บทที่ 53
ตงตงถูกศาลต้าหลี่จับตัวไป (2)
ทันทีที่ตงตงเดินออกมาที่หน้าร้าน พบว่าทั้งเหล่าลูกค้าที่เป็นชาวบ้านและเหล่าราชองครักษ์หลวง ต่างมองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ถึงถนนสายนี้จะเป็นที่ตั้งของหน่วยราชองครักษหลวง ทว่ายามที่ศาลต้าหลี่ปฏิบัติงาน หน่วยราชองครักษ์หลวงไม่อาจเข้าไปก้าวก่าย
ทุกคนทำได้เพียงมองตงตงด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ บางคนกำหมัด ทำท่าอยากเข้ามาช่วย หากก็ถูกสหายที่ยืนข้างๆ รั้งเอาไว้
หากแทรกแซงงานของหน่วยอื่น อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้
ตงตงเดินเข้ามายืนหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 ของศาลต้าหลี่ ประสานมือ ย่อตัวเล็กน้อยเแสดงความเคารพ
ครั้นเห็นเด็กสาวบอบบางน่ารักและเต็มไปด้วยมารยาท วินาทีนั้น แววตาของเจ้าหน้าที่ทั้งห้าคนพลันเปลี่ยนเป็นสับสน
พวกเขามองหน้ากันไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ
สักครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่หนึ่งในห้าพลันเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
“เจ้าคือแม่ครัวของที่นี่หรือ”
“ข้ากับท่านพ่อเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วข้าก็เป็นแม่ครัวของที่นี่เจ้าค่ะ”
“มีแค่เจ้าจริงหรือ” เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่วายถามนางอย่างสงสัย
“ใช่เจ้าค่ะ” ตงตงตอบฉะฉาน
แม้หยูฮูหยินจะขึ้นมาเป็นแม่ครัวผู้ช่วย แต่ความแค้นฝั่งหุ่นระหว่างฉินเฟยอวี่กับตงตงนั้น คนเริ่มก็คือตงตง ไม่ได้เกี่ยวกับหยูฮูหยิน ดังนั้นจะดึงหยูฮูหยินมาเอี่ยวด้วยไม่ได้
“เจ้ารอสักครู่นะ”
คนที่ดูเหมือนหัวหน้าพูดกับตงตง ก่อนจะหันไปปรึกษากับอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังด้วยเสียงกระซิบ
เด็กสาวยืนรออย่างเชื่อฟัง กระนั้น ก็เงี่ยหูคอยฟังว่าพวกเขาคุยอะไร
“พวกเจ้าคิดว่าเป็นนางจริงหรือไม่”
“ไม่น่าจะผิดตัว คนที่ร้องทุกข์บอกว่าเป็นแม่ครัวของที่นี่อายุน้อย แต่มากเล่ห์เหลี่ยม…เมื่อกี้นางก็บอกเองว่าตัวเองเป็นแม่ครัว”
“เท่าที่ข้าดู นางไม่เหมือนคนเล่ห์เหลี่ยมสักนิด หน้าตาออกจะซื่อด้วยซ้ำ”
ขอโทษนะที่ตงตง (คนนี้) หน้าตาซื่อบื่อ
เด็กสาวคิดอย่างโต้แย้งในใจ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กสาวหน้าซื่อๆ อย่างนี้จะกล้าขโมยของผู้อื่น”
“ในที่นี้ไม่มีใครอยากเชื่อทั้งนั้นแหละ แต่ว่า ผู้ร้ายที่พวกเราจับส่วนใหญ่ล้วนหน้าตาซื่อใส ดูยังไงก็บริสุทธิ์ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ นางเองก็คงจะเป็นแบบนั้น”
“เช่นนั้นก็จับนาง”
เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่หารือกันจนได้ข้อสรุป
แต่ประเด็นคือ…
“แล้วใครจะเป็นคนจับนาง?”
เมื่อคนหนึ่งถาม อีกสี่คนก็เม้มปากเงียบ
ท้ายที่สุด หัวหน้ากลุ่มก็ชี้ไปทางเจ้าหน้าที่ที่เด็กที่สุด
“เจ้าไปจับกุมนาง”
“ข้า…หรือ?”
