Share

บทที่ 132

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
คนในตำหนักหลิงเซียวต่างหวาดกลัว

นางข้าหลวงหลายคนมาล้อมวงถกเถียงพูดคุยกันด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“พระนางกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ หรือ?”

“ดูท่าจะจริง! เมื่อครู่พี่ชุนเหอกลับมาคนเดียว ได้ยินว่าพระนางถูกส่งไปตำหนักชิงซวีโดยไม่ให้นำสิ่งใดติดตัวไปด้วยเลย!”

ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักชิงซวี

หลังจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกนำตัวมาส่ง ก็มีข้าหลวงมาคอยปรนนิบัติ ทว่าล้วนไม่ใช่คนที่นางเรียกใช้อยู่เป็นประจำ แม้แต่ชุนเหอก็ไม่อยู่ที่นี่!

การที่คนอื่นไม่อาจติดตามนางมาที่ตำหนักชิงซวีได้นั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าชุนเหอเป็นสาวใช้ข้างกายของนาง มีความสัมพันธ์นายบ่าวกับนางอย่างเหนียวแน่น!

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที

ฝ่าบาททรงพิโรธนางแล้วจริง ๆ ทรงส่งคนข้างกายนางทั้งหมดให้แยกย้ายกันไป ทิ้งให้นางอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว ไร้คนให้ใช้งาน...

เมื่อตระหนักได้ถึงความรุนแรงของบทลงโทษในครั้งนี้ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์สะบัดศีรษะ พุ่งตรงไปข้างประตูพร้อมตะโกนเสียงดัง

“ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท!

“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”

ผ่านไปไม่นาน เสียงของนางก็แหบแห้ง

แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ นางพยายามฝ่าออกไปท่าม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 133

    เหลียนซวงนำพระราชเสาวนีย์ไปยังตำหนักหลิงเซียว ชุนเหอนำกลุ่มข้าหลวงมารับ แสร้งแสดงท่าทีเคารพนบนอบ ทว่าในใจกลับตรงกันข้ามพวกเขาส่วนใหญ่คิดว่ากุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้จะถูกลงโทษให้ไปอยู่ตำหนักเย็น อีกไม่นานย่อมสามารถกลับมาอยู่ตำแหน่งสูงส่งเช่นเดิมได้ฮองเฮาทำพฤติกรรมคอยซ้ำเติมเช่นนี้ ไม่เหลือทางถอยให้ตนเองเอาเสียเลยเหลียนซวงไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง นางแสดงมาดอย่างที่นางข้าหลวงข้างกายฮองเฮาควรจะมี แล้วออกคำสั่ง“ฮองเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์ ช่วงนี้มีคดีลักเล็กขโมยน้อยในวังอยู่บ่อยครั้ง ตำหนักหลิงเซียวเกิดเรื่องบ่อยที่สุด ทรงรับสั่งให้ย้ายพวกเจ้าทั้งหมดไปยังกรมราชทัณฑ์ ไม่อนุญาตให้พกสิ่งของใดติดตัวไปทั้งสิ้น! นอกจากนี้หากแจ้งเบาะแสจะมีรางวัลให้!”กรมราชทัณฑ์?นั่นเป็นที่ไต่สวนข้าหลวงที่ทำความผิดร้ายแรง!พวกเขาทำอะไรผิดกัน?กุ้ยเฟยเพิ่งจะถูกลงโทษไป ฮองเฮาก็ตามมาสร้างความลำบากให้กับข้ารับใช้อย่างพวกเขาเสียแล้ว ไม่มีมาดของมารดาแผ่นดินแม้แต่น้อย กลับเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงกิ้งก่าได้ทองเท่านั้น!เหล่าข้าหลวงต่างมองไปที่ชุนเหอเมื่อพระนางไม่อยู่ ชุนเหอก็เป็นใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 134

    เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าตัวเหลียนซวงไว้ แววตาคมกริบฉายแววอันตราย“อย่าส่งเสียง”“แต่ว่านี่...นี่ท่านถูกคนวางยาพิษชัด ๆ นี่เพคะ!” เหลียนซวงตกใจกลัวจนสติเตลิดเปิดเปิงนี่ไม่ควรเรียกหมอหลวงมาหรือไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดบริเวณข้างริมฝีปาก สายตาลึกล้ำ“ไม่ถึงตายหรอก ข้ารู้ตัวเองดี”พิษที่นางโดนนี้คือ‘พิษแดนฝัน’ที่เซียวอวี้เป็นคนวางหากเรียกหมอหลวงมาย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นการเปิดเผยร่องรอยออกไปปกติพิษนี้จะกำเริบทุกสิบวันครั้งนี้ยังไม่ถึงสิบวันก็กำเริบแล้ว ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่นางใช้ยาถอนพิษในปริมาณน้อยเกินไปเป็นแน่สายตานิ่งลึกของเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปยังข้างหน้าต่างไม่รู้ว่าซ่งหลีปรุงยาถอนพิษสำเร็จหรือไม่...ณ สนามม้าหลวงขณะที่เซียวอวี้และรุ่ยอ๋องกำลังขี่ม้ายิงธนูกันอยู่นั้น หลิวซื่อเหลียงก็เดินมาด้านหน้า“ฝ่าบาท คนของทางตำหนักชิงซวีมาบอกว่า กุ้ย... หลิงกุ้ยเหรินอดอาหารประท้วง ตะโกนลั่นว่าจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”รุ่ยอ๋องหันไปมองฮ่องเต้ที่ทรงประทับอยู่ข้าง ๆ เห็นเพียงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทะมึนมืดของเขาเซียวอวี้ง้างสายคันธนูในมือจนสุด สีหน้าท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 135

    ถึงแม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แต่มองแค่แว่บเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางประมือกับเซียวอวี้เป็นครั้งที่สอง ห้องลับใต้ดินของตำหนักหวาชิง!เตียงหยกหลังนั้นยังอยู่ที่นี่ยามนั้นเซียวอวี้นั่งขับพิษอยู่บนเตียงหยกหลังนี้แม้กระทั่งบนกำแพงยังมีร่องรอยจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กันทิ้งเอาไว้ดังนั้นไม่ผิดแน่ที่นี่ก็คือตำหนักหวาชิง!เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเหตุใดตำหนักหลิงเซียวถึงได้มีทางเชื่อมทะลุถึงตำหนักหวาชิงได้?ถึงแม้นางจะสงสัยเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการหาบันทึกของจ้าวเฉียนให้เจอด้วยเหตุนี้นางจึงรีบออกจากที่นี่ โดยเดินย้อนกลับไปทางเดิมตำแหน่งที่จ้าวเฉียนซ่อนบันทึกอำพรางไว้ได้ดีมากจนถึงยามนี้ยังไม่เจอเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ราวกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียวทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นใครกัน?ไม่ว่าความหวังจะเลือนรางขนาดไหนก็ต้องค้นหาต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาดหลังจากผ่านไปสี่คืน ในที่สุดนางก็เจอบันทึกอยู่ใต้แผ่นอิฐแผ่นหนึ่งที่กองฟืนมุมหนึ่งในห้องครัวเล็กในบันทึกฉบับนี้จดเรื่องที่จ้าวเฉียนทำงานให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 136

    เฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากตำหนักชิงซวี ตรงไปที่กรมราชทัณฑ์ ห้องทรมานของกรมราชทัณฑ์ทั้งมืดและชื้น พวกหนูชื่นชอบนัก มวลอากาศอวลกลิ่นเหม็นเน่าและคาวโลหิต ชุนเหอและพวกข้าหลวงแม้ถูกจองจำ ทว่าไร้การถูกสอบสวนใด ๆ แม้วันนี้ถูกกุมตัวสู่ห้องทรมาน ใจนางก็มิสั่นสะท้าน เสมือนรู้ชัดว่าไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายตน เพียงได้เห็นหน้าของฮองเฮา สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยน “บ่าวถวายบังคมฮองเฮา!” ชุนเหอโค้งคำนับ รักษากิริยาแบบสาวใช้ในตำหนักหลิงเซียว ไม่นอบน้อมหรือเย่อหยิ่ง ในห้องทรมานนี้มีเพียงนางสองคน เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนในเงามืด ใบหน้ามืดครึ้มยากประเมิน นางโยนสำเนาบันทึกของจ้าวเฉียนใส่ชุนเหอ “ดูเอง” ชุนเหอไม่ทราบเหตุผล แต่เปิดมันด้วยความระแวดระวัง หลังจากอ่านเนื้อหาของสำเนาบันทึกจบ สีหน้าของชุนเหอเปลี่ยนไปอีกครา จ้าวเฉียนบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใด! เขาต้องการกระทำสิ่งใด! อีกทั้ง สิ่งนี้ไปอยู่ในมือฮองเฮาได้อย่างไร... ชุนเหอวางตัวอึดอัด เงยหน้าจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน “ฮองเฮา บ่าว บ่าวไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 137

