Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 55 การไต่สวนคดีที่แสนบันเทิง

Share

บทที่ 55 การไต่สวนคดีที่แสนบันเทิง

last update Last Updated: 2025-06-21 17:17:09

บทที่ 55

การไต่สวนคดีที่แสนบันเทิง

            ได้ยินแบบนั้น ตงตงพลันเบิกตาโพลง

            ฟังดูเข้าท่า

            ไม่เลวเลย!

            แต่ว่า…สู้ด้วยฝีมือในความหมายของเว่ยจ้งคืออะไรกันล่ะ

            ตอนพิจารณาคดี สามารถทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ

            “เอ่อ…ขอถามหน่อยเจ้าค่ะ”

            “ว่ามาเถอะ”

            “พวกท่านจะจัดฉากให้ข้าประลองอาหารกับคนพวกนั้นหรือเจ้าคะ”

            นอกจากระบบร้านค้า ความสามารถอย่างเดียวที่ตงตงมีก็คือการทำอาหาร

            แต่ระบบร้านค้ามีเพียงจางไคเฮ่อที่รู้

            ด้วยเหตุนี้ หากคิดว่าต้องสู้กันด้วยฝีมือ สิ่งแรกที่นึกออกก็คือการประลองทำอาหาร

            “เป็นเช่นนั้น” เว่ยจ้งตอบสั้นๆ

            “แล้ววัตถุดิบคืออะไรเจ้าคะ”

            “เรื่องนั้น…เป็นความลับ”

            แม้จะตอบแบบนั้น แต่แววตาของเว่ยจ้งกลับเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ให้อารมณ์เหมือนกับว่าตงตงเป็นผู้แข่งขันตัวตึงในรายการทีวีแชมเปี้ยนยังไงยังงั้น

            เหนืออื่นใด ตงตงไม่ได้ถามอะไรต่อ

            กลับกันแล้ว เด็กสาวกล่าวขอบคุณที่เว่ยจ้งอุตส่าห์มอบโอกาสให้นางได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์

            “เพื่อความยุติธรรม ข้าอยากเล่าสาเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้เจ้าค่ะ”

            ตงตงรู้สึกไม่สบายใจหากไม่ได้บอกถึงต้นสายปลายเหตุของความวุ่นวายที่แท้จริง

            “เช่นนั้นข้าขอฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

            พอตอบรับว่า เจ้าค่ะ ตงตงก็บอกเล่าถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด

            เริ่มจากเรื่องที่ตงตงขายซาลาเปาแล้วถูกโรงเตี๊ยมตระกูลฉินลอกเลียนแบบ ต่อมา พอนางขายหม้อไฟหมาล่า คราวนี้โรงเตี๊ยมตระกูลฉินก็มาขอซื้อสูตรไปขาย

            พอนางกับท่านพ่อปฏิเสธ ไม่ขายสูตรให้ ฉินเฟยอวี่กับกู้อวี้ชุนเลยทำร้ายคนรู้จักของตงตง และนำเรื่องนั้นมาต่อรองเพื่อสูตรไป

            แม้ว่าตงตงจะขายสูตรให้ แต่ก็แก้เผ็ดด้วยการมัดรวมเครื่องเทศหม้อไฟหมาล่าเป็นชุดขายให้กับร้านเครื่องเทศ ความนิยมของหม้อไฟหมาล่าเลยลดลง และกลายเป็นความบาดหมางไปในที่สุด

            “พวกหลงลำพองคิดว่าเป็นปลาใหญ่ทั้งที่อยู่ในบ่อเล็ก” เว่ยจ้งพึมพำเหมือนรู้จักทั้งสองตระกูล

            หลังจากเงียบไปสักครู่ เขาก็หัวเราะออกมาแล้วว่าต่อ “วิธีแก้เผ็ดก็สมกับเป็นเจ้าดี”

            ตงตงยิ้มแห้งๆ

            “จบเรื่องนี้เมื่อไร เจ้าต้องทำหม้อไฟหมาล่าเลี้ยงข้าแล้วสิ”

            “เจ้าค่ะ”

            “เอาละ หมดเวลาเยี่ยมแล้ว อดทนอยู่ที่นี่สักคืน พรุ่งนี้เช้าจะมีการไต่สวนคดีของเจ้า”

            “ขอบคุณท่านเว่ยอีกครั้งเจ้าค่ะ”

            เว่ยจ้งพยักหน้าให้ตงตง ก่อนลุกจากเก้าอี้แล้วออกจากห้องขัง

            หลังจากเว่ยจ้งกลับไปแล้ว ผู้คุมคุกก็เข้ามาล็อกกุญแจ

            ในห้องขังทำอะไรก็ไม่สะดวก แต่อย่างน้อยๆ ผู้คุมคุกก็ยังอุตส่าห์ยกข้าวมาให้ตงตงทั้งสามมื้อ แต่ละมื้อมีเนื้อกับผักครบ 5 หมู่

            มิหนำซ้ำ คืนนั้นตงตงไม่ต้องนอนหนาวบนเตียงแข็งๆ เพราะพวกเขาเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้ตงตงด้วย

            …..

