"ท่านตา…อยู่นี่เองหรือ" ฟู่ซูหนิงฉีกยิ้มประดักประเดิด จากนั้นก็แปรเป็นโอบกอดสองตายายคนละฝั่ง จากนั้นเอ่ยอู้อี้ "หนิงเอ๋อร์มิได้เที่ยวเตร็ดเตร่จนหลงลืมเวลาใดเลยเจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์ก็แค่ แค่..."
นัยน์ตาดอกท้อลดมองสมุนไพรในมือ "อ่า...หนิงเอ๋อร์ แค่รู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย เพราะหมอนั่น…เอ่อ คุณชายฉือ เอาแต่เดินเชื่องช้าเป็นเต่า หากหนิงเอ๋อร์เป็นบุรุษคงแบกเขาขึ้นหลังไปเสียตั้งนานแล้ว จะได้กลับถึงเรือนโดยเร็ว อีกอย่าง หนิงเอ๋อร์ก็กลับถึงหุบเขาร้อยโอสถตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก เพียงแต่กำลังแวะเก็บสมุนไพรพวกนี้เพื่อนำมาผสมเครื่องอาบน้ำให้สดชื่นเท่านั้นเองเจ้าค่ะ"
ฟู่ซูหนิงผละห่างผู้เฒ่าทั้งสอง จากนั้นแสดงหลักฐานในมือไปเบื้องหน้า กระนั้นก็ยังถูกมือเหี่ยวย่นทว่ายังแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าเคาะกะโหลกไปหนึ่งครา
"โอ๊ย!"
"นี่แน่...คราวหลังอย่าทำให้ตากับยายเป็นห่วงเช่นวันนี้อีก"
"เจ้าค่ะทราบแล้ว ท่านตาก็...ท่านเอาแต่เคาะกะโหลกหนิงเอ๋อร์เช่นนี้ สมองไหล ความรู้หดหายจะทำอย่างไรเจ้าคะ หลานของท่านยิ่งฉลาดหลักแหลมอยู่มิรู้หรือ"
ผู้เป็นยายขำพรืด หลานของนาง
ครึ่งเดือนผันผ่าน ณ ย่านการค้าเมืองเทียนหลันบริเวณริมท่าน้ำล้วนคึกคักไปด้วยบรรดาผู้คน มีทั้งชาวบ้านในพื้นที่และกลุ่มพ่อค้าต่างเมืองเดินกระทบไหล่กันให้ควักแผงลอยไม้ไผ่ต่างวางของขายเรียงรายเป็นทิวแถว บ้างขายพืชผัก บ้างขายเครื่องประดับ รวมถึงอาหารทั้งคาวและหวานละลานตาเต็มไปหมดเพราะเมืองเทียนหลันนั้นโอบล้อมไปด้วยแม่น้ำขนาดมหึมาอันเป็นเหตุให้เมืองเทียนหลันแห่งทิศบูรพาอุดมสมบูรณ์มากพร้อมด้วยพืชพรรณธัญญาหารหากนึกย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนพื้นที่แห่งนี้เกือบจมดิ่งอยู่ใต้ท้องสมุทร ยามถึงกลางฤดูหยี่สุ่ยฝนฟ้ามักเทกระจาดลงมาพร้อมลมพายุดั่งสวรรค์กำลังพิโรธ ทว่าประสบปัญหาได้ไม่นานก็ได้รับการแก้ไขจากเหออ๋องอย่างทันท่วงที จึงสามารถพลิกวิกฤติให้กลับมามั่งคั่งได้อีกครั้งแท้จริงวิธีแก้ปัญหาข้างต้นล้วนมาจากแนวความคิดขององค์ชายหกฉืออิ้งเทียน แม้ตัวเขาไม่อยู่เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันซึ่งมิได้เปิดเผยให้ใครทราบ กระนั้นเขาก็ยังส่งเหล่าทหารกล้าในสังกัดเข้ามาช่วยเหลือ ชาวเมืองเทียนหลันมิอาจนิ่งนอนใจจึงรวบรวมกำลังพลเข้าช่วยขุดลอกอ่างเก็บน้ำแหล่งใหม่เช่นเดีย
