กำหนดตรวจสุขภาพวันที่ 21 กรกฎาคม 3012 เวลา 9 นาฬิกา โปรดมาที่ห้องโถงภายในเวลาที่กำหนด
“ตรวจสุขภาพเหรอ เพื่ออะไร”
ในคลับ กลุ่มอเล็กซิสที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมเสมือนเป็นเจ้าของที่ตรงนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้ามานั่ง ในกลุ่มประกอบไปด้วยพี่น้องโธมัสสามคนบวกกับเด็กจากเมืองซานโบซ่าอีกสามคนเป็นหกคน
“ฉันว่านะ พวกเขาอาจต้องการฝึกพวกเราทำอะไรบางอย่าง ถึงได้มีการตรวจสุขภาพนี่ไง” เวดแสดงความเห็น “หน่วยทหารพิเศษอะไรพวกนั้น"
อเล็กซิสมองออกว่ามันไม่ใช่แค่ความเห็น แต่เพื่อนของเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นต่างหาก
“นายดูหนังมากไปแล้ว” ออสโล่ค้าน
“แต่ฉันว่าเขามีเหตุผล” โนเอลสนับสนุนทฤษฎีของเวด “อีกอย่าง คิดแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นเป็นไหน ๆ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมรัฐบาลปล่อยให้พวกเราสับสนกันอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอกพวกเราไปตรง ๆ” อเล็กซิสยังคงตั้งข้อสังเกต “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น พวกเขาปกปิดบางอย่าง...ที่ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าจะฝึกพวกเราเป็นทหารจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเงียบแบบนี้นี่นา”
“แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรล่ะ” เทสซ่าถาม
สาวจากซานโบซ่าสั่นหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
“เธอเองยังไม่รู้เลย ฉันฟังแล้วคิดว่าเวดมีเหตุผลมากกว่าอีก พวกเธอสองคนชอบคิดมาก แล้วก็คิดแต่เรื่องไม่ดี อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดน่า”
อเล็กซิสกับออสโล่สบตากัน ถึงแม้เทสซ่ากับอเล็กซิสจะคุยกันบ่อยตามนิสัยเพื่อนผู้หญิง แต่เทสซ่ามักเข้าข้างเวดเสมอ ทั้งสองมักคิดอะไรคล้าย ๆ กัน มีปรัชญาในการใช้ชีวิตเหมือนกัน
“ช่าย เมื่อก่อน นายยังเห็นด้วยกับฉันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเข้าข้างอเล็กซ์ซะแล้ว” เวดตัดพ้อ น้ำเสียงบ่งบอกว่าผิดหวังที่เพื่อนตัวเองไม่มีใครเข้าข้างสักคน
เด็กหนุ่มใบหน้าตกกระยิ้ม แต่แววตากลับอ่อนล้า “เฮ้อ พวกนายไม่รู้สึกอึดอัดกันบ้างเลยเหรอ ไม่เห็นทั้งพระอาทิตย์ ไม่เห็นท้องฟ้า ไม่เห็นแม้แต่ดาวสักดวง พออยู่ไปนาน ๆ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอเล็กซิสกลายเป็นคนหดหู่แบบนี้ พวกเราอยากสัมผัสลมธรรมชาติ ไม่ใช่นั่งหายใจด้วยอากาศสังเคราะห์”
“ใช้คำว่าหดหู่เลยเหรอ” อเล็กซิสทวนคำ “ฉันแค่ไม่มีอารมณ์เริงร่าก็แค่นั้นเอง” คิ้วของเธอผูกกันจนแน่น พอรู้สึกเบื่อเลยลุกขึ้นดื้อ ๆ
“เป็นแบบนี้ทุกที งอนทีไร เดินหนีทุกที”
“ได้ยินนะออสโล่”
อเล็กซิสเดินตรงไปยังเครื่องน้ำดื่ม สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เธอดื่มแอลกอฮอล์มากเกินปกติ ดังนั้นเลยจำเป็นต้องหยุดเพื่อล้างพิษออกไปบ้าง
“น้ำเปล่าเหรอ” เวดทัก เขาเดินตามมา “เธอนี่มันลูกคุณหมอจริง ๆ น้า”
