ภัทรมัยนั่งคร่อมอยู่บนตักของชยาวุธ แขนทั้งสองข้างกอดคอเขาไว้แน่นพลางบดจูบอย่างเร่าร้อน ชายหนุ่มครางอือในลำคออย่างพึงพอใจ มือร้อนรุ่มของเขาเริ่มเลื้อยเข้ามาในกระโปรงของเธอแล้วคลึงเคล้นบั้นท้ายพลางกดสะโพกของหญิงสาวให้จุดอ่อนไหวเสียดสีเข้าหากัน
เธอถอนจูบออก มองสบตาเขาพร้อมกับยิ้มยั่ว รับรู้ได้ถึงบางส่วนของร่างกายเขาที่เริ่มตื่นเพริดดุนดันขึ้นมาบดเบียดตรงจุดนั้นอย่างเชิญชวน
“หายโกรธพี่แล้วหรือ หืม...” ชยาวุธถามเสียงพร่า
“เปล่า ยังโกรธอยู่” เธอตอบพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทีละเม็ด
“จริงอะ อย่าโกรธพี่เลย พี่ไม่อยากเลิกกับแก้มจริง ๆ นะ” เขาพรมจูบทั่วใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
ภัทรมัยใช้เล็บจิกมือของตัวเองไว้แน่น เพื่อไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสหวามไหวที่เขาจุดขึ้น หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่เลื่อนตัวออกมาแล้วปลดเข็มขัด ถอดกางเกงยีนของเขาออกไปทางปลายขา
หญิงสาวช้อนตามองเขา เห็นสายตาร้อนเร่าวาววามที่เขามองมาแล้วอดวูบวาบในอกไม่ได้ รู้ดีว่าถ้าคืนนี้เธอยอมเตลิดตามใจเขาไป เธอจะได้รับบทรักสุดรัญจวนใจจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงลุกไปไหนแน่นอน
มือเรียวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปหยอกเย้าตัวตนของเขาที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน เธอจึงรูดมันออกไปทางปลายเท้าจนเนื้อตัวของเขาเปล่าเปลือยอยู่บนโซฟา
“แก้ม” เขาครางเรียกชื่อเธอ สายตาที่มองมาทั้งเว้าวอนและเร่งเร้าอยู่ในที หญิงสาวจึงรู้ว่าอารมณ์ของเขาพุ่งขึ้นสูงเต็มที่แล้ว
ภัทรมัยเริ่มสองจิตสองใจ จะไปต่อหรือพอแค่นี้ เพราะหากไปต่อ เธอจะได้เซ็กซ์ร้อน ๆ จากเขาจนเต็มอิ่ม เธอติดใจรสรักจากเขาไม่น้อย อดเสียดายไม่ได้ที่ต้องเลิกกัน ทว่าสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็คือการวิ่งอยู่ในวังวนเดิม
แต่ถ้าหยุดแค่ตรงนี้ สิ่งที่เธอจะได้รับกลับมาคือ...ความสะใจ!
“แก้ม...กินสิครับ” เขาคงเห็นว่าเธอเล่นกับส่วนนั้นของเขานานแล้ว แต่ไม่ลงมือกินสักทีจึงเอ่ยปากเรียกร้อง เมื่อเห็นดังนั้น หญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ของตนออกมาจากกระเป๋าสะพาย
ชยาวุธยิ้มกริ่ม เขาคงนึกว่าเธอจะหยิบถุงยางอนามัยกระมัง ทว่าสิ่งที่เธอหยิบออกมานั้นกลับเป็นธนบัตรใบสีแดงสามใบ หนำซ้ำหญิงสาวยังวางมันลงไปตรงหว่างขาของเขา
“เปลี่ยนใจแล้ว ไม่เอาดีกว่า ไม่มีอารมณ์”
ภัทรมัยคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสะพายแล้วเดินเร็ว ๆ ไปทางประตูห้องทันที
“เดี๋ยวสิแก้ม! หมายความว่าไง” ชยาวุธลุกขึ้นยืนจังก้าจนอาวุธประจำกายของเขาชี้มาทางเธอราวกับหาเรื่อง
“ก็ไม่เอาแล้วไง ทำไมต้องให้อธิบายอะไรซ้ำสองด้วย”
เธอรีบใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูอ้าไว้เพื่อกันไม่ให้เขาพุ่งพรวดเข้ามาดึงตัวเธอเข้าไปสำเร็จโทษในห้อง
“โอ๊ะจริงสิ ไม่ต้องทอนนะ ถือเสียว่าให้ทิป...บาย”
หญิงสาวปิดประตูห้องทันที จากนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหน้าลิฟต์อย่างเร่งรีบ เพราะกลัวว่าเขาจะตามมาคว้าตัวเธอกลับไป
