คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ ปี 4
“นับดาว!!!”
“ดีใจจัง!!”
“อะไรของแกยัย มะเหมี่ยว!”
นับดาวที่เพิ่งเดินเข้าห้องเรียนหลังจากเพิ่งไปรายงานตัวจ่ายค่าเทอมที่งานทะเบียน ถึงกับต้องส่ายหัวเมื่อเพื่อนรัก เดินเข้ามากอดเหมือนไม่ได้เจอกันนานเป็นชาติทั้ง ๆ ที่ก็เพิ่งจะคุยแชตกันเมื่อคืน!
“ก็แค่ดีใจ! ว่าแต่เตโชไปไหน?”
เพื่อนสาวชะเง้อคอยาวมองไปที่ประตู
“จะไปรู้เหรอไม่ได้มาด้วยกันสักหน่อย!”
นับดาวต้องถอนหายใจกับเรื่องนี้เพราะเพื่อน ๆในห้องต่างคิดว่าเธอกับเตโชกำลังคบกัน
“ก็แกสองคนเป็นแฟนกันนิ!”
มะเหมี่ยวพูดอย่างไม่คิดอะไร
“ฟังนะ! ฉันกับเตโช! เราไม่ได้เป็นแฟนกันเราเป็นเพื่อนกัน! เข้าใจไหม!”
นับดาวพูดออกไปอย่างชัดเจน จนเตโชที่กำลังจะเดินเข้าห้องถึงกับต้องชะงัก!
“อ้าว! เต!”
น้ำตาล เพื่อนในกลุ่มลูกคุณหนูสวยหวานเอ่ยทักเตโชที่ได้ยินคำพูดของนับดาว เขาถึงกับหน้าเหวอ อึ้งกับคำพูดหญิงสาว ถึงจะรู้ว่าเธอไม่เคยคิดกับตัวเองเกินกว่าคำว่าเพื่อน แต่พอได้ยินจากปากเธอมันก็ถึงกับเสียความมั่นใจไปเลย
...ฮึ...เจ็บดีเหมือนกันแฮะ!...
แต่เขาก็ได้แต่คิดในใจส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เพราะตัวเองแอบรักเพื่อนสาว นับดาว นางสาว หฤทย์ณิศา เอกอนันต์ เธอที่สวยเก่ง ฉลาด พ่วงตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัย และดาวคณะเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยแต่กลับไม่มีใครเอาชนะใจหญิงสาวได้สักคน
ไม่ว่าชายหนุ่มพวกนั้นจะเข้ามาจีบเธอในรูปแบบไหน แต่เธอก็ปฏิเสธพวกเขาหมดทุกคนเพราะเธอมีเป้าหมายในชีวิต ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จครอบครัวยังไม่สบายเธอจะไม่มีแฟนเด็ดขาด
แต่ผู้ชายพวกนั้นพอได้รู้ถึงฐานะทางบ้านที่มีพ่อเป็นแค่คนสวนจน ๆ พวกเขาก็นึกรังเกียจและไม่สนใจเธอแล้ว จะมีก็แค่เพื่อนรัก อย่างเตโช มะเหมี่ยว และน้ำตาลที่ไม่สนใจเรื่องนี้
แต่สำหรับเธอถึงจะเพื่อนน้อยแต่เกินร้อยแบบนี้ ดีกว่ามีเพื่อนเยอะแต่ไม่มีความจริงใจแบบนี้ก็ไม่เอา!
“งั้นดาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา” ยังไม่สิ้นคำร่างบางก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันทีเพราะอีกแค่ไม่เกิน 10 นาทีจะเริ่มเรียนวิชาแรก
เพราะเธอเป็นถึงหัวหน้าห้องจะเข้าช้ากว่าเพื่อนไม่ได้ ไม่งั้นได้โดนว่า ว่าไม่มีความรับผิดชอบ
...วันแรกของการเรียนดาวจะตั้งใจเรียนนะคะพ่อ...
