Beranda / โรแมนติก / แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก / บทที่ 6 แผนการคนโง่

Share

บทที่ 6 แผนการคนโง่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-05 22:06:52

“กรี๊ดดดด คุณอิฐ ฮือๆ คุณทำแบบนี้กับพิมพ์ได้ยังไง” พิมพิศากรีดร้องเสียงหลง เมื่อพบว่าตนเองกำลังกอดก่ายบุรุษตัวโตอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเขาและเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ข้าวของในห้องกระจัดกระจาย เสื้อผ้ากองอยู่ปลายเตียงในสภาพยับยู่ยี่ ตามเนื้อตัวมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ อยู่หลายจุด มือเล็กระดมทุบอกกว้างรัวๆ ขณะร้องไห้ฟูมฟาย

“โอ๊ย เจ็บๆ คุณตีผมทำไม เกิดอะไรขึ้น” คนตัวโตสะดุ้งตื่นไม่เต็มตานัก พึ่งฝันว่าถูกพิมพิศารวบหัวรวบหางไปหมาดๆ คราวนี้มาทั้งเสียงทั้งภาพสมจริงเกินไปแล้ว

“คนเลว ยังมีหน้ามาถามฉันอีกว่าเกิดอะไร แหกตาดูรอบตัวคุณสิ” ร่างบางตวาดแว๊ด ๆ ใส่เขาอย่างคนเดือดดาล

อิษวัติยกมือขึ้นปิดหูอย่างนึกรำคาญพลางขยี้ศีรษะที่กำลังปวดหนึบราวกับโดนค้อนทุบเพื่อเรียกสติ เพ่งมองสถานที่แปลกตาด้วยความงุนงง เพียงแวบเดียวก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้าง 

สภาพห้องเละเทะเหมือนพึ่งผ่านศึกสงครามมาหมาดๆ เสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มพื้น ส่วนคนข้างๆ ก็นั่งสะอึกสะอื้นกอดผ้าห่มร้องไห้ตาแดงก่ำ ทำไมเขากับพิมพิศาถึงอยู่บนเตียงเดียวกัน เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้านไปนอนหรอกหรือ

ปึงงง เสียงระเบิดในหัวดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่า (นอนด้วยกัน!! สองคน!! บนเตียง!! ไม่สวมเสื้อผ้า!!) สมองของอิษวัติหยุดทำงานชั่วขณะราวกับมีคนมากดปุ่มพอสไว้ เขาเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว

“ฮือๆๆ เงียบแบบนี้แสดงว่าคุณไม่คิดจะรับผิดชอบใช่ไหม” น้ำตาจระเข้ไหลรินจากข้างแก้มลงสู่ปลายคาง แลดูน่ารักน่าสงสารจับใจ ทว่าเมื่อเห็นอิษวัติยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติง พิมพิศาก็เริ่มลนลานตีโพยตีพาย

“ฉันจะไปฟ้องนักข่าว ให้เขาลงหน้าหนึ่งทุกสำนักว่านักธุรกิจไฮโซพันล้านหลอกฟันสาวแล้วเขี่ยทิ้ง”

“ทำขนาดนี้คุณไม่เขียนพาดหัวข่าวเองเลยล่ะ” อิษวัติตะคอกกลับเสียงห้วน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย ลืมตาขึ้นมาก็ถูกอีกฝ่ายมัดมือชกเอาเสียดื้อๆ เขายังไม่รู้เลยว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

“กรี๊ดดด ไอ้ผู้ชายปากหมา ฉันไม่ยอม ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบฉัน” พิมพิศาตวาดเสียงลั่นอย่างไม่ยอมแพ้

“ผมยังไม่รู้เลยว่าระหว่างเราเกิดอะไรขึ้น” คนตัวโตเบือนหน้าหนีเมื่อสาวเจ้าดีดดิ้นจนผ้าห่มผืนใหญ่หลุดลุ่ยไปกองอยู่บนเต้า บนภูเขา เอ๊ย บนหน้าอก แรงโยกจากตัวเธอทำให้อะไรต่อมิอะไรมันกระเด้งกระดอนไม่หยุด  แลดูน่าหวาดเสียวจนเขาต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายออกมาทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิรอบตัวเย็นยะเยือก

“พูดออกมาได้ยังไง เมื่อคืนคุณทั้งขืนใจทั้งย่ำยีฉัน เรียกที่รักขาอย่างนั้น ที่รักขาอย่างนี้จนฉันเคลิ้มยอมพลีกายให้คุณ คำหวานของพวกผู้ชายนี่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ” พิมพิศาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขา เธอไม่ใช่สาวน้อยที่จะยอมให้อิษวัติเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ยังไงซะวันนี้ก็ต้องเจรจากันให้จบ หากเขายังเฉไฉและปัดความรับผิดชอบอยู่แบบนี้ เธอก็พร้อมจะทำให้สตอรี่สุดแซ่บเมื่อคืนกลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมา

“ตอนแรกบอกว่าผมขืนใจ ทำไมตอนหลังถึงกลายเป็นสมยอมได้ล่ะ” แค่คำพูดคำเดียวของเขาก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดัน อิษวัติกำลังไล่ต้อนเธอให้จนมุม เขาทำตัวประดุจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กำลังสอบสวนคนร้าย

พิมพิศาหายใจติดขัดเล็กน้อย เธอค่อยๆ รวบรวมสติแล้วเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา ประกายตาแน่วแน่จริงจังบ่งบอกว่าเธอไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาเป็นอันขาด

“กะ ก็ตอนแรกคุณเมา ฉันเห็นแล้วสงสารเลยเรียกแท็กซี่ให้ ใครจะคิดว่านอกจากไม่ยอมกลับบ้านแล้วคุณยังขอให้ฉันเปิดห้องพัก พอเข้าไปได้ก็จู่โจมฉันอย่างหนักเหมือนคนตายอดตายอยากเรื่องอย่างว่า ฉันพยายามขัดขืนแล้วนะ แต่สู้แรงคุณไม่ได้ ดูรอยช้ำบนตัวฉันสิ ยังสงสัยอะไรอีก หรือต้องให้เล่าว่าเมื่อคืนพวกเราทำอะไรกันบ้าง ท่าไหน กี่ครั้ง กี่ยก”

“หยุดๆ ได้ยินเสียงคุณแล้วผมปวดหัว” อิษวัติแตะริมฝีปากเธอไม่ให้พูดต่อ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบต้นคอเบาๆ ด้วยความเขินอาย ผู้หญิงอะไรสาธยายเรื่องใต้สะดือได้เสียงดังฟังชัด

“อะ ไอ้บ้า” สัมผัสจากมืออุ่นๆ ทำให้แก้มนวลเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบ สภาพของเธอกับเขาตอนนี้มันชวนให้คิดไปไกล อยากลองสัมผัสส่วนอื่นที่ไม่ใช่หน้าอกของเขาดูบ้าง

“เช็ดน้ำลายก่อนดีไหม” ร่างสูงประชดประชันเมื่อเห็นสายตาเว้าวอนหวานฉ่ำส่งมา ทำเอาพิมพิศาหน้าม้านไปต่อไปถูก เขาคาดเดาได้ทะลุปรุโปร่งอย่างกับอยู่ในสมองของเธออย่างไรอย่างนั้น

“เอาเป็นว่าผมจะรับผิดชอบคุณ โอเคไหม อยากให้ผมไปพบผู้ใหญ่ฝั่งคุณวันไหนก็บอกมา” อิษวัติยอมถอยเพราะรู้ดีว่าพิมพิศาไม่ยอมปล่อยเขาแน่ เธอต้องหาทางเล่นแง่ให้สำเร็จจนได้ เขาตงิดใจอยู่แล้วว่าสักวันต้องเกิดเรื่อง แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“โอเคค่ะ พูดง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย เด็กดีต้องได้รางวัล” ร่างบางทำทีจะเอนตัวเข้าไปกอด แต่อิษวัติกลับกระโดดลงจากเตียงแล้วใช้ผ้าห่มห่อตัวไว้เหมือนมัมมี่ เขาผงะถอยหลังหนีจนหกล้มก้นจ้ำเบ้าทำเอาเธอหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

“มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว คุณกลัวอะไร” พิมพิศาล้อเลียนคนตัวโตเสียงเล็กเสียงน้อยด้วยความหมั่นไส้ เธอไม่ใช่เชื้อโรคสักหน่อยกลัวอะไรหนักหนา สารภาพตามตรงว่าเธออยากลูบไล้แผงอกล่ำบึกนั่นอีกสักครั้ง 

ย้อนกลับไปสองวันก่อนหน้านี้

“ยัยเอม จ่ายยานอนหลับให้ฉันหน่อยสิ” ร่างบางกระซิบบอกเพื่อนรักขณะนั่งกินข้าวด้วยกันหลังเลิกงาน

“แกจะเอาไปทำไม ช่วงนี้เครียดหนักหรือพักผ่อนน้อย” เอมิการัวคำถามใส่ก่อนหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ทำไมพิมพิศาต้องกระซิบกระซาบด้วยทั้งๆ ที่มีกันอยู่แค่สองคน ปกติยัยนี่อยากได้อะไรก็ร้องตะโกนปาวๆ

“ฉันสบายดี แค่รู้สึกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ” พิมพิศาอธิบายเสียงใสประดุจว่านี่คือเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทว่าดวงตากลมโตนั้นกลับตวัดมองซ้ายทีขวาที พอถูกจ้องก็เบือนหน้าหนีอย่างระแวดระวัง

“บอกฉันมาว่าแกจะเอายานอนหลับไปทำอะไร ห้ามโกหก ไม่งั้นฉันฟ้องแม่แกแน่” ท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่กล้าสบตาของเพื่อนทำให้เอมิกาเริ่มสงสัย

“แกแกล้งโง่บ้างไม่ได้หรือไง” ร่างบางพรูลมหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง เธอเกลียดการใช้ชีวิตร่วมกับคนฉลาดอย่างพวกเขาจริงๆ ทั้งอิษวัติ ทั้งเอมิกา แค่เผยพิรุธออกมาเพียงเล็กน้อยก็ถูกจับได้ อย่าคิดว่าเธอเป็นคนโง่ สวยใส ไร้สมองเชียวหล่ะ เธอเรียนจบคณะบริหารธุรกิจด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเชียว เพียงแต่มีนิสัยใจร้อน เปิดเผยและตรงไปตรงมา ขาดลูกล่อลูกชนในการเจรจารวมถึงเล่ห์เหลี่ยมในการเข้าหาคนด้วย

“ยัยพิมพ์” น้ำเสียงอ่อนโยนเข้มขึ้นอีกระดับ

“เออๆ บอกก็ได้ ฉันจะเอาไปให้คุณอิฐกิน”

“เขาป่วย เครียด หรืออะไร ทำไมไม่ไปหาหมอ ” เอมิกาวางช้อนทันทีหลังจากทานไปได้ไม่กี่คำ ในหัวพานจินตนาการถึงเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ นานา เธอไม่ได้กลัวว่าอิษวัติจะป่วย แต่กลัวว่าเพื่อนรักจะวางแผนทำอะไรไม่เข้าท่าจนพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวเองเข้าสักวัน

“โอ๊ย แกเลิกซักไซ้ก่อน ฉันสติแตกหมดแล้วเนี่ย” พิมพิศาตวาดแว๊ดเมื่อถูกกดดัน ในขณะที่เอมิกายังคงจ้องเธอด้วยสายตาเชือดเฉือนราวกับคมมีด ผ่านไปไม่นานก็ยอมเอ่ยปากสารภาพผิดอย่างหมดความอดทน

“ก็ได้ๆ ฉันมีแผนจะวางยาคุณอิฐ”

“แกบ้าไปแล้วหรือไง ถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมาแกติดคุกได้เลยนะ” เอมิกาตะคอกเสียงดัง แววตาสั่นระริกทั้งโกรธทั้งผิดหวังกับเรื่องราวที่ได้ยิน พิมพิศากำลังคิดพิเรนทร์อะไรอยู่ เธอรู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหรือเปล่า ขาข้างหนึ่งของเพื่อนรักกำลังก้าวเข้าไปในคุกโดยที่เธอไม่สามารถหยุดยั้งหรือห้ามปรามได้ ความแค้นของพิมพิศามีมากมายจนเธอนึกกลัว

