LOGINในที่สุดหลินอวี่เหยาก็มีฟูกนอนเสียที แม้มันทำมาจากหญ้าก็เถิดแต่นางก็ไม่ต้องนอนปวดกระดูกอีกต่อไป หลายวันมานี้จูซินทำหน้าที่ป่าวประกาศว่านางสามารถวินิจฉัยโรคได้ ทำให้นางเริ่มมีรายได้เล็กๆน้อยๆ ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนเป็นนางกำนัลหรือขันทีขั้นต่ำ ซึ่งไม่สามารถไปพบหมอหลวงได้ นางซึ่งมีความรู้เรื่องพืชสมุนไพรและศาสตร์แพทย์แผนจีนจึงได้ใช้ความรู้นี้แลกข้าวปลาอาหารและของใช้เล็กๆน้อยๆ
ใครจะคาดคิดว่าชีวิตของหลินอวี่เหยาที่ถูกแย่งชิงเพื่อดึงตัวไปร่วมงานด้วยเงินเดือนสูงลิบต้องมาทำงานแลกข้าวและถั่วอย่างนี้ คิดแล้วก็อนาถใจยิ่งนัก แต่กระนั้นก็นับได้ว่าความรู้ที่สั่งสมมาไม่เสียเปล่า
“เจ้าถั่วงอกน้อยที่แสนดี พรุ่งนี้ข้าจะกินเจ้าให้สมกับที่ประคบประหงมมาหลายวัน”
หลินอวี่เหยาพูดกับตะกร้าถั่วงอกของนาง จากถั่วเขียนที่ขอขันทีจูซินไว้ นางเพาะจนมันเป็นถั่วงอก ร่างกายนี้ขาดสารอาหารมานาน อยากกินเนื้อก็คงไม่ได้กิน ตอนนี้กินถั่วซึ่งมีโปรตีนก็ใช้ทดแทนกันได้ หญิงสาวเช็ดมือแล้วเดินจากห้องเล็กด้านข้างที่ตอนนี้กลายเป็นห้องครัวย่อมๆ จันทร์เสี้ยวที่แขวนตัวบนราวฟ้าทำให้นางหยุดมอง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มองท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นนี้ ชีวิตที่อยู่ในสถาบันและคร่ำเคร่งกับงานวิจัยทำให้นางไม่ได้แหงนหน้าชมความงามบนฟากฟ้ามาเนิ่นนาน ตำหนักเย็นแห่งนี้นางจัดการทำความสะอาดและปรับปรุงที่ละเล็กละน้อย หิมะละลายแล้วเผยให้เห็นผืนดินที่พอเพาะปลูกพืชผักไว้เก็บกินได้ ต้นไม้ที่ยังรอดจากหิมะเริ่มแตกใบอ่อน โดยธรรมชาติอาจมีนกคาบเมล็ดพันธุ์มาทิ้งไว้ นางเพิ่งเห็นว่ามีต้นเหมยและหยางเหมยอยู่ด้านหลังใกล้กับบ่อน้ำ เดิมทีที่นี่คงงดงามไม่น้อยแต่เพราะคนที่อยู่จิตใจหมองเศร้าจึงไร้การเหลียวแลกลายเป็นตำหนักเย็นที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง แน่นอนว่านางไม่ต้องการใช้ชีวิตที่นี่ไปจนวันตาย แต่ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกไปได้อย่างไร และสภาพร่างกายที่อ่อนแอเหลือเกินนี้ ทำให้นางต้องพยายามขุนตัวเองให้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยหาทางออกจากที่นี่ ด้วยความรู้ที่นางมี นางไม่เชื่อว่าจะเอาตัวรอดในยุคโบราณนี้ไม่ได้
คล้ายสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน หลินอวี่เหยาเพียงเอี้ยวตัวหันมองรอบกาย ยังไม่ทันกะพริบตาฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็โอบมาปิดปากนางไว้แน่นไม่ให้ส่งเสียง แผ่นหลังปะทะกับร่างกายแข็งแกร่งดุจกำแพงหิน ทว่าไอร้อนจากกายทำให้หญิงสาวขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ไอร้อนธรรมดา แต่เหมือนคนเป็นไข้สูงจนตัวร้อน นางพยายามหันไปมองแต่ถูกปิดปากแน่นขึ้นและยังรั้งร่างนางหลบเร้นในเงามืด
“ถ้าไม่อยากตาย อย่าส่งเสียง”
ปิดปากแน่นขนาดนี้ จะร้องได้ยังไง!