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายครอบครัวเพราะพ่อและน้องคือแรงผลักดันและกำลังใจให้เธอไม่ยอมแพ้กับทุกสิ่งอย่าง!
“สู้!”
เธอพูดให้กำลังใจตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ หลังจากที่ทำธุระเสร็จ แต่แปลกจริงทำไมวันนี้ห้องน้ำมันเงียบและน่ากลัวแบบนี้
...เงียบแบบนี้จะมีผีออกมาเหมือนในหนังไหมนะ!...
เธอได้แต่คิดและนึกขำตัวเองเวลาเข้าห้องน้ำคนเดียวทีไร เจอบรรยากาศวังเวงแบบนี้ชอบนึกถึงแต่เรื่องผี
...ท่าจะบ้า!...
หมับ!!
พรึบ!
ตุ้บ!!
“...อึก!!”
ร่างบางที่กำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่ของใครไม่รู้คว้าเอวดันตัวเธอหลังติดกำแพง
สายตาเย็นชาดุจยอดน้ำค้างแข็ง มองจ้องเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า! อย่างพิจารณา
สองเดือนเต็ม ๆ ที่เขาให้คนสืบตามหาเธอจนสุดท้ายก็เจอตัวเธอจนได้!
“ปล่อย! สิ! นายจะมาจับฉันไว้ทำไมเนี่ย!!” นับดาวดิ้นเมื่อชายหนุ่มในชุดนักศึกษา เจ้าของใบหน้าหล่อคมเข้ม จับตัวเธอไว้แล้ว
สายตาเขาที่มองเธอมันยิ่งทำให้เธอสงสัย
...มองเหมือนฉันไปฆ่าญาติเขาตายงั้นแหละ
แต่เธอก็ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดต่อกรกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร!
“ฮึ!! ไง! ไม่เจอฉันแค่สองเดือนไม่อยากได้ฉันเป็นผัวแล้ว?”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอมันยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับอีกฝ่าย
“พูดบ้าอะไร! ฉันไม่รู้จักกับนายสักหน่อย!” เธอดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการท่อนแขนแกร่งที่กอดรัดเอวคอด พร้อมดันตัวเข้าใกล้จนเธอแทบหายใจไม่ออก
“ฉลาดนิ! ถึงกับลงทุนมาเรียนมหาลัย หวังจะอัปเกรดราคาสินะ หึ!”
“มึงนี่มันทุเรศสิ้นดี!”
ชายหนุ่มยังคงหัวเราะพูดยิ้มกวนประสาทแต่ทว่ากลับมีความดุดัน สายตาเย็นชาเริ่มเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
“อ้าว!! นายสิบ้า! ฉันไม่รู้จักนายสักหน่อยทำไมมาพูดกับฉันแบบนี้!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรง จริงอยู่ที่เป็นคนไม่สู้คนอาจจะขี้อายไปบ้างแต่เจอแบบนี้ใครจะไปทนไหว
…...ขนาดพ่อยังไม่เคยพูดกูมึงด้วยแล้วไอ้บ้าหน้าหล่อนี่กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้? แล้วไอ้สายตาที่มองฉันแบบนี้หมายความว่าไง!......
สองสายตามองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ปล่อย!! ฉันจะไปเรียน!!”
สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่มันกลับไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายกลับไม่ขยับเลยสักนิด!
“หึ...เล่นละครเก่งนิ! ทำเป็นจำฉันไม่ได้แล้วคิดเหรอว่ามึงจะรอด!!”
“ทำอะไรผิดไว้แล้วคิดว่าจะหนีรอดได้หรือไง!!”
หมับ!!
มือสากเอื้อมขึ้นบีบคอระหงอย่างแรง
“ฮื่อ!! ปะ...ปล่อย!”
นับดาวดิ้นทุรนทุรายเมื่ออีกฝ่ายออกแรงบีบจนเธอหายใจไม่ออกและกำลังจะขาดอากาศหายใจ
“อย่างเธอตายมันง่ายไป! ฉันจะทำให้เธอทรมาน ทรมาน!! ทีละนิด ทีละนิด ค่อย ๆ ตาย! อย่างช้า ๆ”
เพียงเสี้ยววินาทีที่เธอกำลังจะขาดใจเขาปล่อยมือจากคอ แต่ทว่ากลับล้วงมือเข้ามาใต้กระโปรงนักศึกษา
“แค่ก ๆ ๆ ๆ ฮื่อ!! ไอ้บ้า!! หยุดนะไอ้โรคจิต!” นับดาวที่หน้าแดงก่ำ รีบปัดมือชายหนุ่มออกทันที
“ชะ...ช่วย อุ๊บ!!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ยังไม่ทันจะได้ร้องขอความช่วยเหลือคำพูดของเธอมันก็ถูกกลืนหายไป เมื่อถูกอีกฝ่ายปิดปากเธอด้วยปากเขา
“ฮื่อ!!!”
ตุ้บ!!
มือน้อย ๆ ทุบตีหลังชายหนุ่มแต่นั่นมันยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์โทสะของอีกฝ่าย
เขาจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอย่างแรง ขบกัดด้วยความป่าเถื่อน
ยิ่งเธอดิ้นทุบตีเขาแรงเท่าไรเขาก็ยิ่งบดขยี้ริมฝีปากเธอแรงขึ้นเท่านั้น มันแรง แรงจนเธอชาไปทั้งปาก มันบวมเป่งและรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือด
“ฮื่อ!!” มือเล็กดันแผงอกแกร่ง เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักตัวเขาแต่ด้วยสรีระร่างกายที่แตกต่างกัน
เขาตัวโตกล้ามใหญ่แล้วดูเธอสิตัวเล็กอย่างกับลูกหมาจะไปสู้แรงผู้ชายตัวใหญ่ได้ไง
แต่จะอยู่เฉย ๆ ให้เขาย่ำยีแบบนี้ได้เหรอ แค่เขาเป็นใครก็ไม่รู้ขโมยจูบแรกเธอไปมันก็มากพอแล้ว
แล้วชายตรงหน้ายังป่าเถื่อนรุนแรงดูดกัดริมฝีปากจนบวมเจ่อขนาดนี้เขายังไม่มีท่าทีจะหยุดเลย
ตุ้บ!!!
“อั้ก!!”
พรึบ!!
ร่างบางรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ ปล่อยให้คนบ้าโรคจิตที่สองมือกุมเป้าหน้าเขียวซีดเมื่อเจอเข่าหญิงสาวแทงเข้าให้อย่างจัง
“นับดาว!! ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่! งานนี้เธอต้องรับผิดชอบรวมถึงชีวิตลูกกับเมียฉัน!!”
เสียงเข้มปนเจ็บร้าวเมื่อท่อนล่างเขาโดนทารุณด้วยข้อเข่าอย่างจัง
และนั่นมันยิ่งทำให้เขาแค้นใจอยากจะฆ่าเธอให้ตายตามลูกเมียไปเสียวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ!
แต่การตายมันง่ายไปสำหรับผู้หญิงที่ชื่อ นับดาว!!!