“วางใจเถอะ ฉันไม่ซัดทอดแกหรอก” นอกจากไม่สลดแล้วร่างบางยังคิดจะปกป้องผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย

“พิมพ์” เอมิกาทุบโต๊ะเสียงดังเมื่อเพื่อนรักยังยืนยันในความคิดของตัวเองอย่างหนักแน่น หากไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม เธอจะแจ้นไปฟ้องคุณนายเอมอรเดี๋ยวนี้

“เอม ฉันขี้เกียจตามตื๊อเขาแล้วอ่ะ แกรู้ไหมว่าฉันต้องเจอกับอะไร ไอ้หมอนั่นเมินฉันเหมือนเป็นต้นไม้ใบหญ้าไม่ใช่เลขาหน้าห้องด้วยซ้ำ กลั่นแกล้งให้ทำงานสารพัดอย่าง แถมยังทำลายความมั่นใจที่เคยสูงปรี๊ดของฉันจนเหลือเท่าเม็ดถั่ว วัดดวงกันไปเลยดีกว่า ฉันหมดความอดทนแล้ว” พิมพิศาโต้แย้งด้วยความเดือดดาล เธอไม่อยากเสียเวลาวิ่งตามคนไร้หัวใจ 

อิษวัติทึ่มทื่อไม่ต่างจากตอไม้สักนิดยิ่งใกล้ชิดยิ่งหัวเสีย แต่ในเมื่อตัดสินใจว่าจะทำแล้วก็ต้องทุ่มสุดตัว หากไม่สำเร็จค่อยยอมแพ้แล้วมองหาเป้าหมายใหม่

“แกคิดว่าแผนการโง่ๆ แบบนี้จะสำเร็จหรือไง มีแค่ในละครเท่านั้นแหละ”

“เถอะน่า แค่ครั้งเดียว แกช่วยฉันหน่อยไม่ได้หรือไง” พิมพิศายกมือไหว้ปลก ๆ เพื่อขอความเห็นใจ ท่าทางพินอบพิเทากว่าปกติทำให้คนมองรู้สึกอึดอัดแทบแย่

“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้” เอมิกาปฏิเสธเสียงแข็ง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวกระทำเรื่องเลวทราม

“แกพูดเองนะ ฉันไปหาซื้อเองก็ได้ คิดดูแล้วกันว่าแกจะจ่ายยาให้ฉันในปริมาณที่เหมาะสม คนกินไม่เป็นอันตราย หรือจะให้ฉันวางยาเขาแบบมั่วๆ” ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล พิมพิศาก็เริ่มต้นใช้ไม้แข็งข่มขู่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้ว่าเอมิกาจะห้ามปรามด้วยความหวังดี

“พิมพ์ แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไร” ความกังวลฉายชัดในแววตา เอมิกาอดเป็นห่วงไม่ได้

“รู้สิ ฉันกำลังเห็นภาพสองแม่ลูกนั่น อิจฉาตาร้อนแทบอกแตกตาย เมื่อรู้ว่าฉันกลายเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลธาดาวรวงศ์ แถมยังรวยกว่าไม่รู้กี่เท่า” พิมพิศาแค่นหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า แววตาฉายชัดถึงความรังเกียจเข้ากระดูกดำ อะไรที่ทำให้สองแม่ลูกนั่นเจ็บปวดได้ เธอเต็มใจทำทุกอย่าง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ยินดี

“ฉันอยากเอาช้างมาฉุดแกเหลือเกิน จะได้เลิกคิดแต่เรื่องแก้แค้นสักที สองแม่ลูกนั้นคงทำแกเจ็บแสบถึงทรวงเลยใช่ไหม ถึงขนาดที่ยอมแลกด้วยอนาคตของตัวเองอย่างนี้” ในเมื่อเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแล้วก็ต้องสนับสนุนจนกว่าความคับแค้นในใจของพิมพิศาจะทุเลาลง หรือจนกว่าคนพวกนั้นจะได้รับโทษอย่างสาสมกับสิ่งที่กระทำ

