共有

บทที่ 23 การมาถึงของคนเก่าแก่

last update 最終更新日: 2025-07-12 13:00:11

รุ่งอรุณของสวนรัตติกาลถูกแต่งแต้มด้วยความหอมหวานที่อบอวลในอากาศ รินและเคลนั่งอยู่ใกล้กันใต้ต้นไม้ใหญ่ ดวงตาของทั้งคู่สะท้อนแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ใบหน้าของรินระเรื่อเล็กน้อยเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เขาก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเคลยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา

“เมื่อคืน...คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญที่สุดในโลก” รินพูดเบา ๆ สายตาสองคู่ประสานกัน ความอบอุ่นในคำพูดทำให้หัวใจของเคลเต้นรัว

“ใช่เพราะคุณเป็นจริงๆ ริน ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ” เคลยิ้มอ่อนโยน พลางลูบแก้มรินด้วยปลายนิ้ว

“คุณรู้ไหมว่าคุณพูดแบบนี้แล้วผมจะไม่อยากลุกไปไหนเลย คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” รินหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพิงไหล่ของเคล

“งั้นเราจะนั่งตรงนี้ทั้งวันก็ได้” เคลแซวกลับพร้อมหัวเราะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ

“นี่คุณทำให้ผมกลายเป็นคนติดหวานไปแล้ว คุณคิดว่ามันจะดีเหรอ?” รินมองหน้าเคลแล้วยิ้มขำ ๆ

“งั้นเราก็ข้ามข้าวเช้าไปเลยดีไหม?” เคลยักคิ้วแกล้ง แต่คำพูดนั้นก็ทำให้รินหัวเราะจนตัวโยก

“เคล! ผมพูดจริง ๆ นะ!” รินอดที่จะยิ้มไม่ได้ พลางตีแขนเคลเบา ๆ

“โอเค งั้นเราก็ไปหาอะไรกินกันก่อน แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าทุกคำพูดที่ผมพูดกับคุณ มันมาจากหัวใจ” เคลหัวเราะพร้อมจับมือรินมากุมอีกครั้ง

“ผมรู้ และผมก็รู้ว่าผมโชคดีแค่ไหนที่มีคุณ” รินมองหน้าเคลแล้วพยักหน้าน้อย ๆ

ทั้งคู่ยืนขึ้นพร้อมกัน แต่ก่อนจะก้าวเดิน รินยื่นมือไปจับมือของเคลอีกครั้ง “คุณต้องสัญญานะ ว่าคุณจะอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป”

“ผมสัญญา ริน ไม่ว่าชีวิตจะพาเราไปเจออะไร ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” เคลยิ้มพร้อมกุมมือรินไว้แน่น

บทสนทนาที่อบอวลไปด้วยความรักของทั้งคู่ถูกหยุดชั่วคราว เมื่อเสียงขำของเอร่าดังขึ้นจากด้านหลัง

“พระเจ้า นี่ผมพลาดไปกี่ฉากแล้วเนี่ย? หรือเราควรเปลี่ยนชื่อสวนนี้เป็น 'สวนแห่งความรัก' ดี?”

เอร่าที่เพิ่งกลับมาพร้อมจินเจอร์ ยืนพิงต้นไม้ข้าง ๆ พร้อมทำท่ากอดอก จินเจอร์ที่นั่งอยู่ข้างเท้าชายหนุ่มมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดว่า ไหวไหมเนี่ย?

ทั้งรินและเคลหันไปมองพร้อมรอยยิ้มเขินอาย เอร่าที่เดินมากับจินเจอร์ยังคงหัวเราะต่อไม่หยุด “ว่าแต่ ไปหาอะไรกินเถอะ ผมว่าคุณสองคนควรเพิ่มสารอาหารอย่างอื่นเข้าไปในชีวิตแทนที่จะกินของหวานจากกันและกัน!”

“แต่ว่าริน คุณช่วยบอกแฟนคุณหน่อยว่า อย่ามองผมเหมือนจะกินผมเป็นอาหารเช้าแทนได้ไหม?”

รินหัวเราะลั่น พร้อมเดินไปคว้ามือเคล “ไปกันเถอะ ก่อนที่เอร่าจะบ่นจนเราหมดแรง”

ทั้งสามเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมจินเจอร์ที่เดินตามต้อย ๆ ความอบอุ่นในเช้าวันนั้นเติมเต็มสวนรัตติกาล ราวกับจะเป็นพยานให้กับความรักและมิตรภาพที่แข็งแกร่งของพวกเขา

เอร่านั่งลงที่โต๊ะอาหาร สายตามองข้ามไปยังเคลและรินที่กำลังนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่แลกเปลี่ยนรอยยิ้มหวานให้กันจนบรรยากาศรอบ ๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู

“เมี้ยว” จินเจอร์ที่นั่งอยู่บนตักของเขาร้องเบา ๆ เหมือนจะเห็นด้วยกับความหวานที่อบอวลอยู่รอบตัว

“เอาจริงนะ จินเจอร์” เอร่าเอ่ยขึ้นขณะตักข้าวเข้าปาก “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าข้าวจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วขนาดนี้”

จินเจอร์ร้องเหมียวตอบกลับอีกครั้ง ขยับตัวเหมือนจะพยักหน้าเห็นด้วย เอร่าหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาใหม่ ตักแกงกะหรี่บนจานแล้วพูดต่อ

“นี่มันหวานเกินไปแล้ว ฉันว่าความหวานพวกนี้มันกำลังทำให้ฉันเป็นโรคเบาหวานแบบไม่รู้ตัว ค่าน้ำตาลในเลือดของฉันคงพุ่งกระฉูดตั้งแต่นาทีแรกที่พวกเขานั่งลงแล้ว”

“ดูนั่นสิ จินเจอร์ เขาส่งช้อนให้กันเหมือนว่าอีกคนเป็นเด็กเล็กที่ต้องป้อนข้าวเอง รินก็ยิ้มราวกับว่าการกินข้าวครั้งนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต” เขาชี้ไปที่เคลที่กำลังคอยปรนนิบัติริน

จินเจอร์กระโดดลงจากตักของเอร่า แล้วเดินไปถูขาโต๊ะ เหมือนกับจะประท้วงว่าแมวตัวเล็ก ๆ อย่างมันไม่ควรต้องทนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ เอร่ายิ้มกว้าง ยื่นมือไปลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน “ใช่ ฉันก็คิดเหมือนกัน บรรยากาศแบบนี้มันทำให้ข้าวมื้อนี้หวานเกินไปจริง ๆ”

แล้วเอร่าก็หันไปตะโกนข้ามโต๊ะ “เฮ้! เคล ริน ถ้าพวกนายจะหวานกันขนาดนี้ ฉันว่าคงต้องเพิ่มเมนูอะไรเปรี้ยว ๆ มาเบรกหน่อยละ! หรือไม่ก็ชวนจินเจอร์กับฉันไปร่วมด้วยสักหน่อย จะได้ไม่รู้สึกเหมือนเรานั่งอยู่ในโลกคนละใบ”

เคลเหลือบตามามอง พลางหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายก็ชอบแซวอยู่แบบนี้แหละ ฉันว่าถ้าไม่ไหวก็กินของหวานเพิ่ม เผื่อจะได้ตัดขาไปเลย”

“ถ้าฉันกินขนมเพิ่มเข้าไปจริง ๆ ฉันคงต้องเตรียมอินซูลินไว้ข้างตัวด้วยแน่ ๆ” เอร่ากลอกตา

ทั้งเคลและรินหัวเราะพร้อมกัน ขณะที่เอร่าส่ายหน้าอย่างปลงตก

“ชีวิตฉันจะทนกับความหวานขนาดนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย” เขาพูดพลางลูบจินเจอร์ที่มองดูเจ้านายของมันด้วยความงุนงง ทั้งห้องอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศอบอุ่น ถึงจะบ่นแต่เอร่าเองก็แอบยิ้มอยู่ในใจ

