LOGIN"ไม่เป็นไรมันร้อน เอามานี่เดี๋ยวฉันถือออกไปเอง ส่วนเธอไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเดี๋ยวฉันจะยกไปให้ ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวนั่น เดี๋ยวฉันจะให้มันมาจัดการยกไปเอง" คำพูดของเขากำลังทำให้ขวัญข้าวทำตัวไม่ถูก เธอควรดีใจหรือว่าเกรงใจเขาดี เพราะเมื่อกี้ยังพูดดุเธออยู่เลย แต่ตอนนี้มาทำดีมีทีท่าเหมือนกับว่ากำลังห่วงใย หญิงสาวนั้นแทบจะปรับตัวตามอารมณ์เขาไม่ทัน
"อ้าว! ยืนเป็นรูปปั้นอยู่ทำไมตามมาสิ"
หญิงสาวร่างอรชรจำใจต้องเดินตามชายร่างสูงใหญ่ออกไปจากครัว เธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี บางทีก็อยากต่อปากต่อคำกับเขา แต่นั่นมันไม่ใช่นิสัยของเธอ เพราะขวัญข้าวเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้จักเอาตัวรอดไม่ได้อินโนเซ้นท์จนเกินไป ที่จะไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนมาร้ายมาดี แต่ที่เธอโสดทุกวันนี้ก็เพราะเหตุผลบางอย่าง ที่ไม่อาจบอกใครได้ นอกจากเก็บเอาไว้ภายในใจ และภาวนาให้ใครคนนั้นหันมามองเธอบ้างสักนิดก็ยังดี
"ว้าว! เสิร์ฟเองซะด้วยขอบคุณมากครับคุณเสือ"
เพียะ!!!
"โอ๊ย! อะไรเนี่ยตีมือกูทำไม เมื่อคืนก็โดนถีบไปทีหนึ่งแล้ว จะอะไรนักหนากับกูวะไอ้เสือ" เควินโวยวายออกมาเสียงดัง ในขณะที่ขวัญข้าวนั้นกำลังเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ พี่ชาย
"ชามนี้ของกู ส่วนชามนี้มันเป็นของขวัญข้าว ส่วนของพวกมึงสองตัววางอยู่ในครัว ไปหยิบมาเอง กินก็กินฟรีแล้วยังจะให้ยกมาเสิร์ฟอีก บ้าหรือเปล่าเนี่ยฮ่ะ!" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า ก่อนจะค่อยๆ ซด ซึ่งอัครเดชเริ่มก็รู้สึกว่าเขานั้นกำลังติดใจในรสชาติของมัน เมื่อฝีมือการทำอาหารของขวัญข้าวนั้น ช่างเลิศรสทุกอย่างถูกปากเขาไปเสียหมด
"ไอ้ชาร์ลยกมาให้กูด้วย เจ็บเอวไม่พอยังเจ็บมืออีกต่างหาก" เควินพูดออกมา ขณะที่สายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าของขวัญข้าว จนเธอนั้นแทบจะไม่กล้าตักข้าวเข้าปากอยู่แล้ว
"ไอ้เควินตาหวานเชียวนะมึง!" อัครเดชพูดพร้อมกับทำตาเขียวใส่เควิน อย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเขามองขวัญข้าวราวกับว่าจะกลืนกิน
"กูแค่มองเฉยๆ น้องมึงไม่สึกหรอหรอกน่า หวงอยู่ได้ ใช่ไหมครับน้องขวัญคนสวย คนน่ารัก ใสๆ แอ๊บแบ๊วแบบนี้พี่ชอบอ่ะ" เควินพูดพร้อมกับแอ้บเสียงสองออกมาได้อย่าน่าหมั่นไส้
"กูว่ามึงเก็บปากไว้กินข้าวดีกว่า เพราะถ้าปากแตกมึงจะแดกอะไรไม่ลง" อัครเดชกระแทกเสียงใส่เควิน ขณะที่ชาร์ลวางชามข้าวต้มลงให้กับเขา
"ทำไมน้องขวัญทำข้าวต้มได้อร่อยจัง วันหลังพี่คงต้องมาฝากท้องบ่อยๆ แล้ว" ชาร์ลกล่าวชมหญิงสาวออกมาพร้อมทั้งทำกรุ้มกริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่ต้องมาบ่อยก็ได้เปลือง ที่บ้านพวกมึงไม่มีข้าวกินหรือไง" อัครเดชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ทั้งที่ปกติแล้วเขานั้นจะอารมณ์ดีถ้าหากว่ามีเพื่อนมาที่บ้านแบบนี้
"มีสิ! แต่มันไม่อร่อยเหมือนน้องขวัญทำ มื้อเที่ยงน้องขวัญจะทำอะไรกิน เดี๋ยวพวกพี่จะรอชิม" ชาร์ลยังคงไม่ลดละความพยายาม เพราะเขาอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของหญิงสาวที่เปล่งออกมา แต่ทว่าเธอกลับเงียบไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปากลูกเดียว
"เอ่อ... คือว่าในตู้ไม่มีอาหารสดแล้วค่ะ ที่ขวัญทำไปมันก็หมดแล้ว แต่ทานข้าวเสร็จขวัญก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปตลาด แต่ยังไม่รู้เลยว่าตลาดอยู่ตรงไหน" หญิงสาวพูดออกมา พร้อมกับแอบชำเลืองมองไปที่ใบหน้าคมของพี่ชาย เพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะอนุญาตให้เธอไปซื้อของที่ตลาดหรือเปล่า