หลังจากอิษวัติตกปากรับคำว่าจะรับผิดชอบเรื่องในคืนนั้น เขาก็มาพบผู้ใหญ่ฝั่งพิมพิศาตามกำหนดการที่เธอบอกไว้ งานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ซึ่งช้ากว่างานแต่งของแพรลดากับเอกราชเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้ว่าที่เจ้าสาวยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี 

 ความจริงเธอคิดว่าแผนการวางยาโง่ๆ แบบนางร้ายในละครหลังข่าวจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่ดันผิดคาดเพราะวันนั้นอิษวัติถูกลูกน้องคะยั้นคะยอให้ดื่มฉลองกับความสำเร็จของโปรเจ๊กใหม่จนเมามาย 

เธอเลยมีเวลาเทยานอนหลับใส่แก้วให้เขาดื่มแบบชิลๆ เสร็จแล้วจึงจัดการหิ้วขึ้นห้อง พอตื่นนอนก็ทาลิปติกสีแดงม่วง แล้วโวยวายว่าถูกกระทำและอิษวัติก็ดันเชื่อแผนการโง่ๆ ของเธอจนได้

 ว่าแต่ งานแต่งของน้องสาวกับแฟนเก่าเธอควรใส่ชุดอะไรไปดี

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 32 ครอบครัวหรรษา

    กาลเวลาผันผ่านตามวัฏจักรชีวิตแต่สวนหลังบ้านของตระกูลธาราวรวงศ์บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่วิ่งไล่กันอย่างสนุกสนาน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกคาเมเลียลอยมาตามลมชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสนามหญ้าอิษวัติและพิมพิศานั่งเคียงข้างกัน ดวงตาสองคู่ทอดมองไปยังเด็ก ๆ ทั้งห้าคนที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน น้องดากลายเป็นเด็กหญิงวัย 12 ขวบ ที่ชอบยืนกอดอกทำหน้าตาขึงขัง แสดงบทบาทของพี่สาวคนโตที่ต้องดูแลน้องชายตัวแสบทั้งสี่คน"พวกตัวแสบ" คือชื่อที่พิมพิศาใช้เรียกเหล่าลูกชาย แม้หน้าตาพวกเขาจะละม้ายคล้ายคลึงกับอิษวัติราวกับถอดแบบมา แต่ลักษณะนิสัยนั้นกลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน พี่ชายคนโตของบ้านอย่าง อิงฟ้าหรือ (อิงค์) ตัวสูงใหญ่ มีความสุขุมและใจเย็นกว่าใครเพื่อน มักรับบทเป็นหัวหน้าทีมคอยควบคุมสถานการณ์ เมื่อการละเล่นระหว่างฝาแฝดทั้งสี่เริ่มเกินขอบเขต เขาจะเป็นคนตะโกนว่า “พอได้แล้ว” เสมอ และที่สำคัญคือเขาชอบอ่านนิทานก่อนนอน โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร่หรืออัศวินผู้กล้าส่วนลูกชายคนที่สองอย่าง อัศวินหรือ (อัช) นั้นเป็นเด็กจอมแก่น พลังงานล้นเหลือและมีความกล้าบ้าบ

