Share

บทที่ 0005

Author: อันอี่หราน
“ฝ่าบาท ฟ้าประทานหยาดฝน สายรุ้งเรืองรอง นี่คือประกาศิตจากสวรรค์ ว่าการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า คือวาสนาของแคว้นต้าฉู่เรานะพ่ะย่ะค่ะ!”

เมิ่งฉวนเต๋อมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยปากทูล

มหาขันทีผู้ชาญฉลาด ไม่รู้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ แต่ความรักที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มีแต่ลู่ซิงหว่าน เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาอยู่ ในยามนี้ พูดแต่เรื่องน่าฟัง ย่อมจะถูกใจคนฟังมากกว่า

“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง การเกิดมาของหวานหว่าน คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อข้าจริง ๆ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งฉวนเต๋ออยู่แล้ว ด้วยดีใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยปากต่อ “สั่งการลงไป คนในตำหนักชิงอวิ๋นทุกคน แจกรางวัลตอบแทนอย่างงามให้หมดทุกคน!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

ความอารมณ์ดีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ยังคงมีต่อเนื่องจนไปถึงหน้าห้องทรงอักษรเท่านั้น

แต่แล้วความปลาบปลื้มยินดีที่หวานหว่านนำมาให้เขาก็แทบจะหายไปทันที เมื่อมองเห็นร่างที่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษร

“ถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”

หรงอ๋องคุกเข่าลงพื้นพร้อมคำนับฮ่องเต้ตามธรรมเนียม

“ลุกขึ้นเถิด!” ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้องเดินเข้าห้องทรงอักษร ตรัสถามหรงอ๋องที่ตามหลังเข้ามา “น้องพี่มาวันนี้ มีธุระอะไรหรือ?”

“เสด็จพี่ ที่กระหม่อมมานี่ เพราะเรื่องที่เรายังขาดหัวหน้ากองลาดตระเวนอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

หรงอ๋องไม่ทันสังเกตความเย็นชาในสายตาฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงได้ทูลเปิดเผยไปตามปกติ

“อ๋อ? น้องพี่คิดว่ามีผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งหรือไม่?”

ฮ่องเต้ต้าฉู่แอบยิ้มหยันในใจ พร้อมเอ่ยปากถาม

“กระหม่อมเห็นว่า จั่วจุ้นอวี่นับเป็นคนที่เหมาะสมมากพ่ะย่ะค่ะ”

หรงอ๋องไม่คิดระแวงเป็นอื่น จึงได้พูดความคิดของตนออกมาตามตรง

ได้ยินดังนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น

จั่วจุ้นอวี่ผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคนของจวนหรงอ๋องโดยตรง

ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนสำคัญเพียงไหน นั่นคือดูแลความปลอดภัยของวังหลวงทั้งหมด

หรงอ๋องคิดเอาตำแหน่งนี้มอบให้แก่คนของตน จุดประสงค์ไม่ต้องบอกก็คงรู้

หากเป็นก่อนหน้านี้ ด้วยความรักและเชื่อมั่นที่ฮ่องเต้มีต่อหรงอ๋อง เพียงแค่ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนเล็ก ๆ ฮ่องเต้ต้าฉู่คงไม่คิดอะไรมาก มีแต่เห็นชอบโดยพลันมากกว่า

แต่บัดนี้ เพิ่งรู้จากปากของหวานหว่านมา เกี่ยวกับทิศทางอนาคตของเขา ฮ่องเต้ก็ย่อมไม่คิดเช่นนั้นอีก

เมื่อนึกถึงหวานหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อดยิ้มไม่ได้ นางช่างเป็นเซียนที่สวรรค์ประทานมาให้ตน เพื่อคุ้มครองรากฐานของแคว้นต้าฉู่ไว้โดยแท้

หวานหว่าน [เสด็จพ่อคิดมากไปแล้ว ใจจริงข้าก็ไม่อยากมาหรอก]

หรงอ๋องเห็นท่าทีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ในใจก็อดนึกขำไม่ได้ เสด็จพี่ของตนองค์นี้ ดูเผินๆ คล้ายกับฉลาดหลักแหลม แต่แท้จริงโง่เขลายิ่ง เสด็จพ่อ คอยดูไปเถอะ ท่านมอบบัลลังก์ให้เสด็จพี่แล้วจะมีประโยชน์อะไร แผ่นดินนี้ช้าเร็วก็ต้องเป็นของข้าอยู่ดี

แต่ทว่า...

