공유

บทที่ 63 โชคชะตา

last update 최신 업데이트: 2025-06-21 17:22:41

บทที่ 63 

โชคชะตา

            ช่วงหัวค่ำ ทุกคนแยกย้ายไปพักตามอัยาศัย

            ในตอนนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าบ้าน

            จางไคเฮ่อเดินออกมาดู เห็นนายทหารจากสำนักราชองครักษ์หนุ่มคนหนึ่งยืนรออยู่ บรรยากาศรอบๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงถามอีกฝ่าย 

            “มีธุระอะไรหรือ มาเสียค่ำเชียว” จางไคเฮ่อถาม

            “อ๋อ เรื่องเป็นเช่นนี้…”

            หลังจากพูดคุยกันจนเข้าใจเรื่องราว จางไคเฮ่อก็บอกให้นายทหารคนนั้นรอสักครู่ เขาต้องเข้าไปบอกบุตรสาวก่อน ประเดี๋ยวนางจะเป็นห่วง

            พูดจบก็เดินเข้ามาในบ้าน

            ผ่านไปไม่นาน จางไคเฮ่อถึงเดินออกมาอีกรอบ ก่อนจะตามทหารหนุ่มคนนั้นมายังสำนักราชองครักษ์หลวง

            ภายในสำนักราชองครักษ์หลวงค่อนข้างเงียบ ถึงอย่างนั้นก็มีทหารคอยเดินตรวจตราเป็นระยะ

            บรรยากาศก็ค่อนข้างเคร่งครึม แต่ไม่ได้อึดอัดหรือให้รู้สึกกดดันมากนัก

            จางไคเฮ่อเดินตามนายทหารหนุ่มหน้าใสจนมาถึงห้องโถงใหญ่ พลันเห็นเว่ยจ้งยืนรออยู่ก่อนแล้ว

            จางไคเฮ่อเดินเข้าไปหาเว่ยจ้ง ประสานมือแล้วก้มศีรษะลง

            “ท่านเว่ย?”

            “คนกันเอง ไม่ต้องพิธี”

            จากนั้นเว่ยจ้งก็บอกให้จางไคเฮ่อทำตัวตามสบาย แต่อดีตนายกองที่ถูกฝึกมาอย่างเข้มงวด ไหนเลยจะกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าผู้มียศสูง

            จางไคเฮ่อยืนรอให้เว่ยจ้งกล่าวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม

            เว่ยจ้งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเข้าเรื่อง

            “ข้าขอเข้าเรื่องเลยนะ เจ้ารู้จักเด็กหนุ่มท่ีชื่อเหยียนหลิ่วใช่หรือไม่”

            ครั้นชื่อนั้นหลุดจากปากเว่ยจ้ง ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย จางไคเฮ่อก็ย่นหัวคิ้ว มองเว่ยจ้งด้วยความสงสัย

            “แม่ครัวน้อยตงตงเคยเล่าเรื่องตอนที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ในเมืองอู่เฉิง แล้วก็ สาเหตุที่ทำให้พวกเจ้าต้องย้ายมาที่เมืองหลวง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนี้ใช่หรือไม่” เว่ยจ้งรีบอธิบาย

            จางไคเฮ่อตอบว่า “เหยียนหลิ่วแค่โดนลูกหลง จากความโลภมากของคนพวกนั้นขอรับ”

            “ได้ยินว่าเจ้าเป็นอจารย์ของเขาด้วย”

            “ข้าไม่ได้มีความสามารถถึงขั้นนั้นขอรับ”

            “เอาเถอะ ถึงเจ้าจะพูดเหมือนไม่มีเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้น แต่ก็เป็นห่วงเขาอยู่ใช่รึ นี่คือหลักฐาน”

            ว่าจบ เว่ยจ้งยื่นจดหมายให้จางไคเฮ่อ

            จางไคเฮ่อรับจดหมายาดู สักครู่ เขาก็มองเว่ยจ้งด้วยสีหน้าแปลกใจ   

            “เหยียนหลิ่วอยู่ที่นี่หรือขอรับ”

            เงียบไปเล็กน้อย เว่ยจ้งพลันบอกว่า “ตามมาทางนี้”

            แล้วจางไคเฮ่อก็ตามเว่ยจ้งมายังอาคารแพทย์ กลิ่นยาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

            หลังจากเดินมาถึงเตียงเตียงหนึ่ง จางไคเฮ่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคย เนื้อตัวถูกพันด้วยผ้าพันแผลเกือบทั้งตัว สภาพสาหัสจนไม่คิดว่าจะมีชีวิต 

            “คนของข้าเจอเขาหลังจากนำเสบียงไปส่งที่หมู่บ้านลวงทางเหนือ ตอนที่กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง”

            เมื่อเกริ่นขึ้นมาแบบนี้ เว่ยจ้งก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้กับจางไคเฮ่อฟัง

