LOGINภัทรมัยนั่งคร่อมอยู่บนตักของชยาวุธ แขนทั้งสองข้างกอดคอเขาไว้แน่นพลางบดจูบอย่างเร่าร้อน ชายหนุ่มครางอือในลำคออย่างพึงพอใจ มือร้อนรุ่มของเขาเริ่มเลื้อยเข้ามาในกระโปรงของเธอแล้วคลึงเคล้นบั้นท้ายพลางกดสะโพกของหญิงสาวให้จุดอ่อนไหวเสียดสีเข้าหากัน
เธอถอนจูบออก มองสบตาเขาพร้อมกับยิ้มยั่ว รับรู้ได้ถึงบางส่วนของร่างกายเขาที่เริ่มตื่นเพริดดุนดันขึ้นมาบดเบียดตรงจุดนั้นอย่างเชิญชวน
“หายโกรธพี่แล้วหรือ หืม...” ชยาวุธถามเสียงพร่า
“เปล่า ยังโกรธอยู่” เธอตอบพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทีละเม็ด
“จริงอะ อย่าโกรธพี่เลย พี่ไม่อยากเลิกกับแก้มจริง ๆ นะ” เขาพรมจูบทั่วใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
ภัทรมัยใช้เล็บจิกมือของตัวเองไว้แน่น เพื่อไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสหวามไหวที่เขาจุดขึ้น หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่เลื่อนตัวออกมาแล้วปลดเข็มขัด ถอดกางเกงยีนของเขาออกไปทางปลายขา
หญิงสาวช้อนตามองเขา เห็นสายตาร้อนเร่าวาววามที่เขามองมาแล้วอดวูบวาบในอกไม่ได้ รู้ดีว่าถ้าคืนนี้เธอยอมเตลิดตามใจเขาไป เธอจะได้รับบทรักสุดรัญจวนใจจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงลุกไปไหนแน่นอน
มือเรียวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปหยอกเย้าตัวตนของเขาที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน เธอจึงรูดมันออกไปทางปลายเท้าจนเนื้อตัวของเขาเปล่าเปลือยอยู่บนโซฟา
“แก้ม” เขาครางเรียกชื่อเธอ สายตาที่มองมาทั้งเว้าวอนและเร่งเร้าอยู่ในที หญิงสาวจึงรู้ว่าอารมณ์ของเขาพุ่งขึ้นสูงเต็มที่แล้ว
ภัทรมัยเริ่มสองจิตสองใจ จะไปต่อหรือพอแค่นี้ เพราะหากไปต่อ เธอจะได้เซ็กซ์ร้อน ๆ จากเขาจนเต็มอิ่ม เธอติดใจรสรักจากเขาไม่น้อย อดเสียดายไม่ได้ที่ต้องเลิกกัน ทว่าสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็คือการวิ่งอยู่ในวังวนเดิม
แต่ถ้าหยุดแค่ตรงนี้ สิ่งที่เธอจะได้รับกลับมาคือ...ความสะใจ!
“แก้ม...กินสิครับ” เขาคงเห็นว่าเธอเล่นกับส่วนนั้นของเขานานแล้ว แต่ไม่ลงมือกินสักทีจึงเอ่ยปากเรียกร้อง เมื่อเห็นดังนั้น หญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ของตนออกมาจากกระเป๋าสะพาย
ชยาวุธยิ้มกริ่ม เขาคงนึกว่าเธอจะหยิบถุงยางอนามัยกระมัง ทว่าสิ่งที่เธอหยิบออกมานั้นกลับเป็นธนบัตรใบสีแดงสามใบ หนำซ้ำหญิงสาวยังวางมันลงไปตรงหว่างขาของเขา
“เปลี่ยนใจแล้ว ไม่เอาดีกว่า ไม่มีอารมณ์”
ภัทรมัยคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสะพายแล้วเดินเร็ว ๆ ไปทางประตูห้องทันที
“เดี๋ยวสิแก้ม! หมายความว่าไง” ชยาวุธลุกขึ้นยืนจังก้าจนอาวุธประจำกายของเขาชี้มาทางเธอราวกับหาเรื่อง
“ก็ไม่เอาแล้วไง ทำไมต้องให้อธิบายอะไรซ้ำสองด้วย”
เธอรีบใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูอ้าไว้เพื่อกันไม่ให้เขาพุ่งพรวดเข้ามาดึงตัวเธอเข้าไปสำเร็จโทษในห้อง
“โอ๊ะจริงสิ ไม่ต้องทอนนะ ถือเสียว่าให้ทิป...บาย”
หญิงสาวปิดประตูห้องทันที จากนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหน้าลิฟต์อย่างเร่งรีบ เพราะกลัวว่าเขาจะตามมาคว้าตัวเธอกลับไป
เมื่อขึ้นมานั่งในรถได้ ภัทรมัยจึงรีบขับออกจากคอนโดมิเนียมของชยาวุธทันที ขณะที่ขับไปนั้นหญิงสาวอดขำกับพฤติกรรมก๋ากั่นของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าตนกล้าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร อาจเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าชยาวุธไม่มีทางลงไม้ลงมือทำร้ายเธอแน่นอนกระมัง
ขณะเดียวกัน ชยาวุธที่ถูกภัทรมัยทิ้งให้ค้างอยู่กลางอากาศ ได้แต่นั่งหัวเราะเบา ๆ อยู่เพียงลำพังบนโซฟา ตอนนี้ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย เขากำลังนั่งดูรูปถ่ายของภัทรมัยจากโทรศัพท์มือถือพร้อมกับรอยยิ้มเต็มวงหน้าคล้ามคม
เขาไม่โกรธเธอสักนิด ออกจะชอบใจด้วยซ้ำที่หญิงสาวเอาคืนเขาได้เจ็บแสบดีเหลือเกิน ทั้งที่รู้ว่าเขาคลั่งเธอแค่ไหนเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่เธอก็ยังกล้าหลอกให้อยากแล้วจากไปดื้อ ๆ
ภัทรมัยไม่ใช่คนสวยจัดแบบที่มองแล้วต้องเหลียวหลัง แต่เธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เก่ง ความเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีของเธอนั้น ทำให้ใครก็ตามที่ได้อยู่ใกล้จะได้รับพลังบวกจากเธอไปด้วยเสมอ เพราะเหตุนี้เขาจึงชอบเธอทันทีที่หญิงสาวเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ได้เพียงเดือนแรก จากนั้นก็ตามจีบเธออีกเกือบสองเดือนจนในที่สุดก็ได้คบหากัน
ตลอดเวลาที่คบกับเธอเขามีความสุขมาก แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ตัดขาดจากเฟิร์น แฟนเก่าเสียทีเดียว แม้จะไม่ได้ติดต่อในเชิงคนรักอีกแล้ว แต่เมื่อเกิดเรื่องบางอย่างก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าหัวใจของเขาตอนนี้เอนเอียงไปทางไหนกันแน่ เขาจึงลองขอห่างจากภัทรมัยสักพักเพื่อทบทวนความรู้สึกของตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อดูชื่อคน โทร.เข้า ชยาวุธจึงเพิ่งนึกได้ว่าตนต้องกลับไปเอารถที่จอดไว้ที่ร้านอาหาร
“ไอ้เวฟ! มึงไปไหนของมึงวะเนี่ย ตอนนี้มึงอยู่กับน้องแก้มหรือวะ” เสียงทิวากรดังขึ้นทันทีที่เขากดรับสาย
“เปล่า กูขับรถมาส่งแก้มที่คอนโดฯ นี่กำลังจะนั่งแท็กซี่ไปที่ร้าน รอแป๊บหนึ่ง กำลังออกไปแล้ว” เขากดวางสายแล้วออกจากห้องทันทีเพราะไม่อยากให้เพื่อนรอนาน
ภัทรมัยกลับถึงห้องก็เจอวริศตรงหน้าประตู ชายหนุ่มเหมือนเพิ่งกลับมาจากสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเช่นกันเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ จากตัวเขา เธอจึงยิ้มให้แล้วถามว่า
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ ทุกทีเห็นมีมีตติงทีไรกลับเช้าตลอด”
“ผมกลัวเมาแล้วขับกลับบ้านไม่ไหวน่ะเลยหนีออกมาก่อน แก้มล่ะ ง่วงยัง มานั่งดื่มในห้องผมไหม”
“ยังไม่ง่วง ถ้างั้นขอฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เสร็จแล้วจะเคาะเรียกนะ ในตู้เย็นมีเบียร์อยู่พอดี”
เขาพยักหน้าให้เธอจึงเดินเข้าห้อง จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้านสบาย ๆ จากนั้นเดินไปหยิบเบียร์สี่กระป๋องใส่ถุงแล้วเดินออกจากห้องตนเองไปเคาะห้องของวริศ
ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตูให้แล้วรับเอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็น ภัทรมัยจึงเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ เธอจำได้ว่าเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกจากต่างประเทศเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องประมาณว่าคู่รักคู่หนึ่งต้องเลิกรากันไปเพราะพระเอกยังตัดแฟนเก่าไม่ขาด ตลอดเรื่องมีแต่ความเศร้า แต่สุดท้ายตอนจบก็สุขสมหวังอยู่ดี
พลันนั้นหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ จะว่าไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ช่างตรงกับชีวิตรักตอนนี้ของตนเหลือเกิน
วริศเดินมานั่งบนโซฟาอีกตัวพลางวางแก้วที่ใส่น้ำแข็งเปล่าเอาไว้ให้ตรงหน้า จากนั้นก็เปิดกระป๋องแล้วเทเครื่องดื่มให้อย่างรู้งาน
“ฉันไม่เข้าใจความคิดของพระเอกเรื่องนี้เลยกาย ดูเหมือนเขาไม่รักนางเอกเลย รักแต่แฟนเก่า” เธอพูดโดยที่สายตาตรึงอยู่กับจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า อยากฟังความเห็นจากจิตแพทย์อย่างวริศเหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไร
“ผิดแล้ว พระเอกรักนางเอกนั่นแหละ แต่กับแฟนเก่าคือความผูกพัน ยิ่งเขาเคยแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานขนาดนั้น จะให้ตัดขาดกันเลยมันแทบเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าจบกันไม่ดีแบบไม่เผาผีน่ะ แต่นี่เขาจบกันด้วยดี จากกันเพราะความรักมันจืดจางลงทั้งคู่ แต่ความผูกพันมันยังอยู่ เขาก็เลยยังเป็นเพื่อนกันได้”
“แล้วกับนางเอกเขาไม่ผูกพันหรือไง” เธอเข้าข้างนางเอกในเรื่องเต็มที่
“มันคนละอย่างกันสิ เอามาเปรียบกันไม่ได้หรอก ในเรื่องน่ะ พระเอกแต่งงานกับภรรยาเก่ามาสิบกว่าปี แก้มลองคิดดูสิว่าสิบกว่าปีในช่วงชีวิตของคนเราน่ะมันนานมากเลยนะ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้”
“แล้วน้องเขารู้รึยังว่ามึงชอบเขา” ทิวากรถามยิ้ม ๆ“จะรู้ได้ไง ก็กูไม่ได้บอก”ทิวากรกลอกตาพลางเอ่ยว่า “เหรอออ ไอ้คุณเวฟครับ กูว่าน้องเขาน่าจะรู้แล้วละครับ เพราะมึงน่ะมองเขาตาเชื่อมขนาดนั้น แหม...ไม่แสดงออกเลยสักนิด แค่คนเขารู้เขาเห็นกันทั้งบริษัทแค่นั้นเอง”“เฮ้ยถามจริง น้องเขารู้หรือวะ” คนอื่นเขาไม่สนใจ ใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป แต่ภัทรมัยนั้นเขาต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโสด ถ้าเขาเผลอมองเธอตาเชื่อมจริง เธอจะต้องคิดแน่ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ“ไม่ได้การแล้วไอ้ทิว มึงรีบไปป่าวประกาศให้กูด่วนเลยว่ากูโสดแล้ว”และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะเริ่มจีบภัทรมัยอย่างจริงจังสักทีชยาวุธกับทีมงานคนอื่น ๆ นั่งฟังบรีฟงานจากภัทรมัยในห้องประชุมเล็ก ตลอดเวลาที่นั่งประชุม ชายหนุ่มแทบไม่ละสายตาไปจากเออีคนสวยเลย และเขาไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว แต่ยังยิ้มนิด ๆ ตลอดเวลาด้วยภัทรมัยรู้ตัวว่าถูกชยาวุธจ้องเอา ๆ ก็อดประหม่าไม่ได้ หญิงสาวต้องตั้งสติและใช้สมาธิอย่างมา