ตอนเช้า“ตื่นสายนะเรา”“เพราะใครล่ะ ดาวถึงตื่นสายแบบนี้ แล้วลูกล่ะคะไปไหนแล้ว”“ตื่นมาก็ถามหาแต่ลูกสนใจผัวบ้างไหม?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมองคนตัวเล็กที่ยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม“ก็ผัวอยู่ตรงนี้ ดาวไม่เห็นลูกก็ต้องถามหาลูกสิ พี่จะมางอแงทำไมกัน” นับดาวได้แต่ถอนหายใจพร้อมดันตัวลุกขึ้นนั่ง“หึ ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ แบบนี้มันน่าเอา” สายตาเจ้าเล่ห์มองต่ำไปที่เป้ากางเกงตัวเอง“ลามก พี่หยุดลามกแล้วตอบดาวมาก่อนลูกไปไหน” นับดาวพูดจริงจัง“อยู่กับหม่าม้า เธอตื่นสายฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เลยพาลงไปเล่นข้างล่าง” มือหนาลูบที่หัวเมียแล้วเอาแต่ยิ้มกริ่ม“ยิ้มอะไรคะ พี่ดูแปลก ๆ นะดาวว่า” นับดาวพยายามจับผิดคนตรงหน้าที่เอาแต่ยิ้ม“ไปอาบน้ำพ่อกับตะวันรอนานแล้วนะ” เมื่อได้ยินพ่อของลูกพูดแบบนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขาจะพาไปที่ไหนสักแห่ง“พี่จะพาดาวไปไหนเหรอ”“ไปอาบน้ำไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง ให้เวลา 20 นาทีเดี๋ยวไปเล่นกับลูกรอ” เขายักคิ้วกวน ๆ พร้อมจุ๊บปากบาง แล้วเดินออกจากห้องทันที นับดาวได้แต่ทำหน้าสงสัยก่อนจะหอบผ้าห่มเดินเข้าห้องน้ำ30 นาทีผ่านไป“ช้า” ทันทีที่เห็นเมียเดินมาคุณพ่อคนหล่อก็บ่นเสียงดุ“…….” แต่เม
“แดดดี้อยากจะขอบคุณเบบี๋ที่ทำให้ผู้ชายเลว ๆ คนนี้กลับตัวกลับใจ เป็นคนดี ขอบคุณที่เบบี๋ยอมไว้ใจฝากชีวิตไว้กับแด๊ด ขอบคุณที่มอบสิ่งมีค่าที่สุดให้แด๊ด” กันต์มองไปที่ลูกสาวทั้งสองคน พร้อมส่งยิ้มให้เมียรักที่มองหน้าเขาน้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจ“แดดดี้ขอมอบเพลงนี้แทนความรู้สึกที่แด๊ดมีต่อเบบี๋” กันต์เดินเข้าไปนั่งลงคุกเข่าร้องเพลงต่อหน้าเมียสุดที่รัก พร้อมลูกสาวจอมแสบ อย่างญี่ปุ่นที่วิ่งเข้าไปกอดหอมพ่อเพื่อให้กำลังใจ‘ที่ผ่านมานานเท่าไรกาลเวลาไม่อาจลืมหัวใจเปลี่ยนไปจากเธอคงเป็นไปไม่ได้เมื่อใจผูกพันมีแต่เธอแม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้นไม่อาจแบ่งใจเผื่อไว้ให้ใครใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมายเมื่อมีเธอไม่ต้องการใครเมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอพรุ่งนี้ก็รักเธอ เพราะใจที่มีเธอไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจฉันได้ดีอย่างเธอตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว’“เบบี๋รักแดดดี้ ขอบคุณนะคะที่แดดดี้ทำทุกอย่างเพื่อเบบี๋กับลูก ๆ” เบบี๋พูดเสียงสะอื้น มันตื้นตันใจจนห้ามน้ำตาไม่ได้ ก่อนสี่คนพ่อแม่ลูกจะกอดหอม แสดงความรักอย่างไม่อายสายตาทุกสายตาที่มองแล้วได้แต่ยิ้มตาม“……” มีแต่สไนเปอร์นั่งทำหน้าขรึมไม่