เด็กน้อยส่ายศีรษะทว่ากลับมีสีหน้าเศร้าสลด"เจ้ามิได้ป่วย แต่ดูสีหน้าของเจ้ากลับมิสู้ดีเท่าใด" แท้จริงเขามองเห็นเพียงเลือนราง ทว่าเขากำลังจับพิรุธจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายเด็กคนนี้กำลังมีปัญหาครอบครัวเด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นแช่มช้า แววตาแข็งกร้าวเมื่อครู่ไหวระริกแดงก่ำ จากท่าทีหยาบคายแข็งกระด้างก็แปรเปลี่ยนเฉกเช่นพลิกฝ่ามือ"พี่ชาย ข้ามิได้ป่วยจริง ๆ ขอรับ ทว่าน้องข้า น้องสาวข้า…"จู่ ๆ ไหล่แคบก็ไหวสะท้าน ชายหนุ่มเห็นอาการไม่สู้ดีของอีกฝ่าย เขาจึงเอื้อมมือขึ้นตบเปาะแปะไปยังลาดไหล่เล็กหนึ่งครา "เป็นลูกผู้ชาย ห้ามร้อง ต้องแข็งแกร่งเข้าใจหรือไม่"เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก "ขอรับ ตะ...แต่ หากข้าทำงานให้ท่าน ท่านจะให้เงินข้าจริง ๆ หรือ"ชายหนุ่มพยักหน้า "แน่นอน ข้าให้เจ้าทั้งหมด""จริง ๆ นะขอรับ""อืม...พี่ชายไม่เคยหลอกใคร เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ามีน้องสาว แล้วพ่อแม่เล่า""ขอรับข้ามีน้องสาว แต่พ่อแม่ไม่มีแล้ว…" เสียงเล็กเงียบไปครู่หนึ่ง เสี่ยวไป๋เอ่ยต่อ "ยามนี้น้องสาวของข้าป่วยหนัก ข้าไม่ม
ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางฟู่ซูหนิงก็ตั้งใจออกไปเก็บสมุนไพรตามปกติ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาลงจากหุบเขาเพื่อไปช่วยเหลือชาวบ้านบางส่วนซึ่งไม่ได้รับโอกาสให้ขึ้นมาเยือนหุบเขาร้อยโอสถ การลงเขาแต่ละครั้งจะลงไปในตัวตนของหมอนิรนามก็เพียงเท่านั้นด้วยเหตุนี้โอสถทุกแขนงจำต้องมีอย่างครบครันเดิมทีฟู่ซูหนิงมักถูกกำชับให้อยู่เฝ้าที่เรือนไม้ไผ่ ท่านตาและท่านยายของนางจะเป็นฝ่ายลงไปเอง แม้ท่านตาของนางอายุแปดสิบปี ส่วนท่านยายอายุเจ็ดสิบห้า ทว่าทั้งสองยังร่างกายแข็งแรงกว่าคนแก่ชราทั่วไปนักการเดินเท้าและอยู่ท่ามกลางพืชสมุนไพรนับว่าเป็นยาวิเศษอย่างแท้จริงกรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง"ท่านตา เสียงกระดิ่งเจ้าค่ะ มีคนต้องการความช่วยเหลือ""เดี๋ยวตาออกไปดูเอง""ไม่ต้องเจ้าค่ะ อย่างไรข้าก็ต้องออกไปอยู่แล้ว ซ้ำท่านยังต้องเตรียมสัมภาระอีกมาก ให้หนิงเอ๋อร์ไปเองเจ้าค่ะแล้วจะเร่งกลับมานะเจ้าคะ""แต่เจ้าเทียวไปเทียวมาคงนับว่าลำบากแย่"ฟู่ซูหนิงฉีกยิ้มกว้าง "ท่านตา... เอาอีกแล้วนะเจ้าคะ พวกท่านอายุมากกว่าข้าตั้งกี่สิบปียังเทียวไปเทีย
"ท่านตาเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"ฟู่ซูหนิงเคร่งเครียดเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหญิงเริ่มซีดขาว ลมหายใจที่พ่นออกมาก็ผะแผ่วลงทุกขณะต่งควนส่ายศีรษะ "เด็กคนนี้ป่วยเรื้อรัง ป่วยมานานเกินไป นางไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่โลกใบนี้นานนัก""...ท่านตาหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ""ดูเหมือนว่านางอาจอยู่ได้ไม่เกินคืนนี้"ฟู่ซูหนิงตัวแข็งค้างดั่งถูกฟาดด้วยสายอสนีเคราะห์เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ น่าสงสารเพียงนี้ ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหรือมีโอกาสเติบโตเฉกเช่นคนอื่นก็ต้องลาโลกแล้วอย่างนั้นหรือ แม้นางไม่อยากเชื่อแต่ท่านตาของนางมีญาณหยั่งรู้ ข้อนี้นางไม่อาจปฏิเสธความจริงได้เลย"...ท่านตา ท่านตาเจ้าคะ แต่ว่าเรา เราเป็นหมอเทวดา ผู้ใดก็ว่าอย่างนั้น ข้าว่ายังมีหนทางหรือไม่ บางทีญาณของท่านอาจผิดพลาดก็ได้เจ้าค่ะ" ฟู่ซูหนิงละล้าละลัง นัยน์ตาดอกท้อแดงก่ำเพราะรู้สึกเวทนาสองพี่น้องจับใจระหว่างเดินทางกลับเรือนไม้ไผ่ ฟู่ซูหนิงซักประวัติของสองพี่น้องแล้วยิ่งฟังก็ยิ่งหดหู่ เด็กชายมีนามว่าเสี่ยวไป๋อายุสิบขวบ ส่วนเด็กหญิงนามว่าเสี่ยวยี่ อายุเพียงเ
"น้องหก พี่สี่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว ส่วนข้าเป็นพี่ห้า ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ยิ่ง ผลงานล้วนโดดเด่นไม่เป็นรองใคร เจ้ายังคิดว่าตนเองจะได้รับตำแหน่งชินอ๋องนี่อีกหรือ"วันนี้ฉืออิ้งเทียนแต่งกายด้วยเครื่องแบบผ้าไหมลายคราม บนศีรษะสวมกวานทองคำ ดวงตาของเขาผูกปิดด้วยผ้าแพรสีขาว"พี่ห้า ที่ข้ามาร่วมพิธีวันนี้ก็เพียงทำตามกฎมณเฑียรเท่านั้น ส่วนตำแหน่งที่ว่าก็สุดแล้วแต่เสด็จพ่อมิใช่หรือ""ฮ่า ฮ่า เช่นนี้เอง แต่เจ้ากลายเป็นองค์ชายพิการตาบอดไปแล้ว น้องหกเจ้าไม่มาสักคน เสด็จพ่อก็คงไม่เอาผิดกระมัง อย่าได้คร่ำเคร่งถึงเพียงนั้นเลย" ฉือเจิ้นหยู่เหยียดยิ้ม มือหยาบระคายวางลงบนบ่าของฉืออิ้งเทียน เขาออกแรงตบเปาะแปะพลางแสร้งถอนหายใจ องค์ชายคนอื่น ๆ ที่ยืนเรียงแถวต่างส่ายศีรษะในความผยองพองขนและมั่นอกมั่นใจของคนผู้นี้ เป็นเพียงโอรสตำแหน่งผินแต่กลับมิเคยเจียมกะลาหัว"พี่หก อย่าไปใส่ใจเขาเลย ข้าจะรอชมเศษใบหน้าที่กระจายเกลื่อนพื้นของเขา แม้ท่านมิได้ตำแหน่งชินอ๋อง แต่ข้าคิดว่าเขาเองก็คงไม่ได้"ฉืออิ้งเทียนยิ้มบาง "น้องแปด ไม่ต้องเป็นกังวล"องค์ชายแปดเป็นโอรสจากสนมตำแหน่งเฟยอีก
หนึ่งสัปดาห์ก่อนพิธีแต่งตั้งชินอ๋อง"ฉืออิ้งเทียนถวายบังคมเสด็จพ่อ""อิ้งเทียน เจ้านั่งลงเถิด""พ่ะย่ะค่ะ"ยามนี้พวกเขาอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของฉืออิ้งเทียน หลังจากพบกุ้ยเฟยเป็นที่เรียบร้อย ฮ่องเต้ก็มีเรื่องต้องพูดคุยกับฉืออิ้งเทียนเป็นการส่วนตัว"อิ้งเทียน ดวงตาของเจ้าไม่อาจรักษาได้เลยอย่างนั้นหรือ""เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลพระทัย ลูกว่าจะไปเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลอยู่พอดีพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้ฉือเจียฉีพยักหน้า แม้นใบหน้าดูเคร่งขรึม ทว่าภายในใจของเขาก็แอบประหวั่น หากโอรสผู้มากความสามารถดวงตามืดบอดจริง เขาคงมิอาจมอบตำแหน่งชินอ๋องให้ได้ ขุนนางทุกฝ่ายจะต้องคัดค้านภายในระบบราชวงศ์จะต้องอลหม่านเป็นแน่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องในบรรดาองค์ชายองค์หญิงหามีใครจริงใจเท่าสองพี่น้องตำหนักกุ้ยเฟยแล้วฮ่องเต้ฉือเจียฉีต้องแสร้งปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด เพราะถึงอย่างไรองค์ชายองค์หญิงเหล่านั้นก็ล้วนเป็นบุตรของตนด้วยกันทั้งสิ้นทว่าเขารู้จักนิสัยโอรสคนที่หกที่ถือกำเนิดจากซิ่วกุ้ยเฟยดี ฉืออิ้งเทียนเ
