3 วิฬาร์ขาวมณี
ความลับของวิฬาร์ขาวมณี
... ... ... ...
ในระหว่างทางกลับจากการขอพรองค์พระใหญ่ไดบุตซึ น้ำใสคิดถึงพล็อตของบทความนี้ซึ่งได้วางไว้แล้วคร่าวๆ แต่อยากขอความเห็นจากหญิงสาวผู้นี้ เผื่อเธอให้คำแนะนำที่อาจเป็นประโยชน์
“คุณลองใช้บทมนตราสักบทหนึ่งที่เชื่อมโยงถึงพระพุทธองค์สิคะ” เธอแนะนำได้โดนใจน้ำใสทีเดียว
“ขอยกตัวอย่างให้ผมสักเรื่อง เผื่อจะได้มีไอเดีย” น้ำใสยังต้องขอศึกษาเรื่องเหล่านี้ให้เข้าใจ
“จริงๆ ฉันเป็นนักเขียน...อ่ะค่ะ”
“ว้าว... ผมมาเจอคนเก่งแล้ว... เพชรอยู่ตรงนี้นี่เอง”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่อาจแค่ไกด์ไลน์ได้บ้าง”
“ผมควรฉีกแนวแบบไหน เพื่อไม่ให้บทความน่าเบื่อ ยิ่งเกี่ยวกับศาสนาคนจะไม่อยากอ่าน”
“เอ่อ... ลองเอาแนวมหายานไหมคะ”
“เมื่อคืน ผมฝันเกี่ยวกับแมวสีขาวตัวโตที่เจอหน้าวัดวันก่อน เหมือนจะวนเวียนอยู่ในมโนจิต... ผมรู้สึกมีอะไรบางอย่างดลใจแปลกประหลาด”
“อย่าง ปราชญาปารมิตาสูตร เป็นบทสวดกล่าวถึง หัวใจหลัก คือความว่างเปล่า หมายถึง อนัตตา นั่นเอง กำหนดทุกอย่างให้ว่าง ความหลงมัวเมาทุกสรรพสิ่งจะหายไปหมดจนเกิดเมตตาญาณ”
“ดีมาก... ไม่ซับซ้อนอย่างที่ศึกษากัน”
“จิตคนเราถูกจัดให้ซับซ้อน เพราะไม่ว่างนั่นเอง ถ้าเราเห็นทุกอย่างคือว่างเปล่า ไม่มีอะไรจริงจัง ... พระพุทธองค์ท่านคือพระโพธิสัตว์ ก่อนท่านจะตรัสรู้ธรรม ท่านได้ผ่านการทดสอบจิตมากมาย จนค้นพบว่า มันคือ...แค่นี้เอง”
“คุณเป็นนักเขียนแนวไหนครับ”
“...นิยายแฟนตาซี”
“โห... ผมอยากได้ไอเดียจากคุณมากกว่านี้”
“เรื่องอะไรเหรอ...”
