จากคุณหนูลูกสาวเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ต้องกลายมาเป็นสาวน้อยตกอับในชั่วข้ามคืน เมื่อชีวิตถึงทางตันเธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวที่เธอยังเหลืออยู่
ดูเพิ่มเติม“I know what I have to do now, I’ve got to keep breathing because tomorrow the sun will rise.”
-Cast Away-
(ฉันไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้ ยังไงฉันก็ต้องหายใจต่อไป เพราะพรุ่งนี้พระอาทิตย์ก็จะขึ้นอีก)
-กรุงเทพมหานคร-
“คนงานในบ้านไปไหนกันหมดนะ” เสียงหวานๆ ของจันทร์เจ้าคุณหนูเจ้าของคฤหาสน์หลังงามใจกลางเมือง ตากลมมองออกไปยังนอกหน้าต่างของรถแท็กซี่ด้วยความสงสัย เธอไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยตั้งแต่ย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกาช่วงไฮสคูล (High School)
ทุกๆ 1-2 เดือน คุณพ่อกับคุณแม่ของจันทร์เจ้าก็มักจะไปเยี่ยมเธอที่อเมริกาเสมอ แต่หลังจากครั้งล่าสุดที่ท่านทั้งสองไปเยี่ยม จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วที่พวกท่านไม่ได้กลับไปหาเธอ จนกระทั่งเมื่อ 1 อาทิตย์ที่แล้วคุณพ่อโทรมาบอกให้จันทร์เจ้ากลับมาประเทศไทยด่วน โดยที่ท่านไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเธอเลยสักประโยคเดียว
หลังจากที่คุยกับคุณพ่อในวันนั้นจันทร์เจ้าก็รีบเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับมายังบ้านเกิดของตัวเองทันทีตามคำสั่งของคุณพ่อของเธอ จันทร์เจ้าเรียนจบมา 1 ปีแล้ว แต่เธออยากใช้ชีวิตและเริ่มทำงานที่อเมริกาจึงขอ Gap Year (เป็นการที่เราออกมาค้นหาตัวเองเพื่อที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม) กับครอบครัวซึ่งพวกท่านก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดีและยังสนับสนุนการตัดสินใจของเธออีกด้วย
“ไม่มีใครอยู่จริงๆ น่ะเหรอ” จันทร์เจ้าบ่นพึมพำก่อนจะยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองขึ้นบันไดบริเวณหน้าทางเข้า ถึงบันไดจะมีเพียง 3 ขั้น แต่กลับรู้สึกว่ามันช่างไกลแสนไกลเหลือเกินจากน้ำหนักของกระเป๋าที่เธอกำลังยก
“คุณแม่” จันทร์เจ้ารีบวิ่งเข้าไปกอดคุณหญิงสุพรรษาคุณแม่ของเธอทันทีด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงความผิดปกติจากร่างบางตรงหน้า ร่างกายที่เคยดูอวบอิ่ม แต่ในตอนนี้กลับผอมซีดใบหน้าที่ดูเศร้าหมองอย่างกับคนที่กำลังอมทุกข์ ทำให้คิ้วเรียวของเธอขมวดเข้าหากันทันทีอย่างไม่เข้าใจ
“คุณแม่ไม่สบายรึป่าวคะ ทำไมถึง…?” จันทร์เอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความเป็นห่วง
“แม่สบายดีลูก...หนูล่ะเดินทางมาไกลเหนื่อยไหมคะ” สุพรรษาเอ่ยบอกกับลูกสาวคนเดียวของเธอด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ เธอรู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองเป็นคนที่ฉลาด มีเหรอที่คนอย่างจันทร์เจ้าจะดูไม่ออกว่ารอยยิ้มที่เธอแสดงออกมามันดูฝืนมากแค่ไหน
“คุณแม่คะ” ร่างบางเรียกมารดาของตัวเองออกไปเสียงอ่อน ถึงเธอจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าบ้านของเธอกำลังมีปัญหาอยู่แน่ๆ
“...”
“มีอะไรบอกหนูได้นะคะ หนูโตแล้วเรียนจบแล้วด้วยถ้าคุณพ่อคุณแม่มีปัญญาอะไรหนูจะเป็นคนช่วยเองค่ะ” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับมารดาของเธอออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับร่างบางตรงหน้า
ใบหน้าหวานและรอยยิ้มของลูกสาวตรงหน้าทำให้คนแม่อย่างสุพรรษาร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถฝืนความรู้สึกที่เก็บไว้คนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว หลายวันมานี้มีหลายเรื่องเหลือเกินที่เธอต้องแบกรับมันเอาไว้คนเดียว
“คุณแม่คะ” จันทร์เจ้ารีบเดินเข้าไปกอดปลอบคุณแม่ของเธอทันที ตั้งแต่จำความได้นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นคุณแม่สุดแกร่งของเธอร้องไห้ มันยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอเต้นเร็วขึ้นจากความวิตกกังวล ความรู้สึกในตอนนี้มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ ดวงตางามของจันทร์เจ้าพยายามสอดส่องไปจนทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบร่างสูงที่เธอคุ้นเคย ‘คุณพ่อไปไหน?’ คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันทีที่มองไปแล้วไม่เจอใคร
“คุณพ่อไม่อยู่บ้านเหรอคะคุณแม่” เธอเอ่ยถามผู้เป็นแม่ออกไปด้วยความสงสัย ในขณะที่แขนเรียวยังคงกอดร่างบางตรงหน้าไว้แน่นอย่างต้องการปลอบประโลม
แปะ แปะ แปะ ~~
เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าทำให้สองคนแม่ลูกหันกลับไปมองคนที่มาใหม่เป็นตาเดียว คุณสุพรรษาที่รู้จักร่างสูงตรงหน้าแล้วอาจจะไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นัก ต่างจากลูกสาวของเธอที่พึ่งเคยเจอเขาเป็นครั้งแรก จันทร์เจ้ามองไปยังชายตรงหน้าอย่างไม่ว่างตาด้วยความสงสัย
“ว๊าวววว! นี่ฉันเข้ามาเห็นภาพครอบครัวสุขสันติ์พอดีเลยสินะ”
“คุณเป็นใคร และเข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง” ร่างบางดันคุณแม่ของเธอไปหลบอยู่ที่ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยถามกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเธอออกไปเสียงแข็ง ถึงเธอจะไม่รู้ว่าผู้ชายพวกนี้เป็นใคร แต่สัญชาตญาณของเธอมันบอกว่าพวกมันไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
“จันทร์...” สุพรรษาที่ยื่นอยู่ด้านหลังร่างบางเรียกลูกสาวของเธอเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จักลูกสาวของเธอดีจันทร์เจ้าเป็นเด็กที่ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ ตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถ้าเธอรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับครอบครัวในขณะที่เธอไม่อยู่ ลูกสาวคนนี้ต้องไม่ยอมแน่ๆ และมันจะทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอต้องตกอยู่ในอันตราย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เธอยอมไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันเป็นใครนะเหรอ?” นภพลพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังร่างบางตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาพอจะรู้มาบ้างว่าคุณกรณ์กับคุณสุพรรษามีลูกสาวด้วยกันอยู่ 1 คน แต่เขาไม่คิดว่าเธอคนนั้นจะสวยบาดใจขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อนเขาไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงตรงหน้าหลุดมือไปได้อย่างแน่นอน
“เจ้าหนี้ของพ่อเธอไง อ่อ! ไม่ใช่แล้วสินะ เพราะตอนนี้พ่อของเธอไม่สามารถใช้หนี้ให้ฉันได้แล้ว เธอที่เป็นลูกสาวคงต้องรับช่วงต่อแทน”
“คุณหมายความว่าไง?” จันทร์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ‘พ่อของเธอไม่สามารถใช้หนี้ให้ฉันได้แล้ว’ ที่เขาพูดถึงหมายความว่ายังไงกันแน่ จันทร์เจ้าหันกลับไปมองมารดาของเธอเล็กน้อย ก่อนจะเห็นใบหน้าหวานๆ ของแม่ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดโกหก
“คุณแม่คะ คุณพ่ออยู่ที่ไหนคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ชายตรงหน้าพูดอะไรแปลกๆ และทำให้เธอใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“คุณพ่ออยู่ในห้อง ICU คุณหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม เดี๋ยวรายละเอียดแม่จะเล่าให้หนูฟังอีกทีนะลูก”
“หึหึ เข้าใจแล้วใช่ไหม...เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้ที่เหลืออีก 20 ล้านให้กับฉันแทนพ่อสุดที่รักของเธอ”
“หนี้ที่เหลือ?”
