เหตุการณ์ในคลับเป็นเพียงด่านแรกที่นลินได้เผชิญ ตอนที่ฟื้นจากความมึนเมาก็ได้แต่มองคนที่นอนอยู่ข้างกาย ปลายนิ้วชี้ลูบไล้ริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน
นลินจำไม่ค่อยได้แล้วว่าอันไหนเป็นความจริงหรือความฝัน มีเพียงสัมผัสจากริมฝีปากคนที่นอนหลับตรงหน้าเท่านั้นที่ยังชัดเจน
นราวิชญ์ลืมตามองเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนอย่างเคยพร้อมเอ่ยทักทายยามเช้าแล้วโอบร่างบางมากอดไว้ นอนขลุกอยู่อย่างนั้นสักครู่หนึ่งพลันได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้าจึงเด้งตัวลุกขึ้นแล้วอาบน้ำไปทำงาน
“พี่วิชญ์ วันนี้นลินจะไปดูทำเล แวะไปด้วยกันไหมคะ” เธอเอ่ยชวนเพราะเห็นว่าเมื่อก่อนคนเป็นพี่รบเร้าอยากรู้ว่าเธอจะเปิดร้านขายดอกไม้ตรงไหน
“ขอโทษนะแต่พี่มีประชุมทั้งวันเลย เอาไว้วันหลังเราค่อยไปดูพร้อมกันไม่ได้เหรอ” นราวิชญ์
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมานราวิชญ์แทบจะเป็นบ้าที่จู่ ๆ ก็ถูกนลินทิ้งไปอย่างไรเยื่อใย เขาพยายามค้นหาหญิงสาวด้วยอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในมือจนกมลาและน้องสาวเริ่มสงสัยความรู้สึกของเขาขึ้นมาระหว่างที่ออกตามหานลิน ตัวเขาเองก็ได้รู้ความจริงบางอย่างขึ้นมาจนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ทั้งโง่และบ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดความเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำและคำพูดร้าย ๆ ที่เคยพร่ำบอกนลินถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ก่อเกิดเป็นความเศร้าในใจจนไม่เป็นอันทำงานและใช้ชีวิตเมื่อประธานใหญ่เรียกเข้าพบ เขาแทบไม่หลงเหลือเค้าโครงของนราวิชญ์คนเดิม แม้จะโดนตบหน้าเรียกสติแต่กลับไม่เป็นผลเพราะในใจนึกแต่เรื่องของนลิน คิดแต่ว่าควรทำอย่างไรถึงจะหาเธอเจอ“คุณชายไม่แตะอาหารมื้อนี้เลยค่ะ” ป้าอุษาบอกกับปณัย เลขาส่วนตัวของเ
ทันทีที่ได้ยินดังนั้นนลินแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใด ๆ อีกแล้ว ในใจคิดแต่ว่าเขาเกลียดเธอมากขนาดนั้นเลยหรือ เสี้ยวหนึ่งของหัวใจที่เคยบอกว่ารักเป็นแค่เรื่องหลอกลวงจริง ๆ หรือในเมื่อวันนี้จะไม่มีใครมาช่วยเธอแล้ว เจ้าตัวก็ไม่คิดยอมแพ้ง่าย ๆ เรื่องราวในวันนี้ก็เหมือนวันวานที่เธอเคยวิ่งหนีพวกเจ้าหนี้นั่นแหละสายตาของหญิงสาวมองหาทิศทางพลันได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหน้าทำให้พวกคนร้ายที่ยืนประจำจุดตรงนี้รีบวิ่งออกไปทางต้นเสียงนลินจึงสบโอกาสเตะผ่าหมากคนที่คุมตัวเธอเอาไว้อย่างรุนแรงแล้วออกแรงวิ่งไม่คิดชีวิตแม้หนทางรอบตัวจะเป็นป่าหนาทึบก็ตาม“ไปจับมันมา!!!” ชายคนนั้นนอนกุมเป้ากางเกง สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดสั่งการลูกน้องระดับต่ำกว่าอีกสองคนให้ตามนลินไปติด ๆ&nbs
