Beranda / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ / ตอนที่8 บุรุษแปลกหน้าในคืนจันทร์เสี้ยว

Share

ตอนที่8 บุรุษแปลกหน้าในคืนจันทร์เสี้ยว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-14 02:06:41

            ในที่สุดหลินอวี่เหยาก็มีฟูกนอนเสียที แม้มันทำมาจากหญ้าก็เถิดแต่นางก็ไม่ต้องนอนปวดกระดูกอีกต่อไป หลายวันมานี้จูซินทำหน้าที่ป่าวประกาศว่านางสามารถวินิจฉัยโรคได้ ทำให้นางเริ่มมีรายได้เล็กๆน้อยๆ ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนเป็นนางกำนัลหรือขันทีขั้นต่ำ ซึ่งไม่สามารถไปพบหมอหลวงได้ นางซึ่งมีความรู้เรื่องพืชสมุนไพรและศาสตร์แพทย์แผนจีนจึงได้ใช้ความรู้นี้แลกข้าวปลาอาหารและของใช้เล็กๆน้อยๆ

            ใครจะคาดคิดว่าชีวิตของหลินอวี่เหยาที่ถูกแย่งชิงเพื่อดึงตัวไปร่วมงานด้วยเงินเดือนสูงลิบต้องมาทำงานแลกข้าวและถั่วอย่างนี้ คิดแล้วก็อนาถใจยิ่งนัก แต่กระนั้นก็นับได้ว่าความรู้ที่สั่งสมมาไม่เสียเปล่า

            “เจ้าถั่วงอกน้อยที่แสนดี พรุ่งนี้ข้าจะกินเจ้าให้สมกับที่ประคบประหงมมาหลายวัน” 

หลินอวี่เหยาพูดกับตะกร้าถั่วงอกของนาง จากถั่วเขียนที่ขอขันทีจูซินไว้ นางเพาะจนมันเป็นถั่วงอก ร่างกายนี้ขาดสารอาหารมานาน อยากกินเนื้อก็คงไม่ได้กิน ตอนนี้กินถั่วซึ่งมีโปรตีนก็ใช้ทดแทนกันได้  หญิงสาวเช็ดมือแล้วเดินจากห้องเล็กด้านข้างที่ตอนนี้กลายเป็นห้องครัวย่อมๆ  จันทร์เสี้ยวที่แขวนตัวบนราวฟ้าทำให้นางหยุดมอง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มองท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นนี้ ชีวิตที่อยู่ในสถาบันและคร่ำเคร่งกับงานวิจัยทำให้นางไม่ได้แหงนหน้าชมความงามบนฟากฟ้ามาเนิ่นนาน   ตำหนักเย็นแห่งนี้นางจัดการทำความสะอาดและปรับปรุงที่ละเล็กละน้อย หิมะละลายแล้วเผยให้เห็นผืนดินที่พอเพาะปลูกพืชผักไว้เก็บกินได้ ต้นไม้ที่ยังรอดจากหิมะเริ่มแตกใบอ่อน โดยธรรมชาติอาจมีนกคาบเมล็ดพันธุ์มาทิ้งไว้  นางเพิ่งเห็นว่ามีต้นเหมยและหยางเหมยอยู่ด้านหลังใกล้กับบ่อน้ำ  เดิมทีที่นี่คงงดงามไม่น้อยแต่เพราะคนที่อยู่จิตใจหมองเศร้าจึงไร้การเหลียวแลกลายเป็นตำหนักเย็นที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง    แน่นอนว่านางไม่ต้องการใช้ชีวิตที่นี่ไปจนวันตาย แต่ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกไปได้อย่างไร และสภาพร่างกายที่อ่อนแอเหลือเกินนี้ ทำให้นางต้องพยายามขุนตัวเองให้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยหาทางออกจากที่นี่  ด้วยความรู้ที่นางมี นางไม่เชื่อว่าจะเอาตัวรอดในยุคโบราณนี้ไม่ได้

คล้ายสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน หลินอวี่เหยาเพียงเอี้ยวตัวหันมองรอบกาย  ยังไม่ทันกะพริบตาฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็โอบมาปิดปากนางไว้แน่นไม่ให้ส่งเสียง แผ่นหลังปะทะกับร่างกายแข็งแกร่งดุจกำแพงหิน ทว่าไอร้อนจากกายทำให้หญิงสาวขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ไอร้อนธรรมดา แต่เหมือนคนเป็นไข้สูงจนตัวร้อน  นางพยายามหันไปมองแต่ถูกปิดปากแน่นขึ้นและยังรั้งร่างนางหลบเร้นในเงามืด

“ถ้าไม่อยากตาย อย่าส่งเสียง”

ปิดปากแน่นขนาดนี้ จะร้องได้ยังไง!