โชคดียิ่งที่เด็กชายสามารถคว้าราวบันไดไม้ไผ่ไว้ทันท่วงที เสี่ยวไป๋ผินมองฟู่ซูหนิงอย่างรู้สึกผิด หัวใจของเขาเต้นดังอึกทึกดั่งถูกตีกระหน่ำ เสี่ยวไป๋คลี่ยิ้มแห้งขอด"ท่านอาจารย์...ศิษย์ไม่เป็นอันใดขอรับ""ใจหายใจคว่ำหมด ระวังด้วย" ฟู่ซูหนิงโล่งอก เมื่อครู่คิดว่าศิษย์ของตนจะหัวร้างข้างแตกเข้าเสียแล้วฟู่หรงเข้ามาก็ทันได้เห็นเหตุการณ์พอดี "ตายจริง ไป๋เอ๋อร์ เจ้าระวังหน่อย อยู่กับอาจารย์เจ้ามากเกินไปหรือไร จึงติดนิสัยป้ำเป๋อจากนาง""อ้าว...ท่านยายเจ้าคะ ไฉนโยงมาถึงข้ากันเล่า หลานสาวของท่านออกจะเรียบร้อยเฉกเช่นผ้ายับที่พับไว้มิรู้หรือเจ้าคะ"ฟู่หรงอมยิ้ม หญิงชราส่ายหน้าน้อย ๆ "ผ้ายับแล้วนับว่าเรียบร้อยได้หรือ"ฟู่ซูหนิงหัวเราะคิกคัก "เรียบร้อยสิเจ้าคะ ถึงอย่างไรก็ยังพับนะเจ้าคะ"หญิงชราลดกายลงนั่งขนาบข้างฟู่ซูหนิง "หนิงเอ๋อร์ เจ้าไม่เคยออกจากหุบเขาร้อยโอสถเลยนับสิบเจ็ดปี ยามนี้ท่านตาของเจ้าเห็นดีเห็นงามให้เจ้าออกไป หากเจ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อยายจะไปคุยกับตาของเจ้าให้เอง อีกอย่างข้าไม่ค่อยวางใจ ถึงเจ้ามีศิษย์เป็นชาย แต่เขายังเด็กมากนัก หากจู่ ๆ เ
ฟู่ซูหนิงและเสี่ยวไป๋เดินทางมาถึงตัวเมืองก็เป็นเวลาบ่ายคล้อย เมื่อเช้าพวกเขาเร่งเดินทางจึงหยิบเพียงหมั่นโถวติดมือมาคนละสองลูก ดูเหมือนท้องไส้เริ่มส่งเสียงประท้วงเสียแล้ว"ท่านอาจารย์ ข้าหิวแล้วขอรับ""เจ้าอยากกินอะไรเล่า""อืม..." เสี่ยวไป๋ครุ่นคิด พลางเหลียวมองซ้ายขวา "อ่า...นั่น ๆ เรากินบะหมี่กันนะขอรับ""ได้สิ"เพราะเป็นร้านบะหมี่ขนาดย่อม จึงมีเพียงเจ้าของร้านมิได้มีเสี่ยวเอ้อร์บริการแต่อย่างใด เสี่ยวไป๋และฟู่ซูหนิงสอดส่องหาโต๊ะที่ยังว่าง จากนั้นจึงตัดสินใจเดินไปบริเวณโต๊ะมุมซ้ายของร้าน ยังมิทันได้นั่งลงเพื่อคลายความเหนื่อยล้า ก็มีเท้าใครบางคนเหยียบย้ำลงบนเก้าอี้ที่นางหมายตาเสียก่อนฟู่ซูหนิงแค่นยิ้มอีกแล้วหรือ ออกมาข้างนอกคราใดไม่เคยได้ใช้ชีวิตแสนสงบเสียทีนัยน์ตาดอกท้อช้อนมองอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ ฟู่ซูหนิงยังไม่อยากมีเรื่องกับใครในยามนี้ จึงพยายามสงวนท่าทีเดือดดาลเอาไว้หนวดเคราปลอมซึ่งประดับเหนือริมฝีปากขยับยก "พี่ชาย ที่ตรงนี้พวกข้ามาถึงก่
จู่ ๆ ฟู่ซูหนิงก็ถูกควบคุมตัวให้คุกเข่าลง "นี่เรื่องใดกัน อยู่ ๆ ก็มาจับกุมข้า อยากหัวขาดงั้นรึ"บุรุษผู้หนึ่งย่างกรายมาเบื้องหน้าของนาง พร้อมย่ามสุดรักในมือ เขาชูของสิ่งนั้นขึ้น ครั้นเห็นกระจะตาว่าเป็นผู้ใดนางก็เบิกตากว้าง"หมอชุย!"