แชร์

บทที่ 8 พี่ชายจิ่งฝาน

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 11:47:42

บทที่ 8

พี่ชายจิ่งฝาน

            วันนี้ซาลาเปาขายหมดเกลี้ยง ตงตงเลยเก็บร้านเร็ว

            ถังเหวินกับซานหลัวเฉินเห็นตงตงยกโต๊ะเก็บเข้าโรงเตี๊ยมก็ไม่กล้านั่งต่อ

            ตอนนั้นเอง ถังเหวินเดินเข้ามายืนข้างๆ เด็กสาวแล้วถาม

            “ตงตง เจ้าอยากเก็บโรงเตี๊ยมนี้ไว้จริงหรือ พ่อข้าบอกว่าค่าซ่อมบำรุงไม่ใช่น้อยๆ เลย เจ้ามีเงินขนาดนั้นเชียว ขายทิ้งไม่ดีกว่าหรือไง”

            “ท่านถามอย่างนี้ หมายความว่าอยากเห็นบ้านข้าหมดตัว อยากให้ท่านพ่อข้าไม่มีทางเลือกหรือ”

            “แต่งกับข้าไม่ดีตรงไหน บ้านข้ารวย เลี้ยงดูเจ้าได้”

            ตงตงอ้าปากเตรียมแย้ง ทันใดนั้น เสียงทุ้มของจางไคเฮ่อพลันดังขึ้นข้างหลังเด็กหนุ่ม

            “แต่ข้าไม่ยกนางให้เจ้า พอใจรึยัง”

            “เหวอ!” ซานหลัวเฉินตกใจจนหลุดเสียงร้อง ก่อนจะรีบร้อนไปยืนหลบไกลๆ

            ถังเหวินเองก็ถึงกับผงะ

            “ท่านอาจาง!?”

            จางไคเฮ่อเพียงแค่ปรายตามองเด็กหนุ่มทั้งสอง แล้วไปช่วยตงตงเก็บโต๊ะ

            สมัยที่กุ้ยฉินยังมีชีวิตอยู่ ถังเหวินกับซานหลัวเฉินก็มาโรงเตี๊ยมตระกูลจางเป็นประจำ กุ้ยฉินเข้าใจความคิดของเด็กหนุ่ม การที่พวกเขามาป้วนเปี้ยนรอบๆ ตัวลูกสาวเพราะอยากสนิทด้วย แม้วิธีการนั้นจะผิดก็ตาม

            กุ้ยฉินเป็นคนใจดี เลยมักจะเตือนเด็กหนุ่มอยู่เสมอ ‘บุรุษที่ดี ห้ามรังแกสตรีที่ชอบนะ ไม่เช่นนั้นจะถูกเกลียดมากกว่าถูกรัก’

            นิสัยของถังเหวิน ชอบแสดงความรู้สึกทางตรงกันข้าม แม้จะฟังคำเตือนของกุ้ยฉิน แต่ยังคงเลือกวิธีเรียกร้องความสนใจด้วยการรังแกเด็กสาว

            ด้วยความที่มีชนักติดหลัง พออยู่ต่อหน้าจางไคเฮ่อ เด็กหนุ่มทั้งสองจึงหวาดกลัว พากันหนีออกไป

            จางไคเฮ่อกับตงตงมองตามหลังเด็กหนุ่มทั้งสองแล้วส่ายหัวด้วยความเอือมระอาพร้อมกัน สักพัก ตงตงถึงค่อยหันมาถามบิดา

            “ข้าคิดว่าท่านพ่อจะนอนอยู่บ้านเสียอีก”

            “ข้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ถึงขั้นต้องให้ลูกสาวหาเลี้ยง”

            คำตอบของท่านพ่อทำเอาตงตงหัวเราะแห้งๆ

            ถึงพูดแบบนั้น แต่จางไคเฮ่อก็ขังตัวเองในห้อง ปล่อยให้ลูกสาวหาเลี้ยงตั้ง 2 เดือนไม่ใช่หรือ

            “ถ้าวันนี้เจ้าขายซาลาเปาไม่หมด ข้าต้องไม่มีทางเลือก ส่งเจ้าให้ไปแต่งกับถังเหวินหรือ”

            จู่ๆ จางไคเฮ่อก็กล่าวอย่างประชด ทั้งยังดีดหน้าผากนางทีหนึ่ง

            ตงตงกุมหน้าผากด้วยสองมือ ร้อง “โอะ!!” ด้วยความเจ็บ

            “วิธีขายของเจ้าไปเรียนรู้มาจากไหน ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง”

            ตงตงมองท่านพ่อตาคว่ำเพราะยังเจ็บหน้าผากอยู่ “ว่ากันว่า คนเรามักเปลี่ยนตามสถานการณ์ ข้าก็ต้องเรียนรู้การขายตามสถานการณ์สิเจ้าคะ”

            “เป็นกิ้งก่ารึไง เปลี่ยนสีเร็วนักเชียว”

            “ก็แหม...” ตงตงทำปากยู่  

            จางไคเฮ่อถอนหายเฮือกใหญ่ให้กับลูกสาว

            ไม่นานนัก สองพ่อลูกก็เก็บของเสร็จแล้วพากันกลับบ้าน

            จางไคเฮ่อสะพายตะกร้า มือหนึ่งหิ้วของ

            ตงตงนั้นเดินตัวปลิวเพราะวันนี้มีคนช่วยถือของ

            ในจังหวะที่กำลังเดินผ่านตรอกแห่งหนึ่งที่เป็นทางลัดกลับบ้าน ท่านพ่อยื่นแขนออกมาขวางตรงหน้ากระทันหัน