“เฮ้อ...” ภัทรมัยถอนหายใจอีกครั้งทั้งยังเผลอมองเขาไม่วางตา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น หัวคิ้วของหญิงสาวพลันขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีตาคนนี้ปล่อยให้คนอื่นเขาแซงคิวอีกแล้ว...นังแก้มจะไม่ทน!หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาชยาวุธด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แต่ไม่ได้พูดกับเขา เธอพูดกับผู้หญิงคนนั้น“ขอโทษนะคะ ท้ายแถวอยู่ตรงนั้นค่ะ กรุณาไปต่อคิวด้วย”“อะไรกัน ก็คุณคนนี้...” ผู้หญิงคนนั้นยังพูดไม่จบ ภัทรมัยก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก“ถึงพี่ฉันจะยอมให้คุณแซงคิว แต่ฉันไม่ให้ และฉันจะเข้าคิวแทนพี่เขาเอง เพราะฉะนั้นกรุณาไปต่อท้ายแถวค่ะ” หญิงสาวชี้ไปทางท้ายแถว จากนั้นหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า“พี่เวฟไปนั่งรอก่อนเลย แก้มจะแลกการ์ดเอง” พูดจบก็หันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้นต่อ เจ้าหล่อนเห็นคนเริ่มมองมาหลายคน อีกทั้งคนที่ต่อแถวบางคนก็ทำหน้าไม่พอใจ จึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากแถวทันทีเมื่อแลกการ์ดเรียบร้อยแล้ว ภัทรมัยจึงเดินไปหาชยาวุธที่นั่งรออยู่ จากนั้นก็ยื่นการ์ดให้เขา&
เออีน้องใหม่ภัทรมัยเดินออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ วันนี้เธอเริ่มงานวันแรกกับบริษัทโฆษณาที่จัดว่าเป็นบริษัทอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เธอใฝ่ฝันอยากทำบริษัทนี้มานานแล้ว เคยมาสัมภาษณ์สองครั้ง แต่ไม่ถูกเรียกให้เข้าทำงาน หญิงสาวจึงต้องไปสมัครบริษัทอื่น ทำอยู่หลายปีจนกระทั่งทราบข่าวว่าบริษัทนี้เปิดรับ Account Executive เธอจึงลองยื่นใบสมัครดูอีกครั้ง หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็กลับบ้านไปรอฟังผล ผ่านไปสองวันจึงได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลว่าเธอได้รับการพิจารณาให้เป็นพนักงานของบริษัทแล้วภัทรมัยจำได้ว่าวันนั้นตนกรี๊ดลั่นห้องจนเพื่อนชายที่อยู่ห้องติดกันรีบมาเคาะประตูถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนึกว่าเธอเกิดอันตรายขณะที่หญิงสาวกำลังจะผลักประตูเข้าไป เสียงทุ้มจากด้านหลังพลันดังขึ้นจนทำให้เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามาติดต่อธุระอะไรรึเปล่าครับ”ภัทรมัยลดมือลงจากที่จับประตูแล้วหันไปมองคนถาม ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนนี้หน้าตาใช้ได้ อายุน่าจะประมาณยี่สิบปลายถึงสามสิบปี สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบ ดูท่าทางเป
โลกใบแรกที่เป็นทนายปราบต์ได้ตายไปแล้ว แต่ยังเหลือโลกใบที่สองคือนวัช เจ้าของบ่อปลาน้ำจืดขนาดใหญ่เขาเหลือชีวิตเดียวแล้ว คงต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ให้สมกับที่มารดาของเขายอมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขาเติบโต...เมี้ยว...