จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี
นีร่าเริ่มชินกับเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่วิ่งเล่นท้ายหมู่บ้าน เริ่มชินกับกลิ่นแดดแรง ๆ ที่แผดลงบนผ้าปูที่ตากไว้หลังบ้าน เริ่มชินกับการถูกแม่บาร์บราชวนไปช่วยจัดปลาทู และถูกยายมัลด้าบ่นเวลาเดินทำเทียนน้ำมันหก นางเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทีละนิด ขูดมะพร้าว หาบน้ำ ผ่าฟืน และแน่นอน...นางหั่นผักได้เท่ากันหมดแล้วในตอนนี้ (แม้อีธานจะแอบแก้ให้บ้างเวลานางเผลอก็ตาม) ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โดยเฉพาะยามที่ข้ากับอีธานได้นั่งฟังเสียงคลื่นเบา ๆ ริมระเบียง มือของเขาอุ่นเสมอ เวลาวางลงบนมือนาง และหัวใจของก็เต้นแปลก ๆ เสมอ เวลาที่เขามองตานางแล้วเงียบไป แต่ท้องทะเล…ไม่มีวันสงบนานนัก เย็นวันหนึ่ง ฟ้าเปลี่ยนสีเร็วกว่าทุกวัน ลมแรงพัดฝุ่นคลุ้ง เด็ก ๆ หายตัวจากลานเล่น เหลือเพียงเสียงแม่ค้าลากผ้าคลุมแผงกันลม จากขอบฟ้า เรือใบสีดำลำหนึ่งโผล่ขึ้น "เรือธงดำ! โจรสลัดมา!!" เสียงตาเฟร็ดหัวแหลมร้องลั่น ทุกคนวิ่งวุ่น ซ่อนของ ซ่อนตัว แต่ไม่ทัน...โจรสลัดกว่า 10 คนกระโดดขึ้นฝั่ง พวกมันลากของ ขูดทอง จับคนตะโกนใส่กันระงม อีธานคว้าดาบสนิมๆ ข้างฝาไว้ “เจ้าหนีไปนีร่า!” “ไม่! ข้า—” “ไป!!!” เขาพุ่งเข้าใส่ชายตัวโตที่ดูเป็นหัวหน้า แต่เพียงไม่นาน ดาบของศัตรูก็ฟาดลงกลางแผ่นหลังของเขาอย่างแรง เลือดพุ่งกระเซ็น “อีธาน!!!” นีร่ากรีดร้องสุดเสียง ร่างเขาล้มลง ขยับไม่ได้อีก นางวิ่งไปหา แต่โดนกระชากหัวกลับ มือของโจรสลัดตะครุบเธอไว้ พร้อมหัวเราะเสียงต่ำ “หญิงสาวแบบเจ้านี่ ข้าจะเอาไปขายดีมั้ยน้า…” นางร้องไห้ หันไปมองร่างที่นอนแน่นิ่งของอีธาน หัวใจเหมือนจะฉีกขาด “อย่าตายนะ...ข้า ขอร้อง...อีธาน...” ภาพสุดท้ายที่นางเห็น คือแม่บาร์บรา วิ่งฝ่าฝูงคนเข้ามากับช่างไม้บีลาร์ และลุงโทบี้ พวกเขาช่วยกันไล่พวกโจรออกไป และลากตัวอีธานเข้าไปในบ้านแม่เฒ่ามาร์ธา ก่อนที่โจรสลัดจะพานางขึ้นเรือลอยหายออกทะเลไป… นางถูกจับโยนใส่ห้องเก่า ๆ ใต้ท้องเรือ แสงไฟสลัวลอดผ่านช่องไม้ผุ น้ำหยดติ๋ง ๆ จากเพดาน นางกอดเข่าตัวเองเอาไว้แน่น แม้เพียงเสื้อผ้าธรรมดาที่ใส่ติดตัวมา ก็ยังรู้สึกเย็นเฉียบจนแทบสั่น หัวใจนางเหมือนจะหยุดเต้น เมื่อนึกถึงร่างของอีธานที่นอนแน่นิ่งในกองเลือด “เจ้า...อย่าเป็นอะไรเลยนะ...” นางพึมพำเบา ๆ เสียงแหบพร่า เจ้าน้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะนางซุกหน้ากับเข่าตนเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้น ประตูไม้ถูกเปิดออก พร้อมเงาใหญ่ของชายคนหนึ่ง “เจ้าชื่ออะไร” เขาถามเสียงเข้ม “...ข้าไม่จำเป็นต้องบอกกับโจรอย่างท่าน” นางเชิดหน้าตอบ แม้จะกลัวจนแทบขาสั่น เขาหัวเราะ “มีน้ำอดน้ำทนดีนัก ข้าชอบ...ไว้ขายให้พ่อค้ามหาเศรษฐีในเมืองคอร์เซียร์ก็ยังได้กำไร” เขาเดินจากไป ทิ้งให้นางนั่งท่ามกลางความชื้นและกลิ่นเค็มของน้ำทะเล คืนต่อมา ขณะเรือโคลงเคลงจากพายุฝน น้ำทะเลสาดเข้ามาทางช่องไม้ แฉะลงพื้นห้องขังของนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “ไม่...อย่า...” นางถอยหนีไปจนชิดมุม แต่ก็สายเกินไป หยดน้ำแรกสัมผัสปลายนิ้ว ผิวของนางเริ่มเรืองแสงสีมุกบาง ๆ เส้นผมพลิ้วสยาย กลายเป็นประกายสีทองอร่ามดุจเส้นไหมเปียกฝน ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นไหว ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหางเงือกสีทองสว่างวาบ! แปร๊บ! เสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เมื่อหางนางฟาดลงบนพื้นเปียก ราวกับกระจกเงาที่แตกกระจาย เกล็ดบางแวววาวกระพริบแสงเป็นประกายใต้น้ำ นางหายใจหอบ ตัวสั่นเทิ้ม และเมื่อหันไปมองประตูไม้...นางก็พบว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นพอดี! เป็นหนึ่งในโจรสลัด...และเขาเห็นทั้งหมด! “เจ้าคือ...เงือก?” เขากระซิบเบา ๆ ด้วยแววตาตกตะลึง นางนิ่ง สายตาแข็งกร้าว “แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า? จะลากข้าไปประมูลในตลาดรึ? หรือจะเอาเกล็ดของข้าไปต้มเป็นยา?” เขากลืนน้ำลาย ไม่พูดอะไร เพียงแค่ค่อย ๆ ถอยหลังออกไป…และปิดประตูลงอย่างช้า ๆ แต่สายตาคู่นั้นยังคงฝังอยู่ในหัวใจนาง เสียงตะโกนจากชายบนเรือดังขึ้นท่ามกลางหมอกควันหลังศึกปล้นหมู่บ้าน > “ข้าสาบานต่อชื่อแม่ข้า! นางเป็นเงือกจริง ๆ!” ชายหนุ่มชื่อ รัฟเฟอร์ ผู้หนึ่งวิ่งหน้าตื่นขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือ บอกเล่าแก่ กัปตันแบร็กซ์ตัน โจรสลัดเฒ่าที่ตาเป็นมันไม่ต่างจากงู > “เจ้าแน่ใจหรือไม่?” กัปตันหรี่ตา เสียงต่ำดังลอดไรฟันเหลือง > “ข้าเห็นกับตา! พอร่างนางเปียก...หางสีทองมันโผล่จากผ้าแถบที่พันไว้ นางกรีดร้องด้วย!” กัปตันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ก่อนชักดาบเล่มเขื่องมาเกี่ยวสายรัดคอเสื้อรัฟเฟอร์ > “เช่นนั้น อย่าปล่อยให้หลุดมือ...นำข้าไปดูนางเดี๋ยวนี้!” --- ในห้องเก็บของใต้ท้องเรือที่ชื้นเย็น นีร่านั่งแน่นิ่งในมุมมืด เสื้อผ้าที่เคยแห้งตอนนี้เปียกโชกเพราะลมฝนสาดเข้าเรือ ร่างบางสั่นเทา หางเงือกสีทองอร่ามเผยชัดออกมาจากชายผ้าที่หลุดร่นลงขา เมื่อกัปตันแบร็กซ์ตันเดินมาถึง เขาเบิกตาโต มองนางจากศีรษะจรดปลายหาง > “โอ้ว...เจ้าเป็นของจริง…” เขาเดินวนรอบตัวนางราวกับนางเป็นสมบัติ ลูบเคราอย่างใช้ความคิด > “ข้าจะรวย! ละครสัตว์เมืองหลวงย่อมยอมจ่ายมหาศาลเพื่อครึ่งมนุษย์ครึ่งปลาแบบเจ้า!” > “ท่านไม่มีสิทธิ์...” นีร่าเอ่ยเสียงแข็ง > “เจ้าถูกจับ! อยู่บนเรือข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น!” หลังจากที่โจรสลัดจับนางขึ้นมาจากทะเล เรือก็แล่นสู่เมืองท่าขนาดใหญ่ชื่อ คอร์เซียร์ เมืองซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการค้าทุกสิ่ง แม้กระทั่ง "ชีวิต" ของสิ่งมีชีวิตที่ประหลาด เมื่อถึงท่าเรือ บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นคาวปลาและเหล้าราคาถูก ตะโกนโหวกเหวกของพ่อค้า แรงงาน และนักเลงท่าเรือทำเอานีร่าต้องก้มหน้าซ่อนตาไว้ใต้ผ้าเก่า ๆ ที่โจรสลัดคลุมให้ก่อนจะโยนตัวนางลงกรงบนเกวียน > “อย่าคิดหนีล่ะ เจ้านางปลา” หนึ่งในลูกเรือแสยะยิ้มเหี้ยม --- ค่ายละครสัตว์กลางเมือง นีร่าถูกส่งเข้าไปยังเขตโรงละครสัตว์ กลิ่นของม้าเปียก เหงื่อคน และเสียงแส้ดังฉับ ๆ ทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้อง > “แปะป้ายไว้! ครึ่งมนุษย์ครึ่งเงือก! แสดงสัปดาห์หน้า!” > “ข้าไม่ใช่ของเจ้า...” นีร่าเอ่ยเสียงแผ่ว > “ที่นี่ ไม่มีใครมีสิทธิ์เลือก!” คืนแรกในกรงเหล็ก ท่ามกลางเสียงเห่าหอนและกลิ่นชื้น ชายอ้วนคนงานประจำโรงละครสัตว์โยนถาดไม้ใส่ขนมปังแข็ง ๆ ลงตรงหน้า เสียงเหล็กกระทบกันดังกริ๊ก ทว่าเขากลับหันหลังกลับไปทันทีโดยไม่ได้สังเกต... เขาลืมล็อกกรง! นีร่าชะงักไปชั่วครู่ หัวใจเต้นระรัวด้วยความไม่แน่ใจ นางเหลือบมองซ้ายขวา แล้วค่อย ๆ ขยับมือผลักบานกรงเบา ๆ แกร๊ก... เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพียงพอให้นางรู้ว่า...ข้า...มีโอกาสแล้ว! --- กลางเมืองคาร์เซียร์ นางไม่รู้ว่าเดินไปทางไหน ใจเต้นระรัว ท้องร้องจ๊อก ๆ ทุกคราวที่ได้กลิ่นขนมปังหรือปลาย่าง > "ข้าจะไม่ตาย...ที่นี่" นีร่ากระซิบกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเศษปลาสลิดจากกองขยะยัดใส่ปาก มือสั่นเทา นางซ่อนตัวในตรอกแคบ ซ่อนหางใต้ผ้าขาด ๆ หลบพวกนักล่าที่ออกตามหา กระทั่งนางเดินผ่านสภานที่เเห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเรือนรื่นรมย์ เสียงหัวเราะคุ้นหูดังแว่วออกมาจากข้างใน > “ข้าสิ! ข้าน่ะ! เคยได้กับเจ้าหญิงทะเลนะเว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” นีร่าหยุดฝีเท้า หันขวับทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง > “เรน...?” ภายในนั้น แสงไฟสลัวปรากฏภาพชายหนุ่มผมยาวรุงรัง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน มือกอดหญิงสาวสองนางไว้ข้างกาย ขณะที่อีกมือลูบไล้ขวดเหล้า > “เขา...คือ...เรนของข้า...” น้ำตาไหลอาบแก้มทันที นางยืนค้างอยู่ตรงนั้น...หัวใจแตกละเอียด ชายผู้ที่นางตามหามาทั้งชีวิต ผู้เคยบอกจะกลับมารับนางขึ้นฝั่ง บัดนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า หลงอยู่ในกลิ่นกายหญิงอื่นและเหล้าเน่าราคาถูก > “ข้าคิดถึงเจ้า...แต่นี่หรือคือคำตอบ?” นีร่าค่อย ๆ ถอยหลังออกจากที่นั่น มือยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในเมืองบาป นางกลับรู้สึกว่างเปล่ากว่าเคยใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา