ผ่านไปสามวัน อาการบาดเจ็บของไป๋อี้หานค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ แผลที่เคยฉกรรจ์เริ่มสมาน ความซีดเซียวบนใบหน้าแม้ยังไม่หายไป แต่แววตาที่เคยหม่นหมองกลับกระจ่างแจ่มชัดขึ้นทุกวันตลอดช่วงเวลานั้น สวีเจียงหลัวแทบไม่ละห่าง ยามเช้านางต้มยาด้วยมือตนเอง กลิ่นสมุนไพรขมกรุ่นอบอวลทั่วกระโจม ยามค่ำก็เปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาอย่างเบามือ แม้เหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยบ่นสักคำ นางมิเรียกใช้ข้ารับใช้ ไม่ว่านางกำนัลหรือขันที ทุกสิ่งล้วนลงมือเอง ประหนึ่งว่าการดูแลเขาคือหน้าที่ที่ผูกพันอยู่ในลมหายใจจนกระทั่งยามเช้าวันที่สี่ อี้หานจึงเอ่ยปากขอให้นางพาออกไปสูดอากาศภายนอกกระโจมบ้างหลังนอนอุดอู้มาหลายวันลมทะเลพัดอ่อน ๆ กลิ่นเค็มสดชื่นซึมเข้าสู่ปอด ทั้งสองเดินเคียงกันท่ามกลางแสงตะวันใกล้อัสดง ฝีเท้าอี้หานยังไม่มั่นคง แต่ยามใดที่เขาซวนเซ มือน้อยของเจียงหลัวก็ประคองไว้เสมอ แขนแกร่งของเขากลับกุมมือนางแน่นราวกับยึดเหนี่ยวเรี่ยวแรงและกำลังใจ“จริงสิ…”เสียงทุ้มของเขาดังขึ้น ขณะทอดสายตามองคลื่นที่ซัดกระทบโขดหิน“เหตุใดเจ้าจึงจากเมืองเหลียงฉู่มาถึงเจียงเหอได้? ข้ามิใช่กำชับแล้วหรือ ให้รออยู่ที่ตำหนักสี่ฤดูของเรา”คำถามนั้น
Last Updated : 2025-08-21 Read more