หลังจากกลับที่พักห่าวอู๋อวี่ก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกแล้ว จื่ออี้เฉินเห็นใจผู้เป็นเจ้านายจริงอาสาที่จะอยู่ดูแลเรือนแห่งนี้ตอนที่เจ้านายนั้นหลับเพื่อที่จะไม่ให้ใครลงมือ "ท่านแม่บุรุษผู้นั้นปฏิเสธลูกอย่างไรเยื่อใยท่านแม่ใช้มนต์กับเขาให้ลูกเถอะหากพรุ่งนี้เขาเดินทางออกจากจวนแล้ว เราจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ ท่านแม่ก็รู้นี่หากเราใช้เขาเพื่อไต่เต้าไปจะเป็นผลดีกับเราไม่น้อยไม่ใช่หรือ"บุตรสาวพยายามที่จะเกลี่ยกล่อมผู้เป็นมารดา นางได้ฟังบุตรสาวพูดทุกวัน จนรู้สึกว่าบุตรสาวมีเหตุผลดังนั้นจึงเลือกที่จะช่วยบุตรสาว เมื่อตะวันลับขอบฟ้าเรือนที่จื่ออี้เฉินเฝ้าอยู่เฉยๆเหมือนถูกสะกด ผู้คนที่อยู่หน้าเรือนนั้นล้มลง เจ้าอีกาดำสามขากลายร่างเป็นอีกาดำตั้งนานแล้ว มันจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และมีสตรีผู้หนึ่งเดินย่างก้าวเข้ามา"เจ้านาย เจ้านาย เจ้านาย"เจ้าจื่ออี้เฉินพยายามที่จะเรียกเจ้านายแต่ก็ไร้ผลเจ้านายของมันเหมือนถูกมนต์สะกด นั่งอยู่และสตรีผู้นั้นก็นั่งอยู่ด้านหน้าของเขา"ท่านจะปฏิเสธข้าไปเพื่อสิ่งใดกันหรือ ต่อไปนี้เราสองคนจะอยู่ที่นี่ข้าจะไม่ให้เจ้าปฏิเสธข้าและจากข้าไป
หลังจากที่ห่าวอู๋อวี่ให้จืออี้เฉินไปเฝ้าสังเกตการณ์สตรีผู้นั้น เขามองเผินๆแล้วสตรีผู้นั้นก็เป็นสตรีที่อ่อนหวาน ปฏิบัติกับบ่าวรับใช้เป็นอย่างดี ไม่มีท่าทีที่จะก่อความวุ่นวายให้กับเจ้านายตัวเองเลยสักครั้ง จนเขาตัดสินใจที่จะกลับไปหาเจ้านาย แต่ก็พบว่าเจ้านายไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเขาสื่อสารไปหาเจ้านายก็พบว่าเจ้านายเข้าไปในป่าเถาย์เอื้อยไปสอนลูกศิษย์ทั้งสอง ให้ตนดูความเคลื่อนไหวของสตรีผู้นั้นต่อไป ห่าวอู๋อวี่เองนึกถึงหน้าสตรีผู้นั้นตอนที่มองเขา สายตาคู่นั้น ดังถูกหว่านเสน่ห์ใส่ไม่น้อย มีน้อยคนนักที่จะทำให้ห่าวอู๋อวี่อ่อนไหวและสตรีผู้นี้ก็เหมือนจะทำให้เขาอ่อนไหว ซึ่งเขายังอยากรู้ต้นสายปลายเหตุ หรือว่าสตรีผู้นี้มีความเชื่อมโยงกับจินเป่าหรือไม่ เขาจึงให้สัตว์อสูรไปสืบดู "ท่านแม่ข้าสนใจบุรุษผู้นั้นจริงๆบุรุษผู้ที่เป็นอาจารย์ของคุณชายทั้งสองคนนั่น เขาเป็นบุรุษผู้ที่หล่อเหลามาก และข้าได้ยินว่าเขาเก่งกาจแถมยังมีเคล็ดวิชาประจำตระกูลอี้อีก ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นผู้นำตระกูลอี้คนต่อไปหรอกหรือ หากข้าพิชิตใจเขาสำเร็จแล้วเราทั้งสองก็จะได้เป็นผู้นำตระกูลอี้นะท่านแม่"เสียงสตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น จึงทำให้จืออี้เฉิ