“เจ้าเป็นเด็กใหม่ ต้องเรียนรู้งานให้มากหน่อย”
“ไหงงั้น”
ดูอย่างไรก็โบ้ยงานที่ไร้มโนธรรมมาให้ชัดๆ
เขาคิด
“หัวหน้าสั่งแล้วเจ้าก็ต้องทำ” รุ่นพี่ในกลุ่มกล่าว
เด็กใหม่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตอบด้วยความจำใจ “ก็ได้ขอรับ”
รับคำจากรุ่นพี่แล้ว ชายหนุ่มก็สาวเท้าขึ้นมายืนตรงหน้าเด็กสาว ประกาศข้อกล่าวหา
“แม่ครัวโรงเตี๊ยมตระกูลจางถูกร้องเรียนว่าขโมยสูตรอาหารอันเป็นความลับของตระกูล การขโมยสินทรัพย์ผู้อื่นถือว่าเป็นความผิด พวกเราเจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ ต้องขอจับกุมเจ้าไปสอบสวน”
“อืม”
ตงตงยินยอมถูกสอบสวน
แต่ถึงอย่างนั้น
เสียงวิจารณ์พลันดังเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที
คำวิจารณ์ล้วนเต็มไปด้วยเสียงก่นด่าเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ ไร้มโนธรรมบ้างละ ยัดข้อกล่าวหาให้กับเด็กบ้างละ
เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ทั้งห้าคนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่รุ่นน้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ป้องปากแล้วบอกกับตงตงว่า “ถ้ามีแค่คนสองคนมาร้องเรียนยังพอเพิกเฉยได้ แต่คนร้องเรียนเจ้ามีมากมายเหลือเกิน ทางศาลต้าหลี่จำเป็นต้องจับกุมเจ้า หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“เข้าใจแล้ว” ตงตงพยักหน้าเข้าใจ
เหล่าเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่เห็นนางซื่อขนาดนี้ อดรู้สึกสงสารไม่ได้
เป็นการทำงานที่ปวดร้าวใจยิ่งนัก!
“ก่อนจะพานางไปพวกเจ้าต้องเอาหลักฐานออกมายืนยันสิ!”
พี่ชายจากหน่วยราชองครักษ์หลวงคนหนึ่งตะโกนแทรก
“ใช่ๆ หลักฐานอยู่ไหน”
“เอาหลักฐานออกมา!!”
“หลักฐาน หลักฐาน หลักฐาน…”
เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ
แต่แล้ว…
ท่ามกลางเสียงโวยวาย เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้น
“หลักฐานอยู่นี่”
ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาคือชายหนุ่มสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่
เสื้อผ้าของเขาเนียบมาก บนเอวยังมีป้ายทองคำประดับอยู่ด้วย หนำซ้ำตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ทั้งห้าคนยังก้มศีรษะให้
คงเป็นหัวหน้า หรือไม่ก็พวกตำแหน่งสูงในศาลยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ตัวละครใหม่ผู้นี้ยืนอยู่ที่ประตูหลังของร้าน ในมือของเขามีหนังสือเก่าๆ หลายฉบับ
นั่นคงเป็นสูตรอาหารที่ว่า
ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมพูดว่า “ขอโทษด้วยที่บุกรุกเข้าหลังร้านแล้วค้นหาหลักฐานตามอำเภอใจ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ งานของพวกเราก็ไม่จบ” ชายสวมหน้ากากเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วกล่าวต่อ “ในมือข้าคือหนังสือสูตรอาหาร มันซ่อนอยู่ในห้องเก็บฟืน”
ไม่รู้หรอกว่าใครเอาหนังสือพวกนั้นไปซ่อนในห้องเก็บฟืน และซ่อนตั้งแต่เมื่อไร
แต่ว่านะ
แค่จับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ!!
เจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ทั้งห้าส่ายหน้าเหมือนช่วยไม่ได้
พูดตามตรง ไม่ว่าจะมองมุมไหนเรื่องนี้เหมือนถูกจัดฉาก
แต่หลักฐานพร้อม เจ้าทุกข์ก็มีไม่น้อย
แม้รู้สึกไม่ดี หากก็ต้องจับเด็กสาวไปดำเนินคดี
อีกด้านหนึ่ง เหล่าลูกค้าขาประจำที่เอ็นดูแม่ครัวน้อย ทำได้เพียงยืนกำหมัดอย่างไม่พอใจ
ถึงจะรู้ว่าแม่ครัวน้อยของพวกเขาไม่ได้ทำผิด ทั้งยังถูกตั้งข้อกล่าวหาเท็จ แต่หากว่ากันด้วยกฎหมาย ฝ่ายตงตงเสียเปรียบอย่างมาก
หนทางเดียวที่จะพ้นผิดได้ ตงตงต้องมีหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์
“ข้าต้องจับกุมเจ้า เพราะนี่เป็นหน้าที่”
ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะพาตงตงออกจากร้าน
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวซิน เสี่ยวกวางและอาฉี วิ่งมาขวางหน้าประตูโรงเตี๊ยม รั้งไม่ให้พวกเขาพาตัวตงตงไป
แน่นอนว่า คนที่นำทีมเด็กทั้งสามก็คือจิ่งฝาง
“ตงตงไม่ผิด ปล่อยนางเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยแม่ครัวของพวกเรานะ”
“อย่าพากนางไปเลย”
“ฮือๆ …”
เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่คิดเห็นตรงกัน พวกเขาไม่ได้อยากพาตัวนางไปสักนิด ทั้งยังรู้สึกขุ่นเคืองกับเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะเหมือนกำลังถูกคนอื่นมาจูงจมูก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาเองก็ต้องทำตามกฎหมาย
“พวกเจ้าถอยออกมา อย่าขัดขวางเจ้าหน้าที่” จางไคเฮ่อห้ามปรามทุกคนด้วยเสียงเย็นชา
“เถ้าแก่ใหญ่…?”
“เถ้าแก่ใหญ่ไม่สงสารตงตงบ้างหรือ นางเป็นลูกสาวท่านนะ”
“ถ้าอยากช่วยนาง ก็ต้องปล่อยให้พวกเขาพานางไป”
“แต่ว่า…”
ในตอนนี้ จางไคเฮ่ออธิบายอะไรไม่ได้
ตอนที่เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ตรวจค้นหลักฐานในห้องเก็บฟืน จางไคเฮ่อก็รู้สึกทะแม่งๆ แล้ว แต่กระนั้น ก็ยินยอมให้ตรวจค้นต่อ
เวลาแบบนี้ การขัดขวางเจ้าหน้าที่อาจไม่เป็นผลดีต่อตงตง
ในเมื่อเถ้าแก่ใหญ่ว่ามาอย่างนั้น ทุกคนจึงหลีกทางให้เจ้าหน้าที่
ก่อนเจ้าหน้าที่จะพาตัวตงตงออกไป จางไคเฮ่อพยักหน้าให้บุตรสาว
ตงตงเองก็พยักหน้าตอบบิดาเช่นกัน
แม้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่ราวกับว่าสองพ่อลูกกำลังสื่อสารกันผ่านทางแววตา
อย่างไรก็ตาม ภายนอกอาจดูเหมือนจางไคเฮ่อสงบเยือกเย็น แต่ความจริงเขาสะกดกลั้นความโกรธอย่างสุดกำลัง
หลังจากตงตงถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวออกไปแล้ว จางไคเฮ่อสั่งให้จิ่งฝางปิดร้านทันที ก่อนที่ตนจะเดินกลับเข้าหลังร้าน ทั้งยังเรียกอาฉีให้ตามมาด้วย
“ฮึก ฮือ…ถะ เถ้าแก่ใหญ่…มีอะไรหรือขอรับ?” อาฉีถามพลางสะอึกสะอื้น เพราะเขายังเสียใจที่เถ้าแก่เนี้ยน้อยของเขาถูกจับ
“ไปหน่วยราชองครักษ์หลวง เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เสนาธิการเว่ยจ้งฟัง”
ถึงอาฉีจะมีจิตใจเปราะบาง แต่ก็เป็นเด็กความจำดี จางไคเฮ่อจึงเลือกให้อาฉีไปหาเว่ยจ้ง เพราะเชื่อว่าในเวลาแบบนี้ เสนาธิการเว่ยจ้งต้องมีแผนช่วยเหลือตงตงเป็นแน่!
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม