Share

บทที่ 1219

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
จากการจับจ้องขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ อาจือก็รู้สึกกลัวว่าจะถูกจับได้อยู่บ้าง

ทว่านางไม่อาจบอกความจริงได้เด็ดขาด

มีเพียงฮ่องเต้ฉีที่จะช่วยให้นางหลุดพ้นจากสถานะต่ำต้อย หรือถึงขั้นว่า ในอนาคตนางสามารถเข้าไปในวังหลวงของหนานฉี และเป็นพระสนม

สิ่งเหล่านี้ ไม่อาจให้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ทำลายได้อย่างแน่นอน

อาจือคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง” เพื่อแสดงความซื่อสัตย์และภักดี

“บ่าวทำทุกอย่างล้วนคำนึงถึงองค์หญิง!

“หาก...หากองค์หญิงไม่เชื่อบ่าว เช่นนั้นก็หาคนอื่นไปพบฮ่องเต้ฉีแทนก็ได้เพคะ!”

หากเปลี่ยนคนกลางคัน ฮ่องเต้ฉีจะต้องเกิดความสงสัยเป็นแน่

องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้

ทว่าอาจือผู้นี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงทำให้นางรู้สึกเหมือนมีความคิดที่ซับซ้อน

สุดท้าย ความทะนงตนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็มีอำนาจเหนือกว่า

ที่นี่คือจวนขององค์หญิง อาจือแค่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง จะสร้างความวุ่นวายอะไรได้?

อีกอย่างสาวใช้คนนี้ก็เชื่อฟังมาตลอด ไม่กล้าหักหลังนางเด็ดขาด

......

ช่วงกลางดึก อาจือฉวยโอกาสขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋บรรทมอยู่ ใช้ทางลับมาที่ห้องลับ

นางยังคงทำได้เพียงยื่นศีรษะออกมา เมื่อเห็นฮ่อง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1220

    เดิมองค์ชายสี่ยึดถือหลักทำดียิ่งมากยิ่งดี จึงให้เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ต่อ พลางฟังนางก่อน นางมีแผนการที่ดีอันใดเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง พูดอย่างคล่องแคล่ว“ยามนี้องค์ชายเจ็ดยกทัพบุกแคว้นหนานฉี กองทัพพร้อมเพรียงมิใช่น้อย”ได้ยินนางพูดถึงองค์ชายเจ็ด องค์ชายสี่รีบพูดขัด“ศึกครั้งนี้มีอันเกี่ยวพันเป็นเรื่องใหญ่ เสด็จพ่อตรัสชัดเจน หากผู้ใดคิดส่อเจตนาไม่ซื่อ พึงตายสถานเดียว”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายศีรษะ“ข้าหาได้มีใจคิดร้ายไม่”“ที่ข้าอยากพูดก็คือ เหล่าทัพหลักล้วนมุ่งมั่นหมายทำศึกตัดสินแพ้ชนะ จึงเป็นอันว่า แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เป่ยเยี่ยนทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางส่งทัพไปหนุนได้อีก“เท่าที่ข้ารู้ ทหารเป่ยเยี่ยนที่ยังหลงเหลืออยู่ในแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง มิอาจต้านทานการโต้กลับจากแคว้นซีหนี่ว์”“แล้วอย่างไรเล่า?” สายตาองค์ชายสี่จับจ้องเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความสนใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสั้น ๆ “หากเป็นข้า ข้าจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เยี่ยน ขออาสานำทัพไปตีแคว้นซีหนี่ว์ แย่งชิงแผ่นดินแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง“เช่นนี้ ทั้งไม่ส่งผลกระทบใดต่อการศึกขององค์ชายเจ็ด ทั้งยังสามารถหาภารกิจมาใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1221

    ดูภายนอก เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนมาเพียงลำพัง ความจริง ทั้งภายในภายนอกจวนองค์ชายสี่ ถูกเหล่าองครักษ์ลับล้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นฮองเฮาออกมาอย่างปลอดภัย เหล่าองครักษ์ลับค่อยวางใจลงครั้นกลับถึงโรงพักแรม อู๋ไป๋ก็เร่งร้อนเอ่ยถาม “นายท่าน องค์ชายสี่บอกหรือไม่ ยามนี้ฝ่าบาทถูกคุมขังอยู่ที่ใด?”เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองแผนที่ในมือ สีหน้าสงบเยือกเย็น “ไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน” นางก็หาได้ถาม ต่อให้ถาม อีกฝ่ายก็มิอาจตอบตามสัตย์จริง เว้นเสียแต่ องค์ชายสี่จะโง่เขลาจริง ๆหลังจากนั้นนางก็พูดต่อ “ทว่ามั่นใจได้ ฝ่าบาทอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”หยิ่นลิ่วปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างร้อนรน “ยามนี้ไม่มีอันตราย ทว่าผ่านไปหลายวันล่ะ? ฮองเฮา ต้องรีบสืบหาตำแหน่งที่อยู่ของฝ่าบาทให้ได้โดยไว…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองเขา “องค์ชายสี่เป่ยเยี่ยนต้องการพระราชบัลลังก์ ก็จำต้องรักษาชีวิตฝ่าบาทไว้ให้มั่น“จากนี้ไปพวกเราแบ่งทหารออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งออกตามหาฝ่าบาทในเมืองหลวงต่อไป อีกส่วนหนึ่งช่วยองค์ชายสี่ยึดอำนาจก่อการกบฏ”“ก่อกบฏ?” หยิ่นลิ่วกับอู๋ไป๋มองตากันเรื่องนี้เป็นเรื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1222

    ครั้งนี้ องค์ชายสี่รู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด ยังมีความโกรธแค้นที่ล้นพ้น ล้วนพุ่งเป้าไปยังเสด็จพ่อของเขา “ตาเฒ่าไม่รู้จักตาย!ทหารสามพันนายก็นับว่าน้อยอยู่แล้ว ล้วนยังเป็นพวกคนแก่เฒ่าเจ็บป่วยพิการ!เห็นได้ชัดว่ากำลังเย้ยหยันเขา! องค์ชายสี่โกรธจนแทบหายใจไม่ทัน มือเกาะขอบโต๊ะไว้ กำหมัดแน่น แทบอยากจะบุกเข้าวังเดี๋ยวนี้เลย เฟิ่งจิ่วเยียนล่วงรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า องค์ชายสี่เชิญนางมาที่จวน เพื่อขอคำปรึกษา“ทหารสามพันนายนั่น ข้าดูมาแล้ว ล้วนไร้ประโยชน์ พึ่งพาพวกเขา...ไปกระทำการนั้น เห็นทีจะมิได้ “ไม่แน่เสด็จพ่อไม่วางใจในตัวข้า จึงป้องกันข้าไว้?”องค์ชายสี่รำพึงรำพันอยู่มากมาย ก็ถูก ยามคนตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวและร้อนรน ย่อมมิอาจอดกลั้นต่อการพร่ำวาจา เพื่อระบายอารมณ์ตนเองให้ผ่อนคลายลง เขาพูดจบก็ดื่มน้ำชาไปหลายคำ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ตรงข้ามกับเฟิ่งจิ่วเยียน นางนิ่งสงบ ราวกับฟ้าพังทลายก็หาใช่เรื่องใหญ่อะไรท่วงท่ามั่นใจของนาง ทำให้องค์ชายสี่มีความหวังขึ้นมาเขาวางถ้วยน้ำชา แล้วโน้มกายถาม “มีแผนการอันใดหรือไม่ ที่จักให้เสด็จพ่อให้กำลังพลเพิ่มขึ้น?”เฟิ่งจิ่วเยียนกลับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1

    “แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 2

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 3

    ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 4

    ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1222

    ครั้งนี้ องค์ชายสี่รู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด ยังมีความโกรธแค้นที่ล้นพ้น ล้วนพุ่งเป้าไปยังเสด็จพ่อของเขา “ตาเฒ่าไม่รู้จักตาย!ทหารสามพันนายก็นับว่าน้อยอยู่แล้ว ล้วนยังเป็นพวกคนแก่เฒ่าเจ็บป่วยพิการ!เห็นได้ชัดว่ากำลังเย้ยหยันเขา! องค์ชายสี่โกรธจนแทบหายใจไม่ทัน มือเกาะขอบโต๊ะไว้ กำหมัดแน่น แทบอยากจะบุกเข้าวังเดี๋ยวนี้เลย เฟิ่งจิ่วเยียนล่วงรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า องค์ชายสี่เชิญนางมาที่จวน เพื่อขอคำปรึกษา“ทหารสามพันนายนั่น ข้าดูมาแล้ว ล้วนไร้ประโยชน์ พึ่งพาพวกเขา...ไปกระทำการนั้น เห็นทีจะมิได้ “ไม่แน่เสด็จพ่อไม่วางใจในตัวข้า จึงป้องกันข้าไว้?”องค์ชายสี่รำพึงรำพันอยู่มากมาย ก็ถูก ยามคนตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวและร้อนรน ย่อมมิอาจอดกลั้นต่อการพร่ำวาจา เพื่อระบายอารมณ์ตนเองให้ผ่อนคลายลง เขาพูดจบก็ดื่มน้ำชาไปหลายคำ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ตรงข้ามกับเฟิ่งจิ่วเยียน นางนิ่งสงบ ราวกับฟ้าพังทลายก็หาใช่เรื่องใหญ่อะไรท่วงท่ามั่นใจของนาง ทำให้องค์ชายสี่มีความหวังขึ้นมาเขาวางถ้วยน้ำชา แล้วโน้มกายถาม “มีแผนการอันใดหรือไม่ ที่จักให้เสด็จพ่อให้กำลังพลเพิ่มขึ้น?”เฟิ่งจิ่วเยียนกลับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1221

    ดูภายนอก เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนมาเพียงลำพัง ความจริง ทั้งภายในภายนอกจวนองค์ชายสี่ ถูกเหล่าองครักษ์ลับล้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นฮองเฮาออกมาอย่างปลอดภัย เหล่าองครักษ์ลับค่อยวางใจลงครั้นกลับถึงโรงพักแรม อู๋ไป๋ก็เร่งร้อนเอ่ยถาม “นายท่าน องค์ชายสี่บอกหรือไม่ ยามนี้ฝ่าบาทถูกคุมขังอยู่ที่ใด?”เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองแผนที่ในมือ สีหน้าสงบเยือกเย็น “ไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน” นางก็หาได้ถาม ต่อให้ถาม อีกฝ่ายก็มิอาจตอบตามสัตย์จริง เว้นเสียแต่ องค์ชายสี่จะโง่เขลาจริง ๆหลังจากนั้นนางก็พูดต่อ “ทว่ามั่นใจได้ ฝ่าบาทอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”หยิ่นลิ่วปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างร้อนรน “ยามนี้ไม่มีอันตราย ทว่าผ่านไปหลายวันล่ะ? ฮองเฮา ต้องรีบสืบหาตำแหน่งที่อยู่ของฝ่าบาทให้ได้โดยไว…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองเขา “องค์ชายสี่เป่ยเยี่ยนต้องการพระราชบัลลังก์ ก็จำต้องรักษาชีวิตฝ่าบาทไว้ให้มั่น“จากนี้ไปพวกเราแบ่งทหารออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งออกตามหาฝ่าบาทในเมืองหลวงต่อไป อีกส่วนหนึ่งช่วยองค์ชายสี่ยึดอำนาจก่อการกบฏ”“ก่อกบฏ?” หยิ่นลิ่วกับอู๋ไป๋มองตากันเรื่องนี้เป็นเรื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1220

    เดิมองค์ชายสี่ยึดถือหลักทำดียิ่งมากยิ่งดี จึงให้เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ต่อ พลางฟังนางก่อน นางมีแผนการที่ดีอันใดเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง พูดอย่างคล่องแคล่ว“ยามนี้องค์ชายเจ็ดยกทัพบุกแคว้นหนานฉี กองทัพพร้อมเพรียงมิใช่น้อย”ได้ยินนางพูดถึงองค์ชายเจ็ด องค์ชายสี่รีบพูดขัด“ศึกครั้งนี้มีอันเกี่ยวพันเป็นเรื่องใหญ่ เสด็จพ่อตรัสชัดเจน หากผู้ใดคิดส่อเจตนาไม่ซื่อ พึงตายสถานเดียว”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายศีรษะ“ข้าหาได้มีใจคิดร้ายไม่”“ที่ข้าอยากพูดก็คือ เหล่าทัพหลักล้วนมุ่งมั่นหมายทำศึกตัดสินแพ้ชนะ จึงเป็นอันว่า แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เป่ยเยี่ยนทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางส่งทัพไปหนุนได้อีก“เท่าที่ข้ารู้ ทหารเป่ยเยี่ยนที่ยังหลงเหลืออยู่ในแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง มิอาจต้านทานการโต้กลับจากแคว้นซีหนี่ว์”“แล้วอย่างไรเล่า?” สายตาองค์ชายสี่จับจ้องเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความสนใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสั้น ๆ “หากเป็นข้า ข้าจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เยี่ยน ขออาสานำทัพไปตีแคว้นซีหนี่ว์ แย่งชิงแผ่นดินแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง“เช่นนี้ ทั้งไม่ส่งผลกระทบใดต่อการศึกขององค์ชายเจ็ด ทั้งยังสามารถหาภารกิจมาใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1219

    จากการจับจ้องขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ อาจือก็รู้สึกกลัวว่าจะถูกจับได้อยู่บ้างทว่านางไม่อาจบอกความจริงได้เด็ดขาดมีเพียงฮ่องเต้ฉีที่จะช่วยให้นางหลุดพ้นจากสถานะต่ำต้อย หรือถึงขั้นว่า ในอนาคตนางสามารถเข้าไปในวังหลวงของหนานฉี และเป็นพระสนมสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจให้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ทำลายได้อย่างแน่นอนอาจือคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง” เพื่อแสดงความซื่อสัตย์และภักดี“บ่าวทำทุกอย่างล้วนคำนึงถึงองค์หญิง!“หาก...หากองค์หญิงไม่เชื่อบ่าว เช่นนั้นก็หาคนอื่นไปพบฮ่องเต้ฉีแทนก็ได้เพคะ!”หากเปลี่ยนคนกลางคัน ฮ่องเต้ฉีจะต้องเกิดความสงสัยเป็นแน่องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ทว่าอาจือผู้นี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงทำให้นางรู้สึกเหมือนมีความคิดที่ซับซ้อนสุดท้าย ความทะนงตนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็มีอำนาจเหนือกว่าที่นี่คือจวนขององค์หญิง อาจือแค่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง จะสร้างความวุ่นวายอะไรได้?อีกอย่างสาวใช้คนนี้ก็เชื่อฟังมาตลอด ไม่กล้าหักหลังนางเด็ดขาด......ช่วงกลางดึก อาจือฉวยโอกาสขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋บรรทมอยู่ ใช้ทางลับมาที่ห้องลับนางยังคงทำได้เพียงยื่นศีรษะออกมา เมื่อเห็นฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status