“อืม...ก็อาจจะใช่ แต่เธอคงไม่ปฏิเสธเรื่องเอกสารที่ปลอมขึ้นมาหรอกนะ”
“มันช่วยไม่ได้ ก็บริษัทคุณมันห่วย!”
“เกล็ดมุก!” มือใหญ่ของชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กมากำไว้แน่น ดวงตาสีนิลดุดันวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“ปล่อยนะ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้อีกแล้ว” เธอร้องเสียงหลง เจ็บข้อมือน้ำตาเล็ด
“ถ้าฉันไม่มีสิทธิ์แล้วใครมีสิทธิ์! ผัวแก่ของเธอหรือไง ผู้หญิงร่าน!”
เขาว่าไม่ยั้ง เกล็ดมุกหน้าเจื่อน กลัวคนอื่นจะได้ยิน ยังดีที่เสียงเพลงบนเวทีช่วยเธอเอาไว้
“หยาบคาย! ถ้าใช่แล้วจะทำไม! ถึงจะแก่แต่เขาก็มีสิทธิ์ ส่วนคุณไม่มี!”
“เกล็ดมุก! อย่าให้มันมากนัก อยากให้ฉันประกาศตรงนี้เลยไหมว่ามีสิทธิ์อะไรในตัวเธอบ้าง” วาคิมคอแข็งเป็นเอ็น หล่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่ชินเลย ให้ตายสิ!
“คุณคิดจะทวงสิทธิ์ที่ไม่เคยต้องการเหรอ! ไปตายแล้วเกิดใหม่เถอะถ้าอยากจะได้!”
“เกล็ดมุก! มันจะมากไปแล้วนะ”
“แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้! คุณเคยประณามฉันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เป็นไงล่ะ พอหัวใจน้ำแข็งมันโดนกะเทาะเลยเจ็บจี๊ดขึ้นมาหรือไง!”
“ผู้หญิงอะไรปากร้ายที่สุด เธอไม่เคยแบบนี้”
วาคิมระบายออกมาอย่างเหลืออด แววตาคู่คมหม่นแสงลงชั่วครู่ ครู่เดียวจริง ๆ เพราะเกล็ดมุกยังไม่ทันได้เห็นมันด้วยซ้ำ
“นี่แหละตัวฉัน! ฉันไม่ใช่ลูกแมวเชื่องๆ ให้คุณลูบหัวเล่นอีกแล้ว วันนี้ฉันมีอิสระมากพอที่จะทำ จะพูด จะคิด หรือแม้แต่ขึ้นเตียงกับใครก็ได้ กรุณาปล่อยฉันไปและอย่ามาระรานกันอีก ฉันจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว!”
“เฮอะ! เธอจะทำอะไรฉันได้ล่ะ” วาคิมท้าทาย
“ทำได้ทุกอย่าง ทำให้หยุดหายใจยังได้ถ้าคุณอยากจะลอง”
เธอยังยั่วเขาไม่เลิก สะใจชะมัดที่เห็นวาคิมพูดไม่ออก ได้แต่นิ่งสงบสยบความโมโหที่กำลังปะทุ
“เธอไม่กล้าหรอก เพราะเธอ ‘รัก’ ฉัน” ประกาศออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ แขนแกร่งกระชากร่างบางเข้าหาตัว กลิ่นกายจากร่างอวบอิ่มเต็มตึงลอยกรุ่นที่ปลายจมูก
“เคยรักต่างหาก ผู้ชายหัวใจเย็นชาอย่างคุณรู้จักคำนั้นดีแค่ไหนถึงกล้าเอามาอ้าง ฉันขอสละสิทธิ์จะดีกว่า ถ้าอยู่ใกล้หัวใจน้ำแข็งของคุณมากกว่านี้ ฉันคงได้หนาวตาย” เธอจ้องหน้าคมเข้มอย่างไม่หวั่นเกรง ได้ยินเสียงกรามแกร่งบดกันดังกรอดๆ
วาคิมสุดจะทน เลื่อนสองมือไปบังคับท้ายทอยของหล่อนเอาไว้ กักกันหล่อนเพื่อให้รอรับจูบ ทว่าเขายังไม่ได้ลงทัณฑ์หล่อนด้วยจุมพิตร้อนๆ วาจาเสียดแทงแสลงหูมันก็ดังขึ้นเสียก่อน
“อย่านะ! เพราะอย่างนี้ไงวาคิม น้ำแข็งในใจคุณมันถึงไม่เคยละลายสักที คนที่คอยเติมความเย็นลงไปก็คือเจ้าของของมันนี่เอง หัวใจคุณมันด้านชาไร้ความรู้สึก ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่น ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างหัว! แค่นี้พอไหม สำหรับเหตุผลที่ฉันต้องเกลียดคุณ!”