“ตามมาทำไม” เธอถาม เขายิ้มอวดฟันทุกซี่ รอยแผลบนแขนของเขาหายไป เหมือนกับรอยแผลบนตัวอเล็กซิสที่หายไปจนหมด คงต้องขอบคุณหนุ่มหล่อคนนั้น เบน
“ฉันมาทวงคำตอบน่ะสิ”
“หา”
“เธอจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อวานฉันถามอะไรไป”
อเล็กซิสแกล้งทำเป็นนึกขึ้นได้ นึกว่าพูดไปเพราะเมาซะอีก “อ้อ...เรื่องนั้นเอง” เขาขอคบกับเธอ คบแบบจริงจัง เวดยืนรอด้วยท่าทางกระตือรือร้น “เวด...คืองี้”
“...มันผ่านมาสองสามปีแล้วล่ะ พวกเราไปงานที่บ้านจูน เธอเมา เพราะจูนหลอกให้เธอดื่มมากมาย แล้วเจสซี่ก็ต่อว่าเพื่อนรักของเธอจนร้องไห้แง ส่วนเธอก็เอาแต่หัวเราะพวกเขาเหมือนคนบ้า แต่เธอไม่ได้บ้าคนเดียว เพราะตั้งแต่วันนั้น ในหัวฉันก็มีแต่เธอ เธอรู้ไหมว่าเวลาเธอทำอะไรบ้า ๆ น่ารักขนาดไหน”
อเล็กซิสไม่อาจหุบยิ้มได้ เป็นความประทับใจที่แปลกดี “พูดแบบนี้ฉันก็เขินแย่ แต่เวด...” รอยยิ้มของเขาบนหน้าหล่อ ๆ หายไป เขาเข้าใจว่าเธอกำลังจะพูดอะไร “ฟังนะ นายดีกับฉันมาก และฉันก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แต่ฉันคบกับนายไม่ได้ ฉันเสียใจ”
“ทำไมไม่ลองล่ะ” ความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของเวดชัดเจน
“เพราะฉันไม่รู้สึกกับนายแบบนั้น นอกจากเป็นเพื่อน ฉันเสียใจจริง ๆ นะ” เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาเพื่อยืนยันคำตอบนี้ และหวังว่าเขาจะเคารพความรู้สึกของเธอเช่นกัน
แต่เธอคิดผิด
“ฉันควรสารภาพกับเธอก่อนไอ้เดฟ รู้ไหม เขารู้อยู่แก่ใจว่าฉันชอบเธอ แล้วเขาทำไง แล้วฉันก็ยังคบกับไอ้บ้านั่น ยินดีกับความรักของพวกเธอ ทำไมตอนนั้นฉันถึงได้ทำตัวนิ่งขนาดนั้นได้วะ ไม่ควรปล่อยให้ไอ้บ้านั่นชิงตัดหน้าไปเลย เธอคงให้โอกาส และฉันก็ไม่ต้องมาคบกับคนที่ไม่ได้ชอบ ไม่ต้องมองเธอกับเดฟคบกัน มองดูพวกเธอเลิกกัน ฉันจะไม่ทำให้เธอเสียใจและไม่นอกใจเหมือนที่เดฟทำ”
“เวด ไม่เอาแบบนี้สิ ขอร้องล่ะ” เสียงของเธอขรึมลง
“ถ้าฉันมีคนใหม่ เธออย่าร้องไห้เสียใจก็แล้วกัน”
“ฉันอยากให้นายมีความสุข...กับคนที่เหมาะกับนาย” เขาเงียบไปนาน บรรยากาศอึดอัดจนอเล็กซิสค่อย ๆ เอื้อมมือจับแขน แต่เขาเบี่ยงตัวออก เว้นระยะห่าง แล้วเดินหนี
สายตาของเธอมองตามหลังของเขาไป พอกลับไปที่โต๊ะ เวดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทำตัวสนุกไปกับปาร์ตี้เหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เขามีสาวคนใหม่จริง ๆ เป็นสาวผม
บลอนด์ทองอายุมากกว่าพวกเขาราวสองสามปี อเล็กซิสคุ้นตาสาวสวยคนนั้น เพราะมักเห็นหญิงสาวร้องไห้คนเดียวในที่ต่าง ๆ“มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน หรือมันเป็นเรื่องง่ายกันแน่นะ” ออสโล่พึมพำ สายตาจับจ้องเวด “ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายคนหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน”
“เบนใช่ไหม” เทสซ่าแทรกขึ้น มินนี่หันหน้าขวับ โนเอลไม่ได้นั่งกับพวกเขา เทสซ่าบอกว่าเขาเบื่อ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาทะเลาะกับเทสซ่า เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่าเทสซ่าไปทำอะไรให้พี่ชายหงุดหงิดอีก
