ผู้ชมทั้งหมดต่างก็พากันทอดถอนใจไฟทั้งสี่ดวงดับลงหมดแล้ว ยังมีอะไรที่ควรค่าแก่การดูอีก?อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านก็ขมวดคิ้ว และเริ่มถกเถียงคุยกันขึ้นมาในโซนที่นั่งวีไอพี หยางเหม่ยหลันกล่าวเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามว่า: “เด็กคนนี้ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ? นี่ยังอับอายไม่พอหรือไง!”“คุณป้าหยางคะ ยิ่งน่าอายเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากขึ้นเท่านั้น?” หลี่เซียวลี่พูดด้วยรอยยิ้มที่ประชดประชันเมื่อหยางเหม่ยหลันได้ยินดังนี้ ก็พยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเย้าแหย่ในเวลานี้ ซูหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้น รีบไปด้านข้าง หยิบไมโครโฟนสำรองขึ้นมา แล้วบอกเซียวเป่ยที่อยู่บนเวทีว่า: “เซียวเป่ย! คุณจะก่อความวุ่นวายไปถึงเมื่อไหร่กัน?”“คุณไม่คิดว่าการที่ตนเองทำแบบนี้ มันน่าอายมากเหรอ?”“ทำไมคุณถึงไม่ยอมที่จะเผชิญหน้ากับตนเองล่ะ?”เซียวเป่ยที่อยู่บนเวที ขมวดคิ้ว มองซูหว่านที่อยู่ในที่นั่งวีไอพีด้านล่างเวที แล้วถามกลับไปว่า: “คุณคิดว่าผมกำลังก่อความวุ่นวาย?”“แล้วมันไม่ใช่เหรอ? ไฟทั้งสี่ดวงได้ดับลงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณอยากจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น?”“คุณมันก็เป็นแค่คนต่ำช้าเต็มประดา แ
พูดจบ ซูหว่านก็นั่งลงด้วยความโกรธบนเวที กู้โย่เสวี่ยยิ้ม ยกคางขึ้น มองดูอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ที่อยู่ด้านล่างเวที แล้วพูดว่า: “ในฐานะสปอนเซอร์การแข่งขันในครั้งนี้ ฉันอยากจะขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านเคารพผู้เข้าแข่งขันทุกคน”“ในเมื่อเซียวเป่ยได้สกัดยาออกมาแล้ว ก็ขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านทำการประเมินและให้คะแนน”หลี่ชิงชาน เหวินปินและอาจารย์ที่ปรึกษาอีกสองท่านต่างก็มองหน้ากัน แล้วพยักหน้า“ได้ พวกเราจะเคารพผู้เข้าแข่งขันทุกคน”เฉาเหวินปินกล่าว แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “แต่คุณหนูกู้ พวกเราจะให้คะแนนเข้มงวดขึ้นนะ ถ้าคะแนนออกมาน้อย คุณหนูกู้ได้โปรดเข้าใจด้วย”กู้โย่เสวี่ยเหน็บผมที่อยู่ข้างหู ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา”จากนั้น กู้โย่เวี่ยก็เดินลงจากเวทีอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ก็ขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วเริ่มล้อมรอบยาที่เซียวเป่ยสกัดแล้วทำการประเมินหลี่ชิงชานกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า: “ประธานเฉา คุณมาดูก่อนไหมล่ะ?”เฉาเหวินปินขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่เกรงใจว่า: “ก็ได้ ผมจะดูก่อน”ทันทีที่พูดจบ เฉาเหวินปินก็ก้าวไปข้างหน้ามองไปที่รูปร่างของยาก่อน แล้วจึง
หลังจากที่เงียบงันไปได้ครู่หนึ่ง ท่านผู้ชมที่อยู่ในที่จัดงานต่างก็ปรบมือกันดังสนั่นท่านผู้ชมทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่จัดงาน ต่างก็พากันยืนขึ้น แล้วปรบมือร้องเชียร์เซียวเป่ยที่อยู่บนเวที!ซูหว่านและคนอื่นๆที่อยู่ในโซนที่นั่งวีไอพี ก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและความสงสัย“เป็นไปไม่ได้!เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?นี่เป็นแค่การแข่งขันในรอบแรกเองนะ ทำไมเซียวเป่ยถึงได้รับปุ่มทองเพื่อเลื่อนขั้น!”ฉินเฟิงรีบตะโกนออกมาทันที สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อหยางเหม่ยหลันก็กล่าวพร่ำบ่นว่า: “จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่! ฉันว่าจะต้องเป็นคุณหนูตระกูลกู้คนนั้นแน่ที่กดดันอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่าน!”