"เดี๋ยวพี่พาไป/ เดี๋ยวพี่พาไป" เควินและชาร์ลพูดประสานเสียงออกมาพร้อมเพรียงกัน ด้วยประโยคเดียวกัน เมื่อพวกเขาทั้งคู่มีจุดประสงค์ที่จะจีบขวัญข้าวให้ติด แม้จะรู้ว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ค่อยปลอดภัย เมื่อพี่ชายของเธอนั้นดุอย่างกับเสือสมชื่อ
"พวกมึงหุบปากไปเลย รีบกินข้าวแล้วก็รีบกลับบ้านซะ! ส่วนเธอทานข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แม่ให้ฉันพาเธอไปเลือกซื้อชุด เพราะพรุ่งนี้ต้องใส่ไปทำงาน อย่าบอกนะว่าเธอจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปทำงานมันไม่ใช่" ขวัญข้าวยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาก็ตัดสินเธอ จากภาพที่เห็น ความจริงเธอตั้งใจที่จะไปซื้ออาหารสดและชุดที่ตลาดด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องใส่ชุดสวยๆ ไปทำงาน
"แม่โทรมาบอกพี่เหรอคะ" หญิงสาวถามพี่ชายออกมาด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มนั้นจะพาไปที่ตลาดจริงๆ
"อืม... เอาชามไปเก็บแล้วก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวฉันจะรอให้เวลาสิบห้านาที"
"ฮ่ะ! สิบห้านาที" คนที่อุทานออกมาไม่ใช่ขวัญข้าว แต่เป็นชาร์ลและเควิน
"ตกลงค่ะ อีกสิบห้านาทีขวัญจะลงมา" หญิงสาวพูดพร้อมกับเก็บชามข้าวต้มเข้าไปไว้ในครัว พร้อมกับล้างจนสะอาด ซึ่งเธอใช้เวลาในการล้างชามสี่ใบไปสามนาทีอีกสิบสองนาทีเธอต้องลงมาให้ทัน
ขวัญข้าวขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เธอเลือกชุดที่ใส่สบายที่สุด ตามสไตล์และไอเท็มที่เธอนั้นชอบสุดๆ นั่นคือเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงยีนรัดรูป เธอยัดชายเสื้อเข้าไปด้านในกางเกงและปล่อยชายอีกข้างเอาไว้ หญิงสาวรวบผมขึ้นแล้วมัดจุกหลวมๆ พร้อมกับใส่ต่างหูเพชรเม็ดเล็กที่มารดาเคยให้เอาไว้ เป็นของขวัญวันเกิด ใส่ติดหูอย่างเก๋ๆ ก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าใบออกมาจากในตู้แล้วเดินลงไปหาพี่ชาย
"ว้าว! น้องขวัญข้าวทำเวลาได้ดีมากเหลืออีกตั้งหนึ่งนาที ถ้าผู้หญิงทั้งโลกแต่งตัวได้รวดเร็วเหมือนน้องขวัญคงจะดีไม่น้อย" เควินพูดเอ่ยชมหญิงสาวออกมา ในขณะที่เธอนั้นส่งยิ้มบางๆ ไปให้กับเขา โดยไม่ได้พูดโต้ตอบใดๆ ออกไป แต่สายตาของพี่ชายกลับมองมาที่ขวัญข้าวอย่างไม่ค่อยชอบใจ ในกิริยาของเธอ ทั้งที่หญิงสาวนั้นแสดงออกไปตามมารยาท
"ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะรีบเดินไปขึ้นรถสิ พวกมึงสองคนปิดบ้านให้กูด้วย" อัครเดชพูดพร้อมกับรีบเดินนำหน้าขวัญข้าวไปที่รถ ทำให้เพื่อนทั้งสองส่ายศีรษะไปมาให้กับความหัวร้อนของชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนว่าจะหวงน้องสาวมากเป็นพิเศษ
หลายปีผ่านไป อัครเดชและขวัญข้าวได้แต่งงานกันที่ไร่ ทั้งสองไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไรมากมาย แขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานก็ล้วนเป็นคนที่สนิทกัน แต่นั่นมันไม่ใช่ส่วนสำคัญในชีวิตของคนทั้งคู่ เพราะทั้งสองไม่ได้มีความปรารถนาที่จะให้งานแต่งใหญ่โตมโหฬาร ขอแค่มีสักขีพยานมาร่วมแสดงความยินดีในวันงานก็เพียงพอ ตอนนี้อัครเดชได้ลูกสาวสมใจ เมื่อขวัญข้าวได้ให้กำเนิดลูกคนที่สอง ซึ่งเป็นลูกสาวมีชื่อว่าน้องแพนด้า ส่วนเจ้าสิงโตกันยาและตุลานั้นได้เข้าเรียนเตรียมอนุบาลเรียบร้อยแล้ว "ทำอะไรเหรอคะพี่ฮันน่า" ขวัญข้าวอุ้มลูกสาว เดินตรงมาที่เรือนหลังเล็ก ซึ่งอัครเดชได้ปลูกไว้ให้ฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้อาศัย เพราะเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวคงต้องการใช้ชีวิตส่วนตัว "พี่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ การทำร้านดอกไม้ ขวัญว่าพี่จะขายได้ไหม แต่รอให้เด็กๆ โตอีกสักหน่อยพี่อาจต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ" ฮันน่าพูดกับขวัญข้าว แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อหญิงสาวมีความปรารถนา อยากจะเปิดร้านดอกไม้ เพื่อเลี้ยงชีพและส่งลูกๆเรียน เพราะเงินในบัญชีที่เก็บเอาไว้ก็เริ่มจ
"ขอแย่งเจ้าสิงโตชิมสักวันนะครับคนดี" น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างออดอ้อน ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงละเลียดชิมอมแล้วดูดที่เม็ดบัวอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะไม่เหลือมันไว้ให้กับลูกชายเลยสักหยด"อุ๊ย! พี่เสือ" หญิงสาวร้องครางออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้ามังกรยักษ์ที่แข็งเป็นลำตั้งชันขึ้นทิ่มหน้าท้องของเธอไปมา จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแอ่นสะโพกขึ้นไปท้าทายกับท่อนเอ็นลำใหญ่หัวแดงบานเบ่ง ที่มันพร้อมจะเข้ามาสำรวจในถ้ำของเธอเต็มที "อืม...ขวัญ...ทำไมเมียพี่ถึงได้เซ็กซี่จัง" เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยชมผู้เป็นภรรยาออกมา เข้าอ้อยอิ่งละเลียดชิมอมแล้วดูดอยู่ที่สองเต้าเป็นนานสองนาน ก่อนจะก้มลงไปจับเจ้ามังกรยักษ์สอดเข้าไปในช่องแคบของเธอพรึบ!!! "อืมพี่เสือ...อ๊า" เมื่อชายหนุ่มดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปในถ้ำของเธอ ทำให้หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความคับแน่น จนเธอร้องครางออกมา แต่ทว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยสักนิด เมื่อความเสียวซ่านกำลังเกิดขึ้นภายในช่องแคบ เมื่อสามี
"เดี๋ยวก็รู้ตามพี่มา" อัครเดชจูงแขนภรรยาของเขาเดินเข้าไปในไร่กุหลาบ ส่วนฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้นั่งเล่นที่สนาม โดยมีเอื้องคำเป็นพี่เลี้ยง หญิงสาวแอบอมยิ้มตามภาพของพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่น เพราะเธอแน่ใจว่าบอสหนุ่มคงกำลังจะมีเซอร์ไพรส์ภรรยา อัครเดชพาขวัญข้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงซุ้มกุหลาบที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม มันถูกออกแบบโดยชายหนุ่ม เมื่อเขาอยากจะขอภรรยาแต่งงาน และนั่นก็ทำให้ขวัญข้าวถึงกับน้ำตาคลอ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมีมุมที่อ่อนโยน แล้วโรแมนติกขนาดนี้มาก่อน "นั่งตรงนี้ก่อนครับคนดี" เขาจัดแจงให้ภรรยานั่งลงที่ขอนไม้ จากนั้นชายหนุ่มได้คุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว โดยที่เขายังคงอุ้มเจ้าสิงโตเอาไว้ แล้วค่อยๆ หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง "แต่งงานกับพี่นะครับ" "พี่เสือ..." ขวัญข้าวเรียกชื่อผู้เป็นสามีออกมา ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจเพราะเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะขอเธอแต่งงาน เมื่อหญิงสาวไม่เคยคาดหวังที่จะมีโมเม้นต์แบบนี้ "ขอให้เจ้าสิงโตเป็นพยาน พี่จะรักและซื่
