๆ อีกครั้ง ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ตัวคนเดียวจริง ๆ เด็กน้อยที่เธอตัดสินใจจะเก็บรักษาไว้ แม้จะต้องแลกกับทุกอย่างที่ไม่อยากจากมาเลยก็ตาม "เขาเกิดมาแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดี หมามันยังรักลูก เราเป็นคนแท้ ๆ นะ ยายเข้าใจเอ็งนะลูก ยายจะไม่ซ้ำเติม ยายจะอยู่ตรงนี้ช่วยเลี้ยงเหลนน้อยเองไม่ต้องกังวลไป" ฝ่ามือที่เหี่ยวย่นยกมือขึ้นลูบผมของหลานสาวเบา ๆ ดวงตาที่แสนอบอุ่นจ้องมองหลานสาวด้วยความรักทั้งหมดที่นางมีให้ น้ำตาของยายจันทร์เอ่อล้นท่วมดวงตา จนมันไหลอาบแก้มไม่ต่างจากจิณห์วราเลยในเวลานี้ หญิงสาวรับรู้และสัมผัสกับความรักนี้ของยายมาตลอด เพราะชีวิตนี้เกิดมากับยาย เติบโตมาได้ก็เพราะยายที่คอยเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบาก แต่วันหนึ่งที่ชีวิตมีโอกาสทำให้ยายภาคภูมิใจได้มากกว่านี้ เธอกลับเป็นคนที่ทำให้ยายต้องมาร้องไห้เสียน้ำตาไปกับเธออีกครั้งอยู่ดี "ขอโทษนะจ๊ะยาย ที่หนูทำให้ยายต้องเสียใจไปกับหนูแบบนี้" "เอ็งไม่ต้องขอโทษยายหรอกนะ ไม่ต้องโทษตัวเองด้วย ยายเลี้ยงเอ็งโตมาได้ขนาดนี้ เอ็งก็ต้องเลี้ยงลูกของตัวเองได้ดีเหมือนกันนั่นแหละ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้เรียบร้อยซะ แล้วค่อยออกมากินข้าวฝีมือยายที่เอ็งบอกว่ามันอร่อยที่สุดในโลกด้วยกัน" จิณห์วราพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา เสียงฟ้าฝนข้างนอกยังตกลงมาไม่หยุด แต่ภายในบ้านหลังเก่านี้ช่างอบอุ่นกว่าที่ไหน ๆ บนโลกใบนี้ บ้านหลังที่เธอไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง ไม่ต้องสวย ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องทำให้ใครพอใจ แค่หายใจอยู่ตรงนี้ก็มีค่ากับใครสักคนมากพอแล้วไอรินน้อยยกมือชูสองนิ้วใส่กล้อง ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง จนเอื้องต้องรีบกดถ่ายเพิ่มอีกหลายรูป เก็บโมเมนต์ทุกอิริยาบถไว้ไม่ให้พลาดแม้แต่วินาทีเดียว ลภัสวัฒน์หันมากระซิบกับจิณห์วราเบา ๆ ระหว่างที่ทุกคนยังยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ “รูปพวกนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจเสมอว่าครอบครัวของเราคือของขวัญล้ำค่าที่สุด และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป” จิณห์วรายิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นด้วย แล้วซบลงบนไหล่เขาอย่างอ่อนโยน ภาพถ่ายหมู่ในวันนี้จึงกลายเป็นเครื่องยืนยันว่า ความรัก ความอบอุ่นและคำว่าครอบครัว คือบทสรุปที่สมบูรณ์ที่สุดของเรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่าวันนั้นชีวิตจะผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มากี่ครั้ง สุดท้ายแล้วโอกาส ๆ ในชีวิตก็ยังกลับมาเป็นของพวกเขาอีกครั้งได้เหมือนเดิม หลังจากที่แขกทุกคนทยอยกลับไป บ้านหลังใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง จิณห์วราเพิ่งกล่อมลูกสาวให้นอนกลางวันไปได้ เมื่อเดินกลับมาที่ห้องนอนใหญ่เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่อีกรอบ เธอก็พบว่าสามีตัวดีนั่งรออยู่บนเตียงกว้างนั้นแล้ว ลภัสวัฒน์เอนกายพิงหัวเตียง เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมออกเกือบครึ่ง เผยให้เห็นแผงอกกว้างและผิวขาวสว่างที่ทำ