สองชั่วโมงต่อมานลินงัวเงียมองไปรอบตัวจึงได้เห็นว่าข้างกายมีหญิงสาวคุ้นหน้าอีกคนถูกปิดปากมัดกับเก้าอี้ พลันได้ยินเสียงของชายวัยฉกรรจ์สามสี่คนพูดคุยถึงเรื่องราวในวันนี้“แกไปจับมันมาทำไม ไอ้ซื่อบื้อ” คนที่ดูเหมือนหัวหน้าตวาดลูกน้องตนเองเพราะขัดคำสั่ง“ลูกพี่บอกว่าให้จับคนสำคัญของหมอนั่นมา ก็คะ...คนนี้ถูกแล้ว” เขาพยายามเถียงกลับไป แม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อเลยก็ตามทว่า เขารู้ดีว่านราวิชญ์มักแอบมาพบนลินที่กองถ่ายลับหลังคนอื่น ๆ อยู่เสมอจนเขารู้สึกว่าเธอคือคนสำคัญที่ควรจับตัวมาเรียกค่าไถ่มากที่สุดแล้ว“ยัง ยังจะเถียงไม่เลิก คนสำคัญจริง ๆ มันต้องผู้หญิงคนนี้สิ ในข่าวก็ลงว่าจะแต่งงานกันไม่ใช่หรือไง” ลูกน้องอีกคนโพล่งออกมา “แต่ก็นั่นแหละ ไหน ๆ
หลังจากวางสายคนเป็นพี่แล้วนลินไม่รอช้ารีบแต่งตัวแล้วเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางออกจากคอนโดของตัวเองทันทีเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับนราวิชญ์อีกปณัยโทรรายงานเหตุการณ์เช้าวันนี้ด้วยท่าทางเลิ่กลั่กนิดหน่อยเพราะฝ่ายที่โดนติดตามรู้ตัวแล้ว“ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะ” นราวิชญ์พึมพำอยู่คนเดียว “ใส่ชุดอะไรออกไป” เขาถามลูกน้องคนสนิทของตัวเอง“เสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขายาวคับ” ปณัยตอบไปตามที่เห็น ไม่ค่อยคุ้นตากับสไตล์แต่งตัวแบบนี้ของนลินแม้แต่น้อย“คอล่ะ”“น่าจะเป็นแผ่นแปะแก้ปวดประมาณสี่แผ่นคับ คุณนลินไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ” เขารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันทีแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของ
อีกฟากหนึ่งนลินกลับคอนโดทันทีหลังจากเลิกงานที่ร้านดอกไม้ สีหน้ายิ้มแย้มเพราะวันนี้ได้รับการติดต่อจากบริษัทออแกไนซ์ให้ช่วยเตรียมฉากในงานแต่งงาน คิวยาวแน่นขนัดไปจนถึงสิ้นเดือนจนคิดว่าอาจจะมีโบนัสเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พนักงานในร้านเป็นของขวัญเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องกลับเห็นไฟตรงกลางโถงสว่างจ้าพร้อมกลิ่นน้ำหอมของใครบางคน“นายเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง” เธอถามนราวิชญ์ทันที รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว“ทำไมจะเข้ามาไม่ได้ ทั้งห้องนี้ ทั้งร่างกายนลินเป็นของพี่” เขาเอ่ยปากบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยังไม่รู้ข่าวคุณลุงสุดที่รักถูกเตะกระเด็นจากตำแหน่งรองประธานใช่ไหมล่ะ”“ทำไมถึงทำแบบนั้น” นลินถามออกไปอย่างนั้นแต่ก็พอจะรู้คำตอบว่านราวิชญ์ม
เช้าตรู่วันนั้นนราวิชญ์กลับมาหานลินที่ห้องนอนอีกครั้ง ทว่า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของคนที่อยากพบหน้า สายตาเหลือบเห็นบานประตูตู้เสื้อผ้าแง้มเอาไว้จึงไปเปิดดู พลันได้เห็นว่าข้างในไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยเขาจึงรีบเปิดดูลิ้นชักข้างเตียงและห้องอื่น ๆ พลันได้เห็นว่าไม่มีข้าวของนลินอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว“ป้าอุษา” ชายหนุ่มตะโกนเรียกแม่บ้านที่เพิ่งมาทำงาน “นลินหายไปไหนครับ”“คุณนลินไม่ได้บอกเหรอคะว่าย้ายออกไปจากบ้านเล็กได้หลายวันแล้ว” แม่บ้านตอบไปตามความจริงเพราะสามสี่วันก่อนเธอช่วยนลินเก็บข้าวของด้วยตัวเองช่วงนั้นนราวิชญ์ไม่อยู่บ้านเกือบหนึ่งอาทิตย์แถมยังไม่ยอมรับโทรศัพท์จึงไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