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 31 ติดกลิ่น

    พิมพิศาซบศีรษะลงบนไหล่ของอิษวัติ ดวงตาคู่งามทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง มือบางค่อยๆ หมุนแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้ายเล่นอย่างเพลิดเพลิน“คุณอิฐคะ” ร่างบางสบตาเขาอย่างออดอ้อน“หืม ว่าไงครับ” อิษวัติแตะปลายจมูกภรรยาด้วยความมันเขี้ยว ทั้งที่เขาเองยังพะเน้าพะนอเธอไม่ห่าง แถมยังยอมวางเอกสารในมือลงเพื่อพูดคุยกับเธอโดยเฉพาะ“อยากได้ลูกสาวหรือลูกชายคะ” พิมพิศาถามเสียงใสพลางซุกหน้าเขาไปในอกกว้างจนเขาเกิดอาการจั๊กจี้ ร่างสูงหัวเราะหึในลำคอด้วยความเอ็นดูก่อนจะพยักหน้าตอบช้าๆ“ลูกสาวหรือลูกชายก็ได้ครับ ขอแค่มีเจ้าตัวเล็กที่หน้าตาเหมือนเราสองคนมาเดินเตาะแตะอยู่ในบ้าน”“แหม พูดซะเห็นภาพเลยนะคะ ว่าแต่ทำไมพิมพ์ยังไม่ท้องอีกล่ะ ปล่อยมาตั้งนานแล้ว” ร่างบางตัดพ้ออย่างแง่งอน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง เธอยู่ปากเข้าหากันเล็กน้อยเพื่อให้ดูน่ารักน่าชังในสายตาของสามี“รออีกหน่อยสิครับ เดี๋ยวลูกก็มา” อิษวัติปลอบโยนภรรยาเสียงเรียบ แต่ดูเหมือนว่าคำตอบนั้นจะไม่เป็นที่น่าพอใจ พิมพิศาแกล้งทำหน้าครุ่นคิดแล้วหันไปมองเขาอย่างล้อเลียน “อืม ถ้าปัญหาไม่ได้อยู่ที่พิมพ์ งั้นปัญหาก็คงอยู่ที่คุณอิฐแล้วล่ะค่ะ”“เมื่อกี้คุณว่า

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 30 เส้นทางชีวิต

    เอกราชนั่งนิ่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ดวงตาคมทอดมองเอกสารในมืออย่างเหม่อลอย ข้อความกว่าร้อยบรรทัดมีรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรการไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เขาจัดการให้กับแพรลดา หญิงสาวผู้เคยเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่ารัก แต่สุดท้ายความสัมพันธ์กลับพังทลายลงเหลือเพียงเศษซากความขมขื่นชายหนุ่มถอนหายใจยาวเพราะความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นมาในอก ไม่ว่าแพรลดาจะเคยทำอะไรกับเขาหรือครอบครัว แต่ความจริงที่เธอเคยมีใจให้เขาและยอมทุ่มเททำสิ่งต่างๆ เพื่อเขาก็ยังคงอยู่ การส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อมกับเงินทุนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อเธอได้สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน แต่บรรยากาศระหว่างเอกราชและแพรลดากลับดูเงียบเหงา หญิงสาวสวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีเบจยืนกอดกระเป๋าสะพายแน่น จ้องมองไปยังอดีตสามีด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เสียดาย และต้องการตัดใจ"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ" แพรลดาเอ่ยเสียงสั่น"ขอให้พบกับผู้ชายที่รักคุณจริง ๆ และขอให้คุณมีชีวิตที่ดีนะครับ" น้ำเสียงเอกราชราบเรียบแต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งเมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ชาย

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 29 การกระทำที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ สร้างรอยแผลลึกให้อีกหลายคน

    แสงอาทิตย์ยามเย็นทอประกายสีทองอ่อนไล้ไปตามยอดไม้ สาดกระทบลงมาในสวนหลังบ้านที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งมวลบุปผชาติ กลีบดอกคาเมเลียสีขาวนวลและสีชมพูอ่อนบานสะพรั่ง หยาดน้ำค้างที่เกาะตามกลีบดอกสะท้อนแสงเป็นประกายพราวระยับราวกับอัญมณีที่ธรรมชาติบรรจงรังสรรค์เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นบนทางเดินก้อนกรวด ดวงตากลมโตเบิกบานสดใส พิมพิศาเดินนำหน้าชายหนุ่มผู้เป็นสามีอย่างกระตือรือร้น เมื่อเห็นว่าคนข้างหลังมัวแต่โอ้เอ้ก็เอ่ยเร่ง “คุณอิฐ เดินเร็วๆ สิคะ”อิษวัติที่สวมเสื้อเชิ้ตสบาย ๆ ก้าวไปข้างหน้าตามคำสั่ง สายตาคมทอดมองไปยังทุ่งดอกคาเมเลียที่บานสะพรั่งอยู่เต็มสวน กลีบดอกสีขาวนวลพลิ้วไหวตามแรงลมราวกับเต้นระบำ กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยมา กระทบจมูกชวนให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ“สวยมากครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชม นัยน์ตาสะท้อนภาพความงดงามของทุ่งดอกคาเมเลียที่บานสะพรั่ง แต่เมื่อเหลือบมองไปยังคนข้างกาย เขาก็พบว่าสิ่งที่สวยที่สุดในตอนนี้คือเธอพิมพิศาโอ้อวดฝีมือของตัวเองท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ สายลมเอื่อยพัดปลายผมของเธอจนปลิวสยายไปด้านหลัง แก้มขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจากแสงอาทิตย์ยามอัสดง องค์ประกอบทั้งหมดส่งเส

