“I would rather share one lifetime with you than face all the ages of this world alone.”
-Lord of the Rings : The Fellowship of the Ring-
(ฉันขอได้ใช้ชีวิตกับเธอเพียงชาติเดียว ดีกว่ามีชีวิตอยู่ทุกๆ ชาติโดยไม่มีเธอ)
-wedding studio-
“สวัสดีค่ะคุณทิวากับคุณจันทร์เจ้ารึป่าวคะ”
“ใช่ค่ะ”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
ทั้งสองเดินตามพนักงานของร้านเข้าไปด้านในก่อนที่ร่างบางจะต้องตกตะลึงกับชุดแต่งงานหลายแบบแขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้าของเธอ ถึงจันทร์จะไม่ได้จบทางด้านดีไซน์มา แต่เธอก็พอมีความรู้ทางด้านนี้อยู่บ้างจากการที่เธอเป็นคนที่แต่งตัวเป็นนั่นเอง
“คุณผู้ชายเชิญทางนี้ค่ะ” ร่างสูงเดินตามพนักงานไปอีกห้องซึ่งเป็นห้องสำหรับลองชุดสูทของผู้ชายโดยเฉพาะ
ทิวาใช้เวลาไม่นานสำหรับลองชุดไทยที่จันทร์เจ้าว่าที่เจ้าสาวของเขาเป็นคนเลือกไว้ให้กับเขาแล้วก่อนหน้านี้ เรื่องเสื้อผ้าอะไรพวกนี้ชายหนุ่มอย่างเขาไม่ค่อยถนัดอยู่แล้ว เขาจึงปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวของเขาเป็นคนเลือกให้ทั้งหมด
“หึหึ” ทิวาหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะที่กำลังนั่งรอว่าที่เจ้าสาวของเขาลองชุด ภาพที่จันทร์เจ้าตั้งใจเลือกชุดแต่งงานเมื่อวานยังคงติดตราและตรึงใจของเขาอยู่เลย ถึงจะเป็นงานแต่งงานหลอกๆ แต่เธอก็ดูตั้งใจมากจริงๆ ที่จะทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ของเราออกมาดีที่สุด
สำหรับพันทิวาขอแค่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนี้ต่อให้ต้องใส่ชุดที่ดูฝืนใจเขาไปสักหน่อยเขายอมทำมันเพื่อเธออยู่แล้ว
“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ”
พันทิวาเงยหน้าขึ้นไปมองว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ร่างสูงชะงักไปทันทีที่เห็นร่างบางที่เขาคุ้นเคยในชุดไทยประณีตสีขาวสะอาดตา ตาคมมองไปยังร่างบางตรงหน้าราวกับว่าเขากำลังต้องมนต์สะกดของเธออยู่อย่างนั้น เมื่อ 15 ปีก่อนสายของเขามีไว้มองเพียงเธอ 15 ปีต่อมาสายตาของเขาก็ยังมีเพียงเธอที่ได้ครอบครอง
“ทิวา” ร่างสูงยังคงจับจ้องไปที่ร่างบางตรงหน้าตาไม่กระพริบ สายตาของเขาทำให้เจ้าของร่างงามทำตัวไม่ถูก มือบางลูบลำคอขาวเนียนของตัวเองเบาๆ เพื่อแก้เขิน ก่อนจะชะงักไปเล็กน้องที่เห็นท่าทางของตัวเองที่สะท้องอยู่ในกระจกเบื้องหน้า จันทร์เจ้าส่ายเล็กน้อยเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา
“ไอ้บ้าทิ นี่ฉันสวยจนทำให้นายตะลึงเลยรึไง”
“...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปในปากของนายหลายตัวแล้วนะ” ร่างบางหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบใจ เธอไม่เคยไล่ต้อนทิวาให้จนมุมได้เลยจนกระทั่งวันนี้ที่เธอทำมันได้สำเร็จ
“พะ เพ้อเจ้อ” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะแกล้งมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน เขาไม่สามารถเถียงร่างบางตรงหน้าได้เลย เพราะตัวของเขารู้ดีว่าที่เธอพูดออกมาเป็นความจริงทั้งหมด
“ชิ!”
“เป็นอย่างไงบ้างคะ ชอบไหม” พนักงานคนเดิมเดินเข้ามาถามว่าที่บ่าวและเจ้าสาวอย่างนอบน้อม
“ทิวาลุกขึ้นสิ...” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเสียงใส แต่เป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“ทำไม?”
“ฉันจะดูชุดนาย” จันทร์เจ้าดึงแขนแกร่งของทิวาขึ้นเบาๆ เพราะร่างสูงตรงหน้าเอาแต่นั่งอ้ำอึ้งไม่ยอมลุกสักที
“...” ร่างสูงลุกขึ้นอย่างว่าง่ายก่อนจะปล่อยให้ร่างบางตรงหน้าจับเขาหมุนตัวได้ตามอำเภอใจ
“เรียบร้อยไหมคะ”
“เรียบร้อยค่ะ”
“งั้นเชิญทางด้านนี้ค่ะ” ร่างบางตรงหน้าผายมือให้เราทั้งคู่เดินไปยังสตูดิโอที่อยู่ด้านหลังห้องเสื้อแห่งนี้
“ไปไหน?” ทิวาเอ่ยถามพนักงานตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย
“ถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ”
“.../...” หลังจากได้ยินพนักงานตรงหน้าพูดจบว่าที่บ่าวสาวก็หันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เพราะพวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะต้องถ่ายภาพถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย
“อยากถ่ายรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงใสอย่างต้องการฟังความคิดเห็นของเธอ
“ถ้าคุณป้าอยากให้ถ่ายฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ถ้าเธอไม่อยากก็ไม่ต้องถ่าย ใครก็บังคับเธอไม่ได้” ร่างสูงตอบร่างบางตรงหน้ากลับไปเสียงเรียบ ถ้าถามว่าเขาอยากถ่ายไหมเขาสามารถตอบได้เลยว่า ‘อยากมาก เพราะนี่จะเป็นการถ่ายภาพครั้งของเธอและเขา’ แต่เขาก็ไม่อยากบังคับเธอ เพราะลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่เขาคิด ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ เธอคงไม่มีทางมายื่นอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างแน่นอน
“ถ่ายก็ถ่ายสิ”
“งั้นฉันขอเปลี่ยนสถานที่และชุดได้ไหม” พันทิวาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปอีกครั้ง
“หืม?”
“ฉันอยากให้ภาพที่ออกมาเป็นตัวตนของเราทั้งคู่...พรุ่งนี้ไปถ่ายที่ไร่พันแสงสะดวกรึป่าว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวฉันจัดการเอง” ทิวาเอ่ยบอกกับว่าที่เจ้าสาวของเขา ก่อนจะหันไปบอกกับพนักงานตรงหน้าเสียงเรียบพร้อมกับมองไปที่เธออย่างคำตอบ
“สะดวกค่ะ”
“พรุ่งนี้ 10 โมงเจอกันที่ไร่พันแสง”
“รับทราบค่ะคุณพันทิวา”
หลังจากที่ตกลงกับทางสตูดิโอเรียบร้อยแล้วพันทิวาและจันทร์เจ้าก็เดินกลับมายังรถจี๊ปคันหรูที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล
“แล้วพรุ่งนี้เราจะใส่ชุดอะไรล่ะ” ร่างบางเดินไปขวางว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองก่อนจะที่ริมฝีปากบางกระจับจะเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย
“เธออยากใส่อะไรก็ใส่”
“ได้เหรอ?”
“ได้สิ เพราะฉันเองก็จะใส่ที่ฉันอยากใส่เหมือนกัน” ร่างสูงตอบคำถามร่างบางตรงหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะส่งยิ้มยียวนไปให้กับเธอ
“แล้วเราจะเข้ากันได้เหรอ”
“หึหึ ขึ้นรถเถอะฉันมีอีกที่ที่จะพาเธอไป” พันทิวาเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้กับร่างบาง พร้อมกับมองไปที่เธออย่างต้องการให้เธอทำตามที่เขาบอก
“ไปไหน?” ถึงจันทร์เจ้าจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยอมขึ้นรถไปตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
ปัง!!
“หึหึ” ร่างสูงยกยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งยังตำแหน่งของตัวเอง
“นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าเราจะไปไหนกัน”
“ไปหาเพื่อน” ร่างสูงตอบกลับไปก่อนจะขับรถตรงไปยังเป้าหมายของเขา แต่คำตอบของร่างสูงกลับทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายชะงักไปทันที เธอไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายปีทำให้เธอไม่มีเพื่อนอยู่ที่ประเทศไทยเลยสักคน
“พะ เพื่อนเหรอ?”
“จำไอ้ขุนศึก ไอ้เสือและไอ้สิงเพื่อนฉันได้ไหม” พันทิวาพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นระยะ
“จำได้ เพื่อนนายที่หล่อๆ อะนะ”
เอี๊ยดดดดดดด~~
เสียงล้อยางเสียดสีกับถนนจากการเบรกอย่างกะทันหัน เนื่องจากถนนเส้นที่รถหรูคันนี้ขับผ่านช่วงเวลานี้ไม่มีค่อยมีรถสัญจรไปมาเท่าไหร่นัก จึงถือว่าโชคดีไปที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“ไอ้บ้าทิ...เบรครถแบบนี้อยากตายรึไง” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงแข็ง พร้อมกับหันไปจ้องมองเขาตาขวาง
“เปลี่ยนใจ”
“เปลี่ยนใจอะไรของนาย”
“ไม่อยากไปแล้ว”
“ทำไม?”
“...”
“พันทิวานายช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ปะ” จันทร์เจ้าเอ็ดร่างสูงเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยอย่างเอือมๆ กับนิสัยที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงที่กำลังเป็นวันนั้นของเดือนเสียอีก
“เหตุผลของฉันก็คือ ฉันหงุดหงิด”
“ฉันหิวข้าวแล้ว ถ้านายจะไม่ไปก็ช่วยหาร้านข้าวใกล้ๆ แถวนี้ได้ไหม”
“ถ้าเพื่อนฉันหล่อ...แล้วฉันล่ะ?” ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางเสียงเรียบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนลงทันทีในประโยคต่อมา เขามองไปเธอนิ่งๆ อย่างกำลังเฝ้ารอคำตอบจากปากของเธอ
“ห๊ะ?”
“ช่างเถอะ”
“ไอ้บ้าทินี่ประสาทนายกลับปะเนี่ย”
ร่างสูงขับรถตรงต่อไปตามเส้นทางตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานรถจี๊ปของเจ้าของไร่พันแสงก็ขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถหน้าคาเฟ่กึ่งร้านอาหาร เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของทางร้านทำให้ที่นี่ดูเงียบเหงามากกว่าทุกวัน ปกติแล้วคาเฟ่แห่งนี้มีทั้งลูกค้าขาจรและขาประจำแวะเวียนกันมาไม่เคยขาดสาย
“อ้าวววว!! เหมือนร้านจะปิดเลยนะ”
“ที่นี่เป็นคาเฟ่ของแฟนไอ้ขุนน่ะ ไม่ต้องห่วงเรามาที่นี่เพราะฉันนัดทานข้าวกับพวกมันเอาไว้”
“งั้นรออะไรรีบไปสิ ให้พวกพี่ๆ เขารอมันดูไม่ดีนะ” ร่างบางพูดจบก็ทำท่าจะวิ่งไปแต่ก็ถูกมือหนาของร่างสูงดึงแขนเรียวของเธอเอาไว้
“อะไรอีก? ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ”
“ทำไมเธอถึงเรียกคนอื่นว่าพี่ แล้วกับฉันทำไมเธอถึงเรียกว่าไอ้ล่ะ” พันทิวาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย จันทร์เจ้าได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยืนเท้าสะเอวมองร่างสูงตรงหน้านิ่งๆ พร้อมกับส่งยิ้มยียวนไปให้กับเขา
“เพราะฉันหมั่นไส้นายเป็นพิเศษไง แบร่!!”
EPISODE 48 : ภาพวาดครอบครัวสุขสันต์ – THE END“When I look at you, I can feel it. I look at you and I’m home.”-Finding Nemo-(เวลาที่ฉันมองเธอ ฉันรู้สึกเหมือนฉันได้อยู่บ้าน)2 เดือนต่อมา...เอี๊ยดดดดดด~~รถยังไม่ทันที่รถหรูจะจอดสนิทดีชายหนุ่มเจ้าของไร่ก็รีบกระโดดลงจากรถจี๊ปของตัวเองทันที เขามีอาการเวียนหัว และก็คลื่นไส้อาเจียนแบบนี้มาตลอดหลายวันที่ผ่านมาคุณแม่ของเขาบอกว่าอาการพวกนี้เรียกว่า ‘แพ้ท้องแทนเมีย’ ถึงมันจะทรมานไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าให้ภรรยาตัวน้อยของเขาเป็น...“อ้วกกกกกก!!”จันทร์เจ้าเดินออกมาดูสามีของเธอที่หน้าบ้านใหญ่ของไร่พันแสง ก่อนจะเห็นว่าชิตและชอบกำลังช่วยกันลูบหลังให้กับนายใหญ่ของพวกเขาอยู่ สองพี่น้องมองหน้ากันก่อนจะหัวเราออกมาเบาๆ เพื่อไม่ให้นายใหญ่ของเขาเห็น แต่มีเหรอที่จะรอดพ้นสายตาเหยี่ยวอย่างพันทิวาไปได้“ขำอะไรกันวะ...คนไม่มีเมียมีลูกไม่มีวันเข้าใจหรอกเว้ย...” ทิวาหันไปมองร่างสูงทั้งสองก่อนจะเอ่ยบอกกับพวกเขาออกไปเสียงเรียบ“ไปทำงานกันได้แล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมา”“ครับนาย / ครับนาย”“พี่ทิไหวไหมคะ”“เฮ้ออออ!! ไหวครับแต่ทิขอยาดมหน่อย” จันทร์เจ้าประคองสามีของเ
EPISODE 47 : หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว“Think of the one thing that you’ve always wanted. Now find it in your mind’s eye and feel it in your heart.”-Beauty And The Beast-(คิดถึงสิ่งหนึ่งที่เธอต้องการมาตลอด แล้วเธอจะเจอในความคิด และรู้สึกในหัวใจ)“จันทร์เจ้าฟังแม่นะลูก...หนูกำลังตั้งท้อง ตอนนี้หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะลูก”จันทร์เจ้ามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียว แต่คนที่เธออย่างให้เขารู้เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันกับเธอ เขากลับไม่ได้อยู่ตรงนี้กับเธอด้วย มือบางลูบลงที่หน้าท้องของตัวเองเบาๆ ก่อนน้ำตาของเธอจะไหลลงมาอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างเธอ“พี่ทิล่ะคะตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”“ทิพึ่งออกมาจากห้องผ่าตัดตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู...”“ฮึกกกกก!! อะ อาการของเขา...” จันทร์เจ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหนัก จนวราลีต้องเข้ามาประคองใบหน้าของลูกสะใภ้เอาไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง...“จันทร์เจ้าฟังแม่นะ ทิวาปลอดภัยแล้วลูกการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี”“ใช่แล้วค่ะพี่จันทร์...คุณหมอบอกว่ายังไงก็ต้องอยู่ห้องไอซียูก่อนเพื่อรอดูผลหลังการผ่าตัด พี
EPISODE 46 : ฉันสูญเสียมากพอแล้ว“All we have to decide is what to do with the time that is given to us.”-Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring-(สิ่งที่เราต้องตัดสินใจก็คือ จะทำอะไรกับเวลาที่เรามีอยู่)ปึก! ปึก!!กระถินกับตองที่ช่วยกันแก้เชือกได้สำเร็จพอเห็นนายใหญ่ของพวกเธอส่งสัญญาณก็รีบกระโจนใส่คนตรงหน้าของตัวเองทันทีกระถินที่อยู่ใกล้กับนภพลมากกว่ารีบเข้ามาคว้าข้อมือของร่างสูงเอาไว้ก่อนจะผลักเขาไปตรงหน้า จันทร์เจ้าที่ได้จังหวะก็รีบดันตัวเองออกมาทันที โดยมีทิวาที่คอยรอรับร่างบางของเธออยู่ก่อนแล้ว“อีนี่...” นภพลตะคอกกระถินเสียงดังลั่นก่อนจะหันปืนไปทางร่างบาง แต่ก็ช้ากว่า...ปัง!!ทิวายิงเข้าที่แขนแกร่งของนภพลได้อย่างแม่นยำ ถึงจะไม่ใช่จุดสำคัญแต่ก็ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเจ็บปวดจนร่างกายเสียการควบคุม ปืนของนภพลล่วงลงกับพื้นก่อนที่กระถินจะรีบเข้าไปเตะมันออกไปให้ไกลทันที ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังนายของตัวเองทันที“โอ้ยยยย!!!” ชิตรีบเข้าไปจับกุมคนร้ายเอาไว้ไม่ให้มันหนีไปไหนได้...“เจ็บตรงไหนไหมครับ” ทิวาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับประคองใบหน้าขาวเนียนข
