공유

บทที่ 0011

작가: อันอี่หราน
เมื่อองค์ชายสามมาถึงตำหนักฉางชิว ฮ่องเต้นั้นก็แค่ทดสอบบทเรียนบางอย่างแก่องค์ชายสาม จากนั้นก็เรียกมาอยู่ข้างเขา

ตอนนี้จิ่นเฉินก็โตขึ้นแล้วควรค่อย ๆ คลุกคลีกับเรื่องการเมืองบ้าง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ติดตามพี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าไปประชุมเช้าด้วยเถอะ” ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน

“จริงหรือพะยะค่ะ?” องค์ชายสามเดิมทีก็เป็นคนเปิดเผยความคิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าว ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความสุข “ลูกขอบคุณเสด็จพ่อพะยะค่ะ”

พระสนมเต๋อเฟยรีบกล่าวยับยั้ง “ฝ่าบาท จิ่นเฉินเพิ่งจะอายุสิบสามปีนะเพคะ ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย จะเข้าร่วมประชุมเช้ได้ยังไงกันเพคะ นอกจากนี้ตอนนี้ก็ยังมีองค์รัชทายาทคอย...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ขัดจังหวะนาง “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เต๋อเฟย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความอีก”

หลังจากพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “อีกอย่าง จิ่นเฉินร่ำเรียนได้ไม่เลว เจ้าเลี้ยงดูได้ดีมาก”

“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ ฝ่าบาท” เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระสนมเต๋อก็รีบแสดงกล่าวคำขอบคุณ

“เมิ่งฉวนเต๋อ แจ้งเหล่าสนมด้วยว่าพระสนมเต๋อได้รับการเลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว” หลังจากพูดจบก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “คืนนี้ข้าจะมาทานอาหารเย็นที่ตำหนักของเจ้า”

พูดจบก็ออกจากวังฉางชิวโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย เหลือไว้เพียงพระสนมเต๋อเฟยและองค์ชายสามที่มีสีหน้าตกตะลึง

“เสด็จแม่ เสด็จพ่อไม่พอใจองค์รัชทายาท จะแต่งตั้งให้กระหม่อมทำหน้าที่แทนแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” องค์ชายสามส่ายแขนของพระสนมเต๋อเฟยอย่างมีความสุข เอ๊ะ ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว

“ข้า...ข้าก็ไม่รู้” พระสนมเต๋อยังคงตกใจ ตามที่ท่านพ่อบอก ตอนนี้ฝ่าบาทควรจะต้องสงสัยในตนถึงจะถูก แล้วทำไมนางถึงได้รับการเลื่อนยศ อีกทั้งองค์ชายสามได้รับอนุญาตให้กลับมามีส่วนร่วมในงานการเมืองอีกครั้งล่ะ เห็นทีครั้งนี้ท่านพ่อคงกังวลมากเกินไปแล้ว

หรือเพราะว่า เป็นเรื่องจริงอย่างที่จิ่นเฉินพูด ฝ่าบาทไม่พอใจองค์รัชทายาท?

ไม่กี่วันต่อมา ก็มีพิธีแต่งตั้งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยและพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ไทเฮาทรงตัดสินใจเชิญครอบครัวขุนนางใหญ่ระดับสามขึ้นไป ด้วยเหตผลที่ว่าในวังไม่ได้ครึกครื้นมานานแล้ว ตอนนี้หย่งอันก็โตขึ้นแล้ว ควรจะต้องครึกครื้นถึงจะดี

ลู่ซิงหว่าน [เสด็จย่า ข้าอายุแค่สองเดือนเท่านั้นนะ!]