ชุยว่านเหวินเหยียดยิ้ม "พระชายา นี่ของท่านใช่หรือไม่"ฟู่ซูหนิงเมียงมองครู่หนึ่ง "ของข้า แล้วไปอยู่กับเจ้าได้อย่างไร""เป็นชายาชินอ๋องไม่ผิดแน่ นางสารภาพแล้วว่าคือของนาง"คิ้วสวยขมวดฉับ "หมายความว่าอย่างไร""พระชายา ท่านแสร้งทำตาใสเรื่องใดงั้นหรือ ลอบวางยาพิษฝ่าบาทรู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด""ลอบวางยาพิษ! ไร้หลักฐานไยคิดปรักปรำข้า อีกอย่างข้าเป็นชายาชินอ๋อง ควบคุมตัวข้าทั้งที่ยังไม่ไต่สวน ทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้วรึ หากชินอ๋องรู้เข้า อย่าหมายว่าศีรษะของเจ้าจะยังอยู่บนบ่า"เสียงทุ้มหัวเราะร่วน "พระชายา หลักฐานคาตา ทุกคนก็เห็นกันหมด และนี่..." เขาเทของออกจากย่ามใบโปรดของฟู่ซูหนิง ยาพิษหลากชนิดร่วงกราวดั่งใบไม้แห้ง "ของพวกนี้ ยาพิษใช่หรือไม่""ก็ใช่ แต่นั่นข้าเอาไว้ศึกษาทดลอง และย่ามของข้
รถม้าของราชวังเคลื่อนมาจอดที่หน้าตำหนักชินอ๋อง ฟู่ซูหนิงและเสี่ยวไป๋กำลังจะออกเดินทาง นัยน์ตาดอกท้อกวาดมองตำหนักชินอ๋องอย่างนึกอาลัย ชาติก่อนฟู่ซูหนิงอาศัยอยู่ในฐานะพระชายา ส่วนตอนนี้นางได้อาศัยบังแดดบังฝนในฐานะหมอแม้ใจไม่อยากจากไปแต่นางและเขาล้วนเลือกเดินคนละเส้นทางตั้งแต่แรกแล้ว"หมอฟู่"สตรีผู้สวมอาภรณ์งามสง่ากำลังมุ่งหน้ามาหานาง ฟู่ซูหนิงยอบกายค้อมศีรษะ"ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ"ขนาบข้างกุ้ยเฟยยังมีรั่วรั่วซึ่งยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับประคองอยู่ไม่ห่าง"กุ้ยเฟย ดูนางสิเพคะ รั่วรั่วบอกนางแล้วให้รอท่านพี่อิ้งเทียนฟื้นก่อนหมอฟู่ก็ไม่ฟัง"ฟู่ซูหนิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก รั่วรั่วถึงขั้นไปเชิญกุ้ยเฟยเพื่อมายื้อนางเชียวหรือ ช่างขัดกับรั่วรั่วในเมื่อก่อนยิ่งนัก"หมอฟู่ เจ้าเป็นหมอติดตามลูกของข้ามิใช่หรือ ยามนี้เขายังไม่ได้สติ เจ้านึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มาง่ายดายปานนี้เชียวหรือ" ซิ่วกุ้ยเฟยเปล่งวาจาวางอำนาจ แท้จริงในใจของซิ่วกุ้ยเฟยต้องการขอบคุณฟู่ซูหนิงมากกว่า แต่เพราะตนเป็นคนใหญ่คนโตก็ต้องวางท่าใ
เสียงแหลมเล็กดังจากทางเบื้องหลัง ฟู่ซูหนิงหมุนกายกลับตามเสียงร้องเรียก ส่วนองครักษ์ทั้งสองไม่อยากสอดมือเข้ายุ่งจึงขอตัวผละจาก"ท่านหญิงรั่วรั่ว มีเรื่องใดหรือเจ้าคะ"รั่วรั่วรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อย นางหันรีหันขวาง ท่าทีวางไม้วางมือรู้สึกเก้งก้างไปหมด "เอ่อ...ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า สะดวกสักครู่หรือไม่"ฟู่ซูหนิงเลิกคิ้วด้วยความฉงน นางไม่เคยเห็นรั่วรั่วในมุมของสาวน้อยขี้กังวลเช่นนี้มาก่อน "มีสิ่งใดก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ"จู่ ๆ สตรีผู้สูงศักดิ์หน้าตาจิ้มลิ้มก็เดินเข้ามาจับมือฟู่ซูหนิงทั้งสองฝั่ง รั่วรั่วพยายามรวบรวมความกล้า "หมอฟู่ ข้ามาวันนี้ ก็เพียงอยากขอโทษเจ้า ที่เมื่อก่อนข้าริษยาและชอบต่อว่าเจ้า"เปลือกตาบางกะพริบถี่อย่างไม่เชื่อสายตารั่วรั่วเอียงคอมอง "เป็นอะไรไปเล่า เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ข้ามิได้มีอุบายใดนะ""ท่านหญิง ท่านกินยาผิดขนานหรือ"รั่วรั่วหน้างอง้ำ ใบหน้าของนางจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูยิ่ง หากนางมิใช่ท่านหญิงผู้เอาแต่ใจก็คงจะดีไม่น้อย "เหตุใดพูดจาเช่นนี้กัน ข้าอุตส่าห์สำนึกได้แล้วเชียว"ฟู่ซูหนิงเลิกคิ้ว "อะไรเจ้าคะ
การจับกุมหลิวเฟยเกือบทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ นับว่าโชคดียิ่งที่ฉืออิ้งเทียนเตรียมกำลังทหารปิดล้อมโรงน้ำชาแห่งนั้นเอาไว้ แม้เขาได้รับบาดเจ็บจนหมดสติ ทว่าองครักษ์ทั้งสองและไท่จื่อ และฉือเจิ้นหยู่สามารถกวาดล้างเหล่ากบฏ ได้จนสิ้นซาก ทุกอย่างล้วนเป็นการวางแผนอย่างรอบคอบของชินอ๋องหลิวเฟย เย่อ๋อง และหัวหน้าหมอหลวงชุยว่านเหวิน ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงสามวันเพื่อทำการไต่สวนต่อเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสองคนร่วมกันวางแผนเพื่อขุดบ่อน้ำมันท้ายหมู่บ้านฮุ่ยเหอมาช้านาน หนำซ้ำยังทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงรู้ถึงแหล่งขุดเจาะ เพราะเหตุนี้บุรุษในหมู่บ้านฮุ่ยเหอ ที่มักออกหาของป่าเพื่อเลี้ยงชีพ หากบังเอิญพบสถานที่มรณะนั้นเข้าก็ถูกปลิดชีวิตตายทั้งหมดทำให้หลงเหลือเพียงสตรีอ่อนแอ คนแก่ชรา และเด็ก เย่อ๋องจึงวางแผนให้หมู่บ้านเกิดโรคระบาด หากชาวบ้านล้มตายจนหมด หมู่บ้านฮุ่ยเหอก็จะถูกทิ้งร้างและไม่มีรายงานส่งเข้าวังหลวง จนถูกหลงลืมในที่สุดแผนการทั้งหมดพังครืนไม่เป็นท่า เพราะอยู่ ๆ ก็มีหมอเช่นฟู่ซูหนิงยื่นมือเข้าช่วย ครั้นจะเร่งกำจัดก็เกรงจะเกิดเรื่องใหญ่ ก
ฮ่องเต้ฉือเจียฉีใจเต้นระส่ำ ร่างกายสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ อารมณ์ยามนี้ทั้งโกรธแค้นและเจ็บปวดฉือเจิ้นหยู่คุกเข่าค้อมศีรษะ "เสด็จพ่อ องค์ชายสามคิดกบฏยึดบัลลังก์มังกร หมายช่วงชิงลัญจกรของพระองค์ เขาสังหารทหารกล้าไปนับร้อยชีวิต ทว่าชินอ๋องระแคะระคายเกรงว่าวังหลวงจะเกิดจลาจล จึงได้วางกองกำลังเพื่อดูสถานการณ์โดยให้ลูกเป็นทัพหน้า เพราะองค์ชายสามกระทำความผิดฐานก่อกบฏ การประหัตประหารนี้ก็นับว่าสมควรแล้ว ถูกต้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้ฉือเจียฉีอึ้งงัน การที่เขามากภรรยาหลายบุตรมันช่างยุ่งเหยิงและแสนเจ็บปวดนักมือหยาบระคายเอื้อมลูบศีรษะฉือเจิ้นหยู่แผ่วเบา "เจิ้นหยู่ เป็นพ่อที่ละเลยเจ้า ทั้งที่เจ้าปกป้องบ้านเมืองมาโดยตลอด ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะรู้จักรักผองพี่น้อง ลูกพ่อ..." ฮ่องเต้เหลียวมองรัชทายาท และฉืออิ้งเทียนร่วมด้วย "พวกเจ้าล้วนแล้วแต่เหมาะสมกับการเป็นโอรสของข้า เจิ้นหยู่ อิ้งเทียน พวกเจ้าตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและเฉียบขาดยิ่ง เรื่องวันนี้คนเลวจะต้องถูกลงทัณฑ์โทษทัณฑ์ที่ลู่ถงได้รับก็สาสมแล้ว"ฮ่องเต้ฉือเจียฉีกัดฟันกรอด "จับตัวพวกมันไปตัดหัวให้หมด!"