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 28 ต่างคนต่างอยู่

    แพรลดานั่งอยู่หน้ากระจกเงาในห้องนอน ดวงตาเรียวสวยจ้องมองภาพเงาสะท้อนของตัวเองที่ดูอิดโรยและเหนื่อยล้า เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตแต่งงานของเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่เธอต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และยอมปล่อยมือหลายเดือนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความอึดอัดและเจ็บปวด เธอพยายามแล้ว พยายามอย่างที่สุดเพื่อจะรักษาสถานะภรรยาเอาไว้ แต่สุดท้ายความพยายามของเธอมันไร้ค่าในสายตาเอกราช เขาไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เธอควรยอมรับมันได้แล้ว การเดินออกจากชีวิตของเอกราชอย่างสง่างาม คงจะดีกว่าการถูกเขาไล่เหมือนหมูเหมือนหมานิ้วมือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแม้จะลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจกดโทรออกหาปลายสาย รอเพียงไม่นานชายหนุ่มก็ตอบรับแล้วเอ่ยว่า"มีอะไร" เสียงของเอกราชยังคงเย็นชาและห่างเหิน ไม่มีวี่แววความอ่อนโยนเหมือนดังเก่าก่อนผสมมาแม้แต่น้อย"พวกเราเจอกันหน่อยได้ไหมคะ แพรมีเรื่องจะคุยด้วย" ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกพยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบ ทั้งที่ความจริงแล้วก้อนสะอื้นกำลังจุกอยู่ในคอ"คุณอยากเจอผมที่ไหน" ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาเสียงห้วน"ร้า

  • แผนร้ายพ่ายบ่วงรัก   บทที่ 27 โกหก

    ตั้งแต่วันที่เอกราชหลุดปากขอหย่า ทุกอย่างรอบตัวก็เปลี่ยนแปลงไป บ้านที่เคยมีเสียงพูดคุยแว่วดังเป็นระยะ บัดนี้กลับเงียบสงัดราวกับป่าช้าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เขากับแพรลดาแยกกันอยู่คนละห้อง ประตูที่เคยเปิดรับกันและกันถูกปิดตาย ไม่มีการทักทาย ไม่มีการสบตา และไม่มีแม้แต่คำพูดสั้น ๆ ที่คู่สามีภรรยาพึงมีให้กันมื้ออาหารกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุด ทั้งคู่นั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ทว่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลก เอกราชตักอาหารเข้าปากเงียบ ๆ สายตาจับจ้องเพียงจานข้าวตรงหน้า ไม่แม้แต่จะเหลือบมองผู้หญิงที่เคยนั่งเคียงข้าง ส่วนแพรลดาเองก็ไม่ต่างกัน เธอใช้ช้อนส้อมเขี่ยอาหารไปมาอย่างไร้จุดหมาย ความเงียบกลายเป็นเพื่อนที่อยู่กับพวกเขาในทุกช่วงเวลาบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกให้ทั้งคู่เดินสวนกัน เอกราชหยุดยืนเพื่อหลีกทางให้ แต่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา แพรลดาเพียงปรายตามองเขา ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินผ่านไปอย่างเย่อหยิ่ง ทว่าหากสังเกตดี ๆ แววตาที่ฟาดฟันกันนั้น กลับแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ความเงียบงันอันยาวนานคล้ายกับเป็นบทลงโทษของพวกเขาทั้งคู่ ทุกคืนต้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status