            ทั้งในตอนท้าย เว่ยจ้งยังถามว่า “เด็กหนุ่มคนนี้ ใช่คนรู้จักของเจ้าหรือไม่”

            แค่มองจากสีหน้าของจางไคเฮ่อที่ตรึงเครียด แน่ชัดว่ารู้จัก แต่เว่ยจ้งต้องการคำยืนยันจากปากของอีกฝ่าย

            “เรียนใต้เท้า เด็กหนุ่มคนนี้คือเหยียนหลิ่ว ลูกศิษย์ของข้าจริงๆ ขอรับ”

            เว่ยจ้งพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมส่งเสียงว่า อืม ก่อนจะกล่าวถาม

            “การปล้นรถขนเสบียงครั้งนี้ทำให้ทหารของข้าบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ข้าต้องส่งรายงานถึงฝ่าบาท เพราะอย่างนั้น จะต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริง แต่หากทำการสืบสวน ตัวตนของเด็กคนนี้ รวมถึงปูมหลังจะต้องปรากฏอยู่ในรายงาน ข้าเลยยากถามเจ้าว่าจะเอาอย่างไร”

            “ท่านเว่ยถามข้าเช่นนี้ ท่านคงรู้ปูมหลังของเหยียนหลิ่วแล้ว ใช่ขอรับ เขาคือลูกชายนอกสมรสของแม่ทัพกู้ แต่กู้เหว่ยไม่เคยมองเด็กคนนี้เป็นลูก เด็กคนนี้เองก็ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นเป็นพ่อ คนในบ้านกู้ยิ่งไม่ยอมรับเขา หากท่านเว่ยเขียนรายงานเรื่องเด็กคนนี้ เกรงว่าสิ่งที่กู้เหว่ยปิดบังมาตลอดจะแดงขึ้นมา แล้วกลายเป็นความวุ่นวายขอรับ”

            “เช่นนั้นข้าไม่ควรรายงานเรื่องเด็กคนนี้”

            “ต้องขออภัยขอรับ ข้าอยากให้ท่านช่วยปิดบังเรื่องเด็กคนนี้ได้หรือไม่”

            “ย่อมได้”

            จางไคเฮ่อประสานมือกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินเข้ามาดูอาการของเด็กหนุ่ม

            เหยียนหลิ่วยังไม่ได้สติ แต่สีหน้าดูดีกว่าตอนที่พากลับมา 

            เว่ยจ้งบอกเช่นนั้น

            อีกอย่าง สาเหตุที่เหยียนหลิ่วเจ็บหนักที่สุดเพราะใช้ร่างตัวเองรับดาบแทนเหิงเจา

            หลังจากพูดเรื่องอาการบาดเจ็บจบ เว่ยจ้งกล่าวและถามจางไคเฮ่อว่า “กู้เหว่ยรู้ถึงความตั้งใจของเหยียนหลิ่ว ข้าคิดว่าเขาคงเดินทางขึ้นเหนือไปหาแม่ทัพเสวี่ยไม่ได้แล้ว จากนี้เจ้าคิดจะให้เขาทำอย่างไรต่อ” 

            “เรื่องนี้ข้าอยากให้เขาตัดสินใจเองขอรับ”

            เว่ยจ้งตอบว่า “เข้าใจแล้ว” และยังรับปากว่าจะดูแลเหยียนหลิ่วจนกว่าจะหาย 

            “โชคชะตาช่างตลกเสียจริง” จางไคเฮ่อเปรยขึ้น “ข้าอุตส่าห์ส่งเขาไปตั้งไกลถึงแดนเหนือ หวังว่าจะให้เขาเติบโตในกองทัพของแม่ทัพเสวี่ย แต่เขากลับมาปรากฏตัวที่เมืองหลวง”

            เว่ยจ้งฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้

            “ตอนเห็นจดหมายที่เขาพกติดตัว ข้ายังอดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นโชคชะตาหรือแค่ความบังเอิญ”

            เมื่อเว่ยจ้งกล่าวจบ ทั้งสองพลันยิ้มจางๆ ออกมา

            หลังจากหารือกันเรียบร้อย เว่ยจ้งก็ให้คนมาส่งจางไคเฮ่อที่หน้าประตู

            เมื่อจางไคเฮ่อกลับมาถึงบ้าน เขาได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้บุตรสาวฟัง

            .....

            .....

            แม้จะทราบเรื่องของเหยียนหลิ่ว แต่สำนักราชองครักษ์หลวงไม่อาจให้คนนอกเข้าไปได้

            ต่อให้เป็นห่วงและอยากเข้าไปเยี่ยมคน กระนั้น ตงตงกับจางไคเฮ่อทำได้เพียงรอฟังข่าวอยู่ข้างนอก

            สองวันต่อมา ทหารราชองครักษ์หลวงมายังโรงเตี๊ยมตระกูลจาง บอกข่าวกับพ่อลูกตระกูลจางว่า “เหยียนหลิ่วฟื้นแล้ว”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status