“ใช่! ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน! เศษสวะเซียวเป่ยคนนั้น เดิมถูกคัดตกรอบไปแล้ว แต่พอคุณหนูกู้ขึ้นบนเวที อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป นึกไม่ถึงว่าจะเลือกกดปุ่มสีทอง…”“มันไม่สมเหตุสมผลเลย! ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่!”หลี่เซียวลี่ก็ตะโกนอย่างร้อนใจเช่นกันเธอถึงขั้นต้อง รีบวิ่งไปหาทีมผู้กำกับ แย่งไมโครโฟนมา แล้วตะโกนว่า: “การแข่งขันในครั้งนี้มีปัญหา!ฉันสงสัยในความเป็นธรรมขอ
“ถ้าผมรับประกันให้ล่ะ!”ทันทีที่พูดจบทุกสายตา ต่างก็โฟกัสไปที่ด้านล่างเวทีมีชายชราผมหงอก สวมชุดไทเก๊กสีขาวคนหนึ่ง ที่รายล้อมไปด้วยพนักงานหลายคน เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ชายชราเข้าไปในสถานที่แข่งขัน หลายคนในสถานที่แห่งนี้ ล้วนแต่รู้จักชายชราท่านนี้ได้เป็นอย่างดี“ว้าว! ท่านอาวุโสซ่ง ซ่งเจิ้งหยาง!”“หัวหอกสำคัญของวงการแพทย์ในเมืองเจียงจง แพทย์หัวถัวแห่งยุค!เขาเป็นคนรักษาพ่อของฉันเอง”“ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดโรคระบาดในเมืองเจียงจง มีเพียงแต่ผู้อาวุโสซ่งและทีมงานของเขา เข้าไปช่วยเหลือจนสถานการณ์เป็นปกติ โดยไม่คำนึงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่! ชายผู้นี้ เป็นผู้มีพระคุณของทุกคนในเมืองเจียงจง จะไปใส่ร้ายไม่ได้โดยเด็ดขาด!”“อย่าว่าแต่ใส่ร้ายเลย เพียงแค่ใครคิดดูหมิ่นท่านผู้อาวุโสซ่ง ฉันนี่แหละจะเป็นคนจัดการเขาคนแรก!”ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีความคิดเห็นต่างๆมากมายในห้องไลฟ์สด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วีรบุรุษแห่งชาติผู้ไร้เทียมทาน”!ทางด้านของหลี่เซียวลี่ มองซ่งเจิ้งหยางที่อยู่บนเวที ก็ขมวดคิ้ว เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็กลืนมันลงไปเธอพูดอะไรแย่ๆออกมาไม่ไ
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง ขมวดคิ้ว มองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เฉียบคมแล้วพูดว่า “ฉันแค่เพิ่งพูดไปประโยคเดียว คุณก็ซัดกลับมาเป็นสิบประโยค!”“เซียวเป่ย คุณเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ?”“ระหว่างเราสองคน ต้องทะเลาะกันจนแตกหักเหมือนเราเป็นศัตรูกัน ถึงจะมีความสุขใช่ไหม?”สีหน้าท่าทางของเซียวเป่ยเปลี่ยนไป หัวเราะเยาะตนเอง แล้วพูดว่า: “ประธานซู ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิดแล้ว ใช่ว่าผมอยากจะเป็นศัตรูกับคุณ สาเหตุทั้งหมดนี้ เป็นเพราะใครคุณไม่รู้เหรอ?“คุณ!”ใบหน้าของซูหว่านสั่นด้วยความโกรธ กำหมัดไว้แน่น จ้องมองอย่างดุเดือด แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ได้! คุณจะพิสูจน์ตนเองไม่ใช่เหรอ? จากนี้ไปคุณจะพิสูจน์ตนเองในทุกเกมการแข่งขันใช่ไหม?”“ก็ได้ ฉันเองก็อยากดูว่า คุณจะพิสูจน์มันได้อย่างไร!”พูดจบ ซูหว่านก็กระทืบเท้า หันหลังกลับแล้วจากไปแต่ทว่า จู่ๆกู้โย่เสวี่ยก็ตะโกนว่า: “ประธานซู โปรดรอสักครู่”“คุณหนูกู้มีธุระอะไรเหรอ?”ซูหว่านหันกลับมา มองกู้โย่เสวี่ยด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งเดิมทีซูหว่านก็ไม่ค่อยแฮปปี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนที่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่กู้โย่เสวี่ยอยู่บนเวที แล้วบ