“ผู้ชายผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีน้ำตาลอมเหลือง หน้าตาดี แต่งตัวดี เหมือนพวกคนรวย อ้อ คนเดียวกับที่มาจีบอเล็กซ์”
“นั่นแหละ เบน” เทสซ่าย้ำว่าเธอเดาถูก “เธออยู่ในกลุ่มของเขา ฉันจำได้ว่ากลุ่มนี้มีอยู่สามคน ถ้าจำไม่ผิด ทั้งหมดมาจากฟิวเจอร์ริสติก แต่ส่วนใหญ่มักเห็นเบนกับผู้หญิงคนนี้มากกว่า ไม่รู้อีกคนหายไปไหน แล้วเธอยังคุยกับเขาอยู่หรือเปล่า”
อเล็กซิสส่ายหน้า “ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เจอก็ไม่ได้คุยอีก” สายตาของเด็กสาวมองเทสซ่าที่ดื่มเอา ๆ จนนึกสงสัย “นี่ เทส สบายดีหรือเปล่า เธอกับโนเอลทะเลาะอะไรเหรอ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เขาสำคัญตัวว่าเป็นพ่อของฉัน”
อเล็กซิสกับออสโล่เหลือบมองหน้ากันด้วยความเคยชิน เหมือนไม่แน่ใจว่าควรคุยต่อไหม
เปล่า ไมเคิลแน่ใจว่าอเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกแบบเขา อีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะพูดกับอเล็กซิสเดี๋ยวนี้ บางที...มันอาจเป็นพลังของเธอ แต่ทำไมอเล็กซ์ไม่รู้สึก หรือเพราะเขายังไม่ได้สู้ เขายังไม่ได้ใช้พลัง แล้วพลังของอเล็กซิสเป็นแบบไหนกันแน่ เพิ่มพลังให้คนอื่นงั้นหรือ หรือปลดล็อกให้อีกฝ่ายรู้จักใช้พลังของตัวเอง“บรรยากาศไม่ดี” อาคุสะพูดขึ้น“กลับไปดูพวกเทสซ่าก่อนกันเถอะ” อเล็กซิสตบไหล่แฟนหนุ่มสองสามทีเพื่อให้เขาออกไปจากตัว “ถ้าพวกมันแห่ไปที่นั่น ทุกคนแย่แน่” ทั้งหมดพยักหน้า เด็กสาวกำลังจะขยับเท้าก็หันมาไมเคิล “ไว้อธิบายว่าเมื่อกี้นายทำอะไร” เธอยกมือตีหน้าผากตัวเองแต่ก่อนจะไปไหนได้ ทั้งหมดได้ยินเสียงกรีดร้อง...*****เทสซ่าไม่เคยยินดีเท่านี้มาก่อนที่ได้เจอพวกบลูในเวลานี้ เธอผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็มีมนุษย์รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์สองตนตรงเข้ามา ทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาต้องการจะสังหารฝ่ายต่อต้าน แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขามาเพื่อลักพาตัวโคดี้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังนอน
“หาเองสิวะ” เขาตะโกน ทว่าไม่ทันระวังเพราะมันดาปาอาวุธกลับมา เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นรอยเท้าเต็มหน้ากระแทกเข้าที่หน้า ร่างของเขากระเด็นกระแทกกำแพงตึก ไมเคิลส่ายหัว มึนไปมันหมด อเล็กซิสวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวขึ้น“พวกมันไม่บอก อย่าเสียเวลา” เขาได้ยินดังนั้นคิ้วขมวดกันทันที เดี๋ยว... กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดจำต้องรั้งพวกมันให้สู้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเทสซ่าแย่แน่ เขาไม่รู้ว่ามีกลุ่มอื่นตามหาโคดี้อีกหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกมันไป พอเห็นเขายืนได้ อเล็กซิสตัดสินใจค่อย ๆ เดินตรงไป มือยังยิงปืนไม่หยุด “เก็บไฟแช็ก” เธอสั่งเขา “ห้ามทำมันหายเด็ดขาด”“อย่าไป” เขาร้อง แต่เธอไม่ฟัง อเล็กซิสหยิบดาบของไมเคิลขึ้นมาอีกข้างแล้วโถมตัวใส่มันแล้วไมเคิลเห็นดังนั้นรีบตะครุบไฟแช็กแล้วจุดมันขึ้น“อเล็กซิส” เขาร้องเมื่อเห็นเธอบ้าบิ่นจะสู้กับมันตัวต่อตัว พลันร่างเธอก็กระเด็นล้มไปทางเรมีที่กำลังรับมือกับอีกตัวคู่กับอาคุสะ อเล็กซ์สบถอะไรบางอย่าง แล้วจัด
