Beranda / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ /  ตอนที่9 บุรุษแปลกหน้าในคืนจันทร์เสี้ยว 2

Share

 ตอนที่9 บุรุษแปลกหน้าในคืนจันทร์เสี้ยว 2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-15 02:09:20

                ความชุ่มชื่นไหลผ่านริมฝีปากลงไปยังลำคอทำให้ชายหนุ่มค่อยๆ รู้สึกตัวแต่เพราะความกระหาย เขาคว้าข้อมือเล็กไว้ทันทีที่รู้สึกว่านางกำลังผละไป

          “นี่! ข้ารู้ว่าเจ้ากระหายน้ำ แต่จับมือข้าเช่นนี้ ข้าป้อนน้ำให้ไม่ได้”   นางขึ้นเสียงใส่อย่างหงุดหงิด มือของเขาแข็งแกร่งปานคีบเหล็ก แต่นั้นก็ทำให้รู้ว่าร่างกายของเขาคลายความร้อนลงไปมากแล้ว

            เพราะไม่เคยถูกสตรีดุใส่หรือใช้น้ำเสียงเช่นนี้ ชายหนุ่มพลันได้สติและปรับสายตาครู่หนึ่ง เขามองเห็นเงาร่างแบบบางที่สวมเสื้อผ้าชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ  เส้นผมสีดถักเป็นเปียเส้นเดียวแล้วมีผ้าโผกศีรษะทับอีกชั้น ดูราวกับหญิงชาวบ้าน ทว่าที่นี่คือตำหนักเย็น หรือนางจะเป็นหญิงรับใช้ที่ติดตามสนมเข้าในที่แห่งนี้

            “ขอมือข้าคืนได้หรือไม่”

            ใบหน้าหญิงสาวที่ผอมซูบแต่มีดวงตาประกายสดใสทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าตนกำข้อมือนางอยู่ เขาจึงรีบปล่อยมือทันที  หลินอวี่เหยาถอนหายใจเบาๆ ดูข้อมือของตนที่เป็นแดงขึ้นมาแล้วทำตาดุใส่บุรุษแปลกหน้า

            “ยึดเตียงข้าไม่พอ กล้าทำร้ายผู้มีพระคุณอีก”

            ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วกลอกตามองไปด้านข้างจึงรู้ว่าตนนอนอยู่บนที่นอนหญ้าแห้งเพราะมีเศษหญ้าแห้งหลุดออกมา

            “ฝีมือเย็บปักข้าไม่ดีนัก”  นางรีบออกตัวแล้วเดินไปรินน้ำอุ่นกลับมายื่นให้เขา “ค่อยๆจิบ”

            “แม่นางช่วยข้า?”

            “เจ้าเห็นมีคนอื่นรึ”  หญิงสาวยิ้มมุมปากเชิดใบหน้าขึ้นด้วยความเคยชิน

            “เจ้าเป็นหมอ?”  เขาก้มมองแผ่นอกเปลือยเปล่าที่ตอนนี้มีผ้าพันที่หัวไหล่ซ้าย อาการร้อนไปทั่วร่างไร้เรี่ยวแรงก็บรรเทาลง

            “ไม่ใช่”  นางยักไหล่เล็กน้อย ลืมตัวไปว่าตอนนี้อยู่ในร่างอายุสิบเจ็ดเท่านั้น แต่...คนที่นี่อายุสิบเจ็ดก็ไม่ใช่เด็กแล้วนี่นะ “ช่างเถอะ ข้าพอรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้าง แล้วก็ต้องขออภัยที่เมื่อวานข้าหลอกเจ้าว่าถูกพิษร้ายแรง”

            “แล้วข้าเป็นอะไร” เขาถามหลังจากดื่มน้ำจนหมดถ้วยแล้ว

            “เป็นไข้จากแผลติดเชื้อ เอ่อ เอาเป็นว่าเป็นไข้เพราะบาดแผลของเจ้านั้นแหละ”  ที่นี่ไม่มียาฆ่าเชื้อ ยาล้างแผล นางต้มน้ำสมุนไพรจากใบฝรั่งกับขิงใช้ล้างแผลแล้วก็เช็ดตัวจนไข้ลด “โชคดีที่เช็ดตัวแล้วไข้ลด”

            “เช็ด...เช็ดตัว? เจ้าเช็ดตัวข้า!”

            ดวงตาคมจ้องมองอย่างดุดัน แต่หญิงสาวกลับเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย พลันยื่นหลังมือแตะหน้าผากของเขาอีก!

            กว่าจะรู้ตัว นางก็ชักมือกลับไปแล้ว

            “ไข้ลดแล้ว แต่ทำไมเจ้าทำหน้าเหมือนสติไม่ปกติ หรือก่อนหน้านี้เป็นไข้จนกระทบกระเทือนสมอง”

            “เจ้า! เจ้าเป็นสตรีเหตุใดไม่รู้จักสำรวม”

            หลินอวี่เหยาได้ยินดังนั้นพลันเข้าใจทันที ใบหน้าหวานระบายยิ้มระเรื่อก่อนหัวเราะออกมา

            “โธ่! ข้าก็นึกว่าเจ้าอาการหนัก ที่แท้กังวลเรื่องแค่นี้” นางโบกมือไปมา “เรื่องแค่นี้ข้าไม่ถือ เจ้าจะถือทำไม”

            ขนาดก่อนมาที่นี่ ข้ายังเป็นสตรีนางเดียวในคณะเดินป่า

            “เจ้าไม่กลัวข้าหรือไร”

            “กลัวสิ”  หญิงสาวยังคงยิ้มกว้าง “กลัวเจ้าจะตายในบ้านข้านะสิ”

            ชายหนุ่มจ้องมองอย่างประหลาดใจ แม่นางผู้นี้แลดูเป็นดรุณีน้อยแรกแย้มแต่การพูดจาฉะฉานทำราวกับอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ซ้ำยังไม่รักษากิริยาต่อหน้าบุรุษอีก มีสตรีผู้ใดฉีกยิ้มให้บุรุษที่ไม่รู้จักกันเช่นนี้

            “ข้าหายดีแล้วจะ...”  ชายหนุ่มลุกขึ้นแต่กลับไร้เรี่ยวแรง จนต้องนั่งตามเดิม

            “เดี๋ยวก่อน ไข้เพิ่งลดยังไปไหนไม่ได้”  พูดแล้วก็ยื่นมือไปกดไหล่สองข้างไว้ก่อน “ข้าก็ไม่ได้อยากให้ผู้อื่นมาแย่งที่นอนข้าหรอกนะ”

            “เจ้าไม่ถามชื่อแซ่ ไม่ถามแม้กระทั่งข้าได้รับบาดเจ็บอย่างไร และทำไมถึงมาที่นี่”

            “รู้น้อยก็ดีกับตัวข้า” นางพูดแล้วเดินไปยกถ้วยโจ๊กมาให้ “กินอะไรอุ่นๆ ให้กะเพาะอุ่นท้องเสียหน่อย เจ้าอย่าเห็นว่าเป็นแค่โจ๊กเปล่าๆ นะ กว่าจะได้ข้าวมาทำโจ๊กได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

            นางต้องใช้ความรู้ด้านสมุนไพรแลกมาเชียวนะ

            “โจ๊กใส่ขิง ช่วยขับพิษและไข้ได้ เจ้าค่อยๆกิน ประเดี๋ยวข้ามา ข้าไปตักน้ำก่อน”

            “ข้าจะไปช่วย”

            “ไม่ต้องๆ กว่าข้าจะห้ามเลือดได้ก็เสียเวลาไปค่อนคืน หากเจ้าขยับตัวแรงไป แผลได้ปริเป็นแน่ หากใจมีใจอยากช่วย ก็แค่ช่วยอยู่นิ่งๆ ก็พอ”

            หญิงสาวหมุนตัวเดินออกมาจึงไม่ทันสีหน้าดำมืดของอีกฝ่าย นางแอบแลบลิ้นทะเล้นแล้วเดินไปไปตักน้ำที่บ่อด้านหลัง  หากไม่รีบตักน้ำตอนนี้ต้องหิ้วน้ำตากแดด ได้เป็นลมแดดแน่ กว่าจะฟื้นร่างกายนี้ขึ้นมาได้ก็แสนยากลำบาก ลำพังร่างกายนี้ก็อ่อนแอยู่แล้ว อาหารการกินไม่ได้สมบูรณ์ อยู่ในที่อาการเย็นชื้น เด็กสาวอายุแค่สิบหกสิบเจ็ดต้องแบกความทุกข์ยากขนาดไหน ทั้งที่นางเป็นถึงบุตรีเสนาบดีฝ่ายพิธี แต่

ต้องชีวิตแสนลำเข็น อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเจ้าของร่าง นางยังคงรู้สึกถึงอารมณ์ถวิลหาอ้อมกอดของมารดาและหวังว่าจะได้กลับไปเยือนบ้านเกิดของมารดาสักครั้ง         นางนี่ก็...เอาแต่สนใจเรื่องพฤษศาสตร์ หากรู้ว่าตัวเองจะทะลุมิติมาแบบนี้ มิสู้ศึกษาประวัติใส่สมองสักหน่อยก็ดี ซีรีย์ก็ไม่ค่อยได้ดู แล้วจะเอาตัวรอดยังไงล่ะเนี้ย

            “แม่นางหลิน”

            “เจ้าค่ะ” 

นางส่งเสียงขานรับแล้วเดินไปที่รอที่ประตูใหญ่ซึ่งถูกใส่กลอนจากด้านนอก ถ้านางมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นบุรุษที่นางซ่อนไว้ ก็คงปีนออกไปได้แล้ว นางเพิ่งนึกได้ว่าในห้องซ่อนบุรุษตัวโตไว้ จึงชะงักอยู่หลังบานประตู

                “นี่เข็มเงินที่เจ้าขอไว้”  ขันทีซูจินพูดขึ้นหลังเปิดประตูแล้ว เขาหันซ้ายหันขวามองราวกับกลัวว่าผู้ใดจะเห็นเข้า ทั้งที่ปกติไม่มีใครสนใจนัก “แล้วก็ตำราแพทย์ที่ให้ข้าหาให้”

                “ขอบคุณเจ้าค่ะ”

                แม้เป็นสนมแต่ก็สนมตกอับ ไร้อำนาจวาสนา นางจึงขอให้ขันทีจูซินเรียกนางเช่นคนธรรมดา ดูเหมือนขันทีน้อยก็พอใจกับการเรียกขานนี้

                “มีอะไรหรือ?”

                “ได้ยินว่ามีคนร้ายบุกตำหนักเย็น เจ้า...ปลอดภัยดีนะ”

                หลินอวี่เหยาได้ยินก็หัวเราะออกมา “ตำหนักเย็นมีอะไรให้ต้องถึงขั้นบุกเข้ามา”

                “ก็นั้นสินะ แต่...ช่างเถอะๆ ข้าอยู่นานไม่ได้ ต้องรีบไปก่อน”

                “ขอบใจเจ้าขันทีน้อยมาก เมื่อไหร่ได้เป็นกงกงยอย่าลืมข้าล่ะ”

                ซูจินยิ้มถูกใจกับคำพูดยกยอของสนมหลิน แต่เขาไม่มีเวลานักเพราะในวังมีงานเลี้ยง คนทำงานแทบไม่พอ แต่เพราะสัญญาจะเอาเข็มเงินมาให้นางจึงรีบก่อน