            …..

            เช้าวันต่อมา

            ตงตงถูกเบิกตัวออกจากห้องขัง

            ผู้พิจารณาคดีคือชายหนุ่มหน้าตาดี อายุราวยี่สิบกว่า ตำแหน่งของเขาคือหัวหน้าศาลต้าหลี่ นามว่าหลินซืออิง

            เห็นหน้าปุบ ตงตงจำได้ทันที เขาคือคนที่เข้าไปค้นหาหลักฐานที่หลังร้าน

            ตงตงกวาดตามองกลุ่มคนที่ยืนรวมตัวกันอยู่ด้านข้าง ซึ่งกำลังใช้สายตาโกรธเกรี้ยวมองมาที่นาง พวกเขาคือเหล่าเจ้าทุกข์จอมปลอม ต้องยอมรับว่าการแสดงสมบทบาทจริงๆ

            ถัดมาคือจางไคเฮ่อ

            ต่อมา ที่ยืนอยู่นอกประตูศาลต้าหลี่คือพี่ชายของหน่วยราชองครักษ์หลวงที่ตามมาให้กำลังใจ

            และสุดท้ายคือเหล่าชาวบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็น

            หลังจากเด็กสาวบอบบางในชุดมอมแมมถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้คุกเข่าลง ทุกคนที่อยู่ในศาล ยกเว้นเจ้าทุกข์จอมปลอมต่างแสดงสีหน้าปวดใจกันทั้งนั้น

            ทันทีที่เปิดศาลไต่สวนคดี เจ้าหน้าที่ของศาลก็อ่านข้อกล่าวหาที่เหล่าเจ้าทุกข์จอมปลอมมาร้องเรียน

            ข้อกล่าวหาเหล่านั้น เป็นเรื่องที่ตงตงขโมยสูตรอาหารจากโรงเตี๊ยมอื่นมาขาย

            หลินซืออิงผู้พิจารณาคดีหยิบหนังสือเก่าที่วางบนโต๊ะขึ้นมา เขาชูหนังสือขึ้นแล้วถามเด็กสาวว่า “หลักฐานนี้ค้นเจอในร้านของเจ้า เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”

            ฉากนี้ หากเป็นในหนัง นางต้องแกล้งบีบน้ำตาแล้วคร่ำครวญว่า ใต้เท้าโปรดเห็นใจ ข้าถูกใส่ร้าย!

            แต่แบบนั้นจะเป็นการแสดงเกินไป สู้กันด้วยเหตุผล น่าเชื่อถือกว่า

            คิดจบ ตงตงก็ตอบใต้เท้าหลินด้วยสีหน้าจริงจัง

            “ข้ามีข้อโต้แย้งเจ้าค่ะ”

            หลินซืออิงเลิกคิ้ว พอทำแบบนี้ใบหน้าหล่อเหลากลับดูเจ้าเล่ห์

            “เช่นนั้นเจ้าว่ามา”

            “ข้อแรก ข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกเขา ไม่รู้ว่าร้านอาหารของพวกเขาอยู่ที่ไหน เปิดร้านจริงหรือไม่ ข้อสอง บางคนบอกว่ามาจากทางเหนือ บางคนบอกว่ามาจากทางใต้ หากใต้เท้าตรวจสอบ ก็จะรู้ว่าข้าไม่เคยออกจากเมืองอู่เฉิงจนถึงเมื่อเร็วๆ นี้ และข้อสุดท้าย สูตรอาหารเป็นความลับของตระกูล ควรซ่อนไว้ในที่ลับเหมือนกับสมบัติล้ำค่า หากไม่มีคนยื่นให้ข้าต่อหน้า ข้าจะเอาปัญญาจากไหนขโมยมาเจ้าคะ”

            เด็กสาวแย้งได้อย่างตรงจุด

            พลันนั้นเกิดเสียงฮือฮาของชาวบ้านจีนมุง หลายคนเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของตงตง

            แต่ว่า…

            “ได้ยินว่าบิดาของเจ้าเป็นวรยุทธ์ เคยเดินทางขึ้นเหนือลงใต้ อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าบงการให้เขาขโมยตำราพวกนี้” หลินซืออิงหาเหตุผลมาแย้งตงตง

            “จริงอยู่ว่า ท่านพ่อเคยขึ้นเหนือลงใต้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อ 15 ปีก่อน ข้ายังไม่เกิด คงบงการท่านพ่อไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

            “นางโกหก!”