วาคิมจ้องหน้าอดีตเมียเก็บอย่างโกรธกรุ่น หล่อนเกลียดเขาอย่างนั้นหรือ ไม่! หล่อนเกลียดเขาไม่ได้ ต้องรักเท่านั้น!
ก่อนที่สงครามประสาทจะลุกลามไปมากกว่านี้ เจ้าสัวใหญ่พร้อมโทนี่ก็เดินเข้ามายุติมันเสียก่อน หนุ่มสาวแทบจะผละจากกัน แต่มือของฝ่ายชายยังกุมข้อมือฝ่ายหญิงไว้อย่างแน่นเหนียว
“อะแฮ่ม! มีอะไรกันหรือครับ”
เจ้าสัวเมฆินทร์ถามเสียงต่ำ มองมือใหญ่ที่กุมข้อมือเล็กของบุตรสาวไว้แน่นอย่างไม่พอใจ วาคิมยังไม่ยอมปล่อยเกล็ดมุก แม้ว่าท่านจะทำทีกระแอมเพื่อเตือนสติ
กวินตามหาวาคิมจนพบเลยเดินมาสมทบอีกคน สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มไม่สู้ดีนัก จากสิ่งที่ตามองเห็น รู้สึกว่าเจ้านายที่รักจะกำลังหาเรื่องใส่ตัว เจ้าหมียักษ์บอดี้การ์ดของเจ้าสัว ยิ้มเหี้ยมให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์ เขาได้แต่ถลึงตาใส่เพราะไม่อาจหยิบปืนออกมาดวนกับมันได้
เกล็ดมุกพยายามดึงข้อมือให้หลุดจากมือหนา วาคิมจำต้องปล่อยอย่างขัดใจ เขานึกชังน้ำหน้าเจ้าสัวเมฆินทร์ขึ้นมาตงิดๆ
“อ่า...เปล่านี่คะป๋า ไม่มีอะไรค่ะ พอดีมุกเดินชนคุณวาคิมเข้าน่ะ ดีที่เขาไม่เอาเรื่อง มุกนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ” เกล็ดมุกรีบออกตัวแทนชายหนุ่มเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเกินปกติของบิดา สำหรับบิดาคนนี้ หากอะไรที่มากไปหรือน้อยไป นั่นแสดงว่าท่านผิดปกติ เธอยังไม่อยากให้วาคิมต้องเดือดร้อนเพราะเธอเป็นต้นเหตุ
ทว่ากาลกลับตาลปัตร เพราะวาคิมเข้าใจอีกอย่าง
วาคิมหน้าบึ้งตึง ด้วยคิดว่าเกล็ดมุกพยายามกลบเกลื่อนสามีแก่ของหล่อนว่าไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่...ไม่สิ ในเมื่อคนที่ไปรับหล่อนออกมาจากห้องชุดของเขาก็เป็นคนของเจ้าสัวแห่งเพิร์ลนี่นา ถ้าอย่างนั้นเจ้าสัวร่างท้วมย่อมรู้เห็นเป็นใจให้อีหนูของท่านมาอยู่บนเตียงของเขาน่ะสิ แล้วเหตุใดอีหนูเล็กๆ ของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล ถึงยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมาถึงมือเขา น่าคิดจริงๆ นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรกัน
“อ้อ...ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ ‘คนพิเศษ’ ของผม สร้างความลำบากให้คุณ หนูมุกก็อย่างนี้ ซุ่มซ่ามขี้หลงขี้ลืมเป็นประจำ บางทีจำทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้ก็มี ต้องให้ผมไปตามอยู่เรื่อย เฮ้อ...แต่อย่างว่าละ ของของเราเราก็ต้องหวงเป็นธรรมดา แม้จะบุบสลายไปบ้าง แต่มันก็ยังเป็นของเรา จริงไหมคุณวาคิม หึๆๆ”
เสียงหัวเราะของชายสูงวัยทำเอาวาคิมเสียวสันหลังวาบ เขารู้สึกว่าทุกคำที่ท่านเอ่ยออกมามันมากกว่าการประชดประชันธรรมดา ดวงตาของท่านมันแฝงนัยบางอย่าง มันจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาไม่กลัวหรอก จ้องมาเขาก็จ้องกลับ ไม่มีหวั่นเกรง
กวินเพ่งดวงตาเรียวรีไปยังร่างสาวสวย วันนี้เกล็ดมุกงดงามเหลือเกิน สง่างามเกินกว่าจะเป็นเพียงคู่ควงของเจ้าสัวสูงวัยท่านนี้ เขาต้องส่งคนไปสืบอีกสักรอบ บางทีข้อมูลที่ได้มาในตอนแรกอาจมีบางอย่างหล่นหาย
“โอ...ไม่น่าเชื่อ! คุณหนูนักเรียนนอกยังบริสุทธิ์ผุดผ่องงั้นเหรอ อย่างนี้มันค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย เป็นยังไงครับคุณหนูวารินทร์ ได้ผัวครั้งแรกที่ข้างถนน มีความสุขดีไหม อา...ฉันอยากให้พี่เธอมันรับรู้จังว่ามันมีน้องเขยเป็นตัวเป็นตน แล้วก็เป็นโจรแล้วนะ ไอ้วาคิมมันคงกระอักเลือดเป็นลิ่มๆ เธอว่าไหม หึๆๆ”น้ำเสียงเย้ยหยันและวาจาถากถาง ยังไม่เท่าการกระทำที่จาบจ้วงรุนแรง ร่างกายของเธอทุกตารางนิ้วไม่มีส่วนไหนเลยที่มันเป็นของเธออีกต่อไป เขาตีตราเป็นเจ้าของด้วยเรียวลิ้นที่เพียรขบเม้มและดูดดึง เธอแน่ใจที่สุดว่าพรุ่งนี้มันคงเกิดร่องรอยแดงช้ำให้ได้อายวารินทร์ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เธอหลับตาลงเสีย กล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ หยดน้ำตารินไหลเป็นทาง เขาโถมกายเข้าหาเธออย่างรุนแรง อัดสะโพกกระแทกกระทั้นถี่ระรัว เขาทำอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ร่างเธอสั่นสะเทือน พุ่มทรวงกระเพื่อมไหว หลายสิบนาทีกว่ามันจะจบลง พร้อมๆ กับบางอย่างที่พุ่งจากส่วนนั้นของเขาเข้ามาในกายเธอ อุ่นวาบจนน่าใจหายเมฆาฟุบศีรษะลงยังทรวงอกของวารินทร์อย่างสิ้นแรง ความสาวของหล่อนช่างวิเศษนัก มันทำให้เขาสุขเกินบรรยายจ
หลังจากได้ดื่มน้ำแก้กระหาย วารินทร์ก็เริ่มมีแรง วาจาไม่รื่นหูจึงถูกพ่นออกมาตามประสาคนปากไวมือแกร่งกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูนโปน แต่ยังก่อน เขาจะอดทนให้ถึงที่สุด ยังไม่อยากพิสูจน์หน้าตัวเองตอนนี้หรอกว่ามันจะเป็นตัวเมียหรือตัวผู้ เจ้าหล่อนไปอยู่เมืองนอกเสียนาน อาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำนั้นสักเท่าไหร่ หล่อนคงไม่รู้ว่ามันหยามเกียรติลูกผู้ชายขนาดไหน เพราะฉะนั้น เขาจะให้อภัยสักครั้งก็แล้วกัน“นี่นาย จะไม่บอกฉันสักหน่อยเหรอ ว่าพี่ชายฉันไปสร้างความแค้นอะไรให้นักหนา” เอ่ยถามเขาอีกครั้ง เสมองไปนอกหน้าต่างรถยนต์ก็เห็นแต่ป่า ป่า ป่า แล้วก็ป่า! ถนนลูกรังสายเถื่อนนี่ก็อีก เธออยากให้นายกฯ มาเห็นจริงๆ ไส้ในเธอมีกี่ขดๆ ตอนนี้มันพร้อมใจบิดพันกันแน่นเป็นเกลียวแล้ว“มันไม่ได้ทำฉัน แต่มันทำน้องฉัน พี่เลวๆ ของเธอมันเป็นพวกมนุษย์น้ำแข็ง หัวใจด้านชา รักใครไม่เป็น มันเห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องสนองตัณหา พอเบื่อก็เฉดหัวทิ้งพร้อมกับโยนเศษเงินให้ ฉันเกลียดมัน! น้องสาวฉันดีแสนดี รักมันมากจนยอมมอบกายถวายหัว แต่มันก็ไม่เคยหยิบยื่นความรักให้ ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”เ
[7]น้องสาวของวาคิม นางบำเรอของเมฆา______________คุณหญิงวารีเดินตามหาบุตรชายด้วยความร้อนใจ นางเร่งฝีเท้าตรงมาหา เมื่อเห็นวาคิมยืนอยู่ที่ระเบียงด้านหนึ่งกับบอดี้การ์ดของเขา อาชีพของบุตรชายจะไม่เสี่ยงเลย หากว่าบริษัท GB จะไม่ยิ่งใหญ่และทำเงินปีหนึ่งๆ มากกว่าคำว่ามหาศาล หลายปีก่อนวาคิมก็ถูกลอบทำร้ายไปหนหนึ่งแล้ว คาดว่าคนร้ายอยากจับตัวเขาไปเรียกค่าไถ่ความจริงนางก็อยากให้บุตรชายขายหุ้นบริษัททิ้งเสีย แล้วมาใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขกับผู้หญิงสักคนที่เขารัก หรือผู้หญิงที่นางเลือกให้ นางจะได้สบายใจว่าต่อไปในอนาคต เขาจะไม่โดดเดี่ยว ยังมีคู่ชีวิตคอยได้ปรึกษาหารือร่วมทุกข์ร่วมสุข“ตาวา กวิน มาอยู่นี่เอง เอ...ทำไมดูเครียดๆ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก” นางแตะแผ่นหลังบุตรชายเมื่อเห็นสีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก“เปล่าครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า”“ยัยน้องวาสิลูก ไม่รู้หายไปไหน แม่หาตั้งนานก็ไม่เจอ”นางบ่นอย่างห่วงใย บุตรสาวที่รักหายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งนานสองนาน
กวินเหลือบไปเห็นท่าทางนายหนุ่มกับเจ้าสัวที่เหมือนจะฆ่ากันทางสายตา จึงรีบเบี่ยงเบนประเด็นสนทนาไปอีกเรื่อง“เอ่อ...ไหนๆ ก็เจอเจ้าสัวแล้ว เจ้านายมีเรื่องอยากจะเรียนกับท่านด้วยตัวเองไม่ใช่หรือครับ” กวินเปิดประเด็นใหม่แทนประเด็นเก่า ทว่าเจ้านายที่เคารพกลับหันไปจ้องแต่หน้าคู่ควงของเจ้าสัว ไม่ยอมละสายตา“โอ...เรื่องอะไรกันครับคุณกวิน หรือว่าของที่ส่งไปให้มีปัญหา”เจ้าสัวเอ่ยแจ้งประหนึ่งว่าท่านเองก็มีความวิตกกังวล แต่วาคิมกลับมองว่าเจ้าสัวสูงวัยมิได้รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ น้ำเสียงมันเจ้าเล่ห์ชอบกล“ไพลินเที่ยวสุดท้ายที่เพิร์ลต้องส่งมา มันควรถึง GB ตั้งแต่สามวันที่แล้ว เรื่องนี้เจ้าสัวจะว่ายังไงครับ” วาคิมถามออกไปยิ้มๆ เจ้าสัวคงไม่อยากละลายเงินทิ้งเพราะต้องเสียค่าปรับหรอกนะ การค้ามันมีสัญญากันอยู่ ถ้าส่งของไม่ทันหรือของมีปัญหา ย่อมต้องเสียค่าปรับตามจำนวน“อืม...อย่างนั้นเหรอ แย่จริง อย่างนี้ถ้าส่งให้ไม่ทัน GB จะไม่แย่หรือครับ”ท่านถามต่อด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ แสดงความเห็นอกเห็นใจไ
“อืม...ก็อาจจะใช่ แต่เธอคงไม่ปฏิเสธเรื่องเอกสารที่ปลอมขึ้นมาหรอกนะ”“มันช่วยไม่ได้ ก็บริษัทคุณมันห่วย!”“เกล็ดมุก!” มือใหญ่ของชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กมากำไว้แน่น ดวงตาสีนิลดุดันวาวโรจน์ด้วยความโกรธ“ปล่อยนะ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้อีกแล้ว” เธอร้องเสียงหลง เจ็บข้อมือน้ำตาเล็ด“ถ้าฉันไม่มีสิทธิ์แล้วใครมีสิทธิ์! ผัวแก่ของเธอหรือไง ผู้หญิงร่าน!”เขาว่าไม่ยั้ง เกล็ดมุกหน้าเจื่อน กลัวคนอื่นจะได้ยิน ยังดีที่เสียงเพลงบนเวทีช่วยเธอเอาไว้“หยาบคาย! ถ้าใช่แล้วจะทำไม! ถึงจะแก่แต่เขาก็มีสิทธิ์ ส่วนคุณไม่มี!”“เกล็ดมุก! อย่าให้มันมากนัก อยากให้ฉันประกาศตรงนี้เลยไหมว่ามีสิทธิ์อะไรในตัวเธอบ้าง” วาคิมคอแข็งเป็นเอ็น หล่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่ชินเลย ให้ตายสิ!“คุณคิดจะทวงสิทธิ์ที่ไม่เคยต้องการเหรอ! ไปตายแล้วเกิดใหม่เถอะถ้าอยากจะได้!”“เกล็ดมุก! มันจะมากไปแล้วนะ”“แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้! คุณเคยประณามฉันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เ
ณ มุมหนึ่งของงาน บุรุษร่างสูงเพรียวคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองเกล็ดมุกอย่างดูแคลน กรามแกร่งถูกขบเข้าหากันดังกรอดๆ เพราะแลเห็นกริยาที่เจ้าหล่อนแย้มยิ้มกับชายไปทั่ว ตั้งแต่คู่ควงอย่างเจ้าสัวใหญ่ คู่สนทนาของท่านหรือแม้กระทั่งพนักงานที่ซุ้มอาหารในขณะนี้เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานการจึงไม่ได้มีเวลาตามตัวเจ้าหล่อนกลับมา ทว่าเขายังไม่ลืม เขาลืมหล่อนไม่ได้ เวลาที่ผ่านล่วงเลยไม่ได้ทำให้ความคิดถึงจางหายไปเลยแม้แต่น้อย รังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทบทวี เกล็ดมุกในวันนี้ทิ้งห่างเกล็ดมุกในวันวานอย่างไม่เห็นฝุ่น ร่างสวยอรชรทว่าอวบอิ่มมีน้ำมีนวลผิดหูผิดตาวาคิมอิจฉาเจ้าสัวสูงวัยเป็นล้นพ้นที่ได้สิทธิ์แตะต้องผู้หญิงคนนี้ คนที่ตามมาหลอกหลอนในหัวใจเขา เขาจะทำอย่างไรดีจึงจะได้หล่อนคืนมา หรือว่าจะปล่อยหล่อนไป ให้หล่อนไปเป็นของเจ้าสัวใหญ่ ให้ท่านได้มีสิทธิ์แตะต้องเกล็ดมุกแต่เพียงผู้เดียวไม่! เขาไม่ยอม ไม่ว่ายังไงเขาต้องเอาตัวหล่อนกลับมาให้ได้!______________ที่ซุ้มอาหารเกล็ดมุกเปิดยิ้มกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ค็อกเทลมากหน้าหลายตาทำให้กระเพาะน้