ผู้นำตระกูลอี้จัดสถานที่ให้ห่าวอู๋อวี่สอนบุตรทั้งสองของตน ณ กลางลานพฤกษา ฮูหยินและอนุเดินผ่านไปมาเพื่อชมพฤกษาต่างๆก็พบว่ามีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในลานพฤกษา บุรุษที่หน้าตางดงามราวกับออกมาจากภาพแกะสลัก พวกเขาเดินไปก็หันมองบุรุษผู้นั้นไป ครั้นมาถึงกลางลานพฤกษาผู้เป็นผู้นำตระกูลก็นั่งในตำแหน่งที่สูงสุดรองลงมาก็เป็นบุตรทั้งสองผู้หนึ่งอายุราวๆยี่สิบห้าและมีผู้หนึ่งที่ช่วยชีวิตห่าวอู๋อวี่ไว้ซึ่งอายุสิบสามปี เมื่อได้ฟังบิดาพูดว่าจะให้บุคคลผู้นี้สอนเคล็ดวิชาทศทิศพิสดารทั้งสองก็ยินดียิ่งนัก แม้นว่าบุตรคนโตจะไม่รู้ว่าบุคคลนี้เป็นใครแต่เขาก็นับถือดั่งอาจารย์แล้วเมื่อห่าวอู๋อวี่เดินเข้ามาทั้งสองก็เดินเข้ามาหาเขาและคารวะเขาทันที"ข้าอี้ผู่เยว่ขอคารวะอาจารย์""ข้าอี้ตงหยางขอคารวะอาจารย์"ทั้งสองคนกล่าวพร้อมกันทำให้ห่าวอู๋อวี่รู้สึกดีเขาไม่คิดเลยว่าการที่จะฝึกสอนใครสักคนแล้วจะรู้สึกดีขนาดนี้ ก่อนอื่นห่าวอู๋อวี่ก็รำเพลงดาบทศทิศพิสดารให้ท่านผู้นำดูเสียก่อน "เป็นเพลงดาบนี้จริงๆ ข้าเคยเห็นท่านพ่อให้อาจารย์มาฝึกให้ ข้าเห็นมาโดยตลอด แต่ข้าก็ไม่สามารถฝึกมันได้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสองจะร่ำเรียนเคล็ดวิชานี้ได
ราวๆเจ็ดวันห่าวอู๋อวี่ก็นั่งขัดสมาธิอีกครั้งและลืมตาขึ้นมา วรยุทธของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเขาลืมตามาแล้วก็มองดูมือซ้ายและมือขวาของตัวเอง ถึงแม้นว่าวรยุทธ์ของเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่เขาก็รู้สึกว่าพลังภายในของเขามันเข้มข้นขึ้น และวรยุทธก็สูงขึ้น ถึงแม้มันจะไม่ออกมาเป็นรูปธรรมก็ตาม เขาก็ดีใจมากแล้ว หลังที่เขารู้สึกตัวก็ออกจากกระโจมทันที เมื่อคนที่อยู่ด้านนอกเห็นก็พากันมองมาที่ห่าวอู๋อวี่ และองครักษ์ก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาเพราะกลัวว่าเขาจะหนีไป"ข้าต้องการพบผู้ที่ช่วยชีวิตของข้าไว้"องครักษ์เหล่านั้นพุ่งตัวมายังไม่ถึงตัวห่าวอู๋อวี่ดีเขาก็บอกความต้องการของเขา องครักษ์ทุกคนจึงหยุดอยู่กับที่ และมีองครักษ์ผู้หนึ่งวิ่งออกไปเพื่อไปตามคุณชายน้อย"เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปหาองค์ชายน้อยของข้าแต่ข้าต้องรายงานกับองค์ชายน้อยเสียก่อนว่าจะให้เจ้าเข้าพบได้ตอนใด"องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความที่ไม่ได้พูดแข็งกระด้างและไม่ได้พูดอ่อนโยนจนเกินไปเขาทำตัวเป็นกลางเพราะว่าองค์ชายน้อยบอกว่าจะให้บุรุษผู้นี้เป็นอาจารย์เขาจึงไม่กล้าที่จะวางอำนาจกับคนผู้นี้ สักพักองครักษ์ผู้นั้นที่วิ่งออกไปถามองค์ชายน้อยก็วิ่งกลับมา
