เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วจึงทำให้ผู้คนต่างตื่นตกใจกันเป็นอย่างมาก เหล่าบรรดาบอดี้การ์ด ทีมงาน และนักข่าวต่างรีบวิ่งกู่เข้ามาอย่างวุ่นวาย
"ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นคะ" นักข่าวสาวที่วิ่งมาถึงคนแรกก็รีบยื่นไมค์ไปข้างหน้าหญิงสาวร่างบางที่ตกลงมาข้างเวทีก่อนทันที ร่างบางถูกช่วยพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เธอรีบสำรวจมองตัวเองก่อน แต่โชคดีที่เวทีไม่ได้สูงมากจึงทำให้ นางแบบสาวชื่อดัง อย่างดีน่า ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก "อะ เอ่ออ.. เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ดีน่าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อึก!!" ดีน่าแสร้งพูดด้วยท่าทางที่เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บก่อนจะชายตามองไปยังอัญญาอย่างมีความนัยแฝงว่า ตัวเธอไม่รู้เรื่องอะไร คงต้องถามอีกฝ่ายแล้วล่ะ "เอ๋.. เมื่อกี้เห็นเหมือนคุณอัญญาจะล้ม แต่ทำไมคนที่ตกเวทีคือคุณดีน่าล่ะคะ/ครับ" "อื่ม ใช่ๆๆ" นักข่าวเริ่มกู่เข้ามากันมากขึ้น เมื่อเห็นปฏิกิริยาท่าทางของดีน่าที่ตอบนักข่าวสาวเมื่อสักครู่ ทุกคนต่างก็ถกเถียงกันและกำลังดันตัวหมายจะเข้าไปสัมภาษณ์ผู้ที่เหมือนเป็นตัวการของอุบัติเหตุครั้งนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มวุ่นวาย เหล่าบรรดาทีมงาน และบอดี้การ์ด ผู้ดูแล รปภ ก็รีบเข้ามากันนักข่าวให้ออกไป แล้วรีบไปพาตัวนางแบบทั้งหมดกลับไปหลังเวทีก่อน กึก กึก กึก .. เมื่อเหตุการณ์กำลังจะสงบลง ร่างงามของอัญญาก็เดินสาวเท้ามาข้างหน้าด้วยความมั่นใจและหนักแน่น เธอยิ้มและปรายตามองดีน่าก่อนจะเอ่ยเสียงหวานขึ้น "ทำไมฉันจะล้ม แล้วเธอมาชิงล้มก่อนเสียล่ะ" "จะพูดยังไงดีน๊าาา...." อัญญาพูดพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาคมกำลังกวาดจ้องมองไปที่กล้องทุกตัวแล้วหันกลับไปมองดีน่าที่ทำหน้าตกตลึงอยู่เบื้องล่าง ก่อนจะเดินหมุนตัวสาวเท้าเรียวเข้าไปยังหลังเวทีทิ้งให้อีกคนทำหน้าเหลอหลาต่อหน้านักข่าวเป็นจำนวนมาก "หรือว่าคุณดีน่าเหยียบชายกระโปรงคุณอัญญา แล้ว พอคุณอัญญาสะบัดออก ก็เลยกลายเป็นคุณดีน่าที่ตกลงมาแทนกันละคะ" "ใช่ๆๆ" "ใช่หรือเปล่าคะ/ครับ คุณดีน่า" "มันเป็นอุบัติเหตุน่ะคะ" "ขอโทษด้วยค่ะ มันก็แค่อุบัติเหตุนะคะ" เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่ดี ผู้จัดการของนางแบบสาวก็รีบวิ่งเข้ามากับทีมงานและพาหญิงสาวไปด้านหลังเวทีทันที "แก..." ร่างบางเดินสาวเท้าหน้าดึงเข้าไปหาอัญญาอย่างรวดเร็ว หมายจะวาดมือเรียวลงบนใบหน้านวลอย่างหัวเสีย "ว้ายยยย..." พรึบบบ ท่ามกลางเสียงตกใจของเหล่าบรรดานางแบบ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันถอยกู่ออกมา พรึบ หมับบบ มือเรียวของอัญญาตวัดขึ้นจับข้อมือบางของอีกฝ่ายไว้แน่นด้วยท่าทีเรียบเฉย "อยู่ๆ ก็กลายเป็น... หมาบ้า! ไม่ทราบว่าถูกใครสาดดด... น้ำมา" อัญญาแกล้งพูดเว้นคำอย่างจงใจ ก่อนจะผลักร่างบางของอีกฝ่ายออกไป "อร้ายยย.. แก!!!" ดีน่าจับข้อมือตัวเองพร้อมกรีดร้องเสียงแหลม "จึ๊ๆๆๆๆ แอ็กติ้งไม่เนียน ไม่เรียนมาใหม่นะจ๊ะ" อัญญาพูดฉะหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปกับทีมผู้จัดการของตัวเอง ทิ้งให้อีกฝ่ายกรีดร้องด้วยความเเค้นใจที่ทำอะไรเธอไม่ได้ซ้ำยังมาเจ็บตัวฟรีอีก "อร๊ายยยย.... มองอะไรกัน ไสหัวไปสิ" "นังอัญญา นังจิ้งจอก" ดีน่าพูดขบกรามแน่นอย่างเกลียดชัง ……………………………………“หว้าาา.. สงสัยมันคงไม่ฟังเฮียแล้วล่ะ ดูสิยิ่งอัญญาพูดมันก็ยิ่งตอบสนองอัญญามากกว่า” อนาคีนแสร้งขยับตัวดุนดันตัวตนของตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่เข้าใกล้ร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดของตนอย่างจงใจ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเย้าแหย่อีกฝ่าย “อ๊ะ อย อย่าค่ะ” อัญญาที่ถูกตัวตนแข็งขืนอุ่นร้อนของอีกฝ่ายดุนดันหยอกล้อ อยู่ใกล้กับจุดอ่อนไหวของตัวเอง ก็ถึงขั้นอ่อนแรงเผลอส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อ๊ะ อืออ” “อ๊าส์.. ไม่ทันแล้วครับที่รัก ขอบอกรักตอนเช้าหน่อยนะ เด็กดี อ๊าส์” อนาคีนที่ตอนแรกจงใจจะแกล้งอัญญา แต่กลับห้ามใจไม่ไหว ยิ่งเสียงครวญครางแสนหวานของอีกฝ่ายดังขึ้น ตัวเขาเองก็ยากจะทานทนต่ออารมณ์ของตัวเอง พร้อมกดร่างแกร่งเข้าใส่ดอกไม้อ่อนนุ่มทันที ก่อนจะพูดขบกรามแน่น ข่มอารมณ์ร้อนที่กำลังปะทุ แล้วกดจูบลงบนแผ่นหลังนวลเนียนเพื่อเป็นการปลอบโยน “อาส์ อัญญา พลั่บๆๆๆ ซี๊ดด!!” อนาคีนคำรามเสียงกดต่ำร้องเรียกเจ้าของร่างก่อนจะกระหน่ำสะโพกสอบรัวเร็ว ตามอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น อย่างแสนรัก “อ๊ะๆๆๆ ฮะ เฮียคีน อื่มม” อัญญาก็ไม่ได้ยอมแพ้ เมื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ได้ เธอก็เลือกที่จะปลดป
ณ เวลานี้ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรตัวเขานั้นก็ไม่ยอมทั้งนั้น เพราะความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวในอ้อมกอดมันช่างตีขึ้นมาชัดเจนเหลือเกิน จนทำให้ตัวเขานั้นก็เจ็บปวดทรมาน เพราะเสียงสะอื้นไห้ ของอีกฝ่ายเช่นกัน “เฮียคีนนน... ฮึกก.. อึก.. อะ อัญ..” ไม่รู้ว่าเวลานั้นผ่านไปนานแค่ไหนที่สองร่างนั้นยังคงกอดปลอบมอบความอบอุ่นให้แก่กัน และในที่สุดเมื่อร่างงามเริ่มประมวลผลต่างๆ ได้และรู้สึกจิตใจสงบลง เธอก็ค่อยๆ เงยหน้าเผชิญกับใบหน้าคมที่แสนคุ้นเคย ดวงตาสีดำสนิทตอนนี้จดจ้องมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว ภาพในนั้นปรากฏเป็นตัวเธออย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ในใจที่กำลังสงบลง มีคลื่นของความเสียใจผลุดขึ้นมาอีกระลอก ความรู้สึกผิดกำลังตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้อัญญานั้นกำลังจะพูดสารภาพกับอีกฝ่าย เริ่มสะอึกสะอื้น สั่นไหวอีกรอบ แค่เพียงเห็นใบหน้านวลที่เปอะไปด้วยน้ำตานองหน้า ทำให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีก แววตาที่เคยส่องเป็นประกาย บัดนี้กลับดูหม่นหมองลงด้วยความรู้สึกผิด และตัวเขาเองก็รู้ว่าอัญญานั้นจะพูดว่าอะไร และตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร จนทำให้ อนาคีนหัวใจหล่นฮวบลงทันที ก่อนที่อัญญาจะพูดจบ เป็นเขาเองที่ทนต่อความสงสา