สองอาทิตย์ต่อมาคืนวันเกิดของนราวิชญ์ที่แขกเหรื่อมาร่วมงานมากหน้าหลายตา บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงอย่างมีระดับ วงในซุบซิบกันล่วงหน้าว่าวันนี้คงจะมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นจึงตั้งหน้าตั้งตารอนราวิชญ์พูดคุยกับเพื่อนฝูงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สายตามองภิญโญที่กำลังตรงดิ่งมาหาเขาเพราะเพิ่งจะรู้ว่าลูกชายตัวดีกำลังคิดจะทำอะไรเขาคิดในใจเฮ้อ อุตส่าห์จะแอบประกาศตอนพ่อไปดูงานที่ต่างประเทศ ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นก็ฟังให้เต็มสองหูเลยก็แล้วกันทั้งสองจึงหลบไปหาที่เงียบ ๆ มุมหนึ่งของงานเพื่อสะสางความไม่เข้าใจกัน“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดึงนลินเข้ามาเกี่ยว” ภิญโญพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม โกรธเคืองและขัดใจ หลากหลายอารมณ์ระคนปรากฏบนใบหน้าของเขา “ทำแบบนี้ไม่เป็นห่
เหตุการณ์ในคลับเป็นเพียงด่านแรกที่นลินได้เผชิญตอนที่ฟื้นจากความมึนเมาก็ได้แต่มองคนที่นอนอยู่ข้างกาย ปลายนิ้วชี้ลูบไล้ริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยนนลินจำไม่ค่อยได้แล้วว่าอันไหนเป็นความจริงหรือความฝัน มีเพียงสัมผัสจากริมฝีปากคนที่นอนหลับตรงหน้าเท่านั้นที่ยังชัดเจนนราวิชญ์ลืมตามองเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนอย่างเคยพร้อมเอ่ยทักทายยามเช้าแล้วโอบร่างบางมากอดไว้ นอนขลุกอยู่อย่างนั้นสักครู่หนึ่งพลันได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้าจึงเด้งตัวลุกขึ้นแล้วอาบน้ำไปทำงาน“พี่วิชญ์ วันนี้นลินจะไปดูทำเล แวะไปด้วยกันไหมคะ” เธอเอ่ยชวนเพราะเห็นว่าเมื่อก่อนคนเป็นพี่รบเร้าอยากรู้ว่าเธอจะเปิดร้านขายดอกไม้ตรงไหน“ขอโทษนะแต่พี่มีประชุมทั้งวันเลย เอาไว้วันหลังเราค่อยไปดูพร้อมกันไม่ได้เหรอ” นราวิชญ์
วันเสาร์นลินแต่งตัวด้วยชุดเดรสที่อุษาจัดเตรียมไว้ให้ พลางส่องกระจกหมุนตัวดูแล้วรู้สึกว่า “ชุดเหมือนจะไปดูตัวเลยนะคะ”“คุณนลินใส่แล้วสวยมากค่ะ” อุษาเข้ามาจัดแจง “ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ” เธอยิ้มให้คนตรงหน้า“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่ต้องบอกพี่วิชญ์จริง ๆ เหรอคะ” นลินไม่เข้าใจว่าทำไมนัดหมายครั้งนี้ต้องเก็บเป็นความลับ แต่เมื่อภิญโญยืนยันอย่างนั้นจึงได้แต่ทำตามเช้านี้จึงรอให้อีกฝ่ายไปทำงานก่อนแล้วค่อยหาทางหลบออกไปทีหลังภัตตาคารบนตึกระฟ้าใจกลางเมืองนลินมาถึงสถานที่นัดหมายตรงเวลาพอดี ข้างหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุมากกว่านราวิชญ์ประมาณสามปีกำลังนั่งพูดคุยกับภิญโญด้วยความสนิทสนม&n