“ไม่มีครับ” เซียวเป่ยตอบกลับแบบง่ายๆพิธีกรขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนรู้สึกว่าความฉลาดทางอารมณ์ของเซียวเป่ยไม่เพียงพอ และไม่บรรลุผลรายการตามที่ตนเองต้องการ จึงรู้สึกช่วยไม่ได้ในใจ แล้วถามไปตรงๆว่า: “คุณเซียว คุณต้องการจะพูดอะไร กับภรรยาเก่าของคุณที่อยู่ด้านล่างเวทีไหม?”ทันทีที่ถามคำถามนี้ออกไป ท่านผู้ชมทั้งหมดที่อยู่ในงานก็แสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมาในห้องไลฟ์สด ก็เริ่มคึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันที“โอ๊ย พิธีกรคนนี้กวนโอ๊ยชะมัด”“สนุกแน่งานนี้ นี่คือสงครามระหว่างอดีตภรรยาและอดีตสามี”“ตอนแรกมาดูการแข่งขัน แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้เห็นการชิงรักหักสวาทกัน”อย่างไรเสีย สิ่งที่ซูหว่านพูดก่อนหน้านี้นั้น ยังก้องในหูของพวกเขาอยู่เลยตอนนี้ ในเมื่อพิธีกรมาถามแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือประเด็นหัวข้อแรกของการเริ่มรายการ!เซียวเป่ยขมวดคิ้ว เหลือบมองพิธีกร จากนั้นก็มองไปที่ซูหว่านซึ่งมีสีหน้าเย็นชาที่อยู่ด้านล่างเวที และลังเลอยู่ครู่หนึ่งกำลังคิดว่าตนเองมีอะไรจะพูดกับเธอไหม?ดูเหมือนไม่มีแต่ดูเหมือนว่าจะมีในขณะที่เซียวเป่ยเงียบอยู่นั้น สีหน้าท่าทางของซูหว่านกลับดูสงบนิ่งมากเพีย
สีหน้าของซูหว่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วขมวด มุมปากกระตุก ยกมือขึ้นปรบมืออยู่ที่ด้านล่างเวที: “เซียวเป่ย ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนขั้นนะ”พูดจบ ซูหว่านรีบยืนขึ้นแล้วออกไปจากตรงนั้นทันที“หว่านเอ๋อร์ หว่านเอ๋อร์... รอผมด้วย”ฉินเฟิงรีบลุกขึ้นยืน จ้องมองเซียวเป่ยที่อยู่บนเวที แล้วรีบตามซูหว่านไปโดยทันทีหลี่เซียวลี่ก็ขมวดคิ้ว ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วจากไปพร้อมกับหยางเหม่ยหลันบนเวที สีหน้าท่าทางของกู้โย่เสวี่ยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และเม้มริมฝีปากตามหลังซูหว่านที่กำลังจากไป จากนั้นก็จับมือของเซียวเป่ยเอาไว้ แล้วพูดว่า“พวกเราลงไปด้วยกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า ลงจากเวที แล้วกลับไปที่ห้องพักพื้นที่พักผ่อนซูหว่านมาที่ห้องพักของเฉียวฮุ่ยด้วยความโกรธ ทันทีที่นั่งลง ทางด้านของหลี่เซียวลี่ก็เดินตามเข้ามา แล้วตะโกนว่า: “ประธานซู คุณอย่าโกรธเลย เซียวเป่ยคนนั้น ก็แค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดพบหนูตาย แล้วได้เลื่อนขั้นก็เท่านั้น”“ต่อให้เขาเลื่อนขั้นแล้วก็ไม่เห็นเป็นไร ช่วงหลังยังมีการให้คะแนนอีกนะ”“อีกอย่าง พวกเรายังมีเฉียวฮุ่ยอยู่ จะต้องได้คะแนนเต็ม และทำให้ทุกคนทึ่งอย
เดิมคิดว่า เซียวเป่ยสามารถพิสูจน์อะไรบางอย่างกับตนเองได้จริงๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาก็แค่คนที่จับคุณหนูตระกูลกู้ได้ก็เท่านั้นไม่นาน เฉียวฮุ่ยก็ขึ้นเวทีเฉียวฮุ่ยซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งแห่งวงการแพทย์แผนจีนในเมืองเจียงจง ก็ได้รับเสียงเชียร์จากทุกคนทันทีที่ขึ้นไปบนเวที“ประธานซู คุณดูสิ นี่คือความนิยมของเฉียวฮุ่ย! เซียวเป่ยคนเลวทรามนั่นเทียบได้ซะที่ไหนกัน!”หลี่เซียวลี่มองเฉียวฮุ่ยที่อยู่บนหน้าจอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหว่าน พร้อมกับพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ฉันเชื่อมั่นในตัวเฉียวฮุ่ยมาโดยตลอด”ไม่นาน เฉียวฮุ่ยก็สกัดยาเสร็จไฟทั้งสี่ดวงของอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่าน ก็ยังเปิดอยู่!เลื่อนขั้น!ทุกคนที่อยู่สถานที่จัดการแข่งขันต่างก็ปรบมือกันอย่างอบอุ่นอาจกล่าวได้ว่า การที่เฉียวฮุ่ยเลื่อนขั้นด้วยไฟสี่ดวง เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดการณ์ไว้แล้วอย่างไรเสีย นี่ก็คือดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการแพทย์และเภสัชของเมืองเจียงจง“เลื่อนขั้นแล้วเลื่อนขั้นแล้ว! ประธานซู ฉันว่าแล้ว เฉียวฮุ่ยจะต้องทำได้อย่างแน่นอน!”หลี่เซียวลี่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ตอนนี้ มาร