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งปีแล้ว ที่ขวัญข้าวใช้ชีวิตร่วมกับอัครเดชด้วยความผาสุก ชีวิตคู่ของเขาและเธอนั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ขวัญข้าวนึกไม่ถึง โดยเฉพาะสิ่งที่ชายหนุ่มทำให้เธอ มันเป็นมากกว่าคำว่ารัก ที่เขายืนยันพูดกับเธอซ้ำๆ ในทุกคืนวัน เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยชายตาแลเลยสักครั้ง เขายังคงทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้กับเจ้าสิงโตได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฮันน่าได้คลอดลูกแฝด หลังจากที่ขวัญข้าวคลอดเจ้าสิงโตได้หนึ่งเดือน ที่สำคัญเธอสามารถคลอดเองแบบธรรมชาติได้ และที่น่าแปลกก็คือลูกสาวของเธอคลอดเวลาเกือบเที่ยงคืน ของคืนวันที่สามสิบกันยายน ห่างจากลูกชายเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ทำให้ลูกอีกคนของเธอนั้นต้องแจ้งเกิดเป็นเดือนตุลาคม และนั่นก็คือที่มาของชื่อกันยาและตุลา ส่วนเจ้าสิงโตลูกของขวัญข้าวกับอัครเดชนั้นเกิดในเดือนสิงหาคม ช่างเหมาะเจาะกับชื่อสิงโต และทั้งสามคงจะเติบโตไปด้วยกัน อย่างไม่มีวันเหงาแน่นอน "สิงโตกลับบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกับกันยาและตุลาใหม่นะครับ" ขวั
สักพักอัครเดชก็เดินเข้ามาในห้องคลอด โดยมีคุณหมอและพยาบาลยืนข้างๆ เตียง ที่มีขวัญข้าวนอนหายใจเข้าถี่ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อหญิงสาวพยายามเบ่งคลอดหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าเธอนั้นเริ่มจะหมดแรง "ขวัญ...ขวัญต้องอดทนนะครับคนดี เพื่อลูกของเรา อีกไม่กี่นาทีเจ้าสิงโตก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว พี่รู้ว่าขวัญเจ็บมาก อดทนไว้นะครับ""คุณพ่อมาให้กำลังใจแล้ว คุณแม่หายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งนะคะ แล้วเตรียมเบ่ง หายใจเข้าลึกๆ ค่ะ หนึ่ง สอง สาม เบ่งค่ะ...อื้ดดด!!" คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็ช่วยกันให้กำลังใจขวัญข้าว เมื่อปากมดลูกของเธอเริ่มเปิดสิบเซนติเมตรพร้อมคลอดเต็มทีแล้ว กรี๊ด!!! หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาจนสุดแรงเกิด แม้ว่าคุณหมอจะบอกให้เก็บเสียง แต่ในเวลานี้คงไม่มีคุณแม่คนไหนเก็บอาการเจ็บปวดปางตายนี้ไว้ได้ ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างทรมาน จนอัครเดชนั้นถึงกับน้ำตาซึมเพราะสงสารภรรยา"อูเว้! อูเว้! อูเว้! " เสียงทารกน้อยดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยของขวัญข้าว ที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังหมดเรี่ยวแรงพอดี แต่รอยยิ
"ทำไมอ้อนแบบนี้ครับ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวจะให้ทำยังไง...หื้ม"คำพูดและแววตาของชายหนุ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วโอบกอดหญิงสาวร่างอวบเอาไว้หลวมๆ แต่ขวัญข้าวก็เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่ากอด เพราะตั้งแต่กลับมาที่ไร่ก็ทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ มีมุมอ่อนโยน และเขาก็ทะนุถนอมห่วงใยเธอมาก จนมองข้ามความต้องการของตัวเองออกไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากเขาจะทำอะไรในแบบที่พูดออกมาก็ย่อมทำได้ "พี่เสือ... ขวัญขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ" ขวัญข้าวพลิกตัวตะแคงข้างเข้าหาชายหนุ่ม พร้อมกับ สบตากับเขา "ไหนบอกว่าง่วงไง ทำไมตาแป๋วเลยตอนนี้ จะถามอะไรพี่ละครับ...หื้ม...จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! " ดวงหน้ากลมของภรรยาที่ดูอวบอิ่มเพราะการตั้งครรภ์ ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ที่จะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของเธอหลายที ก่อนจะเอามือปัดปอยผมออกจากแก้ม แล้วยิ้มแฉ่งให้กับความน่ารักของเธอ ขณะที่ขวัญข้าวก็ยิ้มร่าให้กับความรักที่ผู้เป็นสามีมอบให้มาด้วยความสุขใจ







