แชร์

บทที่ 7 ศัตรูหัวใจ

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 11:47:23

บทที่ 7

ศัตรูหัวใจ

            พอผ่านไปสักพักตงตงก็นึกออก

            เด็กสาวคนนี้ชื่อ หานเจียเอ๋อร์ เป็นคุณหนูโรงเตี๋ยมตระกูลหานที่ห่างออกไปหลายตรอกถนน

            ตระกูลหานร่ำรวยพอๆ กับตระกูลถัง หนำซ้ำสองครอบครัวยังรู้จักกันมาตั้งสองรุ่น

            พอมาถึงผู้นำตระกูลรุ่นที่ 3 พวกเขาพูดคุยกันในขณะดื่มเหล้าจนเมา ว่าจะให้ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนโตของสองครอบครัวหมั้นหมายกัน

            ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนโตที่พูดถึงก็คือถังเหวินกับหานเจียเอ๋อร์

            แม้ไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ เด็กทั้งสองก็ไม่ได้คบหากัน แต่ทุกคนต่างรู้ ในอนาคตสองตระกูลต้องเกี่ยวโยงกันด้วยการแต่งงานกัน

            แต่ถังเหวินกลับมีใจให้ตงตง ลูกสาวโรงเตี๊ยมตระกูลจาง พอหานเจียเอ๋อร์รู้เข้า ก็เลยมองตงตงเป็นศัตรูหัวใจ เป็นก้างขวางคอ เป็นสัมเภสีที่รังควานรอบตัวถังเหวิน

            อย่างกับละครน้ำเน่ายังไงยังงั้น

            ถ้าตงตงมีใจให้เด็กหนุ่มก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เรียกว่ารักสามเส้ายังไม่ได้

            เจ้าของร่างเดิมไม่ได้สนใจถังเหวินเลยสักนิด

            ยังไงก็ตาม ตงตงไม่อยากมีศัตรูเพิ่ม นางอยากสร้างเนื้อสร้างตัว เปิดโรงเตี๊ยมเล็กๆ ของท่านแม่อย่างมีความสุข

            “พี่สาว อยากให้บ้านเจ๊งจริงหรือ”

            “แน่สิ ผู้หญิงอย่างเจ้า สมควรไปนอนข้างถนน” หานเจียเอ๋อร์เบะปากพูด

            ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงปากคอเราะร้าย จิตใจยังเต็มไปด้วยอคติ น่าเสียดายหน้าตาสวยๆ จัง…เด็กสาวคิด พร้อมกับพยายามทำความเข้าใจ หานเจียเอ๋อร์มองนางด้วยอคติ ต่อให้นางทำดีด้วย อีกฝ่ายก็ยังเกลียดนางอยู่ดี

            “จะดีหรือหากบ้านข้าเจ๊ง” ตงตงย้อนถาม ก่อนจะสาธยายถึงผลกระทบที่อีกฝ่ายอาจได้รับไปด้วย “ถ้าบ้านข้าเจ๊ง เป็นโอกาสของถังเหวินที่จะมาสู่ขอข้า พ่อข้าที่ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องยกลูกสาวให้กับคนมีฐานะ ถึงข้าแต่งเข้าไปในฐานะอนุ ต่ำต้อยกว่าพี่สาวที่เป็นภรรยาเอก แต่พี่สาวอย่าลืมสิ เขาชอบข้า ไม่มีทางทอดทิ้งข้าให้โดดเดี่ยว ในทางกลับกัน เขายิ่งได้ใช้เวลาอยู่กับข้ามากกว่าอยู่กับท่านเสียอีก”

            อันที่จริง ต่อให้บ้านจางสิ้นไร้ไม้ตอก จางไคเฮ่อก็ไม่มีทางขายลูกสาว ตงตงแค่พูดให้หานเจียเอ๋อร์ตระหนักได้ว่า การมองนางศัตรูช่างไร้ประโยชน์

            “นี่ เจ้า!” หานเจียเอ๋อร์โกรธจนจุกอก นึกคำพูดมาด่าตงตงไม่ออก สำคัญกว่านั้น ตงตงดันพูดถูก!

            เพราะตงตงพูดแทงใจ ทำเอาถังเหวินนั่งบิดไปบิดมา หน้าแดงแป๊ดด้วความเขิน

            ตงตงมองเด็กทั้งสองพลางส่ายหน้าระอา

            เด็กหนอเด็ก ซื่อกันจริงๆ

            “พี่เหวินเป็นของข้า เจ้าฝันลมๆ แล้งๆ อะไร” หานเจียเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับกรีดร้อง

            “ข้าแค่พูดตามความเป็นจริงของสังคมเท่านั้น ไม่เชื่อถามสาวใช้ท่านดูสิ”

            จบคำพูดนั้น หานเจียเอ๋อร์หันหลังกลับไปมองสาวใช้เพื่อถามความเห็นทันที เมื่อเห็นว่าสาวใช้ทั้งสองต่างพยักหน้าพร้อมกัน หานเจียเอ๋อร์กระทือเท้าเร่าๆ

            “เด็กอย่างเจ้านี่มันหน้าไม่อาย อ๊าย!”

            ตงตงไม่รีบร้อน รอให้หานเจียเอ๋อร์กรีดร้องจนพอใจ ก่อนจะพูดอีกครั้ง “ถ้าพี่สาวไม่อยากให้ท่านพ่อข้าไม่มีทางเลือก จับข้าแต่งเป็นอนุของถังเหวิน พวกเรามาสงบศึกกันดีกว่า”

            “สงบศึกอะไร ข้าไม่ญาติดีกับเจ้า”

            “ข้าเพิ่งรู้นะเนี่ย พี่สาวชอบให้สามีทำร้ายจิตใจนี่เอง”

            “พูดอะไรของเจ้า เหลวไหลทั้งเพ”

            “ก็ถ้าพวกเราไม่ญาติดีกัน ข้าแต่งเข้าไปเป็นอนุ ทุกๆ วันข้ากับพี่สาวก็ต้องแย่งชิงความรักจากสามีใช่ไหมล่ะ แน่นอน ฝ่ายชนะก็คือข้า ท่านทำอะไรไม่ได้ ถูกต้องไหม”

            “จะ เจ้า…”

            “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวคิดว่านางพูดถูกอยู่บ้าง เช่นนั้นฟังข้อเสนอนางก็ไม่เสียหายนะเจ้าคะ”

            สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเหมือนเข้าใจทางโลกอย่างดี ฝ่ายนั้นจึงเตือนหานเจียเอ๋อร์

            หานเจียเอ๋อร์พยายามทำใจให้เย็นลงก่อนจะถาม

            “ข้อเสนออะไร”

            เมื่อทุกอย่างเข้าทาง ตงตงลอบยิ้มในใจแล้วรัวเสียงพูด

            “ถ้าท่านไม่อยากให้ท่านพ่อข้าไม่มีทางเลือก บ้านข้าต้องอยู่รอด ฉะนั้นพี่สาวเหมาซาลาเปาข้าหน่อย ทำให้ร้านข้ายืนหยัดต่อไปได้…ซาลาเปาไส้หมูกับฟักทองหวานลูกละ 3 อีแปะ ตอนนี้ไส้หมูเหลือ 23 ลูก ไส้ฟักทองหวานเหลือ 18 ลูก คิดเป็นเงินเสร็จสรรพแล้ว ทั้งหมด 123 อีแปะ ถูกมากเลยใช่หรือไม่ เช่นนั้นท่านเหมาข้าที”

            หานเจียเอ๋อร์ยกนิ้วขึ้นมานับเลขตามคำพูดของตงตง ทว่ายิ่งนับยิ่งปวดหัว สุดท้ายเลยเปลี่ยนมาถาม

            “สรุปคือข้าต้องเหมาซาลาเปาพวกนี้?”

            “ใช่ ถ้าขายหมด บ้านจางก็รอดแล้ว”

            หานเจียเอ๋อร์หันไปมองสาวใช้

            สาวใช้ทั้งสองคนพยักหน้ารัวๆ อย่างเห็นด้วย

            เมื่อเห็นหานเจียเอ๋อร์เริ่มมีท่าทีลังเล ตงตงเติมเชื้อเพลิงลงไปอีก ฉีกยิ้มแล้วกล่าว “พี่สาวคนสวย ท่านงดงามอยู่แล้ว เหลือก็แต่ทำใจให้กว้าง รับรองยังไงสามีก็ต้องรักหลงท่าน”

            “พะ พูดจริงหรือ”

            “จริงแท้แน่นอน”

            “เช่นนั้นข้าเหมาหมด”

            หานเจียเอ๋อร์คล้อยตามในที่สุด

            ทว่า ถังเหวินที่ตั้งใจจะซื้อซาลาเปาของตงตงกลับไปชื่นชมก่อนกินเป็นมื้อเที่ยงรู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากถูกเหมาตัดหน้า ลุกพรวดจากเก้าอี้ ตะโกนใส่หน้าหานเจียเอ๋อร์

            “น้อยๆ หน่อยเถอะ หานเจียเอ๋อร์ เจ้าเหมาหมด แล้วคนอื่นจะกินอะไร”

            หานเจียเอ๋อร์กรอกตาตอบ “ก็เรื่องของคนอื่นสิ”

            “เช่นนั้นขายต่อให้ข้าได้หรือไม่” ซานหลัวเฉินถาม

            “ไม่ขาย” หานเจียเอ๋อร์ตอบฉับพลัน

            ซานหลัวเฉินทำคอตก

            ทางด้านตงตงนั้น ไม่ได้สนใจอะไรเลย ตั้งอกตั้งใจคีบซาลาเปาใส่ห่อกระดาษ

            วันนี้ขายหมดเร็ว ดีจริงๆ!

            “พี่สาวคนสวย ทั้งหมดเป็นเงิน 123 อีแปะเจ้าค่ะ”  

            ตงตงยื่นซาลาเปาทั้งหมดให้หานเจียเอ๋อร์

            สาวใช้ของหานเจียเอ๋อร์เป็นคนเข้ามารับ ก่อนหานเจียเอ๋อร์จะควักเงินออกมาจ่าย

            “พี่สาวมาอุดหนุนอีกนะ”

            หานเจียเอ๋อร์ไม่ตอบ สะบัดหน้าเชิดใส่ตงตง “ชิว์” ถึงกระนั้น ตอนหมุนตัวเดินออกจากร้าน หานเจียเอ๋อร์โบกมือให้ตงตงทีหนึ่ง

            ตงตงไม่ได้ถือสา กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status