พูดแล้วว่าครึกครื้น ฮ่องเต้และไทเฮาย่อมต้องมีการเตรียมการอื่น ๆ อยู่แล้ว

เหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว วันนี้ไทเฮาจะเลือกชายาให้รัชทายาท ตอนนี้รัชทายาทก็อายุสิบแปดปีแล้ว แต่อีกสองปีข้างหน้าถึงจะทำพิธีสถาปนา ก็ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว

ว่าที่ฮ่องเต้ที่มั่นคง ถึงเป็นรากฐานของแคว้นได้

ชั่วขณะหนึ่ง พระสนมเต๋อเฟยไม่เข้าใจเจตนาของฮ่องเต้เลย หากเขาพอใจในตัวรัชทายาทแล้ว ทำไมยังสนับสนุนองค์ชายสามอีกล่ะ หากบอกว่าไม่พอใจในตัวรัชทายาท แต่ก็ยังวุ่นวายเลือกชายาให้เขาอีก

วันนี้กลับเป็นลู่ซิงหว่านที่ยุ่งมาก พระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็เหนื่อยคนสมองมึนงงไปหมด

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยดูออกแล้วว่าลู่ซิงหว่านเด็กน้อยคนนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน วันนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนจึงพานางไปด้วย ก็นี่คือลูกสาวล้ำค่าของตัวเองนี่นา ก็ต้องทำให้นางพอใจสิ

เพียงแต่นี่ทำให้นางสนมทุกคนในวังต่างรู้สึกว่าการที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้รับการเลื่อนยศก็เพราะองค์หญิงหย๋งอัน ก็ย่อมต้องเอ็นดูรักนางเป็นอย่างมากอยู่แล้ว

พวกนางไม่รู้เลย ฮ่องเต้ยังหวังที่จะพาองค์หญิงหย๋งอันไปที่ท้องพระโรงตอนเช้าด้วยซ้ำ ให้นางช่วยตัวเองแยกแยะว่าใครภักดีหรือทรยศ

[เสด็จแม่วันนี้หาชายาให้เสด็จพี่รัชทายาทใช่ไหม ในนิยายเสด็จพ่อเลือกคุณหนูหานจากตระกูลมหาขุนพลอะไรสักอย่างให้เสด็จพี่รัชทายาท ข้าดูแล้วเหมาะสมมาก คุณหนูหานคนนั้นไม่เลวใช่ไหม?]

“หานซีเยว่?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแอบพึมพำถึงลูกสาวคนที่สองของตระกูลแม่ทัพใหญ่ อายุก็ใกล้ถึงวัยเหมาะสมแล้ว ในภายหลังควรจะให้ความสนใจมากขึ้น

“พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทและองค์ชายรองก็มาร่วมงาน เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็รีบเดินเข้ามาทักทาย “ขอแสดงความยินดีกับพระสนมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ตัวเอกในวันนี้ไม่ใช่ข้า เป็นพวกเจ้าเหล่าพี่น้องต่างหาก!”

“พระสนมล้อเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรองยิ้มแล้วประสานมือ ตอนนี้เสด็จพี่รัชทายาทก็อายุเหมาะสมแล้ว ข้ายังเด็กอยู่มากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

[เอ๊? ซื่อจื่ออันกั๋วกงหล่ะ? หรือว่าเวลานี้เขากับองค์ชายรองยังไม่สนิทกันหรือ? ]

พระสนมเฉินมองทางองค์ชายรอง จำสิ่งที่หวานหว่านพูดในคืนนั้นได้ หรือว่าองค์ชายรองต่างหากที่เป็นผู้ถูกเลือก

นางถอนหายใจในใจ เป็นเช่นนั่นก็ดี เพียงแค่รัชทายาทสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าบรรลุความปรารถนาของพี่สาวแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว...

“ทำไมซื่อจื่อเผยไม่อยู่กับน้องรองล่ะ?” รัชทายาทถามคำถามที่ลู่ซิงหว่านคิดอยู่ในใจออกมา

“เฮ้อ ข้าว่าเขายังอายุน้อยแต่เหมือนคนแก่ซะจริงเชียว” องค์ชายสองถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เขาบอกว่างานวันนี้วุ่นวายเกินไป ไม่อยากมา!”

พูดจบ พวกเขาก็หัวเราะกันออกมา

เหล่าฮูหยินและคุณหนูก็นั่งลงทีละคน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองไปทางครอบครัวของแม่ทัพใหญ่หาน เห็นเพียงว่าคุณหนูตระกูลหานนั้นกลับเป็นคนอ่อนโยน เหมาะสมกับรัชทายาทยิ่งนัก

[เอ๋ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ]

ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังสือนิทานได้

[เหมือนว่าวันที่รัชทายาทเลือกชายา ก็ยังเป็นงานเลี้ยงใหญ่ด้วยเหมือนกัน พระสนมเต๋อเฟยวางแผนคุณหนูหรง ลูกสาวตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน ดูเหมือนว่านางให้องค์ชายสามทำลายชื่อเสียงของคุณหนูหรงหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เพราะอยากให้ตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินมาเป็นพวกด้วย!]

[แต่พูดไปก็แปลก ในนิทานพระสนมเต๋อเฟยไม่ได้เลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนี่นา! ทำไมมันถึงแตกต่างจากที่เขียนในนิทานล่ะ!]

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพึมพำ “ในนิทานพวกเราสองคนก็ตายแล้วนะ!”

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดหวานหว่านก็มองไปรอบ ๆ เห็นเพียงฮูหยินหรงตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินนั่งอยู่คนเดียว ไม่เห็นคุณหนูหรงคนนั้น

จากนั้นก็ถามจิ่นซินที่อยู่ข้างๆ “ทำไมไม่เห็นคุณหนูหรงล่ะ? มีเพียงฮูหยินหรงที่มาหรือ?”

ชื่อเสียงผู้หญิง ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ถ้าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมีความคิดเช่นนั้นจริง ๆ มันก็โหดร้ายเอาการอยู่ นางต้องช่วยคุณหนูหรงสักหน่อย

พูดจบก็มองไปทางพระสนมเต๋อเฟบ เห็นเพียงนางมองไปทางห้องโถงด้านหลังตลอดเวลา พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็พอเดาออกแล้ว

จิ่นซินก็พูดถูกเวลาเช่นกัน “เมื่อสักครู่คุณหนูหรงถูกนางกำนัลทำเสื้อผ้าของนางเปียก เลยไปที่ห้องโถงด้านหลังเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพคะ

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินแบบนี้ ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเดินไปที่ห้องโถงด้านหลัง แต่พอก้าวไปสองก้าวก็กลับมา อุ้มลู่ซิงหว่านจากมือของแม่นม แล้วสั่งให้จิ่นหยูติดตามมา ให้จิ่นอวี้ไปตามเหมยกับหลานมา

[ว้าว เสด็จแม่จะไปช่วยคุณหนูหรงแล้วหรือ? เสด็จแม่เท่ห์จังคุณหนูหรงเป็นนางเอกเชียวนะ! เสด็จแม่ต้องช่วยนางนะ!]

“นางเอก? งั้นคุณหนูหรงและองค์ชายรองถึงจะเป็นคู่แท้สินะ งั้นเราต้องรีบไปแล้ว” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้สึกว่า ตั้งแต่ตัวเองให้กำเนิดทารกคนนี้ นางก็พูดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่คิดมากขึ้นแทน

อ้าว พระสนมเฉินนี่นา นี่กำลังจะไปไหนหรือ?” พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเจอพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่กำลังเดินไปโถงด้านหลัง กลัวว่านางจะทำลายเรื่องดี ๆของตัวเอง จึงรีบเอ่ยปากเพื่อหยุด

“อ้อ พี่สาว คือหย่งอันฉี่อีกแล้วน่ะ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าของนางที่ห้องโถงหน้าก็คงจะไม่ได้!” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้คาดคิดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยจะหยุดตัวเอง ตอนนี้นางกังวลมากขึ้นไปอีก นี่คงจะมาถ่วงเวลาไว้สินะ!

โชคดีที่นางคอยจับตาดูอยู่ ตอนนี้จิ่นซินน่าจะพบเหมยหลานแล้ว หากพวกนางสามารถไปถึงห้องโถงหลังได้ทันเวลาล่ะก็ ต้องช่วยคนไว้ได้อย่างแน่นอน

“ให้ข้าอุ้มหย่งอันหน่อยได้ไหม?” พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยถาม

[เหอะ เพื่อถ่วงเวลา ท่านไม่รังเกียจร่างที่เต็มไปด้วยฉี่และขี้ของข้าเลยหรือไง? ]

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยทำได้เพียงกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของหวานหว่าน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status