ร่างเล็กพยายามดิ้นรนเพราะถูกกอดรัดจากบุรุษแปลกหน้านั้นยิ่งกลับทำให้วงแขนที่โอบรัดร่างนางแน่นขึ้น ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโหวกเหวก

“มีคนร้าย! มีคนร้าย!”

เสียงตะโกนเหล่านั้นใกล้เข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ร่างของเธอก็ถูกบุรุษตัวโตพาเข้ามาในห้องของตนแล้ว การเคลื่อนไหวทุกอย่างรวดเร็วเงียบกริบ เทียนในห้องดับลงและตามด้วยร่างของนางที่ถูกเหวี่ยงลงที่นอน

โชคดีที่เตียงแข็งๆ มีฟูงหญ้าแห้งรองรับทำให้นางไม่เจ็บมากนัก ยังไม่ทันได้อ้าปากร้อง มือข้างนั้นก็ปิดปากนางไว้ หญิงสาวขึงตาใส่โต้ตอบด้วยแววตา นี่เขาจะฆ่านางด้วยการทำให้ขาดาอากาศหายใจหรืออย่างไรกัน

ร่างสูงใหญ่กำยำคร่อมร่างนางไว้ทั้งที่มือหนึ่งปิดปากนางอยู่ เขามองผ่านช่องหน้าต่างแม้ไม่เห็นด้านนอกชัดเจน แต่ประสาทหูอันฉับไวของคนฝึกยุทธ์ทำให้รู้ว่าคนกลุ่มหนึ่ง วิ่งมาหยุดที่ด้านนอก

“ค้นหาให้ทั่ว!”

เสียงผลักบานประตูใหญ่ทำให้หลินอวี่เหยาสะดุ้ง ทว่าร่างใหญ่กลับทรุดลงมาทับนางเสียก่อน ใบหน้าของเขาอยู่ที่ซอกคอขาวผ่อง ลมหายใจติดขัดและไอร้อนแผ่ซ่านออกมา  นางกลอกตามองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่ข่มความเจ็บปวดและซีดขาวแทบไร้สีเลือด ทว่านางกลับได้กลิ่นเลือดจากกายของเขา

“เจ้าบาดเจ็บรึ”  นางถามแล้วพยายามดันเขาให้พลิกไปด้านข้าง เสียงคนวิ่งเข้ามาด้านในทำให้นางตัดสินใจผลักเขาไปด้านในเตียงแล้วดึงผ้าห่มเก่าๆ ขาดๆ มาคลุมร่างของเขาไว้ ปรับลมหายใจครู่หนึ่งเพื่อรอให้ประตูเรือนถูกเปิดออก หญิงสาวพลางนับในใจ... สาม... สอง... หนึ่ง ….

ปัง!

“ค้น!”

“กรี๊ดดดด”

ทหารกลุ่มหนึ่งที่พังประตูเข้ามาตกใจกับเสียงกรีดร้อง  คบไฟที่ยื่นมาทำให้เห็นหญิงสาวผมเผ้าหยุงเหยิง มีเศษหญ้าติดตามตัว นางนั่งบนเตียงแล้วเอียงคอไปมาราวกับนกเค้าแมว แรกทีเดียวสีหน้านางดูตกใจก่อนจะคลี่ยิ้มเซ่อซ่าออกมา

“ท่านกงกง ฮ่องเต้จะมาหาข้าแล้วใช่ไหม”  หญิงสาวพูดเสียงหวานสูง “ข้ารอฮ่องเต้มาหลายคืนแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็มาเสียที...ท่านกงกง ข้าสวยหรือไม่”

“หาดูให้ทั่ว”

นางทำเป็นจัดผมที่ยุ่งเหยิงของตน แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ นางหยิบก้อนหินกลมเกลี้ยงที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นไปยัดใส่มือของทหารที่เข้ามา

“ทองก้อนนี้ ท่านเก็บไว้นะ หากวันข้างหน้าข้าได้ดีจะไม่ลืมพวกท่านเลย”

 “สติฟั่นเฟือนไปแล้ว” ทหารก้มมองก้อนหินในมือแล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรแล้วไปค้นที่อื่นต่อ”

“ท่านกงกง อย่าลืมล่ะ ข้ารอฮ่องเต้อยู่ทุกค่ำคืน ขอเพียงได้ถวายงานสักครั้ง ข้าจะ...”