หญิงสาวที่เขารักก็ยังเป็นแค่เพียงภรรยาในนามของอีกฝ่ายเท่านั้น และยิ่งมาได้รับข้อมูลจากพีตาร์อีก ในตอนนั้นตัวเขาก็ตกลงทำตามแผนที่วางไว้อีกครั้งโดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองเรื่องราวให้รอบคอบ จนเผลอเกือบทำให้คนที่เขารักตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ถ้าหากเขาไปช่วยเธอไว้ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าพีตาร์จะใจร้อนทำนอกเหนือสิ่งที่ตกลงกับตัวเขาไว้ให้แก้แค้นแทนตัวเอง แล้วยิ่งวันนี้ได้มาเห็นกับตาว่าผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปทุกด้าน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจแห่งแวดวงธุรกิจ ไม่มีแม้กระทั้งความรู้สึกใดๆ แต่กลับทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังแล้วรีบมาหาภรรยาของตนในฐานะสามีธรรมดาคนหนึ่ง ทั้งท่าทีแววตาดำสนิทที่จดจ้องไปเบื้องหน้าล้วนแต่แสดงความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อหญิงสาวร่างงามเบื้องหน้าตนอย่างชัดเจน จนตัวเขานั้นรับรู้และรู้สึกละอายแก่ใจไม่น้อย ทั้งยังตอนที่ตัวเขากระโดดลงไปช่วยอัญญา แม้คำพูดสุดท้ายก่อนหญิงสาวจะหมดสติไปก็ยังเป็นชื่อของผู้ชายคนนี้ เพียงเท่านี้ตัวเขาเองก็คงไม่มีสิทธิที่จะไปเปรียบตัวเองกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ แต่โดยดีเท่านั้น “เรื่องที่คุณไม่สามารถจัดการได้ ผมจะจั
ทันทีที่ร่างสูงมาถึง ภาพเบื้องหน้าที่เห็น เป็นห้องกระจกใส ปรากฏร่างงามคุ้นตาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีเขียวอ่อน ผิวขาวละเอียดจนดูซีด ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเลือนลางมากขึ้น จังหวะการเต้นของหัวใจแกร่งยิ่งบีบรัดอย่างหนักหน่วงยามเมื่อได้มองสำรวจเห็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ อยู่เต็มไปหมด “อะ เอ่ออ.. บอสคะ หมอบอกว่า ตอนนี้หนูอัญไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ต้องอยู่ห้องปลอดเชื้อรอดูอาการอีกนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ” เป็นหลุยเองที่เห็นปฏิกิริยาร่างสูงที่จ้องมองร่างงามภายในห้องอย่างยากจะคาดเดา แต่ภายในแววตาคมนั้นกลับสะท้อนภาพร่างงามอย่างชัดเจน ตัวเขาเองจึงค่อยๆ เดินไปบอกกล่าวกับอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัว เพราะตอนนี้ร่างหนานั้นแผ่รังสีเย็นเยือกออกมาอย่างน่าขนลุก เป็นบรรยากาศที่กดดันคนที่อยู่รอบข้างเป็นที่สุด “ผมต้องการเข้าไป” อนาคีนเอ่ยออกมาราบเรียบ โดยสายตาคมยังคงจดจ้องภาพเบื้องหน้าไม่ไหวติง “ดะ ได้ค่ะ ดะ เดี๋ยว จะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เพียงแค่เสียงเอื้อนเอ่ยที่ราบเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับทำให้คนฟังถึงขั้นกระตุก ตื่นตกใจไม่น้อย ทำให้หลุยนั้นรีบตอบรับอีกฝ่ายอย่างตะกุกตะกัก รี
“นี่แก หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! แกจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด แกจะต้องจบชีวิตลงที่นี่ด้วยกันกับฉัน เท่านั้น!!” พีตาร์ที่ถูกผลักร่างให้ล้มลงรีบลุกขึ้นพร้อมตะโกนไล่หลังของอีกฝ่ายไปอย่างบ้าคลั่ง “จึ๊!!” แม่เสียงตะโกนก่นด่าของพีตาร์จะดังมาก แต่ไม่สามารถเรียกความสนใจของอัญญาได้แม้แต่น้อย เพราะในหัวของเธอตอนนี้กำลังหาหนทางเอาตัวเองให้รอด ดวงตากลมหรี่ลงเล็กน้อยคอยกวาดหาหนทางที่จะทำให้เธอออกจากห้องนี่ให้ได้ มือเรียวอีกข้างก็พยายามยกขึ้นมาปิดปากปิดจมูกเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับกลิ่นควันที่ตอนนี้กำลังลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ส่งผลให้ทัศนในการมองเห็นจุดต่างๆ ในห้องนั้นค่อนข้างลำบาก แต่ดีที่อัญญานั้นสำรวจห้องนี่อย่างรอบคอบแล้วตอนที่เธอเข้ามาแต่งตัวที่นี่ เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าต้องเป็นแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ เธอจึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองนั้นรอดพ้นจากหลุมพลางในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสียสติจนใช้วิธีการที่สิ้นคิดแบบนี้จนได้ ใบหน้างามมุ่ยคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบสาวเท้าเรียววิ่งไปที่ประตูทางระเบียงทันที เพราะด้วยความทรงจำบอกเธอว่าในห้องนี้ยังมีประตูข้างในที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงได้
“พี่หลุยคะ ช่วยไปรออัญญาที่รถก่อนนะคะ ถึงเวลาที่เหยื่อต้องไปหาเสือก่อน” เมื่อถ่ายงานเสร็จ อัญญาจึงพูดกับอีกฝ่ายพร้อมขยิบตาให้อย่างหยอกล้อ “จริงๆ เลยระวังตัวด้วยล่ะ พี่จะไปเอารถมารอ ถ้าเกิดเรื่องอะไรที่เกินกว่าที่คาดหมายไว้ก็รีบโทรมาทันทีเลยนะ เข้าใจรึเปล่า” ถึงแม้จะพูดห้าม อัญญาก็คงไม่ฟังเพราะหลุยเองก็รู้นิสัยของอัญญาดี จึงได้แต่บอกให้อีกฝ่ายระวังตัว แล้วไปเตรียมตัวรอเธอดีกว่า “พี่ก็อย่าลืมที่อีญญาบอกนะคะ ไปเอามันมาเก็บไว้ที่พี่ เราจะต้องถอดหน้ากากเสือของแมวตัวนี้หน่อยแล้ว จะได้ไม่หลงลืมตัวว่าตัวเองนั้นเป็นได้แค่แมวไม่ใช่เสือ” อัญญาพูดทิ้งท้ายด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม น้ำเสียงหนักแน่นก่อนเดินจากไป “เฮ่ออออ.... ฉันควรจะห่วงเธอ หรือห่วงอีกฝ่ายที่คิดเล่นงานเธอดีล่ะเนี้ยยย??” หลุยบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่มองหลังร่างงามที่กำลังเดินจากไป “เอ๊ะ...?? อยู่ไหนน๊าา.. ห้าวววว... สงสัยวันนี้ทำงานเหนื่อยจริงๆ หรือเปล่า??” อัญญาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของเธอที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้อีกครั้งเพราะคิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องการจัดการเธอที่ห้องนี้แน่ ถ้าหากเธอไม่แกล้งเดินมาติดกับเอง เธอก็คงไม่