                หญิงสาวรับตำราและเข็มเงินมาแล้วก็กล่าวขอบคุณอีกหลายครั้ง ตอนที่ศึกษาพืชสมุนไพรก็เรียนรู้เรื่องแพทย์แผนจีน ตอนนั้นอาจารย์ยังเอ่ยปากชมว่านางมีพรสวรรค์แต่ไม่เอาดีด้านนี้เอง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่62 ดอกบัวน้อย 4

    ซ่งเหอเทียนจวินนั่งมองอาหารตรงหน้าแล้วปรายตาไปมองถาดเล็กๆ ของเจ้าเสือดำที่รูปร่างใหญ่กว่าแมวเล็กน้อย การกินอาหารเป็นความรื่นรมย์อย่างหนึ่งและนังหนูเหยาเหยาก็ฝีมือในการทำอาหารหญิงสาวมองตามสายตาของอาจารย์ปู่แล้วก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าเป็นแมวจึงทำอาหารจากเนื้อปลา แต่ดูเหมือนไม่ถูกปากเอาเสียเลย พอรู้ว่าเป็นเสือดำก็เลยลองเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่เจ้าค่ะ”“เจ้าดูแลมันดีเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็แค่ปีศาจตนหนึ่งกินของดีๆไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดหรอกนะ” พูดแล้วก็นึกเสียดายไก่นึ่งใบบัวตัวนั้นจริงๆ“อาจารย์ปู่ก็เป็นเซียนสมุนไพร ไม่ต้องกินอาหารก็ได้ แต่ท่านก็ยังชอบกินเลย”ซ่งเหอเทียนจวินกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจแล้วก็มองจานเบื้องหน้าที่เป็นปลาทอด “อย่าบอกว่าปลานี่คือปลาที่เจ้าแมวนั้นไม่กิน!”“เหยาเหยาจะทำอย่างนั้นได้อย่างเล่า” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ปลากะพงผัดโหงวก๊วย อาจารย์ปู่เคยบอกว่าชอบมาก เหยาเหยาจึงทำให้ ส่วนปลาที่เจ้าแมว เอ่อ เสือดำน้อยไม่กินนั้น เหยาเหยากินเองเจ้าค่ะ”“แล้วไป”เสียงหัวเราะคิกคักทำให้เสือดำทำหน้าไม่พอใจนัก แต่เมื่อมือเรียวใช้ตะเกียบคืบเนื้อไก่แล้วจ่อที่ปากของมัน กลิ่นหอมเ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่61 ดอกบัวน้อย 3

    “เหยาเหยาเอ๋ย ที่เจ้ารักษาอยู่หาใช่แมวดำ แต่เสือดำต่างหาก” “สะ..เสือ...เสือดำ? เสือดำหรือเจ้าคะ” หญิงสาวเอียงคอมองเจ้าขนฟูตัวนุ่มที่นางอุ้มมารักษา ผ่านมาสามวันแล้วบาดแผลของมันดีขึ้นมาก ประจวบกับซ่งเหอเทียนจวินกลับมาที่สวนเสียนเฉ่า “เหยาเหยาถูกปีศาจหลอกเสียแล้ว” “ปีศาจ?” นางเบิกตากว้างจ้องมองเสือดำที่เข้าใจมาตลอดมันคือแมวดำ มิน่าน่าตัวมันถึงได้ใหญ่กว่าแมวทั่วไปนัก “เจ้านี่เป็นปีศาจหรือเจ้าคะ” “เก็บไอปีศาจได้อย่างดี หรือว่าบาดเจ็บหนักจนไอปีศาจเลือนหายไปล่ะ” ซ่งเหอเทียนจวินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นปลายนิ้วไปหมายจะแตะหน้าผากเสือดำ แต่เจ้าปีศาจตัวจ้อยแยกเขี้ยวขู่แล้วถอยไปหลบข้างหลังเหยาเหยา “อาจารย์ปู่อย่าแกล้งเจ้าแมวน้อย เอ่อ เสือดำน้อยเลยเจ้าค่ะ” หลายวันที่อยู่ด้วยกัน เหยาเหยาเอาแต่เรียกมันว่าแมวน้อย นางไม่อยากตั้งชื่อเพราะกลัวการผูกพัน “เหยาเหยาชอบเจ้าเสือดำตัวน้อยนี่รึ” ซ่งเหอเทียนจวินลูบหนวดเคราสีเงินยวงของตนพลางยิ้มน้อยๆ ดวงตาจ้องมองปีศาจเสือดำตัวน้อย “ถ้าเหยาเหยาชอบ อาจารย์ปู่จะร่ายมนต์ทำพันธะสัญญาใ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่60

    “ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพมา...หลายปีมานี้นับว่าคืบหน้ามากแล้ว คิดว่าอีกไม่นานท่านแม่ทัพคงได้รู้ความจริง” เยี่ยหรงเก็บงำความคิดของตนไว้เพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าท่านพ่อท่านแม่ล้วนต้องการให้เขา ‘ปล่อยวาง’ เรื่องที่ผ่านมา แต่เป็นเขาที่ไม่อาจปล่อยวางได้ เหมือนคนที่ถูกตรวนด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมจึงมีคนต้องการชีวิตของกับมารดาทั้งที่เขายังเป็นเพียงก้อนเลือดในครรภ์เท่านั้น เสียงถอนหายใจแม้เพียงแผ่วเบาแต่กระทบโสตประสาทการรับรู้ของเยี่ยหรง ดวงตาดำปรายตามองเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาหลูจิ่งเซวียนผวาเล็กน้อย แม้เขาเป็นเพียงหมอทหารแต่เพราะรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของท่านแม่ทัพมานาน อาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทแต่ก็เป็นคนที่แม่ทัพเยี่ยไว้ใจ แต่นั้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบนี้ซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ “อยากพูดอะไรก็พูดมา” เยี่ยหรงเอ่ยแล้วก้าวเท้าเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง “ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า....มารดาของท่านอาจเป็นสนมหรือนางกำนัลของฮ่องเต้พระองค์ก่อน” “หรืออาจจะเป็นเพียงคนไม่สำคัญที่เกะกะขวางหูข

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่59

    ‘เพราะครั้งนี้ไม่ได้ไปรบ และเพราะขอสนมของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงอนุญาตให้นำทหารติดตามไปได้แค่ห้าร้อยนาย...เจ้าต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ใช้สติให้มาก’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอบรมบุตรชายคนเล็ก ทำได้แต่แค่ส่ายศีรษะไปมาจนใจกับความดื้อรั้นของบุตรชายคนเล็กผู้นี้แล้ว ‘ลูกทราบแล้วขอรับ’ เขาก้มศีรษะรับคำสั่งสอนแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ชายทั้งสอง ‘ฝากดูแลท่านแม่ด้วย’ ‘วางใจเถอะ เจ้าทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วงเถิด’ ‘ท่านแม่...หากว่ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ขอท่านแม่เมตตาช่วยตามสมควร หรือมีสิ่งใดโปรดให้ม้าเร็วส่งข่าวถึงลูกด้วย’ ‘เจ้าก็อย่าได้เป็นกังวลไป เรื่องทางนี้แม่จัดการให้ได้’ ‘ยังจะมีหน้าห่วงสตรีอีกเรอะ! ที่ต้องลำบากเช่นนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นหน้าเสียจริงว่าเป็นคนเช่นไร’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ภรรยาของตนกลับหัวเราะออกมา ‘ข้าเป็นแม่ยังไม่กังวล ท่านพี่จะเป็นทุกข์ร้อนไปไย’ เย่าเฉินตบหลังมือของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี ‘หรงเอ๋อร์ของเรารู้จักห่วงใยสตรีแล้ว ย่อมเป็นเรื่องดี’