หลินอวี่เหยาชะเง้อมองจนมั่นใจว่าทุกคนไปหมดแล้ว คล้ายเสียงการเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศไปทางอื่น นางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบปิดประตูหน้าตำหนัก มือเรียวยกชายกระโปรงรีบวิ่งกลับมาที่เตียงของตน นางยื่นมือไปดึงผ้าห่มออกมีดสั้นเล่มหนึ่งก็จ่อที่ลำคอของนาง

“พี่ชายใจเย็นก่อน” นางพูดแล้วปัดปลายมีดออกจากคอของราวกับเห็นมันเป็นเพียงไม้ไร้คม “อย่าเคลื่อนไหวตัวมาก พิษจะแล่นไปทั่วร่างแล้ว”

ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองนาง

“ข้ารู้ ท่านใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียกมีดมาจ่อคอข้า แต่ท่านเก็บแรงไว้หายใจเถิด ให้ข้าดูบาดแผลของท่านก่อน” 

นางอาศัยจมูกได้กลิ่นเลือดคลำไปบนร่างของเขาแล้วตัดสินใจกระตุกสายรัดเอวของเขาออก ชายหนุ่มไร้แรงต่อต้านจึงได้นอนนิ่งกัดฟันแน่นปล่อยให้สตรีเปลื้องเสื้อท่อนบนออก

“เจอแผลแล้ว!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่62 ดอกบัวน้อย 4

    ซ่งเหอเทียนจวินนั่งมองอาหารตรงหน้าแล้วปรายตาไปมองถาดเล็กๆ ของเจ้าเสือดำที่รูปร่างใหญ่กว่าแมวเล็กน้อย การกินอาหารเป็นความรื่นรมย์อย่างหนึ่งและนังหนูเหยาเหยาก็ฝีมือในการทำอาหารหญิงสาวมองตามสายตาของอาจารย์ปู่แล้วก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าเป็นแมวจึงทำอาหารจากเนื้อปลา แต่ดูเหมือนไม่ถูกปากเอาเสียเลย พอรู้ว่าเป็นเสือดำก็เลยลองเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่เจ้าค่ะ”“เจ้าดูแลมันดีเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็แค่ปีศาจตนหนึ่งกินของดีๆไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดหรอกนะ” พูดแล้วก็นึกเสียดายไก่นึ่งใบบัวตัวนั้นจริงๆ“อาจารย์ปู่ก็เป็นเซียนสมุนไพร ไม่ต้องกินอาหารก็ได้ แต่ท่านก็ยังชอบกินเลย”ซ่งเหอเทียนจวินกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจแล้วก็มองจานเบื้องหน้าที่เป็นปลาทอด “อย่าบอกว่าปลานี่คือปลาที่เจ้าแมวนั้นไม่กิน!”“เหยาเหยาจะทำอย่างนั้นได้อย่างเล่า” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ปลากะพงผัดโหงวก๊วย อาจารย์ปู่เคยบอกว่าชอบมาก เหยาเหยาจึงทำให้ ส่วนปลาที่เจ้าแมว เอ่อ เสือดำน้อยไม่กินนั้น เหยาเหยากินเองเจ้าค่ะ”“แล้วไป”เสียงหัวเราะคิกคักทำให้เสือดำทำหน้าไม่พอใจนัก แต่เมื่อมือเรียวใช้ตะเกียบคืบเนื้อไก่แล้วจ่อที่ปากของมัน กลิ่นหอมเ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่61 ดอกบัวน้อย 3

    “เหยาเหยาเอ๋ย ที่เจ้ารักษาอยู่หาใช่แมวดำ แต่เสือดำต่างหาก” “สะ..เสือ...เสือดำ? เสือดำหรือเจ้าคะ” หญิงสาวเอียงคอมองเจ้าขนฟูตัวนุ่มที่นางอุ้มมารักษา ผ่านมาสามวันแล้วบาดแผลของมันดีขึ้นมาก ประจวบกับซ่งเหอเทียนจวินกลับมาที่สวนเสียนเฉ่า “เหยาเหยาถูกปีศาจหลอกเสียแล้ว” “ปีศาจ?” นางเบิกตากว้างจ้องมองเสือดำที่เข้าใจมาตลอดมันคือแมวดำ มิน่าน่าตัวมันถึงได้ใหญ่กว่าแมวทั่วไปนัก “เจ้านี่เป็นปีศาจหรือเจ้าคะ” “เก็บไอปีศาจได้อย่างดี หรือว่าบาดเจ็บหนักจนไอปีศาจเลือนหายไปล่ะ” ซ่งเหอเทียนจวินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นปลายนิ้วไปหมายจะแตะหน้าผากเสือดำ แต่เจ้าปีศาจตัวจ้อยแยกเขี้ยวขู่แล้วถอยไปหลบข้างหลังเหยาเหยา “อาจารย์ปู่อย่าแกล้งเจ้าแมวน้อย เอ่อ เสือดำน้อยเลยเจ้าค่ะ” หลายวันที่อยู่ด้วยกัน เหยาเหยาเอาแต่เรียกมันว่าแมวน้อย นางไม่อยากตั้งชื่อเพราะกลัวการผูกพัน “เหยาเหยาชอบเจ้าเสือดำตัวน้อยนี่รึ” ซ่งเหอเทียนจวินลูบหนวดเคราสีเงินยวงของตนพลางยิ้มน้อยๆ ดวงตาจ้องมองปีศาจเสือดำตัวน้อย “ถ้าเหยาเหยาชอบ อาจารย์ปู่จะร่ายมนต์ทำพันธะสัญญาใ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่60

    “ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพมา...หลายปีมานี้นับว่าคืบหน้ามากแล้ว คิดว่าอีกไม่นานท่านแม่ทัพคงได้รู้ความจริง” เยี่ยหรงเก็บงำความคิดของตนไว้เพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าท่านพ่อท่านแม่ล้วนต้องการให้เขา ‘ปล่อยวาง’ เรื่องที่ผ่านมา แต่เป็นเขาที่ไม่อาจปล่อยวางได้ เหมือนคนที่ถูกตรวนด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมจึงมีคนต้องการชีวิตของกับมารดาทั้งที่เขายังเป็นเพียงก้อนเลือดในครรภ์เท่านั้น เสียงถอนหายใจแม้เพียงแผ่วเบาแต่กระทบโสตประสาทการรับรู้ของเยี่ยหรง ดวงตาดำปรายตามองเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาหลูจิ่งเซวียนผวาเล็กน้อย แม้เขาเป็นเพียงหมอทหารแต่เพราะรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของท่านแม่ทัพมานาน อาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทแต่ก็เป็นคนที่แม่ทัพเยี่ยไว้ใจ แต่นั้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบนี้ซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ “อยากพูดอะไรก็พูดมา” เยี่ยหรงเอ่ยแล้วก้าวเท้าเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง “ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า....มารดาของท่านอาจเป็นสนมหรือนางกำนัลของฮ่องเต้พระองค์ก่อน” “หรืออาจจะเป็นเพียงคนไม่สำคัญที่เกะกะขวางหูข

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่59

    ‘เพราะครั้งนี้ไม่ได้ไปรบ และเพราะขอสนมของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงอนุญาตให้นำทหารติดตามไปได้แค่ห้าร้อยนาย...เจ้าต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ใช้สติให้มาก’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอบรมบุตรชายคนเล็ก ทำได้แต่แค่ส่ายศีรษะไปมาจนใจกับความดื้อรั้นของบุตรชายคนเล็กผู้นี้แล้ว ‘ลูกทราบแล้วขอรับ’ เขาก้มศีรษะรับคำสั่งสอนแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ชายทั้งสอง ‘ฝากดูแลท่านแม่ด้วย’ ‘วางใจเถอะ เจ้าทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วงเถิด’ ‘ท่านแม่...หากว่ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ขอท่านแม่เมตตาช่วยตามสมควร หรือมีสิ่งใดโปรดให้ม้าเร็วส่งข่าวถึงลูกด้วย’ ‘เจ้าก็อย่าได้เป็นกังวลไป เรื่องทางนี้แม่จัดการให้ได้’ ‘ยังจะมีหน้าห่วงสตรีอีกเรอะ! ที่ต้องลำบากเช่นนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นหน้าเสียจริงว่าเป็นคนเช่นไร’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ภรรยาของตนกลับหัวเราะออกมา ‘ข้าเป็นแม่ยังไม่กังวล ท่านพี่จะเป็นทุกข์ร้อนไปไย’ เย่าเฉินตบหลังมือของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี ‘หรงเอ๋อร์ของเรารู้จักห่วงใยสตรีแล้ว ย่อมเป็นเรื่องดี’