ร่างเล็กพยายามดิ้นรนเพราะถูกกอดรัดจากบุรุษแปลกหน้านั้นยิ่งกลับทำให้วงแขนที่โอบรัดร่างนางแน่นขึ้น ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโหวกเหวก
“มีคนร้าย! มีคนร้าย!”
เสียงตะโกนเหล่านั้นใกล้เข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ร่างของเธอก็ถูกบุรุษตัวโตพาเข้ามาในห้องของตนแล้ว การเคลื่อนไหวทุกอย่างรวดเร็วเงียบกริบ เทียนในห้องดับลงและตามด้วยร่างของนางที่ถูกเหวี่ยงลงที่นอน
โชคดีที่เตียงแข็งๆ มีฟูงหญ้าแห้งรองรับทำให้นางไม่เจ็บมากนัก ยังไม่ทันได้อ้าปากร้อง มือข้างนั้นก็ปิดปากนางไว้ หญิงสาวขึงตาใส่โต้ตอบด้วยแววตา นี่เขาจะฆ่านางด้วยการทำให้ขาดาอากาศหายใจหรืออย่างไรกัน
ร่างสูงใหญ่กำยำคร่อมร่างนางไว้ทั้งที่มือหนึ่งปิดปากนางอยู่ เขามองผ่านช่องหน้าต่างแม้ไม่เห็นด้านนอกชัดเจน แต่ประสาทหูอันฉับไวของคนฝึกยุทธ์ทำให้รู้ว่าคนกลุ่มหนึ่ง วิ่งมาหยุดที่ด้านนอก
“ค้นหาให้ทั่ว!”
เสียงผลักบานประตูใหญ่ทำให้หลินอวี่เหยาสะดุ้ง ทว่าร่างใหญ่กลับทรุดลงมาทับนางเสียก่อน ใบหน้าของเขาอยู่ที่ซอกคอขาวผ่อง ลมหายใจติดขัดและไอร้อนแผ่ซ่านออกมา นางกลอกตามองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่ข่มความเจ็บปวดและซีดขาวแทบไร้สีเลือด ทว่านางกลับได้กลิ่นเลือดจากกายของเขา
“เจ้าบาดเจ็บรึ” นางถามแล้วพยายามดันเขาให้พลิกไปด้านข้าง เสียงคนวิ่งเข้ามาด้านในทำให้นางตัดสินใจผลักเขาไปด้านในเตียงแล้วดึงผ้าห่มเก่าๆ ขาดๆ มาคลุมร่างของเขาไว้ ปรับลมหายใจครู่หนึ่งเพื่อรอให้ประตูเรือนถูกเปิดออก หญิงสาวพลางนับในใจ... สาม... สอง... หนึ่ง ….
ปัง!
“ค้น!”
“กรี๊ดดดด”
ทหารกลุ่มหนึ่งที่พังประตูเข้ามาตกใจกับเสียงกรีดร้อง คบไฟที่ยื่นมาทำให้เห็นหญิงสาวผมเผ้าหยุงเหยิง มีเศษหญ้าติดตามตัว นางนั่งบนเตียงแล้วเอียงคอไปมาราวกับนกเค้าแมว แรกทีเดียวสีหน้านางดูตกใจก่อนจะคลี่ยิ้มเซ่อซ่าออกมา
“ท่านกงกง ฮ่องเต้จะมาหาข้าแล้วใช่ไหม” หญิงสาวพูดเสียงหวานสูง “ข้ารอฮ่องเต้มาหลายคืนแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็มาเสียที...ท่านกงกง ข้าสวยหรือไม่”
“หาดูให้ทั่ว”
นางทำเป็นจัดผมที่ยุ่งเหยิงของตน แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ นางหยิบก้อนหินกลมเกลี้ยงที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นไปยัดใส่มือของทหารที่เข้ามา
“ทองก้อนนี้ ท่านเก็บไว้นะ หากวันข้างหน้าข้าได้ดีจะไม่ลืมพวกท่านเลย”
“สติฟั่นเฟือนไปแล้ว” ทหารก้มมองก้อนหินในมือแล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรแล้วไปค้นที่อื่นต่อ”
“ท่านกงกง อย่าลืมล่ะ ข้ารอฮ่องเต้อยู่ทุกค่ำคืน ขอเพียงได้ถวายงานสักครั้ง ข้าจะ...”
หลินอวี่เหยาชะเง้อมองจนมั่นใจว่าทุกคนไปหมดแล้ว คล้ายเสียงการเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศไปทางอื่น นางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบปิดประตูหน้าตำหนัก มือเรียวยกชายกระโปรงรีบวิ่งกลับมาที่เตียงของตน นางยื่นมือไปดึงผ้าห่มออกมีดสั้นเล่มหนึ่งก็จ่อที่ลำคอของนาง
“พี่ชายใจเย็นก่อน” นางพูดแล้วปัดปลายมีดออกจากคอของราวกับเห็นมันเป็นเพียงไม้ไร้คม “อย่าเคลื่อนไหวตัวมาก พิษจะแล่นไปทั่วร่างแล้ว”
ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองนาง
“ข้ารู้ ท่านใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียกมีดมาจ่อคอข้า แต่ท่านเก็บแรงไว้หายใจเถิด ให้ข้าดูบาดแผลของท่านก่อน”
นางอาศัยจมูกได้กลิ่นเลือดคลำไปบนร่างของเขาแล้วตัดสินใจกระตุกสายรัดเอวของเขาออก ชายหนุ่มไร้แรงต่อต้านจึงได้นอนนิ่งกัดฟันแน่นปล่อยให้สตรีเปลื้องเสื้อท่อนบนออก
“เจอแผลแล้ว!”
เยี่ยหรงอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาให้ คนที่บ้านรู้แล้วว่าออกรบครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องการให้เขากลับไปพักฟื้นที่บ้าน ปีหนึ่งเขากลับบ้านกี่ครั้งเชียว เอาจริงๆ แล้ว เขารู้สึกว่าค่ายทหารต่างหากที่เขาเรียกว่าบ้านได้เต็มปากเต็มคำ ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลกลับมานอนพักฟื้นที่ค่ายทหารแล้ว แม้คนอื่นจะคัดค้านอยากให้เขอยู่โรงพยาบาลให้นานกว่านี้ เขารู้ตัวดีว่าพักไม่กี่วันก็ดีขึ้นไม่รู้จะไปแย่งที่นอนคนเจ็บป่วยคนอื่นเพื่ออะไรกัน อีกอย่างเขาก็...ขัดเขินทุกครั้งที่พยาบาลสาวคนนั้นมาทำแผลให้เขา ร่างกายเขาดันมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอเสียด้วย ปกติเรื่องพวกนี้เขาควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยม แต่ไม่รู้ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอาย เขาพับจดหมายใส่ซองตามเดิมแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ใช้ชีวิตทหารมาหลายปี ไต่เต้าด้วยตัวเอง เขาต้องการถูกยอมรับจากความสามารถของตัวเอง ตอนนี้เป็นร้อยเอกเยี่ยหรงแห่งค่ายทหารหน่วยที่ 308 อีกไม่นานเขาก็ได้เลื่อนยศแล้ว ขณะที่ใจลอยคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น สายตาก็เห็นหญิงสาวปั่นจักรยานเก่าๆ เข้ามาในเขตทหาร เขาเพ่งมองอย่างหงุดหงิดเพราะพื้นที่
แรงตีที่ข้อมือไม่ได้ทำให้เขาเจ็บแต่เรียกให้เขาได้สติ ชายหนุ่มรีบปล่อยมือทันทีทำให้หญิงสาวในชุดพยาบาลถอยห่างออกไปสองก้าว “สมกับเป็นผู้บัญชาการเยี่ยจริงๆ” อวี่เหยายกมือลูบลำคอของตน แต่ก็ต้องตกใจทีเห็นเขายันกายขึ้นนั่งและทำท่าจะดึงสายน้ำเกลือออก “อย่าค่ะ! ถ้าคุณดื้อฉันจะมัดคุณไว้กับเตียงนะ!” มีชีวิตอยู่มาตั้งอายุขนาดนี้เพิ่งเคยได้ยินคนขู่เขาแบบนี้เป็นครั้งแรก เยี่ยหรงจ้องมองหญิงสาว เธอสวมชุดพยาบาลและที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลแน่นอน พลันนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาพลั้งมือทำร้ายเธอไป “....” เยี่ยหรงขยับปากแต่ไม่มีเสียง พยาบาลสาวเห็นสีหน้าของคนเจ็บก็เข้าใจทันที เธอขยับเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนผ่าตัดใส่เครื่องช่วยหายใจ คุณเลยเจ็บคออยู่ ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ คุณนั่งนิ่งๆ อย่าดึงสายอะไรออกอีกนะ ฉันจะไปตามคุณหมอแล้วเอาน้ำมาให้คุณดื่ม” ร่างเพรียวบางหมุนตัวจากไปทันที เยี่ยหรงได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย อยากจะหัวเราะที่เขาตัวโตขนาดนี้แต่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ดุเอาเสียได้ ไม่กี่นาทีต่อมาคุณหมอก็สาวเ
ร้อน! เปลวไฟกำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านท่ามกลางเปลวเพลิง เสียงวูบวาบทั่วทุกทิศทาง ผู้คนวิ่งชนหนีตายอลหม่านแต่เขายังยืนนิ่งงัน ทว่าในสมองคล้ายได้ยินเสียงแว่วอยู่ข้างหู คล้ายใครบางคนอ่านบทกวีแสนเศร้าให้ฟัง “ผู้บัญชาการ!!!” เสียงตะโกนเรียกทำให้เขาได้สติ สหายร่วมรบถูกสะเก็ดระเบิด เขาไม่รอช้าแบกคนเจ็บขึ้นหลังทันที “ปล่อยผม! ทิ้งผมไว้ที่นี่” “ฉันสัญญากับแม่นายแล้วว่าจะพานายกลับบ้าน ก็ต้องทำตามสัญญา” เขากัดฟันทั้งที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่น้อย ในสนามรบที่เต็มไปด้วยทหารทั้งสองฝ่าย เสียงปืนดังรัวไม่ขาดสาย และระเบิดเป็นระยะๆ เขาแบกร่างของเพื่อนร่วมกองรบวิ่งกลับมาที่บังเกอร์ได้สำเร็จ “ผู้บัญชาการเยี่ย ท่านจะไปไหนอีกครับ” ลูกน้องถามเมื่อเห็นว่านายกองคว้าปืนยาวของสหายร่วมรบมาถือไว้ “จัดการพวกมันนะสิ” “ผู้บัญชาการ คนของเราเหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว รอกองหนุนไม่ดีกว่าหรือครับ” “พวกนายอยู่นี่ ฉันไปจัดการเอง” “ผู้บัญชาการ!!” ความบ้าระห่ำของผู้ชายคนนี้ท
ห้าปีต่อมา คฤหาสน์ตระกูลเยี่ยมีเสียงหัวเราะของเด็กน้อย เด็กชายวัยสามขวบวิ่งถลามาหาหญิงสาวที่นั่งพิมพ์เอกสารอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค เสียงร้องตกใจของคนรับใช้ทำให้หลินอวี่เหยาเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า ทว่าลูกชายยังมาไม่ถึงก็ถูกมือใหญ่ของคนเป็นพ่อคว้าคอเสื้อไว้ได้ทัน “ฮ่าวหมิง อย่ากระโจนใส่แม่แบบนั้นสิ” เยี่ยหรงเพิ่งกลับจากบริษัทพอดี เขาอุ้มลูกชายนั่งบนท่อนแขนแล้วอบรม “แม่อุ้มท้องน้องสาวอยู่ ถ้าลูกไปกระแทกท้องของแม่ก็กระทบกระเทือนถึงน้องสาวด้วย ลูกเข้าใจไหม” “ฮ่าวหมิงแค่อยากเล่นกับน้องสาว” เสียงเจื้อแจ้วเอ่ยตอบพร้อมดวงตากลมโตจ้องมารดา “เดือนหน้าก็ได้เจอหน้าน้องสาวแล้ว” คนเป็นพ่ออุ้มลูกชายแล้วเดินมานั่งข้างคนรักแล้วโน้มตัวลงมาอบรมคนเป็นแม่อีกคน “เดือนหน้าคุณก็จะคลอดแล้ว ยังทำงานอยู่อีก” “ฉันท้องไม่ได้ป่วยเสียหน่อย” หลินอวี่เหยาหัวเราะเสียงใส แต่ปลายนิ้วยังพร่างพรมบนคีย์บอร์ด จนกระทั่งเธอกดปุ่มเอ็นเทอร์และเซฟไฟล์งาน“เย่! เสร็จเรียบร้อยเสียที” “เย่ๆ” ฮ่าวหมิงร้องดีใจแม้ไม่เข้าใจว่าแม่ดีใจเรื่องอะไร