“เมื่อคืนความฝันของผมประหลาดมาก เหมือนจริงจนขนลุก”
“เป็นไปได้ถ้าจิตอยู่ในระดับฌานขั้นต้น เราอาจเข้าไปสัมผัสเรื่องราวอะไรที่คล้ายดลใจอะไรบางอย่าง”
“ในความฝัน เหมือนเราสองคนเคยเจอกันมาแล้ว”
“อืม... ฉันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ฉันเลยมาเขียนนิยายแนวแฟนตาซี”
“ยังไงครับ...” น้ำใสทำหน้าประหลาดใจ
“ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่เป็นจริง ฉันจะมีเรื่องราวผุดขึ้นก่อนในฝัน เตือนเราเหมือนเป็นนิมิตค่ะ”
“ผมเคยมีความรู้สึกประหลาด หากไปยังสถานที่ใดที่เดินเข้าไปแล้วจะสะดุดใจ หรือ เจอเหตุการณ์แปลกๆ”
“คุณตกใจใช่ไหม ที่เห็น วาโฆบา” คำพูดของเธอประหลาดมาก
“ผมเก็บไปฝันเลยครับ”
“ที่นี่มีลัทธิบูชาแมวด้วยนะคะ”
“น่าสนใจนะครับ”
“อินเดียแถบตะวันตก มีคติการบูชาแมวยักษ์ หรือ วาฆเทพ มีตำนานนิทานผูกพันกับแมวยักษ์นี้”
“แต่เมื่อคืนผมฝัน...ถึงไอ้เจ้าตัวสีขาวนั่น ที่คุณเรียกมันว่า วาโฆบา”
“มันอยู่ในฝันของฉันค่ะ”
“แล้วมันอยู่แถวนี้หรือครับ”
เขาทำหน้าตกใจ ... งง กับคำพูดของเธอผู้นี้
“ไม่ค่ะ... มันอยู่แค่ในความฝัน” คำตอบของ ดอกหอม ทำเขาตกใจจนตาค้าง
“ว่ายังไงนะ...”
“มันเป็น วิฬาร์ขาวมณี ผูกพันกับฉันมานานมากแล้ว” คำพูดเน้นของเธอทำเขาขนลุก
“ไว้เจอมันในฝันอีกนะคะ” เธอส่งยิ้มให้ก่อนขอตัวไปปฏิบัติธรรม โดยแยกกันตรงบริเวณพื้นที่หน้าห้องโรงทาน ‘อู่ข้าว’
ตกค่ำหลังจากดื่มน้ำผลไม้ ที่เรียกว่า น้ำปานะ แล้ว น้ำใสสังหรณ์ใจรู้สึกหวั่นไหวด้วยเรื่องของเธอที่เจอกันตั้งแต่วันแรก จิตซัดส่ายทำให้ปฏิบัติธรรมอยู่ในห้องพักไม่ดีเท่าที่ควร จึงลุกเดินจงกรมหลายรอบ แล้วอธิษฐานจิตขอให้เกิดความสงบ เรื่องใดที่เข้ามารบกวนขอให้พลังแห่งพุทธองค์จงปัดเป่าออกไป
เขาล้มตัวลงนอนช่วงระหว่างยามสอง ขณะมองเวลาในนาฬิกาปลุกที่นำมาใช้สำหรับกำหนดเวลาการทำสมาธิ ...สี่ทุ่มสิบห้านาที ในใจอยากทำสมาธิไปจนกว่าจิตจะเข้าสู่ระดับฌาน
“วาโฆบา... เอาอีกแล้ว” เสียงของเธอดังก้องอยู่ในสมาธิ ซึ่งกำลังตกภวังค์สู่ฌานหลับลึก
ช่วงแรกขณะจิตกำลังตกภวังค์ สภาวะอารมณ์หวั่นไหว ขนลุกซู่ ใจของเขาสังหรณ์ว่า ต้องมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้...
ภาพสีเทาจางหม่นมัวค่อยปรากฏชัดขึ้น เขาเห็นภาพตนเองถูกแมวสีขาวตัวโตกำลังจะทำร้าย
“ช่วยเอามันไปให้ห่างๆ กู เอาไปฝังที่ไหนก็เอาไป” ตัวเขานั่นเองกำลังสั่งข้าทาสบริวารในเรือนอย่างหัวเสีย
“อย่านะเจ้าค่ะ...”
“ทำไม... ดอกหอม เลี้ยงมันให้กัดข้า กัดทุกคนรึ”
“มันคือแมวบุพกรรมของข้า...เจ้าค่ะ”
“ฮะ... คุณหญิงว่า... เจ้าเลี้ยงแมวผี ทำให้ข้าหลงใหลเจ้า” เขาในร่างคุณหลวงกำลังตำหนิเธอ
“จริงดอกรึ... ข้าเห็นมัน...กันมิให้ท่านขึ้นเรือนข้า ท่านจะหลงใหลข้าด้วยเหตุเพราะมัน คงผิดล่ะ”
ภาพสีขาวดำหนึ่งตัดแทรกขึ้นมาระหว่างการโต้เถียง...