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่ 58 ตบหน้า2

    เพียะ!กว่าหลินอวี่เหยาจะได้สติ ซีกแก้มนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและความเจ็บมาแทนที่ หญิงสาวผสานสายตากับดวงตาโกรธเกรี้ยวที่จ้องมองอยู่ มือที่ง้างข้างในอากาศยังสั่นระริก หลินอวี่เหยามั่นใจว่าไม่เคยพบสตรีผู้นี้รวมทั้งความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนราวกับเพิ่งรู้สึกตัว องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านพลันได้สติ แม้แต่นางกำนัลข้างกายยังตกใจเพราะปกติแล้วเซวียนจิ้งหว่านมักเก็บงำความรู้สึกของตนเองมิดชิด ไม่ลงไม้ลงมือด้วยตนเองแต่สั่งให้นางกำนัลข้างกายหรือแม่นมเป็นคนจัดการแทน ภาพลักษณ์ของเซวียนจิ้งหว่านคือองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวาน ไม่เคยมีผู้ใดเห็นด้านมืดของนางหลินอวี่เหยาสูดลมหายใจลึก ดวงตากลมหรี่มองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจำไม่ได้ว่ามีเรื่องใดบาดหมางกับท่าน”“นังแพศยา! เจ้าใช้เล่ห์กลใดล่อลวงแม่ทัพเยี่ยหรง!”ได้ยินเท่านี้ คิ้วเรียวงามก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมา “อ่อ...เป็นเรื่องแม่ทัพเยี่ยหรงเองหรอกรึ”“เจ้า!” เซวียนจิ้งหว่านกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ นางง้างฝ่ามือแล้วฟาดใส่อีกฝ่าย ทว่าหลินแค่เบี่ยงตัวหลบมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทว่าทำให้องค์หญิงเสียหลักล้มลงไปนั่งบน

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่57 ตบหน้า 1

    องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่มือที่อยู่ชายเสื้อนั้นกำแน่น นางแอบรักบุรุษผู้นั้นมานาน ที่ผ่านมาฮ่องเต้มักเปรยถึงแม่ทัพเยี่ยหรงที่ยังไร้คู่ครองและคิดจะให้นางอภิเษกกับแม่ทัพเยี่ยหรง นางเฝ้าวันที่จะได้สวมชุดแดงมงคลเคียงข้างแม่ทัพผู้องอาจ คิดเสมอมาว่าเมื่อเสร็จศึกชายแดน นางจะได้.... ทว่าเป็นนางที่เพ้อฝันไปฝ่ายเดียว แม้รู้ดีว่าที่ผ่านมาเป็นนางฝ่ายเดียวที่มีใจให้ แต่คิดว่า...หากใจของเขาไม่มีหญิงอื่น นางย่อมมีสิทธิ์ยืนในใจของเขา ที่แท้...เข้ามีนางในดวงใจและยังเป็นสตรีของฮ่องเต้อีกด้วย “หลินอวี่เหยาเข้าวังตอนที่นางอายุสิบห้า เข้าวังได้ไม่ถึงครึ่งปีก่อเรื่องใหญ่ถูกส่งไปรับโทษที่ตำหนักเย็น นางอยู่ที่นั้นมาสองปีกว่าเพิ่งจะได้ก้าวเท้าออกมา เหตุใดจึงพบแม่ทัพเยี่ยหรงได้ หรือว่าทั้งสองแอบลอบพบกันมาก่อนเพคะ” เว่ยซูอิ๋นเอ่ยถาม นางก็ไม่ได้พอใจที่เห็นฮ่องเต้ใส่ใจหลิวอวี่เหยานั้น หากมีหนทางนางก็ต้องหาทางกำจัดสตรีที่เข้ามาขวางทางเดินของนาง “นั้นสิ แม่ทัพเยี่ยหรงคิดไม่ซื่อกับบัลลังก์ของลูกเป็นแน่” ไทเฮาสีหน้าไม่ดีนัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status