EPISODE 45 : ย้อนแย้ง“Every thing that has a beginning has an end.”-The Matix Revolution-(ทุกสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นย่อมมีจุดจบ)อีกด้าน...“รวยแล้วพวกเรา แม่งจ่ายหนักจริงว่ะ...” ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะมีอายุน้อยกว่าเพื่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองเงินในมือของตัวเองไปด้วยอย่างภาคภูมิใจ“รถใครวะ?” ชายคนขับพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรถหรูตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านร้างตลอดสองข้างทางก็มีแต่ป่ารกทึบ ถ้าไม่ตั้งใจขับเข้ามาก็ไม่น่าจะมีรถหลงเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ“พวกมึงลงไปดู” ชายหัวหน้ากลุ่มหันไปบอกกับลูกน้องของเขาที่กำลังนั่งนับเงินอยู่ที่ด้านหลังเสียงเรียบ“ใครวะ?...มาจอดรถอยู่หน้าหมู่บ้านร้าง”“หรือว่าพวกมันจะมาซื้อบ้าน”เพียะ!!!“ไอ้เวรนี่พูดออกมาแต่ละอย่างผ่านสมองบ้างไหมวะ” ชายทั้งสามคนที่ถูกส่งลงมาดูลาดเลาเถียงกันไปมา ก่อนที่คิ้วหนาของชายหนุ่มทั้งคู่จะขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย รถหรูที่จอดขวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว“ไม่เห็นมีคนเลยวะพะ อื้ออออออ...”“อะ...”ชายหนุ่มทั้งสามคนยังไม่ทันได้เดินกลับไปรายงานลูกพี่ของพวกมัน ก็ถูกท
EPISODE 44 : ฆาตกรตัวจริง“You can’t live your life for other people. You’ve got to do what’s right for you, even if it hurts some people you love.”-The Notebook-(คุณจะใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นไม่ได้หรอกนะ คุณต้องทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับตัวคุณเอง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คนที่คุณรักเจ็บปวดก็ตาม)อีกด้าน...รถตู้คันใหญ่ถูกขับไปตามถนนลูกรังที่ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถนนเส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยว เพราะก่อนหน้านี้ถนนเส้นนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุและเคยมีคนร้ายดักปล้นทรัพย์สินของชาวบ้าน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้ถนนอีกเส้นที่ตัดผ่านแห่งชุมชนมากกว่าเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงกับถนนเส้นนี้“นายครับผมได้ตัวผู้หญิงมาแล้วครับ” ทันทีที่รถวิ่งออกมาจากเขตชุมชน หัวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ต่อสายหานายจ้างของเขาทันที หลังจากที่คุยและตกลงเรื่องสถานที่เรียบร้อยแล้วร่างสูงจึงเก็บโทรศัพท์เครื่องเก่าของตัวเองลงไปในกระเป๋ากางตามเดิม“ลูกพี่เราจะจัดการยังไงกับอีสองคนนี้ดี”“นั่นสิ”“หรือเราจะทิ้งมันไว้ข้างทาง” ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างรอฟังคำตอบ“ไอ้ควาย! ถ้า
EPISODE 43 : จะพาน้องกลับมาหาทุกคน“You stay alive, no matter what occurs! I will find you. No matter how long it takes, no matter how far, I will find you.”-The Last Of The Mohicans-(เธอต้องรอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะหาเธอให้พบ ไม่ว่าจะนานหรือไกลขนาดไหน ฉันจะหาเธอให้เจอ)“ตรงนี้ก็ได้กระถิน” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกกับเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะวางแก้วในมือลงโต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นโพธิ์ต้นใหญ่เท่าไหร่นัก“คุณมิลค์ คุณปีใหม่” จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเห็นหญิงสาวทั้งสองคนกำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ในมือของมิลค์ถือแก้วน้ำแบบเดียวกันกับเธอนั่นหมายความว่า ‘มาทำบุญกันงั้นเหรอ’ จันทร์เจ้าได้แต่คิดแล้วก็สงสัยก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ไปให้กับพวกเธอ“มาทำบุญกันเหรอ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไป ถึงก่อนหน้านี้เธอทั้งคู่จะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ก็ตาม“อืม...ที่นี่วัดแกคงไม่คิดว่าฉันจะมาซื้อของใช่ไหม?”“หึหึ” จันทร์เจ้าหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นสายตาของหญิงสาวอีกคนที่มองมาที่เธออย่างเอาเรื่อง จันทร์เจ้าเองก็มองเธอกลับไปแบบเดียวกัน ก่อนที่