            ตงตงชะงักเท้า เงยหน้าถามท่านพ่อ

            “อะไรหรือ”

            “ข้างหน้าเหมือนจะมีคนตีกัน”

            ตงตงยื่นหน้าไปมอง เห็นชายวัยรุ่น 3 คนกำลังรุมซ้อมคนคนเดียว

            พอมองไปที่คนถูกซ้อม ทันใดนั้นตงตงพลันรู้สึกว่าคุ้นหน้า

            “พี่จิ่งฝาน?”

            พอเด็กสาวโพล่งออกมา จางไคเฮ่อก็ลดมือลง ขมวดคิ้วแล้วทวนคำ

            “จิ่งฝานหรือ?”

            …..

            …..

            จิ้งฝาน ชายหนุ่มอายุราว 21-22 ปี เคยทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมบ้านจาง จิ้งฝานมีนิสัยซื่อๆ ถึงจะไม่ค่อยฉลาด แต่กลับมีใจรักงานบริการ ที่สำคัญคือซื่อสัตย์ต่อนายจ้าง

            หากตงตงจะจ้างพนักงานสักคน คงเลือกจิ่งฝานเข้าทำงานคนแรก

            เด็กสาวเงยหน้ามองท่านพ่อ ปากเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มเรียกบิดา

            “ท่านพ่อ”

            “เอ้อ เข้าใจแล้ว”

            จางไคเฮ่อตอบรับลูกสาว ก่อนจะวางซึ้งนึ่งกับตะกร้าที่สะพายบนหลัง เดินเข้าไปทางกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น

            “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ มันเกะกะผู้อื่นรู้หรือไม่”

            จางไคเฮ่อไม่เพียงใช้น้ำเสียงขึงขัง ยังขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ

            วัยรุ่นทั้งสามที่รุมซ้อมจิ่งฝานตกใจถึงกับวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง

            เมื่อคนพวกนั้นไปแล้ว จางไคเฮ่อก็พยุงจิ่งฝานขึ้นจากพื้น

            “เป็นอะไรหรือไม่”

            ชายหนุ่มร่างผอมเงยหน้าขึ้น เบ้าตากับมุมปากของเขาเขียวช้ำ ทั้งร่องรอยเก่าและใหม่ เห็นปุบก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ได้ถูกซ้อมครั้งแรก จางไคเฮ่อมองอีกฝ่ายด้วยสายตานึกสงสาร

            ขณะเดียวกัน จิ่งฝานพอเห็นว่าคนมาช่วยคือจางไคเฮ่อ ก็ผุดรอยยิ้มซื่อๆ ออกมาทันที

            “เถ้าแก่จาง ขอบคุณขอรับ”

            “ข้าไม่ใช่เถ้าแก่แล้ว อีกอย่าง หากจะขอบคุณก็ไปบอกตงตงเถอะ นางรู้ว่าเป็นเจ้าตั้งแต่แรก” จางไคเฮ่อพูดพลางชี้ไปที่เด็กสาว

            จิ่งฝานมองตามปลายนิ้ว พอเห็นตงตงยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็โบกมือตะโกนเรียกอย่างดีอกดีใจ

            “ตงตง!”

            ทั้งสองคนเดินกลับมาหาตงตง

            “พี่จิ่งฝานเจ็บมากหรือไม่ ว่าแต่ ท่านมาทำอะไรตรงนี้หรือ”

            จิ่งฝานส่ายหน้า “ไม่เจ็บหรอก พอดีเลย ข้ากำลังจะไปรอเจ้าที่บ้าน”

            “พี่จิ่งฝานมาหาข้าหรือ ทำไม”

            นางถามพร้อมชี้หน้าตัวเอง

            จิ่งฝานก้มหน้าลง จิ้มนิ้วเล่นด้วยท่าทีเขินๆ

            “คือว่า…ข้าอยากมาของานกับเจ้า”

            “ข้า…งาน?”

            “ข้าได้ยินว่าซาลาเปาของเจ้าขายดีมากๆ ก็เลย…” จิ่งฝานพูดได้แค่นั้นก็เงียบ ผ่านไปสักครู่ ค่อยเอ่ยขึ้นมาใหม่ “จริงๆ แล้ว ข้าอยากกลับมาทำงานกับโรงเตี๊ยมตระกูลจาง ข้าไม่เคยลืมที่นั่นเลย น้ากุ้ยฉินดีกับข้ามาก ถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ออกไปทำงานที่อื่นหรอก”

            ตอนที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางเริ่มขาดทุน พนักงานคนอื่นๆ ต่างทยอยกันออก หากเป็นตงตงก็เลือกทำแบบนั้นเหมือนกัน

            ดังนั้นตงตงคิดว่าการตัดสินใจของจิ่งฝานไม่ใช่เรื่องที่ผิด

            “ท่านอย่าคิดมาก ก่อนจะพูดเรื่องทำงาน พวกเราเข้าบ้านก่อนเถอะ”

            ตงตงปลอบใจจิ่งฝานพร้อมกับตัดบทในประโยคเดียวกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status