“เอามันไปลงหวาย 1 ยก ไม่ตายให้หยอดน้ำข้าวต้ม!!!” เสียงเข้มของคุณหลวงน้ำพิจิตรกำลังสั่งลงโทษชายหนุ่ม
“ไอ้ขาว... มันคงตายก่อนหยอดน้ำข้าวต้มล่ะ ขอรับ” ข้าบ่าวผู้หน้าที่ลงโทษตอบกลับ
“นายขาว ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณท่านลงโทษขนาดนี้เจียวรึ” นางผู้อยู่ในเรือนเมียรองของคุณหลวงทักท้วง
“มันลักขึ้นเรือนเจ้า ข้ามิลงหวายเจ้า นี่ปราณีแล้ว” เขากระแทกเสียงดังลั่น
“นายขาว คือญาติข้า...นะเจ้าค่ะ”
“มองตามัน ข้ารู้แล้วว่า มันมิได้คิดว่าเจ้าคือญาติ”
“ขาวมณี ... เจ้าคือ บุพกรรมของข้า ที่ต้องชดใช้ในชาตินี้...เฮ้อ!!!” เสียงถอนหายใจของเธอคนนี้ปนสะอื้นอย่างรันทด
ภาพและเสียงของแมวสีขาวตัวโต...เวียนกลับมาอีกครั้ง
เมี้ยว!!!...
น้ำใสสะดุ้ง ระหว่างจิตกำลังตกสู่ฌาน ลำดับเหตุการณ์ยังดำเนินไป
“ไป...ไป๊!!! ให้ห่างตีนกู...” เสียงเขาโมโหที่แมวตัวโตสีขาวขนเรียบ จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“วาโฆบา... ออกไปเถิดนะ” เสียงหญิงสาวส่งเสียงไล่มันเบาๆ”
“มันวุ่นวายทุกคราที่ข้าขึ้นเรือน”
“วิฬาร์ขาวมณีตัวนี้... คอยปกป้องข้า ตั้งแต่มันขึ้นเรือนข้านะ เจ้าค่ะ”
“มีไอ้อีคนใด ทำร้ายเจ้าดอกรึ” เสียงคุณหลวงหงุดหงิดทันที
“ข้าจำต้องอ้างด้วยรึ ว่าผู้ใด”
“เจ้าหมายเอา...คุณหญิง อีกเช่นนั้น... รึ” น้ำเสียงไม่พอใจโต้กลับ
“มิได้...เจ้าค่ะ คุณหลวงคงแจ้งชัด ข้ามิจำเป็นต้องเอ่ยถึง”
ภาพสุดท้ายเชื่อมโยงให้เขาได้ปะติดปะต่อพอเข้าใจ ว่าเหตุใดเขาจึงมาที่นี่...
“ดอกหอม ... ข้าจะให้เจ้าไปกราบสักการะกับข้า”
“ที่ใดฤา...”
“โพธิคยา...แห่งมคธ”
“เจ้าสวดมนตราบทนี้ ทำข้าหลงใหลเสียงเจ้า”
เมี้ยว...!!! เสียงดังแทรกเข้ามาช่วงภาพกำลังเลือนราง
สำเภาลำหนึ่งกำลังอับปางลงท่ามกลางคลื่นพายุในระหว่างทางล่องกลับ
5 มนต์เสนห์แห่งบอลติกระหว่างทางไป กดัญสก์ (Gdansk) โทนี่เล่าว่าเมืองนี้เป็นฉากของนิยายลือเลื่องของนักเขียนเยอรมันเจ้าของรางวัลโนเบล นามว่า ‘Gunter Grass’ กรึนเทอร์ กลาสส์“เคยได้ยินนิยาย The Tin Drum ไหม” เขาถามถึงสองครั้งแต่เกรต้าไม่ตอบ เธอกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ในเว็บไซด์“กลองสังกะสี มีแปลเป็นภาษาไทย...ฉันไม่เคยอ่านหรอกนะ” เกรต้ากำลังกวาดสายตาอ่านเรื่องย่อที่ทำให้ผู้เขียนคนนี้ได้รับรางวัลโนเบล“a lot of codes…needed to interpret เป็นนิยายนามธรรมแฝงด้วยนัยที่ต้องตีความ” เกรต้าได้ยินคำพูดของโทนี่ที่ดูเข้าท่าก็ตอนนี้“เมืองกดัญสก์ (Gdansk) เดิมเคยอยู่ในดินแดนเยอรมันชื่อ Danzig ดานซิก ที่นักเขียนคนนี้ใช้เป็น location ของการเล่าเรื่องในนิยายของเขา” เขาเล่าคร่าวๆ แล้ววันหน้ามีเวลาเขาจะพยายามเล่าให้เธอฟังเป็นภาษาอังกฤษ นิยายเรื่องนี้ซับซ้อนมากตัวเอกเป็นคนหลังค่อมแต่มีของวิเศษที่ติดตัวมาเหมือนมีพลังเหนือธรรมชาติคือ tin drum คล้ายกับเรื่องอลาดินกับตะเกียงวิเศษ ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องราวผ่านสิ่งของอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งแทนความหมายเกี่ยวกับความหวัง ไฟปรารถนา พลังแห่งศรัทธาของการมีชีวิตอยู่
4 จัดรายการแดนไกล“สองหนุ่มสาวจากแดนสยามเมืองยิ้มวันนี้มาช่วยจัดรายการแทนป้าทิพย์...ใน Dear Debby in Warszawa วันนี้ป้าจะขอพักฟังสองคนจัดรายการเพื่อสร้างความแปลก Amazing ให้กับผู้ฟัง” เสียงป้าทิพย์เปิดรายการเกรต้ายังจดจำถึงวันนั้นได้เป็นอย่างดี คำพูดหนึ่งที่น่าประทับใจของเขาในรายการภาคภาษา Polish ของเขา หากเป็นภาษาไทยก็คง ‘เมื่อรักโดนใจแล้วใครจะช่วยเราได้หากเราไม่รีบที่จะไปตามหาหัวใจดวงนั้นทันที เมื่อรักเก่ามันสะบั้นลงอย่าหลงติดกับวังวน...รีบเหวี่ยงตัวเองออกมาซะแล้วไปตามหาคนที่ใช่ต่อไป’เกรต้าได้รับคำขอร้องจากสายของสาวไทยที่นั่นซึ่งโทรเข้ามาในรายการ เธอให้ความเห็นว่า ‘Whatever you think is real…ไม่ว่าเราจะคิดยังไงสิ่งนั้นคือความจริง คิดว่ารักคือรัก คิดว่าใช่คือใช่ ชีวิตคนนั้นไม่ยืนยาวจงรีบทำหากตัดสินใจแล้วอย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไป’“ผมคิดถึงคำพูดของคุณในรายการป้าทิพย์ ผมตื้อคุณจนถึงขอนแก่นวันนั้นใช่ไหม” เขาทำหน้ายียวนมองแววตาของเกรต้า“ใช่เลย...ฉันเลยได้คำพูดจากการกระทำวันนั้นของนาย” น้ำเสียงเกรต้าอย่างหมั่นไส้เขาถือวิสาสะจูงมือเกรต้าหลังจากเดินออกมาจากสถานีแล้วข้ามถนนไปฝ