“ในเมื่อน้องพี่กล่าวเช่นนี้ งั้นตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวน ก็ให้จั่วจุ้นอวี่รับแทนชั่วคราวก่อนละกัน!”

ได้ยินดังนี้ หรงอ๋องก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “เสด็จพี่ปราดเปรื่องยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากบรรลุเป้าหมาย หรงอ๋องก็ไม่คิดอยู่นานอีก พูดยกยอฮ่องเต้ไม่กี่คำ จากนั้นก็ขออำลา

มองดูแผ่นหลังของน้องชายที่ออกไปอย่างดีใจ ฮ่องเต้ต้าฉู่หรี่ตาอย่างเย็นชา

“อิ่งอี!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” มีเงาหนึ่งคล้ายดั่งภูตผี ปรากฏขึ้นที่ห้องทรงอักษร

“เจ้าไปสืบดูความเคลื่อนไหวระยะนี้ของหรงอ๋อง ดูว่าเขาไปที่ไหนบ้าง ติดต่อกับใครที่น่าสงสัยหรือเปล่า”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

อิ่งอีรับคำสั่ง ทันใดนั้น เงาก็หายวูบไปทันที ไม่ปรากฏร่องรอยดั่งเช่นตอนมา

เขาเป็นองครักษ์เงามังกรของฮ่องเต้ต้าฉู่ มีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ฝีมือยิ่งหาคู่ต่อสู้ได้ยาก

ให้องครักษ์เงามังกรไปสืบสวน เพียงไม่นาน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของหรงอ๋อง ก็มาอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าฉู่ทั้งหมด

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูเอกสารลับที่มาอยู่เบื้องหน้า แม้ในใจจะคิดไว้ก่อนแล้ว ก็ยังอดโมโหไม่ได้เมื่อเห็นหลักฐานการทรยศของหรงอ๋อง

“เจ้าเดรัจฉานคนนี้! ข้ายังดีต่อเขาไม่พออีกหรือ? จึงได้ทำกับข้าเช่นนี้?”

“ทุกวันนี้ฐานะของเขาอยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือนับหมื่น จนแม้แต่รัชทายาทยังนับถือเขามาก ด้วยปัญญาอย่างเขา ต่อให้ยกบัลลังก์ให้จริง ตำแหน่งที่ได้มาด้วยวิธีสกปรก เขาจะรักษาไว้ได้นานหรือ?”

“ทำไมต้องรีบร้อนให้ข้าสละบัลลังก์ให้เขาล่ะ!”

“ข้าจะดูสิว่า ในราชสำนักนี้ ยังมีพวกพ้องของเขาอยู่เท่าไหร่ น้องชายข้าคนนี้ จะมีความสามารถสักเพียงไหน!”

ฮ่องเต้แม้ว่าจะทรงกริ้วแต่ก็ไม่ได้สั่งจับหรงอ๋องในทันที

แต่สั่งให้อิ่งอีไปตามดูความเคลื่อนไหวของหรงอ๋องต่อไป

หรงอ๋องแทบไม่รู้เลยว่า การกระทำของตนทุกอย่าง ได้ตกอยู่ในสายตาฮ่องเต้ต้าฉู่หมดสิ้นแล้ว

หลังจากประสบความสำเร็จ ได้ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนมาเป็นของตน เขายิ่งรู้สึกว่าบัลลังก์ฮ่องเต้ใกล้เข้ามาอีกคืบหนึ่งแล้ว

จึงยิ่งเกิดความฮึกเหิม ติดต่อเหล่าขุนนางให้มาเป็นสมัครพรรคพวกมากขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน ราชสำนักก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน

เทียบกับความวุ่นวายของราชสำนักแล้ว วังหลังก็ใช่ว่าจะสงบนัก

เวลาตกฟากของลู่ซิงหว่านเกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เป็นสิ่งที่หลายคนต่างก็เห็นอยู่