ทุกคนต่างให้ความสนใจฟู่ซูหนิง และแน่นอนฉืออิ้งเทียนทราบว่าฟู่ซูหนิงลอบให้การรักษาซีผินอย่างลับ ๆ กระทั่งเขาสืบทราบความจริงว่าซีผินมิใช่ศัตรูตัวจริง ซีผินก็แค่ริษยาแต่ไม่เคยคิดกระทำการชั่วช้าหมายเอาชีวิตเขาแต่อย่างใด ทว่าคนที่สุขุมเยือกนิ่งกลับร้ายกาจที่สุด ฉืออิ้งเทียนจึงทราบว่าทั้งหมดเป็นแผนของหลิวเฟยและโอรสของเขา องค์ชายสามฉือลู่ถงซีผินเอ่ยต่อ "ขอบคุณหมอฟู่ หากไม่ได้ท่าน ข้าคงตายไปนานแล้ว"ฟู่ซูหนิงหลุกหลิก แท้จริงนางก็มิได้ต้องการให้ใครมาขอบคุณ นางเองก็อยากรู้ว่าคนร้ายตัวจริงจะใช่คนที่นางคิดหรือไม่หลิวเฟยตวัดตามองฟู่ซูหนิงฉับ "เจ้านี่มัน! หอกข้างแคร่ของข้าทุกเรื่อง"ฉืออิ้งเทียนสาวเท้าเข้ามาบังหน้าฟู่ซูหนิงไว้ในบัดดล ฟู่ซูหนิงเอ่ยเสียงแผ่ว "ท่านอ๋องกังวลมากเกินไปแล้วเพคะ""ข้าไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายเจ้า กระทั่งสายตาก็ไม่ได้!!"นัยน์ตาดอกท้อแดงก่ำ ฟู่ซูหนิงมองตามแผ่นหลังกว้างของบุรุษเบื้องหน้าด้วยจิตใจสับสน เสียงใสเปล่งวาจาเบาหวิว "ขอบพระทัยเพคะ"ซีผินบอกเล่าวีรกรรมต่ำช้าของหลิวเฟยต่อไป "วันนั้นที่ฝ่าบาทประชวรหนัก ข้าเข้าไปยังห้องบร
ห้องรับรองพิเศษของโรงน้ำชา ณ ย่านกลางเมือง เดิมทีใช่ใครจะเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้โดยง่าย ทว่าคนเฝ้าทางเข้าเพียงหยิบมือไหนเลยจะสู้ทหารกล้าผู้เจนสนามรบ ขณะที่ด้านในมิได้ระแคะระคายใด พวกเขาก็แฝงกายเข้าไปอย่างง่ายดาย"นายหญิง พวกเราได้วางกู่พิษชนิดพิเศษไว้ในห้องเครื่องของตำหนักชินอ๋องเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนที่นั่นจะยอมรับว่าตำหนักชินอ๋องก่อกบฏทุกประการ"การรับพิษกู่เข้าสู่ร่างกายจะส่งผลให้ทุกคนกลายเป็นหุ่นเชิด หากผู้สั่งการประสงค์ให้ทำสิ่งใดคนเหล่านั้นก็จะทำตามโดยไร้สติ ฟู่ซูหนิงลอบฟังก็กำหมัดแน่น หากยามนั้นผู้อาวุโสฟางซินไม่ยื่นมือเข้าช่วย ชาวบ้านคงไม่ต่างจากศพเดินได้ ประหนึ่งผีดิบดี ๆ นี่เอง โชคดีที่นางยังเก็บจินฉานเอาไว้ [1] เพราะต้องการศึกษาต่อ ไม่เช่นนั้นจวนชินอ๋องต้องถึงกาลวิบัติแน่แท้ก่อนออกมาฟู่ซูหนิงย้อนกลับไปเก็บกวาดของสกปรกเหล่านั้นทั้งหมด เพราะนางลอบมองการกระทำของมือสังหารอยู่นานจึงเห็นว่าเขาลอบวางกู่พิษในห้องเครื่องจริงฉืออิ้งเทียนยังแอบชื่นชมฟู่ซูหนิงเป็นมิได้ ขณะที่เขาเป็