เมื่อขึ้นมานั่งในรถได้ ภัทรมัยจึงรีบขับออกจากคอนโดมิเนียมของชยาวุธทันที ขณะที่ขับไปนั้นหญิงสาวอดขำกับพฤติกรรมก๋ากั่นของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าตนกล้าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร อาจเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าชยาวุธไม่มีทางลงไม้ลงมือทำร้ายเธอแน่นอนกระมัง
ขณะเดียวกัน ชยาวุธที่ถูกภัทรมัยทิ้งให้ค้างอยู่กลางอากาศ ได้แต่นั่งหัวเราะเบา ๆ อยู่เพียงลำพังบนโซฟา ตอนนี้ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย เขากำลังนั่งดูรูปถ่ายของภัทรมัยจากโทรศัพท์มือถือพร้อมกับรอยยิ้มเต็มวงหน้าคล้ามคม
เขาไม่โกรธเธอสักนิด ออกจะชอบใจด้วยซ้ำที่หญิงสาวเอาคืนเขาได้เจ็บแสบดีเหลือเกิน ทั้งที่รู้ว่าเขาคลั่งเธอแค่ไหนเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่เธอก็ยังกล้าหลอกให้อยากแล้วจากไปดื้อ ๆ
ภัทรมัยไม่ใช่คนสวยจัดแบบที่มองแล้วต้องเหลียวหลัง แต่เธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เก่ง ความเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีของเธอนั้น ทำให้ใครก็ตามที่ได้อยู่ใกล้จะได้รับพลังบวกจากเธอไปด้วยเสมอ เพราะเหตุนี้เขาจึงชอบเธอทันทีที่หญิงสาวเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ได้เพียงเดือนแรก จากนั้นก็ตามจีบเธออีกเกือบสองเดือนจนในที่สุดก็ได้คบหากัน
ตลอดเวลาที่คบกับเธอเขามีความสุขมาก แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ตัดขาดจากเฟิร์น แฟนเก่าเสียทีเดียว แม้จะไม่ได้ติดต่อในเชิงคนรักอีกแล้ว แต่เมื่อเกิดเรื่องบางอย่างก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าหัวใจของเขาตอนนี้เอนเอียงไปทางไหนกันแน่ เขาจึงลองขอห่างจากภัทรมัยสักพักเพื่อทบทวนความรู้สึกของตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อดูชื่อคน โทร.เข้า ชยาวุธจึงเพิ่งนึกได้ว่าตนต้องกลับไปเอารถที่จอดไว้ที่ร้านอาหาร
“ไอ้เวฟ! มึงไปไหนของมึงวะเนี่ย ตอนนี้มึงอยู่กับน้องแก้มหรือวะ” เสียงทิวากรดังขึ้นทันทีที่เขากดรับสาย
“เปล่า กูขับรถมาส่งแก้มที่คอนโดฯ นี่กำลังจะนั่งแท็กซี่ไปที่ร้าน รอแป๊บหนึ่ง กำลังออกไปแล้ว” เขากดวางสายแล้วออกจากห้องทันทีเพราะไม่อยากให้เพื่อนรอนาน
ภัทรมัยกลับถึงห้องก็เจอวริศตรงหน้าประตู ชายหนุ่มเหมือนเพิ่งกลับมาจากสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเช่นกันเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ จากตัวเขา เธอจึงยิ้มให้แล้วถามว่า
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ ทุกทีเห็นมีมีตติงทีไรกลับเช้าตลอด”
“ผมกลัวเมาแล้วขับกลับบ้านไม่ไหวน่ะเลยหนีออกมาก่อน แก้มล่ะ ง่วงยัง มานั่งดื่มในห้องผมไหม”
“ยังไม่ง่วง ถ้างั้นขอฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เสร็จแล้วจะเคาะเรียกนะ ในตู้เย็นมีเบียร์อยู่พอดี”
เขาพยักหน้าให้เธอจึงเดินเข้าห้อง จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้านสบาย ๆ จากนั้นเดินไปหยิบเบียร์สี่กระป๋องใส่ถุงแล้วเดินออกจากห้องตนเองไปเคาะห้องของวริศ
ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตูให้แล้วรับเอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็น ภัทรมัยจึงเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ เธอจำได้ว่าเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกจากต่างประเทศเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องประมาณว่าคู่รักคู่หนึ่งต้องเลิกรากันไปเพราะพระเอกยังตัดแฟนเก่าไม่ขาด ตลอดเรื่องมีแต่ความเศร้า แต่สุดท้ายตอนจบก็สุขสมหวังอยู่ดี
พลันนั้นหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ จะว่าไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ช่างตรงกับชีวิตรักตอนนี้ของตนเหลือเกิน
วริศเดินมานั่งบนโซฟาอีกตัวพลางวางแก้วที่ใส่น้ำแข็งเปล่าเอาไว้ให้ตรงหน้า จากนั้นก็เปิดกระป๋องแล้วเทเครื่องดื่มให้อย่างรู้งาน
“ฉันไม่เข้าใจความคิดของพระเอกเรื่องนี้เลยกาย ดูเหมือนเขาไม่รักนางเอกเลย รักแต่แฟนเก่า” เธอพูดโดยที่สายตาตรึงอยู่กับจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า อยากฟังความเห็นจากจิตแพทย์อย่างวริศเหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไร
“ผิดแล้ว พระเอกรักนางเอกนั่นแหละ แต่กับแฟนเก่าคือความผูกพัน ยิ่งเขาเคยแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานขนาดนั้น จะให้ตัดขาดกันเลยมันแทบเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าจบกันไม่ดีแบบไม่เผาผีน่ะ แต่นี่เขาจบกันด้วยดี จากกันเพราะความรักมันจืดจางลงทั้งคู่ แต่ความผูกพันมันยังอยู่ เขาก็เลยยังเป็นเพื่อนกันได้”
“แล้วกับนางเอกเขาไม่ผูกพันหรือไง” เธอเข้าข้างนางเอกในเรื่องเต็มที่
“มันคนละอย่างกันสิ เอามาเปรียบกันไม่ได้หรอก ในเรื่องน่ะ พระเอกแต่งงานกับภรรยาเก่ามาสิบกว่าปี แก้มลองคิดดูสิว่าสิบกว่าปีในช่วงชีวิตของคนเราน่ะมันนานมากเลยนะ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้”
ชยาวุธมองสบสายตาคู่นั้นอย่างหลงใหลขณะค่อย ๆ เคลื่อนริมฝีปากพรมจูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ สองมือแยกขาเรียวสวยออกกว้าง ข้างหนึ่งพาดไว้กับบ่าตน อีกข้างวางไว้กับพื้นเสียงครวญครางดังระงมเมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้าปัดป่ายจุดอ่อนไหวอย่างเร่งเร้าสลับเชื่องช้า สะโพกกลมกลึงบิดส่ายรับการปรนเปรออันแสนร้อนเร่า ปากครางเรียกชื่อเขาไม่หยุด เขาจึงยิ่งเร่งระรัวเพื่อส่งเธอถึงปลายทางโดยไว เพราะเขาเองก็ปวดหนึบจนแทบระเบิดแล้วเมื่อร่างเย้ายวนเกร็งกระตุกพร้อมเสียงครางดังขึ้นกว่าเดิม อันเป็นภาษากายบ่งบอกว่าหญิงสาวถึงปลายทางแล้ว หากแต่ชายหนุ่มกลับยังคงก้มหน้าปรนเปรอไม่หยุด สองมือคลึงเคล้นทรวงสล้าง ปลายนิ้วสะกิดยอดอกอย่างหยอกเย้า ขณะที่ร่างอรชรได้แต่นอนหอบหายใจถี่จากความสุขสมที่ถาโถมเมื่อครู่ชายหนุ่มบรรจงจูบต้นขาด้านในทั้งสองข้างก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับหญิงสาว เขายิ้มมุมปาก แววตารุ่มร้อนจนคนมองใจสั่นระรัว“ตรงนี้หรือในห้อง” เขาถามเสียงพร่า ขณะที่ท่อนล่างเริ่มบดเบียดสอดแทรกเข้าสู่ช่องทางฉ่ำชื้น“เอาเข้ามาแล้วยังจะถามอีกทำไม” เธอตอ