3 กับดักรักเกรต้ามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อกระเป๋ารถมาสะกิดเธอว่าใกล้ถึงท่ารถที่อำเภอพล เธอจึงตกใจรีบทะลึ่งตัวผึงขึ้นศอกกระแทกเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขาร้องเสียงดังโอ๊ก“My heart’s being extremely attacked…หัวใจผมกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง...”เสียงอ้อนของเขากำลังจะหายไปกับสายลมเพราะหญิงสาวขอตัวลงที่ท่ารถที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้หนุ่มโทนี่ถึงกับผิดหวังจริงๆ อย่างที่พูดออกมาสักครู่“I wanna follow you here…ผมขอตามคุณลงไปด้วย” เขาพูดยังไม่ทันจบคำก็คว้าเป้ใบโตสะพานหลังกระโดดลงจากรถตามหญิงสาวที่ไม่แม้แต่จะหันมากล่าวลาเขาเลย"Oh…don’t go away โธ่...อย่าหนีผมไปเลย ผมจะไปไม่ถึงบ้านที่ Nong Song Hong หนองสองห้อง” เขายังคอยตามตื้อเกรต้าทั้งที่เธอพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อเดินหนีชายหนุ่มที่บ้าตามตื้อเธอมาถึงที่นี่“โน่น...ท่ารถแท็กซี่ นายไปติดต่อเลย อาจไม่มีรถนะ” เกรต้าทำตาดุใส่หนุ่มลูกครึ่งหน้าตายู่ยี่เพราะยังคิดไม่ตกว่าจะไปถูกไหม-------------------เกรต้าโล่งอกเมื่อมองหันหลังกลับไปไม่เห็นชายหนุ่มที่นั่งรถมาด้วยกันจากกรุงเทพ ใจหนึ่งก็นึกสงสารแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกรำคาญหมั่นไส้ ก่อนจะเดิน
2 ข้อความจากแดนไกลเกรต้า...เอนหลังนอนเอกเขนกเหม่อมองเพดานห้องและอมยิ้มเมื่อความคิดยังลอยวนเวียนอยู่ในสมองถึงวันศุกร์ที่ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว เธอนึกได้ว่าต้องเปิดอีเมล์เช็คดูว่าจะมีอะไรส่งมาถึงเธอบ้างจากหนุ่มนามว่า ‘โทนี่’ นายนี้ แปลก...ไม่มีเมล์อะไรมาถึงเธอเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอกำลังเปิดดูกลุ่มต่างๆ ในไลน์ แต่แล้วก็มีแช็ตชื่อแปลกๆ โผล่ขึ้นมาจากลิสต์ที่มีอยู่ เมื่อกดเข้าไปจึงเห็นสติ๊กเกอร์ทักทายจากหนุ่มนายคนที่คิดถึงอยู่พอดี“Wonder?? แปลกใจล่ะสิว่าผมรู้ได้ไง...” เกรต้าอ่านแล้วเธอหัวเราะคิกทันที นึกขำว่าแปลกที่เขายังตื้อจะคุยอยู่ได้“ผมจะมาเมืองไทย...อาทิตย์หน้า เจอผมได้ไหม” เกรต้ายังนิ่งเฉยไม่ตอบอะไรกับประโยคที่เขายังขึ้นพล่ามอยู่และอาจร่ายยาวไปได้เรื่อยๆ ฟังดูว่าจะเขียนไปได้ยาวแค่ไหนกัน“ผมจะเอา souvernir มาฝาก อยากได้แบบไหน ผมมีเยอะ” เกรต้าก็ยังไม่ตอบอะไรเขาเลย นายคนนี้เป็นอวาตาร์ไหม มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หญิงสาวสงสัยเหมือนกันว่า AI ทุกวันนี้มันเป็นไปได้หมดแม้อวตารของคนที่ไม่มีอยู่จริง“Hey…you’re an Avatar ฮัลโหล...ฮัลโหล ยูเป็นอวาตาร์???...!!!” เขายังเขียนพล่ามมาเรื่อ