ห่าวอู๋อวี่เมื่อตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองอยู่ในกระโจม หลังจากที่เขารู้ว่ามีเด็กน้อยอายุราวๆ สิบสองสิบสามปีช่วยเขาไว้ เขายังไม่ทันได้พูดอะไรก็รู้สึกว่า ไอวิเศษเข้มข้นพุ่งเข้ามาประทะตัวของเขา จึงทำให้เขาต้องรีบเสพไอวิเศษเหล่านั้น เขาจึงตัดสินใจนั่งสมาธิและเข้าสู่ภวังค์ฝึกฝนทันที ไอวิเศษที่อยู่มิติเชื่อมจิตรนี้เข้มข้นกว่าไอวิเศษที่อยู่มิตินิมิตเสียเหลือเกิน เมื่อเขาเสพเข้าไปอย่างตะกะตะกามแล้ว ไอวิเศษก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีทางที่จะหมดลง มันเข้ามาในร่างกายของเขา แล้วเหมือนว่าข้างนอกข้างในจะปรับสมดุลเข้าหากัน จึงทำให้วรยุทธของห่าวอู๋อวี่ ผันผวนไม่คงที่ เขาจึงพยายามกดไอวิเศษที่เข้ามาใหม่ ในการจัดการกับวิเศษที่เข้ามานั้นทำให้เขาหมดพลังไปมากเลยเหลือเกิน ครั้งเมื่อเขาไล่ด้านบนมันก็ลงสู่ด้านล่างครั้นเมื่อเขาไล่ด้านล่างมันก็พุ่งสู่ด้านบนทำอย่างนี้เรื่อยๆ ครั้นเขาหยุดไม่วิ่งไล่มันไอวิเศษพวกนี้ก็กลับวิ่งอย่างบ้าคลั่งในร่างกายของเขา พลังไอวิเศษหมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเขายังไม่พอ รอบๆกายของเขาตอนนี้ก็มีไอวิเศษไหลเวียนกันหนา จนกลายเป็นแรงต้านของต่างๆที่เข้ามาสู่ร่างของเขา อยู่เฉยๆเพลงดาบหน
"คุณชายน้อยขอรับอย่าควบม้าเร็วถึงเพียงนั้นขอรับ พวกข้าจะตามท่านไม่ทันแล้วขอรับ"เสียงองค์รักษ์ผู้หนึ่งดังขึ้น"ตามไม่ทันก็ไม่ต้องตามสิ พวกเจ้ามัวชักช้า กวางมันวิ่งไปไกลแล้วพวกเจ้าก็ตามไม่ทัน"เสียงเด็กชายวัยสิบสามปีร้องขึ้น เขาเป็นผู้ฝึกยุทธแท้ๆแต่ต้องมีองครักษ์พวกนี้คอยวิ่งตามอยู่ร่ำไป เบื่อก็เบื่อ จะทำอะไรองครักษ์ก็ทำให้ตลอด เมื่อไปร่ำเรียนกับสหายก็มีพวกองครักษ์เป็นสหาย รู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเหมือนมีผู้คุมตลอดเวลา "พวกข้าตามคุณชายน้อยไม่ทันไม่ว่า แต่เกรงว่าคุณชายน้อยจะพลัดตกม้าไปนะขอรับ ช้าๆหน่อยก็ไม่เป็นไรขอรับ กวางตัวนี้มันหนีไปแล้วเราก็หากวางตัวอื่นก็ได้นะขอรับ"เสียงองค์รักพูดขึ้นอีกครั้ง"ทุกคนหยุดก่อนข้าเห็นอะไรอยู่ตรงนั้น นั้นดูนั่นสิเหมือนเป็นอะไรดำๆอยู่นั้น"เสียงของคุณชายน้อยกล่าวขึ้นพรางชี้มือไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งเหมือนมีวัตถุสีดำกองอยู่ เหมือนมีเส้นผมสีดำสระสรวยโผล่พ้นออกมาให้เห็น"เหมือนจะเป็นมนุษย์เลยขอรับคุณชายน้อย ท่านอยู่ที่นี่เดี๋ยวพวกข้าวิ่งไปดูกันเอง"องค์รักษ์ผู้หนึ่งกล่าวขึ้นและกระโดดลงจากหลังม้าและค่อยๆเข้าไปดู ทำให้เด็กหนุ่มน้อยไม่พอใจกร