1 ชั่วโมงผ่านไป“แม่จ๋า พี่ตะวัน คุณตาขา” ร่างอ้วนกลมวิ่งเข้าไปกอดแม่ที่ประคองคุณตาเดินเข้าบ้าน“ไปดูลูกก่อน บ่นถึงเธอทั้งวัน” สไนเปอร์เดินเข้าไปประคองพ่อตาทันที“คิดถึงจังเลย วันนี้ภูพิงค์ของแม่จ๋าดื้อไหม” นับดาวยิ้มรับพร้อมเดินเข้าไปอุ้มลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงสีชมพูน่ารัก“ไม่ค่ะ หนูเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนเยย” แล้วทำไมต้องอ้อนขนาดนี้ด้วย แค่นี้แม่ก็หลงลูกไม่ไหวแล้ว“พี่ตะวันกอดหนูหน่อย” พร้อมอ้าแขนป้อม ๆ ยื่นไปหาพี่ชายอีกคน“คุณตาด้วยกอดหนูหน่อยคิดถึงคุณตาที่สุดในโลกเลย” พี่ชายกับคุณตาได้แต่มองหลานสาวตัวน้อยแล้วยิ้ม ก่อนจะกอดหอมกันพักใหญ่แล้วขึ้นไปพักบนห้องที่กันต์เตรียมไว้ให้“ยิ้มอะไรคะ แล้วภูผาล่ะ ตั้งแต่มาดาวยังไม่เห็นลูกเลย” นับดาวชะเง้อคอมองหาลูกชาย“อยู่กับพี่กันต์ โดนญี่ปุ่นลวนลามทั้งวัน” สไนเปอร์พูดอย่างเหนื่อยใจ พร้อมทำหน้าบูดบึ้งเพราะหวงลูกชาย“แม่จ๋าหนูหิวหม่ำแม่” ระหว่างที่พ่อกับแม่พูดถึงพี่ชายเด็กน้อยตัวอ้วนกลับงอแงเอาเสียดื้อ ๆ“อะไรกันคะ” นับดาวจับมือเล็กที่ล้วงเข้าไปในเสื้อพร้อมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่งัวเงีย“พี่เปอร์ลูกนอนกลางวันไหม”“……” สไนเปอร์ได้แต่ส่ายหัว เพร
หลายวันผ่านไป“พี่กันต์พี่บอกลูกสาวพี่ให้หยุดวอแวลูกชายผมสักทีได้ไหมวะ” สไนเปอร์ที่เอาลูกขี่หลัง หลังเตรียมจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เซอร์ไพรส์เมียที่ออกไปรับพ่อกับน้องชาย บ่นพี่ชายที่ไล่วิ่งตามจับลูกสาวตัวแสบที่เอาแต่แกล้งคนนั้นกวนคนนี้ โดยเฉพาะภูผาลูกชายสุดที่รักพ่อเปอร์ ที่ตอนนี้กอดคอพ่อแน่นส่วนลูกสาวตัวอ้วน ๆ เล่นอยู่กับป้า ๆ หัวเราะคิกคักตามประสาผู้หญิง“เออ กูรู้แล้วไอ้เปอร์ กูก็ตามอยู่เนี่ย!”“ญี่ปุ่นแด๊ดไหว้ละ ลูกไปอยู่กับหม่ามี้ แด๊ดไม่ไหวแล้วนะ” กันต์มือเท้าเอวจ้องหน้าลูกสาว ที่ทำหน้านิ่งไม่ได้สนใจฟังที่พ่อพูดเลย“ภูผา เราไปวิ่งเล่นกันดีกว่าญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเลย พี่พาร์ทก็ไม่เล่นด้วยเอาแต่รักฟองเบียร์ น้องตอร์ชก็ไม่เล่นด้วยหยิกญี่ปุ่นตลอดเลย” เด็กน้อยทำหน้าน่าสงสาร“พอร์ช ลูกพอร์ช ไม่ใช่ตอร์ช คำอื่นแด๊ดก็เห็นหนูพูดชัดแล้วทำไมเรียกพอร์ชแบบนั้น” กันต์พูดอย่างเหนื่อยใจ“ตอร์ช ตอร์ช ญี่ปุ่นจะเรียกตอร์ช!!!!!”“เฮ้อ กูจะบ้าตายใครก็ได้เอาปืนมายิงกูที!!!” แต่ก็ทำได้แค่บ่น ท่องไว้กันต์ท่องไว้ ลูกกู ลูกกู ก็คือลูกกู แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจะตายให้ได้ จะทำยังไงลูกสาวตัวน้อยจะเหมือนลูกคนอื่น
“กูยอมลูกมึงไอ้เปอร์ กูว่าญี่ปุ่นอ้อนแล้วลูกมึงสุดจริง” กันต์ได้แต่ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นน้องชายมีวันนี้ มีความสุขเหมือนคนอื่นได้สักที“เข้าไปกราบหม่าม้าสิ ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบลงที่หัวแม่ของลูกอย่างห่วงใย พร้อมเดินจูงมือเมียเข้าไปกราบแม่“หม่าม้าขอโทษ อย่าไปไหนอีกนะ คงจะลำบากมากสินะผู้หญิงตัวคนเดียวเลี้ยงลูกเพียงลำพัง” เสียงพูดที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย หลังจากที่คิดอะไรได้หลายอย่างและไม่ควรมองคนแค่ภายนอก มือบางลูบลงที่หัวนับดาวที่ได้แต่นั่งยิ้มด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอจะได้อยู่กับคนที่รัก“เปอร์ขอบคุณหม่าม้าที่ยอมรับในตัวนับดาว” สไนเปอร์โผเข้ากอดแม่ โดยมีพี่ทั้งสองคนนั่งมองแล้วยิ้ม“พอ ๆ ๆ ๆ จะดึงเศร้าทำไม” กันต์พูดแทรกขึ้น“ภูพิงค์มาหาลุงสิคะ ไหนดูสิไม่เจอกันนานมาให้ลุงกอดหน่อย มาค่ะคนสวยภูผาด้วย คืนนี้นอนบ้านลุงนะรู้ไหม” พร้อมผายมือเรียกหลานรักให้เข้าไปหา“ดีเลยค่ะ ญี่ปุ่นจะได้มีเพื่อน พี่พาร์ทด้วยนอนกับญี่ปุ่นนะคะ ญี่ปุ่นอยากมีเพื่อนเล่น” ไม่พูดเปล่าญี่ปุ่นเดินเข้าไปหาภูผาที่เอาแต่นั่งกอดอก มองหน้าญี่ปุ่นอย่างเบื่อหน่าย“ทำไมทำหน้าแบบนั้นลูก” สไนเปอร์จ้องหน้าลูกอย่างส
ตอนเช้า“แม่จ๋า” เด็กหญิงตัวน้อยงัวเงียตื่น คลานเข้าไปกอดแม่ที่ยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโต“ว่าไงคะ” ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มให้ลูกน้อยตะแคงข้างกอดตัวอ้วนกลมแนบอก“พ่อจ๋าหนูล่ะ พ่อจ๋าไปไหน” เด็กน้อยงอแงเรียกหาพ่อทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา“พ่อจ๋าอยู่นี่ครับมาหาพ่อมา ภูผาด้วยมาให้พ่อนอนกอดหน่อย” สไนเปอร์ยิ้มรับพร้อมอ้าแขนรับลูก“หนูจะนอนตรงนี้” เด็กหญิงตัวอ้วน ลุกขึ้นไปนอนบนตัวพ่อ“ภูพิงค์น้องตัวหนักเดี๋ยวพ่อก็หายใจไม่ออกเหมือนพี่หรอก”“พ่อจ๋า พี่ภูผาว่าหนูอ้วน” เมื่อได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มก็บูดบึ้งทันที“พี่ไม่ได้ว่าสักหน่อย” เมื่อเห็นน้องงอนพี่ชายก็ได้แต่ถอนหายใจ เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อกับแม่ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้“ชิ หนูงอนแย้ว พี่ภูผาต้องง้อหนูเยย”“พ่อจ๋า วันนี้พ่อจ๋าพาไปหาคุณตาหน่อยนะคะ” แต่ไม่ทันไรกลับเปลี่ยนเรื่องพูดเสียงเจื้อยแจ้วเรื่องอื่นลืมว่าตัวเองกำลังงอนพี่ชายเอาเสียดื้อ ๆ“ครับพ่อจ๋าพาไปแน่นอน แต่ขอพ่อจ๋านอนกอดภูพิงค์กับภูผาให้หายคิดถึงก่อน” ท่อนแขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กของลูกทั้งสองคนไว้แนบอก ทำเอานับดาวได้แต่นั่งมองมันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกบ้านกันต์หลังจากที่พาลูกและ