เสียงร้องแผ่วเบาของแมวตัวหนึ่งทำให้ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงทันที เขามองหาที่มาของเสียงจึงเห็นลูกแมวตัวเล็กยืนห่างเขาออกไปประมาณสามก้าว“แมวบ้านไหนเนี่ย” เขาไม่เคยได้ยินว่าคนแถวนี้เลี้ยงแมวสักคน จึงคิดจะจับตัวมันมาดูว่าสวมปลอกคอเอาไว้หรือไม่ แต่เจ้าตัวเล็กก็กระโดดหนีไปเสียก่อน และเพราะความมืดเขาจึงไม่แน่ใจว่ามันมีสีอะไร แต่ในเมื่อมันไปแล้วเขาจึงไม่ได้สนใจอีกทว่าพอเขาเดินเข้าบ้าน กลับเห็นลูกแมวตัวน้อยนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโซฟาราวกับเป็นบ้านของมัน“จะมาอยู่ด้วยกันรึไงเจ้าเหมียวน้อย” เขาก้มตัวลงมองมันชัด ๆ เป็นแมวไทยทั่วไปสีส้มท้องขาว มีปลอกคอสวมอยู่แสดงว่าเป็นแมวมีเจ้าของ“กลับบ้านไปได้แล้ว เจ้าของหาแย่แล้วมั้ง”มันเงยหน้ามองเขาเหมือนจะฟังรู้เรื่อง แต่พอเห็นมันเอนตัวลงนอนฟุบบนโซฟาเหมื
“น่ารักจังเลย กี่เดือนแล้วคะ” ภัทรมัยมองเด็กน้อยลูกครึ่งด้วยความเอ็นดู สีผมของทั้งคู่เป็นสีน้ำตาล นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเช่นกัน พวงแก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้าง แขนขาจ้ำม่ำดูน่ากอดทั้งคู่“แปดเดือนแล้ว กำลังคลานเลย เวฟกับแก้มล่ะ เมื่อไรจะมีตัวเล็กบ้าง” เฟิร์นถามยิ้ม ๆ“คงอีกสักพักค่ะ” ภัทรมัยยิ้มแหย“โห นี่แปลว่าไปอยู่ที่โน่นได้ไม่นานก็แต่งงานเลยสิเนี่ย แฟนเป็นคนอเมริกันใช่ไหม แล้วรู้จักกันได้ยังไง” ชยาวุธยิ้มกว้างเช่นกัน ดีใจที่เห็นอดีตคนรักมีชีวิตที่ดี“ใช่ ตอนมาถึงที่นี่เฟิร์นก็ช่วยน้าทำงานในคลินิกสัตว์ และเพ็ทชอปน่ะ เขาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เพราะพาแมวมาถ่ายพยาธิและหยอดยากันเห็บหมัดทุกเดือน มาซื้ออาหารแมว ทรายแมวบ่อย ๆ ก็เลยได้รู้จักกัน บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากคลินิกด้วย เขาจะออกมาวิ่งทุกเช้าเลยได้คุยกันทุกวัน”“ดีใจด้วยนะเฟิร์น ลูก ๆ น่ารักมาก แก้มแดงน่าหยิกมากเลย ไฮ...”ชายหนุ่มโบกมือทักทายเด็กน้อยที่มองตนตาแป๋วผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปยิ้มกับภรรยาอย่างถูกใจเมื่อเห
“ไอ้เสี่ยกวงมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก เชื่อพี่ น่าจะตายอยู่ในคุกนั่นแหละ ไม่ได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกหรอก”“แล้วคุณทนายล่ะ แก้มว่าเขาก็ทำบาปกับคนอื่นไว้ไม่น้อยเลยนะนั่น อยากรู้จริงว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”แม้จะผ่านมาสองปีแล้ว แต่ภัทรมัยยังคงเชื่อว่าทนายปราบต์ยังไม่ตาย และคิดว่าเขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้แน่นอน“จะไปคิดถึงมันทำไม มันทำให้พี่เกือบตายเชียวนะ” เขาตัดพ้อเสียงขุ่น ภัทรมัยจึงรีบกอดเขาไว้อย่างเอาใจ“แหม ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเขาทำยังไงถึงรอด หมายถึงว่าเขาทำยังไงถึงทำให้ตัวเองกลายเป็นคนตายไปได้ แล้วตอนนี้เขาจะใช้ชื่อว่าอะไร ยังอยู่ในประเทศไทยรึเปล่าแค่นั้นเอง”“เขาอยู่กับเสี่ยกวงมานาน ยังไงก็ต้องมีทางออกให้ตัวเองเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วละ แต่ไอ้เรื่องชุบตัวเป็นคนใหม่หรือสวมรอยเป็นคนอื่นรึเปล่าเราก็ไม่รู้กับเขาหรอก พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันน่าจะรู้กันเฉพาะกลุ่มว่ามีขบวนการทำให้ ดีไม่ดี เจ้าหน้าที่พวกนั้นอาจจัดการให้เขาเองก็ได้ ช่างมันเถอะ แค่อย่ามาให้เจอหน้าก็แล้วกัน บอกตามตรงเลยนะ พี่ไม่ถูกชะตา