“ใช่! แม่ของเธอขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว และมันยังขาดอีก 20 ล้าน” นภพลเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอย่างกับคนที่เป็นต่อ เขามั่นใจว่ายังไงเขาก็ต้องได้ร่างบางตรงหน้ามาครอบครองอย่างแน่นอน ยังไงเธอก็ไม่มีทางหาเงิน 20 ล้านมาคืนเขาได้
“ฉันขอเวลา” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงแข็งอย่างไม่ยอมจำนนง่ายๆ
“หึหึ” ร่างสูงเดินเข้ามาหาจันทร์เจ้าแต่ก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นคุณสุพรรษาเดินเข้ามาขวางเขาเอาไว้
“ลูกสาวของฉันไม่เกี่ยว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เกี่ยวได้ยังไง พ่อเป็นคนสร้างหนี้ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายลูกกับเมียก็ต้องรับผิดชอบแทนสิครับคุณหญิงสุพรรษา”
“แก!” สุพรรษาเตรียมจะวิ่งเข้าไปหานภพล แต่ถูกจันทร์เจ้าลูกสาวของเธอห้ามเอาไว้ก่อน
“หนูคุยกับเขาเองนะคะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่เสียงอ่อน ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ไปให้กับท่าน
“ฉันขอเวลา 1 ปีค่ะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าออกไปเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องมองไปที่เข้านิ่งๆ
“หึหึ ฉันไม่มีเวลาให้เธอนานขนาดนั้น แต่ฉันมีข้อเสนอ...”
“ข้อเสนอ?”
“ถ้าเธอยอมมาเป็นเมียฉัน ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้ก็ได้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างกับคนที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
“อย่าคิดที่จะมาแตะต้องหลานสาวของฉัน”
EPISODE 48 : ภาพวาดครอบครัวสุขสันต์ – THE END“When I look at you, I can feel it. I look at you and I’m home.”-Finding Nemo-(เวลาที่ฉันมองเธอ ฉันรู้สึกเหมือนฉันได้อยู่บ้าน)2 เดือนต่อมา...เอี๊ยดดดดดด~~รถยังไม่ทันที่รถหรูจะจอดสนิทดีชายหนุ่มเจ้าของไร่ก็รีบกระโดดลงจากรถจี๊ปของตัวเองทันที เขามีอาการเวียนหัว และก็คลื่นไส้อาเจียนแบบนี้มาตลอดหลายวันที่ผ่านมาคุณแม่ของเขาบอกว่าอาการพวกนี้เรียกว่า ‘แพ้ท้องแทนเมีย’ ถึงมันจะทรมานไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าให้ภรรยาตัวน้อยของเขาเป็น...“อ้วกกกกกก!!”จันทร์เจ้าเดินออกมาดูสามีของเธอที่หน้าบ้านใหญ่ของไร่พันแสง ก่อนจะเห็นว่าชิตและชอบกำลังช่วยกันลูบหลังให้กับนายใหญ่ของพวกเขาอยู่ สองพี่น้องมองหน้ากันก่อนจะหัวเราออกมาเบาๆ เพื่อไม่ให้นายใหญ่ของเขาเห็น แต่มีเหรอที่จะรอดพ้นสายตาเหยี่ยวอย่างพันทิวาไปได้“ขำอะไรกันวะ...คนไม่มีเมียมีลูกไม่มีวันเข้าใจหรอกเว้ย...” ทิวาหันไปมองร่างสูงทั้งสองก่อนจะเอ่ยบอกกับพวกเขาออกไปเสียงเรียบ“ไปทำงานกันได้แล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมา”“ครับนาย / ครับนาย”“พี่ทิไหวไหมคะ”“เฮ้ออออ!! ไหวครับแต่ทิขอยาดมหน่อย” จันทร์เจ้าประคองสามีของเ
EPISODE 47 : หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว“Think of the one thing that you’ve always wanted. Now find it in your mind’s eye and feel it in your heart.”-Beauty And The Beast-(คิดถึงสิ่งหนึ่งที่เธอต้องการมาตลอด แล้วเธอจะเจอในความคิด และรู้สึกในหัวใจ)“จันทร์เจ้าฟังแม่นะลูก...หนูกำลังตั้งท้อง ตอนนี้หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะลูก”จันทร์เจ้ามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียว แต่คนที่เธออย่างให้เขารู้เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันกับเธอ เขากลับไม่ได้อยู่ตรงนี้กับเธอด้วย มือบางลูบลงที่หน้าท้องของตัวเองเบาๆ ก่อนน้ำตาของเธอจะไหลลงมาอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างเธอ“พี่ทิล่ะคะตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”“ทิพึ่งออกมาจากห้องผ่าตัดตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู...”“ฮึกกกกก!! อะ อาการของเขา...” จันทร์เจ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหนัก จนวราลีต้องเข้ามาประคองใบหน้าของลูกสะใภ้เอาไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง...“จันทร์เจ้าฟังแม่นะ ทิวาปลอดภัยแล้วลูกการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี”“ใช่แล้วค่ะพี่จันทร์...คุณหมอบอกว่ายังไงก็ต้องอยู่ห้องไอซียูก่อนเพื่อรอดูผลหลังการผ่าตัด พี
EPISODE 46 : ฉันสูญเสียมากพอแล้ว“All we have to decide is what to do with the time that is given to us.”-Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring-(สิ่งที่เราต้องตัดสินใจก็คือ จะทำอะไรกับเวลาที่เรามีอยู่)ปึก! ปึก!!กระถินกับตองที่ช่วยกันแก้เชือกได้สำเร็จพอเห็นนายใหญ่ของพวกเธอส่งสัญญาณก็รีบกระโจนใส่คนตรงหน้าของตัวเองทันทีกระถินที่อยู่ใกล้กับนภพลมากกว่ารีบเข้ามาคว้าข้อมือของร่างสูงเอาไว้ก่อนจะผลักเขาไปตรงหน้า จันทร์เจ้าที่ได้จังหวะก็รีบดันตัวเองออกมาทันที โดยมีทิวาที่คอยรอรับร่างบางของเธออยู่ก่อนแล้ว“อีนี่...” นภพลตะคอกกระถินเสียงดังลั่นก่อนจะหันปืนไปทางร่างบาง แต่ก็ช้ากว่า...ปัง!!ทิวายิงเข้าที่แขนแกร่งของนภพลได้อย่างแม่นยำ ถึงจะไม่ใช่จุดสำคัญแต่ก็ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเจ็บปวดจนร่างกายเสียการควบคุม ปืนของนภพลล่วงลงกับพื้นก่อนที่กระถินจะรีบเข้าไปเตะมันออกไปให้ไกลทันที ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังนายของตัวเองทันที“โอ้ยยยย!!!” ชิตรีบเข้าไปจับกุมคนร้ายเอาไว้ไม่ให้มันหนีไปไหนได้...“เจ็บตรงไหนไหมครับ” ทิวาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับประคองใบหน้าขาวเนียนข
EPISODE 45 : ย้อนแย้ง“Every thing that has a beginning has an end.”-The Matix Revolution-(ทุกสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นย่อมมีจุดจบ)อีกด้าน...“รวยแล้วพวกเรา แม่งจ่ายหนักจริงว่ะ...” ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะมีอายุน้อยกว่าเพื่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองเงินในมือของตัวเองไปด้วยอย่างภาคภูมิใจ“รถใครวะ?” ชายคนขับพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรถหรูตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านร้างตลอดสองข้างทางก็มีแต่ป่ารกทึบ ถ้าไม่ตั้งใจขับเข้ามาก็ไม่น่าจะมีรถหลงเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ“พวกมึงลงไปดู” ชายหัวหน้ากลุ่มหันไปบอกกับลูกน้องของเขาที่กำลังนั่งนับเงินอยู่ที่ด้านหลังเสียงเรียบ“ใครวะ?...มาจอดรถอยู่หน้าหมู่บ้านร้าง”“หรือว่าพวกมันจะมาซื้อบ้าน”เพียะ!!!“ไอ้เวรนี่พูดออกมาแต่ละอย่างผ่านสมองบ้างไหมวะ” ชายทั้งสามคนที่ถูกส่งลงมาดูลาดเลาเถียงกันไปมา ก่อนที่คิ้วหนาของชายหนุ่มทั้งคู่จะขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย รถหรูที่จอดขวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว“ไม่เห็นมีคนเลยวะพะ อื้ออออออ...”“อะ...”ชายหนุ่มทั้งสามคนยังไม่ทันได้เดินกลับไปรายงานลูกพี่ของพวกมัน ก็ถูกท