หลังจากมื้อเช้าที่อบอวลด้วยความหวานจบลง เอร่าอาสาพาจินเจอร์ไปเดินเล่นรอบสวน ขณะที่เคลและรินกำลังตรวจสอบแปลงดอกไม้ใหม่ที่กำลังจะปลูก ทว่าท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เริ่มก่อตัวขึ้น

เสียงฝีเท้าหนัก ๆ แว่วมาจากทางเดินด้านนอก เอร่าที่กำลังเดินเล่นกับจินเจอร์ชะงัก จินเจอร์ที่เดินเคียงข้างร้องขู่เบา ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันจับจ้องไปยังเงาเคลื่อนไหวในพุ่มไม้ เอร่าเพ่งมอง และสิ่งที่เห็นคือชายคนหนึ่งที่มีท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ กำลังพยายามหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง

“ใครน่ะ?” เอร่าตะโกนออกไป น้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าปกติ ชายคนนั้นหยุดกึก หันมามองด้วยแววตาเหนื่อยล้าและดูระมัดระวัง

“ผมไม่ได้มาทำร้าย” ชายคนนั้นพูดพร้อมยกมือขึ้น “ผมแค่...ตามหาคน”

“หาใคร? และคิดยังไงถึงเข้ามาที่นี่แบบนี้?” เอร่าก้าวเข้าไปใกล้ เสียงกังวานของเขาทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น

จินเจอร์กระโดดเข้าไปใกล้ พร้อมส่งเสียงร้องขู่ชายแปลกหน้าที่ก้าวถอยหลังเล็กน้อย เขายังไม่ตอบแต่กลับชูบางสิ่งที่อยู่ในมือขึ้น ภาพวาดเล็ก ๆ ที่ดูเก่าคร่ำคร่า แต่ใบหน้าบนกระดาษนั้นกลับดึงสายตาของเอร่าให้หยุดนิ่ง

“คุณได้สิ่งนี้มาจากไหน?” เอร่าถามเสียงแข็งกว่าเดิม ขณะที่ชายคนนั้นรีบพูดต่อ

“ได้โปรด ฟังผมก่อน ผมไม่ได้มาทำร้ายใคร ผมกำลังตามหาเขา ไอเดน เขาเป็นน้องชายของผม”

“น้องชาย? คุณคิดว่าผมจะเชื่อแค่คำพูดง่าย ๆ แบบนี้หรือไง?” เอร่าไม่เชื่อใจง่าย ๆ แม้ว่าคำพูดของชายคนนี้จะฟังดูจริงใจ

เอร่ากระชากแขนชายแปลกหน้าเพื่อพาไปหาเคล เสียงขู่ฟ่อจากจินเจอร์ทำให้สถานการณ์ดูเหมือนจะดุเดือดขึ้น ชายคนนั้นสะบัดแขนเล็กน้อย พยายามอธิบาย

“ได้โปรด ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย!”

“นั่นน่ะไม่สำคัญ!” เอร่าตะคอกกลับ ก่อนจะหยิกแขนเขาแรง ๆ แบบไม่จริงจังนัก “คุณกล้าบุกรุกพื้นที่นี้ แถมยังใช้ข้ออ้างที่ฟังดูเหมือนนิทานก่อนนอน ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง!”

จินเจอร์ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี รีบพุ่งตัวไปทางชายคนนั้น มันกระโดดอย่างกล้าหาญตั้งใจจะโจมตีด้วยการ “กระโดดแตะหน้า” ท่าไม้ตายอันทรงพลังของมัน แต่ด้วยพุงกลม ๆ และน้ำหนักที่ไม่เบาเลย การกระโดดของมันดูเหมือนจะเป็นแค่การถลามากกว่า ชายแปลกหน้าจึงยื่นมือรับมันไว้อย่างอัตโนมัติ

“แมว...?” เขามองจินเจอร์ในมือด้วยความงง ก่อนที่มันจะร้องขู่ใส่เขาเบา ๆ พร้อมยกอุ้งเท้าตะปบหน้าเขาแบบไม่ได้เจ็บอะไรจริงจัง

“โอ้! โอเค! ผมยอมแพ้แล้ว!” เขาร้องลั่น

“จินเจอร์! ดีมาก!” เอร่าหัวเราะลั่นพร้อมกับปรบมือ “นายคือตัวช่วยที่ดีที่สุดของฉันเลย! ดูสิ นายทำให้คนแปลกหน้ายอมแพ้ได้โดยไม่ต้องใช้ดาบด้วยซ้ำ!”

