หน้าหลัก / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 64 การตัดสินใจของเหยียนหลิ่ว (1)

แชร์

บทที่ 64 การตัดสินใจของเหยียนหลิ่ว (1)

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 17:23:07

บทที่ 64

การตัดสินใจของเหยียนหลิ่ว (1)

            ในรายงานที่เว่ยจ้งเขียนถวายให้กับฮ่องเต้นั้น สาเหตุที่รถขนเสบียงถูกปล้นจนทำให้ทหารราชองครักษ์หลวงบาดเจ็บและล้มตายหลายนาย ระบุว่าเป็นฝีมือของทหารเผ่าหู่เยว่

            หากพูดถึงเผ่าหู่เยว่ คือชนกลุ่มน้อยที่ตั้งรกรากอยู่ทางเหนือ

            เผ่าหู่เยว่มักก่อความวุ่นวาย ปล้นกองคาราวานของพ่อค้า ทั้งปลุกยังระดมชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ให้มาเข้าร่วม

            เหตุผลเพราะต้องการยึดครองดินแดนทางเหนือมาเป็นของตัวเอง 

            เผ่าหู่เยว่เดิมทีเป็นชนเผ่าเล็กๆ ทั้งชายและหญิงเกิดมาก็ถูกฝึกให้เป็นนักรบ แต่ถึงอย่างนั้น อาวุธที่ใช้กลับไม่ได้เพียบพร้อม 

            แต่เมื่อ 2 ปีก่อน เผ่าหู่เยว่แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ยุทโธปกรณ์ก็เพียบพร้อม ลือกันว่าเผ่าหู่เยว่มีแคว้นซีเป่ยให้การสนับสนุน

            เว่ยจ้งจึงใช้เรื่องนี้นำมาเขียนรายงาน

            เป็นเช่นนี้ตัวตนของเหยียนหลิ่วจึงไม่ถูกเปิดเผย 

            ย้อนกลับมาที่สำนักราชองครักษ์หลวง

            ณ หน่วยแพทย์

            แม้ต้นเหตุที่แท้จริงของการปล้นรถขนเสบียงครั้งที่สองเกิดจากเด็กหนุ่มที่ชื่อเหยียนหลิ่ว แต่ในตอนที่เหิงเจาพลาดท่า เกือบถูกโจรปิดหน้าแทงดาบทะลุท้อง เด็กหนุ่มกลับเข้ามารับดาบนั้นแทน ทำให้เหิงเจารอดชีวิตมาได้

            เหิงเจารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้มีพระคุณ ทุกเช้าเขาจึงแวะมาเยี่ยมเด็กหนุ่ม

            ในเช้าวันที่สอง เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาด้วยสีหน้างงงวย เป็นจังหวะที่เหิงเจาเข้ามาเยี่ยมพอดี

            “อ้าว ฟื้นแล้วรึ?” เหิงเจาทักถาม

            “เออ...ที่นี่…คือ?”

            เสียงของเด็กหนุ่มแหบแห้งเนื่องจากขาดน้ำมาหลายวัน

            “เอ้าๆ ไม่ต้องรีบพูด ดื่มน้ำก่อนค่อยพูดค่อยจา” เหิงเจาบอกเด็กหนุ่มพร้อมกับรินน้ำแล้วยื่นให้

            เหยียนหลิ่วผงกศีรษะให้เหิงเจาเป็นการขอบคุณแล้วรับแก้วน้ำมาดื่ม

            ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ลำคอชุ่มชื่น เหยียนหลิ่วจึงถามพี่ชายตัวโตคนนี้ว่า “ที่นี่คือที่ไหนขอรับ”

            “สำนักราชองครักษ์หลวง”

            คำตอบนั้นไม่ทำให้เหยียนหลิ่วหายสงสัย

            ตรงกันข้าม เด็กหนุ่มทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม

            “อ้าว ไม่รู้จักสำนักราชองครักษ์หลวงหรือ ออกจะมีชื่อเสียง” เหิงเจากล่าวเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม

            ตอนนั้นเอง แพทย์สูงวัยประจำสำนักราชองครักษ์หลวงคนหนึ่งเดินเข้ามาตรวจอาการของผู้บาดเจ็บ ได้ยินทั้งสองสนทนากัน ก็ถึงกับถอนหายใจเบาๆ

            “เหิงเจา เจ้าตอบห้วนๆ แบบนั้น เป็นใครก็ยิ่งสงสัย…เจ้าหนุ่ม ตอนนี้เจ้าอยู่ที่เมืองหลวง แล้วที่นี่ก็คือสำนักราชองครักษ์หลวง หน่วยราชการลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ ส่วนคนผู้นี้เป็นคนพาเจ้ากลับมารักษาที่นี่”

            ท้ายประโยค แพทย์สูงวัยชี้ไปที่เหิงเจา

            “ขะ ข้า…ข้าอยู่เมืองหลวง!?” เหยียนหลิ่วเบิกตาโพลงอย่างตระหนก “ข้าคิดว่าตัวเองไปถึงเมืองซินหยานแล้วเสียอีก”

            “เรื่องนั้น…” เหิงเจาเกาแก้ม ทำหน้ารู้สึกผิดพร้อมอธิบาย “ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังเดินทางไปเมืองซินหยาน เห็นเจ้าบาดเจ็บหนัก เลยพาเจ้ากลับมาที่นี่อย่างพลการ”

            ชายร่าใหญ่ผู้นี้เป็นคนเหยียนหลิ่วไว้ เขาเองก็ไม่คิดจะกล่าวโทษใคร จึงรีบแก้คำใหม่ว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าต้องขอบคุณท่าน”

            “ขอขัดจังหวะสักเดี๋ยวนะ ขอข้าตรวจแผลเจ้าหน่อย” แพทย์ชรากล่าว ก่อนจะแกะผ้าพันแผล ตรวจร่างกายของเด็กหนุ่ม

            เพียงครู่ แพทย์สูงวัยก็พันแผลให้เหยียนหลิ่วเหมือนเดิม พร้อมกับพูดว่า “ร่างกายของเจ้าหนุ่มคนนี้ฟื้นฟูเร็วจนน่าเหลือเชื่อ จากนี้เจ้าก็ทำความสะอาดแผลวันละสองครั้ง และเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ แผลจะได้ไม่ติดเชื้อ ข้าไปดูคนอื่นต่อละ”

            “ขอบคุณขอรับ”

            “อืม”

            เมื่อแพทย์สูงวัยเดินไปตรวจคนเจ็บที่เตียงอื่น เหิงเจาหันมาพูดกับเด็กหนุ่มทันที

            “ข้ารู้เรื่องของเจ้ามาคร่าวๆ แล้ว เจ้าเป็นคนรู้จักของโรงเตี๊ยมตระกูลจางสินะ”

            คำถามของเหิงเจากลับทำให้เหยียนหลิ่วเม้มปากแน่นสนิท และมองเขาด้วยแววตาหวาดระแวง

            “พูดไปเจ้าคงไม่เชื่อ แต่ข้าเป็นลูกค้าประจำของโรงเตี๊ยมนั้นเอง”

            คำพูดของเหิงเจาคราวนี้ ทำให้เหยียนหลิ่วลดความระแวงลง 

            ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

            เหิงเจาส่งเสียง หึ! แล้วว่า “เจ้าหนูนี่ขี้ระแวงเสียจริง ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ตอนนี้พักก่อนเถอะ”

            ตอนที่เหิงเจาทำท่าจะหมุนตัวเดินจากไป เหยียนหลิ่วร้องถามว่า “ท่านรู้จักอาจารย์…ไม่ใช่สิ จางไคเฮ่อกับตงตงจริงหรือ”

            “แน่นอนสิ ไม่ช่แค่ข้า แต่ทุกคนในสำนักนี้ล้วนเป็นลูกค้าประจำโรงเตี๊ยมตระกูลจาง”

            ได้ฟังคำตอบนั้น สีหน้าของเหยียนหลิ่วผุดความโล่งใจ

            หากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเป็นที่รู้จัก หมายความว่ากิจการของนางเป็นไปอย่างราบรื่น

            “ว่าไปแล้ว ข้ามาดูอาการเจ้าแล้วก็ขอบใจเจ้าด้วย” เหิงเจากล่าวเหมือนเพิ่งนึกออก “เจ้ารับดาบแทนข้า ถือว่าข้าติดหนี้ชีวิตเจ้า 1 ครั้ง”  

            “ไม่หรอกขอรับ ข้าต่างหากต้องขอโทษ ต้นเหตุ…เพราะข้า” เหยียนหลิ่วพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจระคนรู้สึกผิด

            “เจ้าเด็กน้อย เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด จริงสิ! อายุอย่างเจ้าใช้ดาบเก่งไม่เบา อนาคตต้องไปได้ไกลกว่านี้แน่ๆ เจ้าเรียนวิชาดาบมาจากใครหรือ”

            “วิชาดาบเป็นอาจารย์จางที่สอนข้า เขาเก่งมากจริงๆ” เหยียนหลิ่วบอกอย่างภูมิใจ

            “เจ้าคงหมายถึงเถ้าแก่ใหญ่จาง เรื่องที่เขาเก่งมาก ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง” เหิงเจาว่า 

            จางไคเฮ่อเป็นคนมากฝีมือ แม้แต่เหิงเจายังยอมรับ

            คุยกันมาถึงตรงนี้ เว่ยจ้งก็เดินเข้ามาในห้องพักฟื้น เนื่องจากมีคนรายงานว่าเหยียนหลิ่วฟื้นแล้ว

            “ท่านเว่ย” เหิงเจารีบประสานมือ ก้มศีรษะให้ความคารพ

            เว่ยจ้งบอกว่าทำตัวตามสบาย จากนั้นก็หันมามองเด็กหนุ่ม เห็นสีหน้าของเหยียนหลิ่วยังคงซีดเซียว เขาจึงไม่อยากเสียเวลาจึงเอ่ยเข้าเรื่องทันที

            “ก่อนหน้านี้ข้าให้จางไคเฮ่อมายืนยันตัวตนของเจ้าแล้ว”

            “อะ อาจารย์?”

            “จางไคเฮ่อยืนยันว่ารู้จักเจ้าจริงๆ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้ว ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว อยากรักษาตัวอยู่ที่นี่หรือจะไปหาจางไคเฮ่อ แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ พวกเขาบอกว่ายินดีต้อนรับ โรงเตี๊ยมระกูลจางตั้งอยู่บนถนนสายนี้ ข้าจะให้คนไปส่ง”

            “เอ่อ คือ…”

            “หือ?” 

            “ข้า…ขอรักษาอยู่ที่นี่ได้หรือไม่”

            “ข้าก็บอกแล้ว แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ”

            เว่ยจ้งว่าอย่างนั้น

            แต่…

            เหิงเจาสงสัยจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าหนุ่ม ไหนๆ ก็ได้เจออาจารย์ของเจ้าแล้ว จะไม่กลับไปหาเขาหรือ ข้าคิดว่าเขาน่าจะเป็นห่วงเจ้านะ”

            เด็กหนุ่มก้มหน้าเศร้าสร้อยแล้วกล่าว

            “ข้าทำให้เขาผิดหวัง ไม่กล้าเจอหน้าขอรับ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status