EPISODE 44 : ฆาตกรตัวจริง“You can’t live your life for other people. You’ve got to do what’s right for you, even if it hurts some people you love.”-The Notebook-(คุณจะใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นไม่ได้หรอกนะ คุณต้องทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับตัวคุณเอง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คนที่คุณรักเจ็บปวดก็ตาม)อีกด้าน...รถตู้คันใหญ่ถูกขับไปตามถนนลูกรังที่ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถนนเส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยว เพราะก่อนหน้านี้ถนนเส้นนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุและเคยมีคนร้ายดักปล้นทรัพย์สินของชาวบ้าน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้ถนนอีกเส้นที่ตัดผ่านแห่งชุมชนมากกว่าเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงกับถนนเส้นนี้“นายครับผมได้ตัวผู้หญิงมาแล้วครับ” ทันทีที่รถวิ่งออกมาจากเขตชุมชน หัวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ต่อสายหานายจ้างของเขาทันที หลังจากที่คุยและตกลงเรื่องสถานที่เรียบร้อยแล้วร่างสูงจึงเก็บโทรศัพท์เครื่องเก่าของตัวเองลงไปในกระเป๋ากางตามเดิม“ลูกพี่เราจะจัดการยังไงกับอีสองคนนี้ดี”“นั่นสิ”“หรือเราจะทิ้งมันไว้ข้างทาง” ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างรอฟังคำตอบ“ไอ้ควาย! ถ้า
EPISODE 43 : จะพาน้องกลับมาหาทุกคน“You stay alive, no matter what occurs! I will find you. No matter how long it takes, no matter how far, I will find you.”-The Last Of The Mohicans-(เธอต้องรอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะหาเธอให้พบ ไม่ว่าจะนานหรือไกลขนาดไหน ฉันจะหาเธอให้เจอ)“ตรงนี้ก็ได้กระถิน” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะวางแก้วในมือลงโต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นโพธิ์ต้นใหญ่เท่าไหร่นัก“คุณมิลค์ คุณปีใหม่” จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเห็นหญิงสาวทั้งสองคนกำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ในมือของมิลค์ถือแก้วน้ำแบบเดียวกันกับเธอนั่นหมายความว่า ‘มาทำบุญกันงั้นเหรอ’ จันทร์เจ้าได้แต่คิดแล้วก็สงสัยก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ไปให้กับพวกเธอ“มาทำบุญกันเหรอ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไป ถึงก่อนหน้านี้เธอทั้งคู่จะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ก็ตาม“อืม...ที่นี่วัดแกคงไม่คิดว่าฉันจะมาซื้อของใช่ไหม?”“หึหึ” จันทร์เจ้าหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นสายตาของหญิงสาวอีกคนที่มองมาที่เธออย่างเอาเรื่อง จันทร์เจ้าเองก็มองเธอกลับไปแบบเดียวกัน ก่อนที่
EPISODE 42 : นาฬิกาคู่“I love you. You’re my only reason to stay alive if that’s what I am.”-The Twilight Saga: New Moon-(ฉันรักเธอ เธอคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่)-บ้านของทิวา-เช้าวันต่อมา...“พี่ทิ...