จิณห์วราเดินออกมาพร้อมลูกสาว ทันทีที่เดินออกมาถึงสวนหลังบ้านทั้งไอรินและเธอก็ต้องตกใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน เพราะว่าครอบครัวของลภัสวัฒน์ทั้งหมด พวกเขารออยู่ที่นั่นแล้วเรียบร้อย มีคุณพ่อคุณแม่ของเขา ลัลล์ลลิต ติณณภพและมิลิน “ทุกคนมาทำอะไรที่นี่คะ?” จิณห์วราถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเดินเข้ามาสมทบกับทุกคนที่กำลังยืนรออยู่ ปล่อยให้ลูกสาวได้ไปวิ่งหยอกเล่นกับหนูน้อยมิลิน ก่อนที่ลภัสวัฒน์จะเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความรักและตั้งใจที่มี เขาเอื้อมมือไปกอบกุมมือของภรรยาสาวเอาไว้ “มันควรจะเป็นโอกาสดี ๆ ที่ฉันจะได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่รักที่สุดเช่นเธอ ฉันรู้ว่ามันควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว" ลภัสวัฒน์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงที่เขารัก ดวงตาคมที่เคยดุดันเวลาทำงาน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักที่ล้นหัวใจ มือข้างหนึ่งยังคงกอบกุมมือเธอเอาไว้แน่น ส่วนอีกมือค่อย ๆ ล้วงกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาเปิดมันอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายท่ามกลางแสงแดดอุ่นยามสาย “จีน่า..ที่ผ่านมาฉันอาจทำให้เธอเหนื่อย อาจจะเคยทำให้เธอร้องไห้มาแล
ทั้งสองนั่งลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ชายชี้ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสอย่างใจเย็น ลภัสวัฒน์ไม่ยอมปล่อยมือจิณห์วราเลยแม้แต่วินาทีเดียว เจ้าหน้าที่ผลักเอกสารและปากกามาให้ตรงหน้า ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งก่อนที่ลภัสวัฒน์จะยิ้มกว้างออกมา “ของจริงแล้วนะจีน่า เธอห้ามเปลี่ยนใจแล้วด้วย” น้ำเสียงปนความขี้เล่นพูดบอก แต่แฝงด้วยความจริงจังที่เต็มเปี่ยมจนสัมผัสได้ จิณห์วราหัวเราะเบา ๆ แล้วรับปากกามาถือไว้ มือสั่นน้อย ๆ อย่างตื่นเต้น “ใครจะเปลี่ยนใจล่ะคะ” “เธอมั่นใจได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นจีน่า ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอไปทั้งชีวิต” ฝ่ามือหนากอบกุมมือเธอแน่นขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเป็นฝ่ายเซ็นก่อน จิณห์วราก้มหน้าลง ลายเซ็นถูกเขียนบนกระดาษอย่างมั่นคงและตั้งใจ แม้หัวใจจะเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ พอเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นรอยยิ้มกว้างของเขาที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม “ทีนี้ตาคุณแล้วค่ะคุณลีโอ” เธอยื่นปากกาให้พร้อมสายตาท้าทายเขาเล็กน้อย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะรีบหยิบปากกาที่เธอยื่นให้มาถือไว้ “ได้ครับ... ด้วยความเต็มใจที่สุดในชีวิต” เขาเซ็นชื่อของตัวเองลงบนเอกสารอย่างชัดเจนมั่นคงเหมือนก
หลังจากผ่านศึกรักที่เหมือนสูบพลังออกจากร่าง ลภัสวัฒน์ค่อย ๆ โน้มตัวลงนอนแนบชิดเธออีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานซบลงบนอกเขาแน่น ฝ่ามือเล็กสอดประสานกับมือใหญ่ของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เสียงหอบหายใจยังดังแทบไม่เป็นจังหวะอยู่เช่นเดิม "ไม่ได้ทำแบบนี้นานมากแล้ว โคตรดี โคตรมีความสุขเลยจีน่า" เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก้มลงหอมผมของคนที่นอนซบบนอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจ็บมากไหมจีน่า ฉันทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?” เขาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน พลางลูบไล้แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าไปมาเบา ๆ “ถามอะไรแบบนี้คะ บ้าจริงคุณเนี่ย!" "อายทำไมผัวเมียเขาก็คุยกันตรง ๆ แบบนี้ล่ะ ยิ่งเรื่องบนเตียงยิ่งต้องเปิดอกคุยกัน ชอบท่าไหน อยากให้ทำอะไรบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายกันหรอกนะ" "คุณลีโอ!!" ใบหน้าสวยหวานมองค้อนอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ลภัสวัฒน์ถึงกับหัวเราะร่วนออกมาด้วยความพอใจ "แต่มันใช่เรื่องที่จะถามไหมเล่า ถ้าคุณรู้สึกดีจีน่าก็แฮปปี้ดีเหมือนกันค่ะ ไม่ชวนคุยแล้ว เหนื่อยเป็นบ้า จีน่าของีบอีกนิดนะคะ" ใบหน้าซุกลงบนอกแกร่งเขาอีกรอบ ลภัสวัฒน์ยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดู “รู้ตัวเองไหม เธอทำให้ฉันคลั่งได้ทุกครั้งเลยให้ตายสิ! จะน่ารักไปไหนนะเมียฉัน” จิณ
คืนนั้นห้องนอนใหญ่ดูเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลภัสวัฒน์ลืมตานอนมองเพดาน ดวงตาคมเต็มไปด้วยความว้าวุ่นจนนอนไม่หลับจนเกือบถึงเที่ยงคืนแล้ว “โธ่เอ๊ย...ให้กอดอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะจีน่า ตัวเองหลับสบายเลย แต่ฉันนี่สิจะบ้าตายอยู่แล้ว” เขาพึมพำเบา ๆ ก้มมองคนที่ซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งของเขา กลิ่นหอมจากแชมพูสระผมที่เธอใช้ลอยเตะจมูก อยู่ตลอดเวลา เสียงหายใจดังสม่ำเสมอ และความนุ่มนิ่มของร่างในอ้อมแขน มันยิ่งทำให้ใจของผู้ชายที่อดทนมาทั้งอาทิตย์สั่นสะเทือนอย่างหนัก "จะลักหลับเลยดีไหมวะ?" ความคิดแวบเข้ามาจนเขาต้องกัดฟันกรอด ฝ่ามือหนาใหญ่เริ่มไม่อยู่นิ่ง ลูบไล้แผ่นหลังบอบบางเบา ๆ ไล่ลงมาตามเอวโค้งอย่างเผลอตัว “แค่ลูบคลำนิด ๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” แต่พอยิ่งสัมผัสแผ่วเบา ลากผ่านเนื้อผ้าเหมือนกับสำรวจไปทั่วทั้งร่าง เสียงครางเบา ๆ ของเธอก็ดังขึ้น “อืมม….” เขาชะงักไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง ให้ตายสิ… หลับอยู่แท้ ๆ ยังครางออกมาอีกนะจีน่า! เลือดในกายเริ่มร้อนจนพุ่งพล่านไปทั่วทั้งกาย แต่ก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “บ้าจริง แค่
“นี่ห้องนั่งเล่นใหญ่ที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จได้ไม่นาน จากนี้ไปเราจะนั่งเล่นด้วยกันตรงนี้ ดูการ์ตูนกับลูก ฟังเสียงหัวเราะของลูกไปด้วยกันทุกวันเลยนะจีน่า” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนเวลามองจ้องเธอและลูกสาว จิณห์วราหัวเราะขึ้นเบา ๆ “คุณพูดเหมือนจะมีแต่เวลาว่างมากเลยนะคะ ทั้งทีงานบริษัทก็ยุ่งมากตลอดทั้งปีทุกปีแบบนั้น” “ถ้าเพื่อเธอกับลูก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนฉันก็จะหาวันหยุดให้ได้เชื่อไหมล่ะ?” เขาก้มลงสบตาเธอ ดวงตาคมที่เคยแข็งกร้าวกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและน่าหลงใหล หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะละลาย ได้แต่พยักหน้ายิ้มรับเบา ๆ เขาพาเธอเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องนอนใหญ่ ประตูถูกเปิดกว้างออก เผยให้เห็นเตียงกว้างที่ถูกจัดเตรียมไว้รออย่างเรียบร้อย ผ้าปูใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยอบอวลอยู่ภายในอากาศ “ห้องนี้ ไม่ใช่ห้องนอนของฉันอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นห้องนอนของเรา ชอบไหมจีน่า?” ก่อนจะวางลูกสาวลงบนเตียงนุ่ม เด็กน้อยหัวเราะคิกคักกลิ้งไปมาอย่างถูกอกถูกใจที่สุด “จีน่าตั้งแต่วันนี้ไป เราจะนอนข้างกันทุกคืน ตื่นเช้ามาด้วยกันทุกวัน ฉันจะไม่มีปล่อยให้เธอร้องไห้คนเดียว อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้วนะ ฉันสัญญา”