เฟิร์นต้องโทษเขาแน่ ๆ ว่าเป็นต้นเหตุให้มารดาของตนเองต้องตาย เขาควรยอมรับความผิดกับเธอตามตรงว่า ที่มารดาของเธออาการทรุดลงเป็นเพราะเขาทำให้มันเกิดขึ้นชยาวุธลืมตาขึ้นพลางกด โทร.ออกไปหาอดีตคนรัก รอสายอยู่นานกว่าปลายสายจะกดรับ ยิ่งได้ยินเสียงเจือสะอื้นของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดจนท่วมท้นไปทั้งใจ“ฮัลโหล เฟิร์น...เราขอโทษ”ภัทรมัยอดมองไปทางโต๊ะทำงานของชยาวุธไม่ได้ เขาลางานไปสองวันแล้วโดยแจ้งกับฝ่ายบุคคลว่าลากิจ ต้องไปงานศพญาติ นอกนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว เพราะไม่กล้าเปิดปากถามคนอื่นหญิงสาวเข้าเฟซบุ๊กแล้วเปิดกล่องข้อความที่เพิ่งแชตคุยกับเขาเมื่อคืนวันเสาร์ ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็ไม่ได้แชตมาหาเธออีกราวกับหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไรอย่างนั้น...และจู่ ๆ นิ้วมือของเธอก็พิมพ์ข้อความลงไปโดยไม่รู้ตัว...พี่เวฟเป็นไงบ้าง...ภัทรมัยเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าตนทำอะไรลงไปจึงรีบลบข้อความนั้นออกไปทันที เพราะกลัวว่านิ้วมือจะกดส่งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็นั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก“เฮ้อ...ดีนะที่ยังไม่ได้กดส่งไ
“Chaya Wave งั้นหรือ อะไรกัน อีพี่เวฟมีกี่ไอดีกันเนี่ย มีหลายไอดีไว้จีบสาวรึไง อีตาบ้า!” หญิงสาวกดไอคอน “โกรธ” ให้กับคอมเมนต์นั้น แต่เขากลับกด “หัวใจ” ให้กับสเตตัสของเธอชยาวุธร่างสตอรีบอร์ดเสร็จไปหนึ่งแบบจึงลุกขึ้นยืนยืดเส้นสาย เขามองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าหนึ่งทุ่มแล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอนเพื่อดูว่ามีใคร โทร.มาหรือไม่ แต่ปรากฏว่าแบตหมดจึงเสียบสายชาร์จแล้ววางไว้ที่เดิม จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดเพื่อลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของคอนโดมิเนียมชายหนุ่มขึ้นห้องอีกครั้งตอนสองทุ่มกว่า เขารีบอาบน้ำเพื่อชำระล้างคราบเหงื่อไคล เสร็จเรียบร้อยจึงมานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าเฟซบุ๊กที่เขาสมัครไว้อีกชื่อหนึ่งเขายิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าภัทรมัยยังไม่บล็อกบัญชีชื่อนี้ของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงลองทักเธอทางกล่องข้อความChaya Wave : ทำไรอยู่แก้มเขาทักไปแล้วก็รอว่าเธอจะอ่านเลยหรือไม่ รอประมาณห้านาทีหญิงสาวก็ตอบกลับมาGam Phattramai : ถามทำไมChaya Wave : ก็อยากรู้Chaya Wave : เค้ก