ชุดนี้เป็นไงบ้านคะ สวยใช่ไหม?” จันทร์เจ้าเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ก่อนที่เธอจะฟูลเทิร์นให้ร่างสูงที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนดูไป 1 รอบ “...” ทิวามองร่างบางตรงหน้าอย่างตกตะลึงในความงามของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอใส่ชุดแบบนี้มันช่างเข้ากันกับทรวดทรงองค์เอวของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูกเสื้อลูกไม้รัดรูปสีขาวสะอาดตากับผ้าซิ่นพื้นเมืองที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ช่างดูเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ“พี่ทิ” จันทร์เจ้าเดินเข้ามาหาร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาออกไปอีกครั้ง มือบางโบกไปมาเบาๆ ตรงหน้าของชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ว๊ายยยย!!” จันทร์เจ้าร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจทันทีที่มือหนารั้งเอวบางของเธอให้ลงไปนั่งลงอยู่บนตักของเขา แขนแกร่งถูกยกขึ้นมาโอบกอดรอบเอวบางของหญิงสาวตรงหน้าเอาไวอย่างหลวมๆ มือหนาลูบลงที่หน้าท้องแบนราบของภรรยา
EPISODE 41 : แสดงออกมาจากทางแววตา“It seems right now that all I’ve ever done in my life is making my way here to you.”-Bridges of Madison County-(ดูเหมือนว่าตอนนี้ ทุกสิ่งที่ฉันเคยทำในชีวิต ทำให้ฉันได้มาพบกับเธอ)1 เดือนต่อมา...เวลาล่วงเลยมาเกือบ 1 เดือน ตำรวจยังคงไม่พบตัว ‘นายนภพล จิรวราพงศ์’ ลูกชายเพียงคนเดียวของอดีตรัฐมนตรี ถึงจะไม่ได้ออกข่าวอึกทึกครึกโครมอย่างกับช่วงแรกๆ แล้ว แต่ไร่พันแสงยังคงจัดเวรยามเฝ้าบริเวณโดยรอบของไร่อย่างหนาแน่นเช่นเดิมเพื่อความปลอดภัยของทุกๆ คน“กระถินจ๊ะ...นายใหญ่กับนายหญิงของกระถินไปไหนกัน ทำไมป่านี้ยังไม่กลับมาสักทีล่ะ” วราลีเอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ นายใหญ่บอกแค่ว่าให้หนูคอยช่วยงานคุณท่านอยู่ที่นี่จ้ะ”“สงสัยน่าจะพากันไปตรวจสอบสต๊อกสินค้า” พันแสงเป็นคนตอบคำถามของภรรยาแทนเด็กสาว ก่อนที่เขาจะโอบไหล่มนของเธอเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ทำไมเหรอคะคุณ มีปัญหาอะไรรึป่าว” วราลีเอ่ยถามสามีของเธอออกไปด้วยความสงสัย“หนูจันทร์วางแผนการตลาดใหม่น่ะคุณ ช่วงนี้ลูกกำลังยุ่ง เมื่อวานก็เห็นว่าประชุมงานกับลูกรายใหญ่กันจนดึกดื่น”“ลูกค้าร
EPISODE 40 : ความเป็นธรรม“Oh yes, the past can hurt. But you can either run from it, or learn from it.”-The Lion King-(ใช่แล้วล่ะ อดีตมันสามารถทำร้ายได้ แต่เธอเลือกได้ว่าจะวิ่งหนีอดีตหรือเรียนรู้จากมัน)-บ้านยายเดือน-“นอนกันได้ไหมลูก” หญิงชราเจ้าของบ้านยื่นผ้าห่มผืนหนาให้กับหลานเขย ก่อนที่ท่านจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วง“สบายมากครับ”“ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกหนูจันทร์ได้เลยนะลูก”“ขอบคุณครับ”คืนนี้เป็นคืนแรกที่ทุกคนกลับมานอนบ้านของตัวเอง โดยเฉพาะยายเดือนยายของจันทร์เจ้า แกบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากจะกลับมานอนที่บ้านของตัวเอง ให้เอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านของหลานเขย มันก็ผิดกับวิสัยคนแก่ชอบหยิบโน้นจับนี่ ยายเดือนขอกลับหลายครั้งแล้วแต่ไม่ว่าจะยกเหตุผลข้อใดขึ้นมาสุพรรษาลูกสาวของแกก็ไม่ยอมให้กลับสักทีทุกคนไม่มีใครกล้าบอกกับยายเดือนเลยสักคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น บอกกับแกแค่ว่ารอให้ทิวากับจันทร์เจ้ากลับมาก่อน แล้วพวกเขาจะเป็นคนตอบคำถามของยายเดือนเอง“ยายจะลงไปที่ห้องแล้วเหรอคะ เดี๋ยวจันทร์ช่วยค่ะ”“ขอบใจลูก”เสียงของจันทร์เจ้าที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินลง
ความคิดเห็น