ฟู่ซูหนิงใจเต้นโครมคราม นางกลัวเหลือเกิน กลัวตัวเองจะตัดใจจากเขาไม่ได้ข้าไม่อยากคุยกับท่าน ข้าขี้เกียจรบกับแม่สามี กับสตรีนับสิบ ท่านไม่เข้าใจบ้างหรือ ฉืออิ้งเทียนฟู่ซูหนิงทำได้เพียงระบายความอัดอั้นภายในใจ ฉืออิ้งเทียนหัวรั้นเพียงนี้ หากนางไม่เต็มใจอยู่กับเขา เขาเองก็คงตามตื๊อนางไม่เลิกรา ฟู่ซูหนิงไม่รู้ควรทำเช่นไร ครั้นคิดจะมีสามีให้จบ ๆ ไป แต่ใครจะสามารถแต่งงานกับบุรุษที่ตนไม่ได้รักลงกันเล่า ตลกร้ายเกินไปหน่อยแล้วมือสังหารสองนายมีระแคะระคายอยู่บ้างที่การคุ้มกันของตำหนักฮ่องเต้หละหลวม แต่ด้วยความเร่งร้อนหวังจบภารกิจของตนโดยเร็ว จึงมิได้จับสังเกตใดอีกย่ามคู่ใจของฟู่ซูหนิงถูกวางทิ้งไว้ข้างเตากำยาน มือสังหารทั้งสองลอบวางยาพิษชนิดที่ว่าสูดดมเข้าไปภายในครึ่งชั่วยามก็สามารถคร่าชีวิตคนได้ทันที โชคดีที่ทุกคนได้รับยาสลายพิษของฟู่ซูหนิง กระทั่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ มือสังหารทั้งสองก็กระโจนหายไปท่ามกลางความมืดมิดเติ้งเหวยและเกาซีรับหน้าที่ติดตามมือสังหารทั้งสอง ส่วนฟู่ซูหนิงและฉืออิ้งเทียน รุดเข้ามาในห้องบรรทม ทั้งสอ
บทสนทนาอ้างถึงของสำคัญที่ฟู่ซูหนิงพกติดกาย ฟู่ซูหนิงครุ่นคิด เดิมนางมิได้มีของล้ำค่าใด ก็คงมีเพียงย่ามสะพายข้างที่พกติดกายเสมอ"ท่านอ๋อง ย่ามพกยังอยู่ที่ห้องหม่อมฉันเพคะ"ฉืออิ้งเทียนพยักหน้า เขาเร่งร้อนจะพานางกลับไปเอา แต่ฟู่ซูหนิงส่ายศีรษะ ฉืออิ้งเทียนงุนงง "ทำไมถึงห้ามข้า""เราตามพวกเขาไปเถิดเพคะ หนามยอกต้องเอาหนามบ่งมิใช่หรือ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเอาไป เราตามไปเงียบ ๆ ก็เพียงพอแล้ว"ฉืออิ้งเทียนจึงพาฟู่ซูหนิงลอบตามชายผู้บุกรุกไป และแน่นอนฟู่ซูหนิงจงใจเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกระทำตามอำเภอใจ ถุงผ้าของฟู่ซูหนิงถูกสับเปลี่ยน นัยน์ตาดอกท้อหรี่ลงพิจารณาบุรุษที่สวมอาภรณ์สาวใช้ทั้งสองแล้วจึงจิ๊ปาก"สองคนนี้แอบแฝงตัวเข้ามากับขบวนนางกำนัลซีผินเมื่อช่วงบ่ายเพคะ""เมื่อบ่ายข้าก็เห็นความผิดปกติ ดูเหมือนตอนนั้นพวกมันยังไม่คิดลงมือ ข้าต้องการรู้ว่าแท้จริงนายพวกมันเป็นใคร จึงเล่นละครตามน้ำไปก่อน"ฟู่ซูหนิงตัวแข็งทื่อ แท้จริงเขาก็รู้ทุกเรื่อง แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสื้อจริงงั้นหรือ"ท่านอ๋อง ท่านคงมิได้สงสัยซีผินกระมังเพคะ"