มารดาของเฟิร์นยังคงโทรศัพท์หาชยาวุธอย่างไม่ลดละความพยายาม ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดรำคาญด้วยการรับสาย“ครับ คุณแม่”“ตาเวฟ วันนี้ไม่มาหรือลูก”“ผมติดธุระสำคัญครับ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง” ธุระสำคัญที่เขาพูดถึงคือการตามง้อภัทรมัย“แหม ยุ่งแค่ไหนก็น่าจะแวะมาหาแม่บ้าง หรือไม่ก็แวะมากินข้าวกับยายเฟิร์นสักมื้อก็ยังดี เป็นแฟนกันมันต้องใส่ใจกันนะลูกนะ ไปทำตัวห่างเหินกันเหมือนตอนนั้นมันไม่ดีหรอก แม่นี่ใจไม่ดีเลย”ชยาวุธลอบถอนหายใจ เขาคิดว่าเรื่องนี้อดีตคนรักน่าจะคุยกับมารดาของตนบ้างแล้ว แต่ท่านคงไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นเขาคงต้องเอ่ยปากออกไปด้วยตนเองเสียแล้ว“คุณแม่ครับ ผมไม่ได้คบกับเฟิร์นแล้ว ความจริงเราเลิกกันตั้งแต่ปีที่แล้วครับคุณแม่”ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจจนเขาคิดว่าสายหลุดไปแล้ว กำลังคิดจะเรียกอีกฝ่าย แต่ทางนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน“อะไรกันพวกเธอนี่ หมายความว่ายังไงที่ว่าเลิกกัน แล้วยายเฟิร์นลูกสาวแม่ล่ะจะทำยังไง”“ผมคุยและตกลงกับเฟิร์นเรี
“เมื่อกี้แก โทร.ไปหาตาเวฟหรือยายเฟิร์น” เสียงของมารดาถามขึ้นทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูกระจกเข้าไปในห้อง“เปล่าสักหน่อย เฟิร์นคุยกับเพื่อนที่ทำงาน” เธอเดินไปนั่งบนโซฟายาวสำหรับให้แขกนอนเฝ้าคนป่วย“วันนี้ตาเวฟจะมาเยี่ยมแม่รึเปล่า”“ไม่มามั้ง เห็นบอกว่าติดงานนี่นา ทำไมแม่ต้องให้เวฟมาทุกวันด้วยเนี่ย ไม่เกรงใจเขาหรือไง วันหยุดทั้งทีเขาก็อยากพักผ่อนอยู่ห้องบ้าง”“อีกหน่อยก็ต้องมาเป็นลูกเขยแม่อยู่แล้ว เขาก็ต้องมาคอยดูแลแม่สิ”เฟิร์นถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ต้องให้เฟิร์นพูดอีกกี่ครั้งแม่ถึงจะเข้าใจเนี่ย เราเลิกกันแล้ว เฟิร์นไม่ได้เป็นแฟนกับเวฟแล้ว ทุกวันนี้คือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม่หยุดทำให้เขาลำบากใจได้ไหม แม่ไม่เห็นหน้าเวฟเวลาแม่พูดเรื่องเก่า ๆ บ้างหรือ ทุกอย่างมันจบไปแล้วแม่ และเวฟก็มีแฟนใหม่ไปแล้วด้วย”“แล้วแกจะยอมหรือยายเฟิร์น ตาเวฟน่ะดีจะตาย คบกับแกมาตั้งสิบกว่าปีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาให้กวนใจแกสักครั้ง แกจะยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน แม
ผู้เป็นมารดามองหน้าบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง รู้ดีว่าภัทรมัยชอบแต่งตัวสวย ๆ ชอบการพบปะผู้คนตามประสาหญิงสาวที่ชอบเข้าสังคมและมีเพื่อนเยอะ จึงบอกกับอีกฝ่ายว่า“ไม่ต้องรีบหรอก แกก็ทำงานของแกไปให้เต็มที่นั่นแหละ อยากลาออกเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน แม่ไม่ได้บังคับว่าแกต้องลาออกมาช่วยแม่ทันทีสักหน่อย งานที่ร้านแม่ก็ยังทำไหว”“แม่ก็ไหวตลอด แต่เข้าโรงพยาบาลกี่รอบแล้วแก้มก็ขี้เกียจนับ” ภัทรมัยทำหน้ามุ่ยใส่มารดา“แค่หน้ามืดไปนิดเดียว ทำเป็นเรื่องใหญ่โตกันไปได้ แล้วนี่แม่จะออกจากโรงพยาบาลได้รึยัง”“หมอให้นอนดูอาการก่อนนะแม่ พรุ่งนี้ค่อยออก” เธอรีบบอกท่าน และเป็นตามคาด ท่านแย้งขึ้นทันที“พรุ่งนี้! ได้ยังไงกัน แล้วที่ร้านใครจะดู”“น้าแววไง ให้น้าแววดูให้ก่อน ยังไงพรุ่งนี้เราก็ปิดร้านอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แก้มว่าแม่น่าจะนอนพักผ่อนให้เต็มที่ไปเลยนะ เปิดร้านแล้วค่อยลุยใหม่...เถอะนะแม่ พักผ่อนเถอะ”“ปรับเตียงขึ้นมาให้แม่หน่อย” ได้ยินอย่างนั้น ภัทรมัยจึงกดปุ่มปรับเตียงเพื่อให้ท่านน