            ใครบางคนโพล่งขึ้นมา

            เมื่อหันมองตามเสียง พลันเห็นว่าเป็นหนึ่งในเจ้าทุกข์จอมปลอม

            คงได้รับค่าจ้ามาเยอะสินะ

            แสดงสมบทบาทเชียว

            ตงตงส่ายหัวให้กับชายคนนั้น ก่อนจะหันมาให้เหตุผลกับหลินซืออิง

            “ใต้เท้า ท่านพ่อของข้าเคยเป็นหัวหน้ากองในหน่วยของแม่ทัพเสวี่ย ประวัติการทำงานของทหารตรวจสอบไม่ยาก ใต้เท้าส่งคนไปตรวจสอบก็รู้แล้ว แล้วก็…หลังจากที่ท่านพ่อแต่งงานกับท่านแม่เมื่อ 15 ปีก่อน ท่านพ่อก็ไม่เคยออกจากเมืองอู่เฉิง เรื่องนี้ก็ตรวจสอบได้เจ้าค่ะ”

            หลินซืออิงทำทีเป็นเงียบคิด สักครู่ก็กล่าวขึ้นว่า “หากข้าบอกว่าสูตรพวกนี้ จางไคเฮ่อขโมยมาตั้งแต่ 15 ปีก่อนเล่า”

            “นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้”

            “ขอฟังเหตุผล”

            “ไม่มีใครสามารถล่วงรู้อนาคตได้หรอกเจ้าค่ะ หากเป็นหนึ่งหรือสองวัน ยังสามารถคาดการณ์ได้ แต่นี่ 15 ปีเลยนะเจ้าคะ แล้วอีกอย่าง หากท่านพ่อขโมยตำราอาหารมาจริงๆ ทำไมพวกเขาไม่ฟ้องตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้ได้ยังไง”

            เหตุผลของตงตงไม่ว่าเรื่องไหนล้วนฟังขึ้น ทำให้หลินซืออิงอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้

            ในสายตาของคนอื่น ทั้งสองคนถามมาตอบไปราวกับเตี้ยมกันมา

            แต่ความเป็นจริง พวกเขาโต้ตอบกันตามสถานการณ์

            หลินซืออิงรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ฉลาดหลักแหลม หาเหตุผลมาโต้แย้งได้อย่างฉับไหว ช่างน่าสนใจไม่น้อย

            ทางด้านของเหล่าเจ้าทุกข์จอมปลอม พอได้ยินคำพูดของตงตงต่างก็เลิ่กลั่ก เนื่องเพราะคำพูดของเด็กสาวจี้ใจดำพวกเขา

            ภาพนั้นอยู่ในสายตาของหลินซืออิงทั้งหมด

            หลินซืออิงจึงหันไปพูดกับเหล่าเจ้าทุกข์ด้วยความใจกว้าง

            “คราวนี้ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าทุกข์ได้พูดบ้าง พวกเจ้ามีอะไรจะแย้งจางตงตงหรือไม่”

            “ใต้เท้า…”

            “เอ่อ คือ…”

            ถูกบอกให้พูดอย่างกะทันหัน เหล่าเจ้าทุกข์เองก็ไม่รู้จะพูดอะไร

            บทตรงนี้ ผู้ว่าจ้างไม่ได้บอกมาเสียด้วย ว่าหากถูกถามแบบนี้ต้องตอบอย่างไร

            “ไม่มีเลยหรือ” หลินซืออิงถามย้ำ ดวงตาคมเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ทั้งยังแฝงความกดดัน

            เห็นชัดว่าสิ่งที่เหล่าเจ้าทุกข์ร้องเรียนมาโกหกทั้งเพ

            เปิดโปงตอนนี้ก็ได้อยู่แหละ แต่แบบนั้นการไต่สวนคดีจะจบเร็วเกินไป หลินซืออิงรู้สึกว่าอยากจะเล่นสนุกต่ออีกสักหน่อย ส่วนหนึ่ง เขาอยากเห็นไหวพริบของเด็กสาวคนนี้ต่อ

            หลินซืออิงเลือกตำราอาหารมาเล่มหนึ่งแบบส่งๆ แล้วก็เปิดหน้ากระดาษแบบส่งๆ จากนั้นก็กล่าวว่า “ตำราอาหารเล่มนี้เป็นของตระกูลเว่ย คนแซ่เว่ยอยู่ไหน”

            “ขะ ข้าน้อยเองขอรับ ใต้เท้า”

            “คนแซ่เว่ย เจ้าช่วยบอกวิธีทำไก่หม้อดินตามตำรานี้ที”

            อึก…!

            ถูกถามเช่นนั้น คนแซ่เว่ยพลันทำท่ากระอึกกระอัก แถมยังปาดเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ไก่หม้อดิน

            ไก่หม้อดินต้องทำยังไงล่ะเนี่ย!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status