จินเจอร์กระโดดลงมาและวิ่งกลับไปยืนอยู่ข้างเอร่า ร้องเหมียวเหมือนจะยืนยันในความเก่งกาจของตัวเอง เอร่าหันไปยิ้มเยาะชายคนนั้น “ดูสิ แมวของผมยังดูจริงจังกว่านายอีก”

ชายคนนั้นถอนหายใจหนัก พยายามปรับตัวให้สงบก่อนพูดขึ้น “ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน ผมแค่อยากพบไอเดน ผมแค่...ขอคุยกับเขาสักครั้ง”

“แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น นายต้องผ่านฉันก่อน! มาเลย จินเจอร์!” เอร่าหรี่ตามอง ย่อตัวลงเตรียมพร้อมเหมือนจะต่อสู้จริงจัง แต่ในมือเขากลับหยิบดอกไม้แห้งขึ้นมาปาใส่ชายคนนั้นเล่น

“นี่มัน...อะไร?” ชายคนนั้นหลบเล็กน้อยด้วยสีหน้าสับสน

“ผมว่าผมไม่ต้องใช้กำลังจริงจังหรอก ดูเหมือนนายจะเหนื่อยแฮะ และถ้าผมเอาจริงนายก็สู้ไม่ได้แน่นอน! งั้นจะพานายไปหาเคลเลยแล้วกัน!” เอร่าหัวเราะร่า

ไม่รอให้ชายแปลกหน้าพูดอะไร เอร่าก็หยิกแขนเขาเบา ๆ อีกครั้งและพาเดินไปตามทาง ขณะที่จินเจอร์เดินตามไปอย่างสง่าผ่าเผย พุงกลม ๆ ของมันโยกไปมาจนชายคนนั้นเผลอหัวเราะในลำคอ

“เคล! เราได้ผู้บุกรุกที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์สวนรัตติกาลมาส่งให้นายแล้ว แถมเขายังแพ้จินเจอร์อย่างราบคาบอีกด้วย!” เมื่อมาถึงลานกว้าง เอร่าก็รายงานติดตลก

เคลหันมามองชายคนนั้นด้วยแววตาคมกริบ แม้จะมีบรรยากาศตลกขบขันระหว่างเอร่าและจินเจอร์ แต่เคลกลับไม่ได้คลายความระมัดระวัง

“นายเป็นใคร? และคิดยังไงถึงได้กล้าเข้ามาที่นี่?”

ชายคนนั้นสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้า “ผมชื่อเคียแรน และผมมาที่นี่เพื่อหา...น้องชายของผม เขาชื่อไอเดน”

ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันทีจากความสนุกสนานกลายเป็นความเงียบงัน เอร่าหันไปมองเคลและจินเจอร์ร้องเหมียวเบา ๆ เหมือนรับรู้ถึงสิ่งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 27 ความสงบค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น

    ในยามบ่ายของวันอันเงียบสงบ รินนั่งอยู่ข้างเคลใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เคียแรนและเอร่าที่กำลังคุยกันไม่ไกล เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังแว่วมาท่ามกลางสายลมเอื่อย รินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเคล“เคล คุณเห็นไหม?” รินพูดพลางพยักเพยิดไปทางทั้งสองคน “พี่ดูมีความสุขนะเวลาคุยกับเอร่า ผมไม่ได้เห็นเขาหัวเราะแบบนี้มาตั้งแต่...ตั้งแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย”เคลเหลือบมองแล้วพยักหน้า “อืม ดูเหมือนเอร่าจะทำให้เขาผ่อนคลายได้จริง ๆ แต่คุณคิดว่ามันจะดีไหม? คุณรู้ว่าเอร่าน่ะ...” เขาหยุดชั่วครู่ “ค่อนข้างซนเกินไปหน่อย”รินหัวเราะเบา ๆ “ซน? นั่นเป็นคำพูดที่สุภาพเกินไป ผมคิดว่าเอร่าคือพายุในร่างมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่พี่ต้องการ ใครสักคนที่ทำให้เขาหยุดคิดมากและเริ่มใช้ชีวิตจริง ๆ”เคลเอนตัวพิงต้นไม้แล้วถอนหายใจ “ผมคิดว่าคุณพูดถูก บางทีพวกเขาอาจจะช่วยเติมเต็มกันและกัน... หรือไม่ก็สร้างความวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม”

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 26 การเริ่มต้นใหม่ของเคียแรน

    เช้าวันใหม่ในสวนรัตติกาลเต็มไปด้วยความสดใส สำหรับเคียแรน มันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง เมื่อชายที่เคยจับดาบต่อสู้ในสนามรบต้องมายืนจ้องเครื่องมือทำสวนอย่างงุนงง เขาถอนหายใจหนัก ก่อนจะหันไปมองเอร่าที่กำลังหมุนคราดในมือเหมือนโชว์มายากล“นี่คือเสียม...แล้วนี่ก็คือคราด นายต้องไม่ใช้มันเหมือนอาวุธ เข้าใจใช่ไหม?” เอร่ายิ้มพลางยื่นคราดให้“นายคิดว่าผมโง่หรือไง?” เคียแรนจ้องเขม็ง“ไม่เลย! ฉันแค่มั่นใจว่านายจะแยกความแตกต่างระหว่างดาบกับคราดได้จริง ๆ” เอร่าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับบ่งบอกว่าเขาแค่ต้องการแหย่“แล้วนายแน่ใจหรือว่าทำงานนี้เป็น?” เคียแรนถามกลับ พลางคว้าเสียมมาขุดดินอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เอร่าเห็นท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะลั่นเอร่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แต่แฝงไว้ด้วยความท้าทาย “ขอบอกเลยนะ เคียแรน ผมน่ะไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพร แต่ยังเป็นอัศวินด้วย! ด้านดา

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 25 สมาชิกใหม่ของสวน

    รินมองไปที่พี่ชายด้วยความกังวลใจ “แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?” รินถามขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย“ก็...เพื่อนในเมืองให้พักอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ หลังร้านค้า แต่ไม่สะดวกเท่าไร” เคียแรนตอบ พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “พี่พยายามหลีกเลี่ยงการไปในที่ที่คนพลุกพล่าน กลัวว่าจะมีใครจำพี่ได้ ซินดิเคทมีอำนาจอยู่มาก”“ทำไมไม่มาอยู่ที่นี่ล่ะ? ที่สวนปลอดภัยกว่า และไม่มีใครเข้ามาได้ง่าย ๆ โดยไม่ผ่านพวกเรา” รินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยชวนคำพูดของรินทำให้เคลชะงัก เขาหันมามองรินทันที แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เอร่าก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียนที่เป็นเอกลักษณ์“ใช่เลย! นายคือเจ้าของสวนที่ถูกต้องนี่นา ริน นายจะให้ใครอยู่หรือไป มันก็ขึ้นอยู่กับนายหมดเลย” เอร่าพูดพลางยักคิ้วให้เคียแรน “แต่...ตอนนี้ห้องพักเต็มหมดแล้วนี่? จะให้นอนกับฉัน...ก็กลัวเคียแรนจะหนาว”“หนาว?” เคลหันไปมองเอร่า คิ้วกระตุก &l