ว่าไปลู่ซิงหว่านก็ช่างดวงแข็งนัก สนมโหรวกุ้ยเหรินอุตส่าห์วางแผนอย่างแนบเนียน สุดท้ายพระสนมเฉินเฟยก็ยังคลอดนางออกมาจนได้ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นลูกรักของฝ่าบาทเสียอีก

ส่วนเรื่องที่สนมโหรวกุ้ยเหรินถูกโบยจนตายนั้น ไม่นานก็เป็นข่าวใหญ่ในวังหลวง ว่ากันว่าฮ่องเต้ไม่ได้ฟังนางอธิบายเลยสักคำ จนแม้แต่ตระกูลเดิมก็หนีไม่พ้นคราวเคราะห์ แม้ว่าทุกคนต่างชินกับนิสัยเกรี้ยวกราดของฮ่องเต้อยู่แล้ว ก็ยังอดรู้สึกใจหายไม่ได้

แต่การกระทำของฮ่องเต้เช่นนี้ ก็ส่งผลต่อเหล่าสนมไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่หมายปองตำแหน่งฮองเฮาอยู่ ต่างก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมเฉินเฟยจึงได้อยู่ไฟอย่างราบรื่น

และความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อลู่ซิงหว่าน ก็ย่อมไม่อาจพ้นสายตาของเหล่าสนมทั้งหลายไปได้

เพราะฮ่องเต้เลิกจากการประชุมคราวใด เป็นต้องวิ่งไปตำหนักชิงอวิ๋นของพระสนมเฉินเฟยทุกครั้งไป

ต่อให้สนมเฉินเฟยไม่อาจถวายการปรนนิบัติได้ ฮ่องเต้ก็เพียงพูดคุยกับนาง และเล่นกับลู่ซิงหว่านก็พอแล้ว

ฮ่องเต้ต้าฉู่แม้จะโปรดปรานสนมเฉินเฟยเพียงไหน แต่ก็ใช่ว่าจะโปรดนางเพียงผู้เดียว เพียงแต่พระธิดาองค์นี้เป็นเซียนมาจุติ ก็ต้องใส่ใจให้มากหน่อย

ในขณะที่ลู่ซิงหว่าน ก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจ

[เกิดเป็นมนุษย์ช่างดีแท้ มีท่านแม่ที่สวยงาม ส่วนเสด็จพ่อก็เป็นฮ่องเต้ ชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้ ดีกว่าตอนบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนหลายเท่านัก ช่างมีความสุขเหลือเกิน!]

ลู่ซิงหว่านนอนอยู่ในเปลทารก มองดูเสด็จพ่อและท่านแม่มาหยอกล้อกับตน พลางยกขาน้อยๆ ขึ้น สบายใจเป็นอย่างมาก

“เฉินเฟย ข้าคิดจะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่หวานหว่าน เจ้าเห็นว่ายังไง?” ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังจับขาน้อยของลู่ซิงหว่านอยู่ พร้อมกับเอ่ยปากถามพระสนมเฉินเฟย

พระสนมเฉินเฟยเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แล้ว เมื่อได้ยินรับสั่งดังนี้ จึงได้รีบเอ่ยปากห้ามปราม “องค์หญิงทั้งแปดองค์ก่อนหน้าหวานหว่านยังไม่มีบรรดาศักดิ์ หากทรงมอบให้แก่หวานหว่านคนเดียวอาจจะ...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ได้ใส่พระทัยเรื่องนี้ “ลูกสาวของข้า ข้าคิดทำยังไงก็ได้”

ลู่ซิงหว่านอยู่ในเปลอดไม่ได้ที่จะชูมือขึ้น

[ช่างสมเป็นเสด็จพ่อของเซียนอย่างเราจริง ๆ มีความอหังการยิ่งนัก]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินเสียงพูดของนาง จึงแอบคิดในใจ ลูกคนนี้นี่...

ในขณะที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ได้ยินเช่นกัน กลับยิ่งพอใจมากกว่า พร้อมกับรีบโบกมือ “เอาตามนี้แหละ เจ้าเองก็ช่วยคิดว่าจะมอบบรรดาศักดิ์ให้ลูกยังไงดี”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status