“อืม...” หญิงสาวรับคำแล้วยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา “ทำไมคุณโง่แบบนี้ ไม่ต้องช่วยฉันก็ได้ คุณเจ็บเพราะถูกกระบี่เทพสวรรค์แทงทะลุหัวใจ แล้วยังถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษอีก” ดวงตาของชายหนุ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ “วันที่ฉันตกเขาไปครั้งนั้น ดวงวิญญาณในร่างนี้ทะลุมิติไปในชาติที่คุณคือแม่ทัพเยี่ยหรง” หญิงสาวยิ้มเศร้าเคล้าน้ำตา “ฉันตายในชาตินั้นก็กลับมาที่นี่ ได้พบคุณอีกแล้ว” “ผมขอโทษ” เขากอดร่างบอบบางทั้งที่ตัวเองก็สั่นสะท้าน “ผมรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บปวด ผมเห็นแก่ตัว แต่ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้” มือเล็กดันแผ่นอกเขาเบาๆ รับรู้ว่าเขาก็กลัวไม่ต่างกัน เธอดันเขาออกแล้วพูดเสียงสั่นเครือ “ใช่ คุณคือสิ่งที่ฉันหวาดกลัวที่สุด แต่คุณก็คือความสุขที่สุดในชีวิตฉัน ไม่ว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง มันก็คือความสุขที่ฉันยินดีรับไว้แม้จบอย่างเจ็บปวดก็ตามที” เธอวางมือตรงหัวใจของเขาแล้วยิ้มทั้งน้ำตา “เยี่ยหรง...คุณจะแต่งงานกับฉันไหมคะ” “เหยาเหยา...” “หลังจากนี้เ
จู่ๆ สายลมก็พัดแรง แรงจนสะพานแกว่งเหมือนมีมียักษ์มาแกว่ง หลินอวี่เหยาตัวเอียงไปมาจนร่างเซไปด้านหนึ่งของสะพาน เยี่ยหรงอยู่ด้านหลังแค่สองก้าวแต่เหมือนห่างไปสิบเมตร กระแสลมพัดแรงไม่ปกติ แม้รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นแต่สำหรับเขาไม่ปกติแน่นอน ทุกคนที่ก้าวข้ามไปแล้วถูกกระแสลมพัดแรงจนพวกเขาต้องหาที่ยึดเกาะ เพราะสะพานที่แกว่งไปมา ร่างเล็กเสียหลักหงายหลังตกสะพานแขวน!“เหยาเหยาระวัง!”“กรี๊ด!”เขายื่นมือไปสุดแขนแต่คว้ามือเธอไม่ทัน ร่างของหญิงสาวร่วงลงสู่แม่น้ำด้านล่าง เยี่ยหรงไม่รอช้าเขากระโดดตามไปทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ครู่หนึ่งลมสงบแล้วหานเหยียนจึงวิ่งมากลางสะพานแล้วก้มมองลงไป เห็นเพียงเงาร่างเล็กๆ อยู่ในแม่น้ำ“บ้าเอ๊ย!” หานเหยียนสบถแล้วใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมสั่งการทันที “ใช้เฮลิคอปเตอร์ออกสำรวจปลายน้ำ เร็ว!”หานเหยียนสั่งการเฉียบขาด เขาให้คนอื่นๆ ดูแลทีมนักสำรวจที่เหลือ ส่วนตัวรีบหาทางไปที่ปลายแม่น้ำทันทีทำไมต้องมีเรื่องเช่นนี้กับเกิดท่านแม่ทัพของเขาด้วยนะ จะมีสักชาติไหมที่ทั้งสองได้ใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างปกติสุขร่างเล็กร่วงลงในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว เร็วจนหลินอวี่เหยาไม่