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 24 การหลบหนี

    เสียงเอะอะจากทางเข้าสวนดังแว่วมา รินที่กำลังจัดเรียงดอกไม้อยู่สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันมองด้วยความสงสัย ใจเต้นแรงด้วยความกังวล“เกิดอะไรขึ้น?” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังที่มาของเสียงภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้รินขมวดคิ้ว เคลยืนอยู่ในท่าทางตึงเครียด จับจ้องไปที่ชายแปลกหน้าซึ่งถูกเอร่าจับแขนไว้แน่น ส่วนจินเจอร์ที่พุงกลม ๆ ของมันห้อยจนเกือบถึงพื้น กำลังยืนโยกตัวอยู่บนพื้นราวกับกำลังฉลองชัยชนะ“เกิดอะไรขึ้น?” รินถามเสียงดัง ขณะที่กวาดตามองไปที่ทุกคน“โอ้ ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไรใหญ่โตหรอก แค่เจอคนแปลกหน้าที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ ฉันเลยช่วยจัดการสักหน่อย” เอร่าหันมาพร้อมรอยยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์“ช่วยจัดการ?” รินถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ เขามองชายแปลกหน้าที่ถูกจับอยู่ “แล้วจินเจอร์…ทำอะไร?”“อ้อ เจ้าจินเจอร์นี่สิ กระโดดแตะหน้าเขาเหมือนฮีโรเลยละ!” เอร่าพูดพลางหัวเราะเสียงด

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 23 การมาถึงของคนเก่าแก่

    รุ่งอรุณของสวนรัตติกาลถูกแต่งแต้มด้วยความหอมหวานที่อบอวลในอากาศ รินและเคลนั่งอยู่ใกล้กันใต้ต้นไม้ใหญ่ ดวงตาของทั้งคู่สะท้อนแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ใบหน้าของรินระเรื่อเล็กน้อยเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เขาก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเคลยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา“เมื่อคืน...คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญที่สุดในโลก” รินพูดเบา ๆ สายตาสองคู่ประสานกัน ความอบอุ่นในคำพูดทำให้หัวใจของเคลเต้นรัว“ใช่เพราะคุณเป็นจริงๆ ริน ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ” เคลยิ้มอ่อนโยน พลางลูบแก้มรินด้วยปลายนิ้ว“คุณรู้ไหมว่าคุณพูดแบบนี้แล้วผมจะไม่อยากลุกไปไหนเลย คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” รินหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพิงไหล่ของเคล“งั้นเราจะนั่งตรงนี้ทั้งวันก็ได้” เคลแซวกลับพร้อมหัวเราะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ“นี่คุณทำให้ผมกลายเป็นคนติดหวานไปแล้ว คุณคิดว่ามันจะดีเห

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 22 ค่ำคืนที่เร่าร้อน ณ สวนรัตติกาล

    หลังจากคำสารภาพที่จริงใจและอบอุ่น ริมฝีปากของเคลและรินค่อย ๆ เข้าหากัน ราวกับวินาทีนั้นโลกทั้งใบได้หยุดหมุน ในความคิดของเคล ความอบอุ่นของรินคือสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึง เสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากแตะกัน เขารู้สึกเหมือนพลังงานบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้กำลังหลั่งไหลผ่านเข้ามา เคลสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากริน ความละมุนละไมที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และความรัก“ริน…ผมรู้แล้วว่าความหมายของชีวิตคือการได้อยู่เคียงข้างคุณ” เขาคิดขณะที่ปล่อยให้ริมฝีปากกำลังประทับกันในความคิดของริน เขารับรู้ถึงน้ำหนักของจูบนี้ น้ำหนักของคำสัญญาและความรู้สึกทั้งหมดที่เคลมอบให้ รินรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นไหวน้อย ๆ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความอบอุ่นที่เคลมอบให้ ริมฝีปากของเคลเปรียบเสมือนเปลวไฟอ่อน ๆ ที่หลอมละลายความหนาวเหน็บในหัวใจเขา“เคล…คุณไม่ใช่เพียงอัศวิน แต่คุณคือคนที่ทำให้ผมรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร” รินคิดในขณะที่ปล่อยตัวให้ตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายการจูบขอ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status