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่ 58 ตบหน้า2

    เพียะ!กว่าหลินอวี่เหยาจะได้สติ ซีกแก้มนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและความเจ็บมาแทนที่ หญิงสาวผสานสายตากับดวงตาโกรธเกรี้ยวที่จ้องมองอยู่ มือที่ง้างข้างในอากาศยังสั่นระริก หลินอวี่เหยามั่นใจว่าไม่เคยพบสตรีผู้นี้รวมทั้งความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนราวกับเพิ่งรู้สึกตัว องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านพลันได้สติ แม้แต่นางกำนัลข้างกายยังตกใจเพราะปกติแล้วเซวียนจิ้งหว่านมักเก็บงำความรู้สึกของตนเองมิดชิด ไม่ลงไม้ลงมือด้วยตนเองแต่สั่งให้นางกำนัลข้างกายหรือแม่นมเป็นคนจัดการแทน ภาพลักษณ์ของเซวียนจิ้งหว่านคือองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวาน ไม่เคยมีผู้ใดเห็นด้านมืดของนางหลินอวี่เหยาสูดลมหายใจลึก ดวงตากลมหรี่มองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจำไม่ได้ว่ามีเรื่องใดบาดหมางกับท่าน”“นังแพศยา! เจ้าใช้เล่ห์กลใดล่อลวงแม่ทัพเยี่ยหรง!”ได้ยินเท่านี้ คิ้วเรียวงามก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมา “อ่อ...เป็นเรื่องแม่ทัพเยี่ยหรงเองหรอกรึ”“เจ้า!” เซวียนจิ้งหว่านกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ นางง้างฝ่ามือแล้วฟาดใส่อีกฝ่าย ทว่าหลินแค่เบี่ยงตัวหลบมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทว่าทำให้องค์หญิงเสียหลักล้มลงไปนั่งบน

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่57 ตบหน้า 1

    องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่มือที่อยู่ชายเสื้อนั้นกำแน่น นางแอบรักบุรุษผู้นั้นมานาน ที่ผ่านมาฮ่องเต้มักเปรยถึงแม่ทัพเยี่ยหรงที่ยังไร้คู่ครองและคิดจะให้นางอภิเษกกับแม่ทัพเยี่ยหรง นางเฝ้าวันที่จะได้สวมชุดแดงมงคลเคียงข้างแม่ทัพผู้องอาจ คิดเสมอมาว่าเมื่อเสร็จศึกชายแดน นางจะได้.... ทว่าเป็นนางที่เพ้อฝันไปฝ่ายเดียว แม้รู้ดีว่าที่ผ่านมาเป็นนางฝ่ายเดียวที่มีใจให้ แต่คิดว่า...หากใจของเขาไม่มีหญิงอื่น นางย่อมมีสิทธิ์ยืนในใจของเขา ที่แท้...เข้ามีนางในดวงใจและยังเป็นสตรีของฮ่องเต้อีกด้วย “หลินอวี่เหยาเข้าวังตอนที่นางอายุสิบห้า เข้าวังได้ไม่ถึงครึ่งปีก่อเรื่องใหญ่ถูกส่งไปรับโทษที่ตำหนักเย็น นางอยู่ที่นั้นมาสองปีกว่าเพิ่งจะได้ก้าวเท้าออกมา เหตุใดจึงพบแม่ทัพเยี่ยหรงได้ หรือว่าทั้งสองแอบลอบพบกันมาก่อนเพคะ” เว่ยซูอิ๋นเอ่ยถาม นางก็ไม่ได้พอใจที่เห็นฮ่องเต้ใส่ใจหลิวอวี่เหยานั้น หากมีหนทางนางก็ต้องหาทางกำจัดสตรีที่เข้ามาขวางทางเดินของนาง “นั้นสิ แม่ทัพเยี่ยหรงคิดไม่ซื่อกับบัลลังก์ของลูกเป็นแน่” ไทเฮาสีหน้าไม่ดีนัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status