    ห้องทรงพระอักษร เซียวอวี้กำลังหารือกับเหล่าเสนาบดีเรื่องการเจรจาสงบศึกระหว่างสองแคว้น “ฝ่าบาท รัฐเหลียงขอให้พวกเราจ่ายค่าชดเชยหนึ่งล้านตำลึงทอง นี่มันคือการเรียกร้องเกินเหตุ! พวกเราจะตกลงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” “แม่ทัพเฉิน หากไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ พวกเราต้องทำตามอีกเงื่อนไขของพวกเขา คือให้เมิ่งสิงโจวแบกหนามเพื่อขอรับโทษที่เมืองหลวงของรัฐเหลียง” “ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด! เมิ่งสิงโจวคือสุดยอดวีรบุรุษของหนานฉี จะให้เขาแบกรับความอับอายเช่นนี้ได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส!” เมื่อมีการเอ่ยถึงเมิ่งสิงโจว สีหน้าของรุ่ยอ๋องสะท้อนความจริงจัง เขายกมือคำนับและพูดอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่ายอมจ่ายหนึ่งล้านตำลึงทอง แต่มิอาจสละแม่ทัพน้อยเมิ่งได้พ่ะย่ะค่ะ “จุดประสงค์ของรัฐเหลียงนั้นชัดเจนมาก หากแม่ทัพน้อยเมิ่งเหยียบเข้าเขตแดนรัฐเหลียงจริง ๆ เกรงว่าจะหนีไม่พ้นความตายพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดนี้ชักจูงเหล่าเสนาบดีให้คล้อยตาม “เงินทองเป็นของนอกกาย หากสูญเสียหนึ่งล้านตำลึงทอง ในไม่ช้าก็เร็วย่อมหาใหม่ได้ แต่ถ้าสูญเสียยอดอัจฉริยะเช่นแม่ทัพน้อย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 138

    องครักษ์รีบเข้ามาดู กลับเห็นเพียงว่า ในหอหลวงนั้นไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ มีเพียงชั้นวางตำราและตำราวางไว้เหมือนเดิม แต่หน้าต่างด้านข้างเปิดอยู่ สายลมจึงพัดภาพวาดบนผนัง ทำให้ม้วนภาพวาดด้านล่างกระแทกชนกับผนังเกิดเสียงดัง หารู้ไม่ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนได้หนีไปแล้ว ตำหนักหย่งเหอ เฟิ่งจิ่วเหยียนถอดหน้ากากออก แววตาดูจริงจังส่วนหนึ่ง นางพอจะคาดเดาได้ว่าพิษวารีสวรรค์ในร่างกายของเซียวอวี้ ถูกควบคุมไว้ได้อย่างไร... ตำหนักชิงซวี แม้ว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกห้ามออกไปข้างนอก แต่ยังสามารถเดินเล่นในลานได้ นางเดินไปตามทางเดินทอดยาวสายหนึ่ง จึงได้ยินเสียงสนทนาของสาวใช้สองคนที่มุมถนน “กุ้ยเหรินไม่ได้รับความโปรดปรานแล้วจริงหรือ?” “เกรงว่าจะจริง ตำหนักชิงซวีเป็นสถานที่แบบใด? โดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นตำหนักเย็น นับแต่ฝ่าบาทลดตำแหน่งของนางและส่งมาที่นี่ ฝ่าบาทก็ไม่เคยเสด็จมาเยี่ยมเลย” “กุ้ยเหรินเสียโฉมแล้ว การหายจากความโปรดปรานนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้” นางข้าหลวงที่อยู่ด้านหลังของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์หน้าซีด รีบก้าวไปข้างหน้าและตำหนิพวกนางทันที “บังอาจเกินไปแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 139

    แม้ว่าหงส์ที่ถูกถอนขนงามมิสู้ไก่[1] แต่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เป็นสตรีที่ครองความโปรดปราดเหนือกว่าทั้งหกตำหนัก แม้ว่าใบหน้าจะเสียโฉม แต่ฝ่าบาทยังคงโปรดปรานนางอยู่หลายวัน แสดงให้เห็นว่านางมีความสามารถมาก เหลียนซวงภักดี ย่อมปฏิบัติตามคำสั่งของฮองเฮา แต่ซุนหมัวมัวกลับไม่กล้า ซุนหมัวมัวเกรงว่า หากหลิงกุ้ยเหรินกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง นางจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ เดิมนางคาดเดาไว้ว่า ฮองเฮาพานางออกมาคงไม่ใช่เรื่องดี แต่นางไม่คิดว่ามันจะเป็นงานที่น่าลำบากใจขนาดนี้! นางปักหลักยืนนิ่ง ไม่ไหวติง เหลียนซวงคนเดียวไม่อาจจับตรึงหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไหว กลับถูกผลักออกมาแทน “เฟิ่งเวยเฉียง! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้เพียงปลายเส้นผม ฝ่าบาทจะไม่มีวันละเว้นเจ้า!! ในวังแห่งนี้ นอกจากฝ่าบาทแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าถอดเสื้อผ้าของข้า! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร...” เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้สายตาเยือกเย็นมองไปยังซุนหมัวมัว “ลงมือ!” ซุนหมัวมัวตื่นตกใจกับดวงตาของนาง ไม่ว่าหัวใจคัดค้านแค่ไหน สุดท้ายยังต้องกัดฟันเดินหน้า “หลิงกุ้ยเหริน บ่าวขอล่วงเกินแล้ว!” เสียงกรีดร้องของหลิงเยี่ยนเอ๋อร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 140

    ทันทีที่ได้ยินว่าฮ่องเต้เสด็จมา หลิงเยี่ยนเอ๋อร์พลันเปลี่ยนสีหน้า รีบบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย ทำท่าคล้ายกำลังถูกกลั่นแกล้ง “ฝ่าบาท...” เซียวอวี้เพิ่งก้าวพ้นประตู หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ร้องไห้จนไหล่สั่นระริก “ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาสั่งให้คนฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหม่อมฉัน เพื่อหวังให้หม่อมฉันอับอาย โชคดีที่หม่อมฉันขัดขืนสุดแรง จึงรักษาศักดิ์ศรีเฮือกสุดท้ายไว้ได้ หากท่านมาไม่ทัน หม่อมฉันคงจะ....คงจะสู้ไม่ไหวแล้วเพคะ!” นางพูดสื่อความนัยสองประการ สิ่งที่ไม่สามารถรักษาไว้ได้นั้น ไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีของนางเท่านั้น ยังรวมถึงแผลเป็นตรงตำแหน่งหัวใจของนางด้วย——สื่อถึงความลับของพิษวารีสวรรค์ในร่างกายเขา เซียวอวี้วางแขนโอบไหล่ของนางแล้วตบเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อปลอบโยนโดยไม่ต้องพูดอะไร ในจังหวะเดียวกัน เขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาเยือกเย็น “ไสหัวกลับตำหนักหย่งเหอของเจ้าไปซะ! หากเราไม่อนุญาต ห้ามเจ้าเหยียบเข้าตำหนักชิงซวีอีก!” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดแก้ตัว เพียงโค้งคำนับเท่านั้น “เพคะ” หลิงเยี่ยนเอ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1209

    ช่วงหลายวันที่เซียวอวี้ถูกขังอยู่ในคุกลับ หาได้นั่งนิ่งรอความตายไม่ จากการสังเกตของเขา องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนมิได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เยี่ยน แต่กลับเป็นหินที่ไว้ปูทางเดิน เพื่อผลักดันความทะเยอะทะยานให้องค์ชายเจ็ด หากสามารถโน้มน้าวใจองค์ชายสี่ได้ เขาก็จะหนีออกจากที่นี่ได้ กระนั้น องค์ชายสี่ของเป่ยเยี่ยนไม่โง่ ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเซียวอวี้ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการชนะใจตน เพื่อยุแยงเขากับเจ้าเจ็ด รวมถึงตัวเขาและเสด็จพ่อด้วย “ฮ่องเต้ฉี ยิ่งพูดยิ่งพลาด ท่านตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ควรพูดให้น้อยลงจะดีกว่า” องค์ชายสี่พูดจบก็คิดจะเดินจากไป จู่ ๆ เซียวอวี้หัวเราะเยือกเย็นขึ้นมา “ในเวลาหนึ่งเดือน ฮ่องเต้เยี่ยนจะแต่งตั้งองค์ชายเจ็ดเป็นองค์รัชทายาท” องค์ชายสี่หยุดชะงัก ฮ่องเต้ฉีมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ? ตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นเย้ายวนใจนัก องค์ชายสี่ต้องหันกลับมา พิจารณาเซียวอวี้อีกครั้ง เขาหาได้รุกถามใด ๆ ไม่ เพียงรอให้เซียวอวี้พูดต่ออย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “กองทัพเยี่ยนเดินทัพลงใต้ เพื่อพิชิตแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1208

    ในคุกลับ เซียวอวี้กินอาหารตามปกติ ไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย เขาตระหนักได้ทันที มันเป็นฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด! ดวงตาเย็นชาของเขามืดลง ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เป็นฝีมือของผู้ใด จริงตามคาด เพียงไม่นาน องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็มาที่คุกลับ คืนนี้นางแต่งกายอย่างพิถีพิถัน สวมอาภรณ์สีสันสดใส ประทินโฉมประณีตงดงาม สายตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความต้องการครอบครอง นางมองใบหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์ยาของเซียวอวี้ รู้สึกปรีดาบนความทุกข์ของผู้อื่น “สิ่งใดที่ข้าอยากได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้!” เซียวอวี้พยายามสงบจิตใจอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ถูกควบคุมโดยฤทธิ์ยา เขาไม่กล้าคิด หากสัมผัสผู้หญิงคนอื่นแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับจิ่วเหยียยอย่างไรในอนาคต ให้ตาย! เขาอยากจะฆ่าคน ทว่ากลับสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด แม้คุกลับจะคุมขังผู้คนไว้มากมาย แต่ห้องขังของเซียวอวี้อยู่ในจุดที่ลับตาคน และเป็นเอกเทศ องค์หญิงเซี่ยนอี๋จึงไม่กลัวที่จะมีคนมารบกวน นางปลดอาภรณ์ชั้นนอกของตนออก หัวเราะอย่างหยาบคาย “ฮ่องเต้ฉี ข้ารอให้เจ้าขอร้องข้าอยู่” ถูกฤ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1207

    ตำหนักหย่งเหอ เมื่อไทเฮาและหนิงเฟยมาถึง กลับไม่เห็นฮองเฮา เด็กทารกน้อยร้องไห้ระงมราวกับหัวใจจะแตก แม้พวกนางได้ยินแล้วยังรู้สึกปวดใจนัก หมอหลวงกำลังถวายโอสถให้องค์ชายน้อย ปริมาณยาทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน หนิงเฟยขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเตือน “พวกเจ้าระวังหน่อย! อย่าทำให้เด็กสำลัก!” ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะตำหนิ “ฮองเฮาอยู่ที่ใด? นี่คือลูกชายแท้ ๆ ของนาง กลับทิ้งไว้แบบนี้รึ?” สาวใช้หว่านชิวตอบ “มีรายงานด่วนจากชายแดนเพคะ ฮองเฮาประทับที่ห้องทรงพระอักษร เพื่อหารือกับเหล่าแม่ทัพ...” ไทเฮาทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำเสียงจริงจังขึ้น “หารือตลอดทั้งวัน นางคิดถึงลูกชายทั้งสองบ้างหรือไม่? “คนหนึ่งถูกนางใช้เป็นเครื่องมือว่าราชการหลังม่าน อีกคนถูกนางทิ้งให้โดดเดี่ยวในวังหลัง นางทนได้อย่างไร!” ไทเฮาทราบดีว่าฮองเอามีราชกิจรัดตัว ทว่าเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเช่นนี้ ก็อดจะทุกข์ใจมิได้ หว่านชิวไม่กล้าโต้แย้ง หนิงเฟยเกลี้ยกล่อม “ท่านป้าเพคะ ฮองเฮาต้องเห็นราชกิจสำคัญที่สุด ส่วนองค์ชายมีหมอหลวงถวายการดูแล เขาจะปลอดภัยแน่นอนเพคะ” ไทเฮามองทารกด้วยค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1206

    หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status