คำโปรย...Dear Abbie แอบบี้ที่น่ารัก...มีปรัศนีมาช่วยไข-------------------1 ดีเจตัวแทน เกรต้า...Greta เข้ามาจัดรายการแทน Abbie แอบบี้ เมื่อวันศุกร์แรกของต้นเดือนเมษายนที่สถานี Hits965 ณ ห้อง broadcast live สดที่กรุงเทพ เธอเลือกเพลง ‘คนที่แสนดี’ ของโทนี่ ผี (Tony Phee) เปิดเป็น jingle intro เข้าสู่ช่วงต้นของรายการฉันเหมือนคนหลงทางหาไม่เจอกับ...ความรักฉันไม่เคยได้รู้จัก...เลยฉันได้แต่นั่งมองเหม่อดูคนอื่น...เฉยเฉยฉันไม่เคยไม่เคยเลย ไม่เคยแล้ววันหนึ่งเธอก็เข้ามาเข้ามาในชีวิตฉันไม่เคยรู้สึกนี่ ฮู้ ว่าเธอนะ...ใช่เลยฉันเพิ่งเข้าใจทุกทุกอย่าง ทุกความหมายว่ารักของเธอนั่นช่างมากมายและ...เหนือใครเสียงเพลงโฆษณาก็ขึ้นมาคั่นระหว่างที่เธอกำลังเตรียมเพลงและหาเนื้อหาให้เข้ากับรายการเพลง ‘Dear Abbie ปรัศนีหัวใจ...คำถามของคนมีรัก’กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...เกรต้าสาละวนกับการค้นหาเรื่องราวที่ค้างไว้สำหรับการตอบคำถามที่แอบบี้ทิ้งไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวาน เธอร้างลาการจัดรายการออกอากาศสดเกือบ 2 ปีแล้วตั้งแต่ไปเรียนต่อที่ซิดนีย์ ครั้งนี้เธอแวะมากรุงเทพเลยถูกเพื่อนสาวแอบบี้ใช้งานในฐานะดีเจเก่า คร
5 บอลลูนสื่อใจเรเน่ช่วยโอโมโรสดูแลการขึ้นกระเช้าจนครบทุกคน ด้วยจำนวนคนเพียง 5 คนซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มเพื่อนของยานะและมาร์ค ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคารันนั่นเอง ส่วนอีก 1 คู่เป็นญาติของมาร์คที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นาน ยานะเล่าว่าคารันขอมาทริปนี้ด้วยเมื่อมาร์คบอกว่าจะมาเยี่ยมญาติของยานะที่ไคโรและจะมาขึ้นบอลลูนที่นี่เรเน่ทำหน้าที่แทนเพื่อนสาวที่เสียงแหบแห้งบรรยายหุบเขากษัตริย์และราชินีที่เห็นอยู่เบื้องหน้า รวมทั้งวิหารลักซอร์ และคานัค วิวที่มองลงไปจากกระเช้าซึ่งล่องลอยไปกับตัวช่วยนำพาคือบอลลูนขนาดใหญ่ที่มีสีสันสวยงาม ทำให้ทิวทัศน์อย่างโอเอซิสตาน้ำในทะเลทรายและสายน้ำแห่งแม่น้ำไนล์ที่เห็นเป็นสายอยู่นั้นกลายเป็นความมหัศจรรย์ที่ยากจะลืมเลือน.... .... .... ....“ที่นี่เป็นอะไรที่ฝังอยู่ในหัวผมมานานมากแล้ว...เรเน่” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางความมืดที่มีแสงจันทร์ส่องสว่างเต็มดวง คืนนี้มีเขาและเธอที่นั่งชมความงามของภูมิประเทศของเมืองแห่งนี้“อยากมาขึ้นบอลลูนล่ะซิ...ไปขึ้นมากี่เมืองแล้ว” หญิงสาวมองแววตาสีเขียวอ่อนของชายหนุ่มขณะที่เขากุมมือของเรเน่ไว้กำลังจะยกขึ้นมาจุมพิต“อย่าบอกนะว่าไปมาเกือบหมด