เฒ่าทรอยนอนฟุบลงกับพื้นจนหน้าคลุกไปกับหิมะสกปรกบนพื้น ไม่มีใครคิดช่วยให้เขาลุกขึ้นมา และถ้าใครทำแบบนั้น ไมเคิลจะเป็นคนกระชากคอออกมาเอง เด็กหนุ่มยืนพักหอบหายใจ กว่าจะพาทรอยออกมาได้ยากลำบาก หุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้กำจัดใครก็ตามที่อยู่ในสถานะเจ้าพนักงานของทอยซิตี้ ก่อนหน้านี้ เขาขอให้ฟีบี้รีเซตพวกมันใหม่เป็นหน่วยทหารแทน แต่เพราะเธอยืมพลังมาจากโคดี้ ประสิทธิภาพของมันไม่แน่ไม่นอน เมื่อเซตได้ตัวหนึ่งก็ต้องเซตตัวอื่น เธอไม่สามารถทำได้ทีเดียว พอทำงานซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวก็เริ่มหมดความอดทน ฟีบี้บอกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อสานงานของโคดี้และเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนต่างหาก ศูนย์กลางของทอยซิตี้คือ เดอะ วาล และถ้าหากเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการได้ พวกทหารจะแพ้ราบคาบ นั่นคือสิ่งที่เธอบอก แต่ไมเคิลเข้าใจว่ามันคือการคาดเดามากกว่า และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันมาจากลูไมเคิลเดินตรงไปแล้วดึงคอเสื้อทรอยขึ้นมาอีก คราวนี้เขาลากเข้าไปในตึกของเมลิสซ่า ที่พักเก่าของตนกับเรมี ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ในตึกแล้ว ประชากรในเดอะ วาลบางส่วนที่ไม่อยากต่อสู้ก็อพยพไปยังเขตอื่น เนื่อง
ขณะนั้นริงโก้ตัดสินใจอุ้มเอมอนขึ้นมาคนเดียว เพียซจึงอุ้มเดสซิเรตามมา เบลินดาเห็นพวกเขาเดินตรงมาก็ลุกขึ้น เธอส่งขวดน้ำดื่มให้อย่างรู้งาน ระหว่างนั้นเพียซก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากประตูเปิด พวกเขาก็บุกเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวเอมอนกับเดสซิเร ทั้งสองถูกจับสวมกุญแจมือ อาวุธโดนยึดหมด แต่เดสซิเรและเอมอนก็ทำให้กำลังพลภายในนั้นปั่นป่วนไปมาก พวกเขาเจอศพทหารหลายราย คงเป็นฝีมือของทั้งสอง ตอนไปถึง หญิงสาวยังพอมีสติจึงเล่าว่า ทั้งคู่พยายามหาห้องควบคุม แต่ภายในมีระบบเชื่อมต่อกับชุดสูทที่เอมอนสวม เพียงย่างก้าวไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน หน้ากากจึงถูกปลดออกอัตโนมัติ ทั้งสองจึงต้องสู้และพยายามจะออกมา ทว่าก็สู้จำนวนคนและอาวุธไม่ได้ จากนั้นจึงถูกจับทรมาน อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของเดสซิเรที่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว บวกกับพลังพิเศษที่ทำให้พวกนั้นไม่อาจสัมผัสหรือเข้าใกล้ได้มากนัก ส่วนเอมอนนั้นแย่หน่อยเพราะพอรู้แผนของลูคร่าว ๆ แต่ไม่ได้ปริปากออกไปเลย ดังนั้นเขาจึงโดนซ้อมหนักที่สุด“แล้ว...ทำไมพวกเธอมานั่งอยู่ตรงนี้” โอลิแวนถาม “พวกอเล็กซิสล่ะ ฉันได้ยินกว่าทั้งกลุ่มเข้าไปในเขตเธอไม่ใช่หร
ไมเคิลสบตากับเรมี อีกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอวางแผนอะไรกัน“ฉันต้องการคำอธิบาย ตั้งแต่เช้า พวกเราวุ่นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไม่นับเรื่องที่พวกเธอทำโดยไม่บอกก่อน”ฟีบี้กลอกตา เธอไม่ได้มีท่าทีสำนึกหรืออ่อนข้อลงแบบเทสซ่า แต่กลับยักไหล่ไม่สนใจ แม้บุคลิกหญิงสาวจะเป็นแบบนี้ และปกติก็ไม่มีใครถือสา (ยกเว้นเทสซ่า) แต่เวลานี้ เขาอดฉุนไม่ได้“ทำไมฉันต้องบอกพวกนายด้วย โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างก็ใช่ว่าฉันจะรู้ก่อนหน้าอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ ฉันก็อาจจะนั่งทำหน้าโง่เหมือนพวกนายนี่แหละ” อาคุสะทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามเรื่องคำพูด เธอยักคอไปมาอย่างกวนประสาท “เฮ้อ เอาเป็นว่าตอนนี้โคดี้ต้องพัก ส่วนฉันก็ยืมพลังเขามาใช้ จะพยายามเปิดไอ้ประตูยักษ์นั่น” พูดจบก็ถูมือ“ฟีบี้...” อเล็กซิสพูดขึ้น “ฉันเดินผ่านศูนย์อนามัย...เห็นศพพยาบาลเต็มไปหมด ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอีก...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อเจอคำถามนี้ เทสซ่าก็เม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้า
11:45 PM หน้าประตูเขตเครสเตอร์ - เดอะ วาลกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มันส่งแรงต้านผลักก้อนคอนกรีตชิ้นโตหล่นกลับลงมบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไมเคิลทึ่งที่โคดี้สามารถป้อนชุดคำสั่งพิลึกพิลั่นให้กับหุ่นพิฆาต หรืออันที่จริงคือ ใครจะคิดว่าเขาจะป้อนคำสั่งแบบนั้นในเวลารีบเร่งเช่นนี้ ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีหุ่นสองสามตัวเดินกลับมาปาก้อนหินหนักขึ้นไป กำแพงกั้นเขตแน่นหนาจนแม้แต่พวกมันข้ามไปไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้เช็กดูว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทอยซิตี้สั่นคลอนแล้วหรือยัง จะว่าเป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาดีก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ใช้เพราะโคดี้มีพลังพิเศษ ไมเคิลไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะออกไปได้ ต่อให้เครสเตอร์และนอร์ธพังทลายเพียงใด มันก็ยังไม่ลามไปถึงอีกฝั่งที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง และเมื่อนั้น ถ้าหากพวกเขาจะล้างศัตรู ก็อาจปล่อยระเบิดลงมาลูกเดียว แบบที่เคยเกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเมื่อหลายพันปีก่อนยุคก่อนหายนะ...พี่สาวฝาแฝดเคยเล่าให้เขาฟังเข้าเที่ยงคืนกว่าแล้วหรือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น อเล็กซิสจะกินอะไรแล้วหรือยัง เขานั่งนับวันแล้วเหงื่อตก พวกเขาทำปฏิทินเช็กความถี่ว่าอะวีซีจะออกฤ