เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อคนง่ายเกินไป จึงเป็นเหตุทำให้เขาและญาดาทะเลาะกัน จนได้เผลอพลั้งปากไล่เธอให้ออกไปจากชีวิตของเขา
หลังจากที่ญาดาหายตัวไปตามที่เขาต้องการแล้ว ภาคินก็ได้มารู้ความจริงทีหลัง ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือแม่ของเขาเอง มันทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิม ที่แม่มายุ่งวุ่นวายกับความรักของเขา ภาคินรู้ดีว่าแม่ไม่ยินดีกับความรักของพวกเขา จึงได้ทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมา
‘ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าล้วนจะหลอกลูกทั้งนั้น’ คำพูดที่แม่ของชายหนุ่มพร่ำบอกเสมอ ช่วงที่คบหากับญาดา ครอบครัวเขาไม่เคยยินดีเลยแม้แต่น้อย
กว่าจะรู้ความจริงทุกอย่างก็สายไปแล้ว ญาดาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่เขาต้องการ ภาคินไม่สามารถติดต่อเธอได้ พยายามตามหาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะไปถามกับคนรู้จักหรือไปหาที่บ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว จนตอนนั้นเขาเหมือนคนบ้าขาดสติ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อแม่ตัวเองมากเกินไป จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจบลงแบบนี้...
ภาคินได้แต่โทษแม่ของเขาที่ทำให้ทุกอย่างพัง มาบงการความรัก ทำให้เขาต้องไล่ผู้หญิงที่รักมากที่สุดไป โดยที่ไม่รู้ความจริง มันทำให้เขาเสียใจ ทั้งโกรธ ภาคินจึงเลือกทางเดินชีวิตไปสู่ด้านมืด ติดเหล้าเมายา ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทำตัวเสมือนพ่อของตนเพื่อประชดครอบครัว
เรื่องราวการกระทำของภาคินดังกระฉ่อนไปทั่วสมาคม ทุกครั้งที่เธอไปร่วมงานเลี้ยง เหล่าบรรดาคุณหญิงมักจะถามเกี่ยวกับเรื่องลูกชายเธอเสมอ คุณหญิงวิไลลักษณ์อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเพราะการกระทำของภาคินมันส่งผลมาถึงภาพลักษณ์เธอด้วย
คุณหญิงวิไลลักษณ์และสามีจึงได้ให้คำสัญญากับเขา หากภาคินยอมไปเรียนที่ต่างประเทศจนจบปริญญาโท พวกเขาจะยอมให้ชีวิตอิสระกับเขา จะไม่ก้าวก่ายความรักอีก ภาคินจึงได้สงบลง ยอมตกลงตามสัญญา แล้วเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ จนได้พบเจอกับลลิตา...
ความรักของเขาเหมือนผลิบานอีกครั้ง ทุกครั้งที่เขามองดูลลิตาจะเห็นภาพซ้อนของญาดาเสมอ ลลิตาเป็นผู้หญิงยิ้มง่าย ใครอยู่ด้วยก็สบายใจ เขาจึงเริ่มที่จะจีบเธออย่างเอาจริงเอาจัง นั่นก็เพื่อหวังให้ลืมรักเก่า... เพราะภาคินคิดว่ายังไงชาตินี้เขาก็คงไม่ได้เจอญาดาแล้ว
ทุกอย่างกำลังไปได้ดี เขาได้เริ่มต้นกับรักครั้งใหม่ ความทรงจำเรื่องญาดาเริ่มเลือนหายไป จนกระทั่งวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาเจอรักแรกอีกครั้ง...
หลังจากพักผ่อนได้สักระยะหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่ลลิตาจะมาช่วยบริหารบริษัทของบิดา เธอจึงเลือกย้ายมาอยู่คอนโดใกล้กับบริษัทตัวเอง เพื่อง่ายต่อการเดินทางและความสะดวกสบายต่าง ๆ
วันนี้หญิงสาวมาเดินซื้อสิ่งของเข้าห้องกับ ปาลิน เพื่อนสนิทคนเดียวของเธอในตอนนี้ ปาลินเธอเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง แม้ว่าครอบครัวจะมีปัญหาช่วงที่เธอกำลังสอบเข้ามหา’ลัย บิดามารดาแยกทางกัน แต่ปาลินก็ยังมีสมาธิกับการสอบและสามารถเรียนจนจบ แถมตอนนี้เธอกำลังจะเปิดร้านคาเฟ่เล็ก ๆ เพื่อดูแลตัวเองจะได้ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับบิดามารดา เนื่องจากพวกท่านต่างพากันมีครอบครัวใหม่ เธอจึงต้องพึ่งพาตัวเองไม่ให้เดือดร้อนใคร
สองสาวพากันซื้อของหลายต่อหลายอย่าง เนื่องจากคอนโดของลลิตายังขาดสิ่งของจำเป็นไม่ว่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวหรือของทำอาหาร
“อ้ายมาทางนี้เร็ว” ปาลินเรียกเพื่อนสนิทมาดูของที่จะซื้อ
ขณะที่ลลิตากำลังเดินไป สายตาเธอมัวแต่โฟกัสกับเพื่อนเลยไม่เห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินอยู่ข้าง ๆ ทำให้เดินไปชนเขาอย่างจังจนเธอเกือบหงายหลังล้มลงกับพื้น โชดดีที่ผู้ชายคนนั้นคว้าตัวเธอเอาไว้ทัน ไม่อยากนั้นเธอล้มหัวฟาดพื้นแน่นอน แต่ภาพลักษณ์ในตอนนี้เหมือนพวกเขากำลังโอบกอดกันอยู่เสียอย่างนั้น
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ลลิตารีบผละตัวออกมา “เจ็บตรงไหนไหมคะ” สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มตอบกลับ “คุณล่ะครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ลลิตาส่ายหน้าพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ จากนั้นก็รีบเดินไปหาปาลินทันที
“นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?” ลูกน้องที่เดินมาด้วยกันถามนายตัวเองด้วยความเป็นห่วง เพราะเจ้านายของเขาตอนนี้ยังไม่ยอมเดินต่อสักที จนเขาอดกังวลไม่ได้ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหรี่ตามองไปที่ลูกน้องคนสนิท ก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั