คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและผลการเรียน เติบโตขึ้นในตระกูลที่ร่ำรวย ทว่ากลับถูกกดขี่ให้อยู่ภายใต้กรอบที่พ่อแม่สร้าง ทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ ห้ามมีข้อผิดพลาด ต้องทำตามแผนที่พ่อแม่กำหนด ไม่อาจเล่นสนุกได้เหมือนเด็กทั่วไปได้ กิจวัตรประจำวันของเธอคือการอ่านหนังสือ หากวันใดดื้อรั้นไม่ยอมอ่านหนังสือ เธอจะถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไร้หน้าต่างและแสงสว่าง การลงโทษนี้ยิ่งตอกย้ำความอึดอัดที่ต้องเผชิญ ทุกการกระทำถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด แม้แต่ความป่วยทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากความกดดันนั้น พ่อแม่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมพาไปรักษาเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ลูกสาวคนเดียว
เป็นบ้า
เมื่ออายุครบ 20 ปี เธอทำตามความต้องการของพ่อแม่จนสำเร็จทุกอย่าง จนผู้คนต่างเรียกว่าอัจฉริยะเป็นเพียงสิ่งที่พ่อแม่สร้างขึ้นเพื่อประดับบารมีของตระกูล หญิงสาวปรารถนาจะหลุดพ้นจากกรงทองที่กักขังเธอไว้ เมื่อถึงที่สุด เธอเลือกปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ด้วยการกระโดดตึกเพื่อคืนอิสรภาพให้ตัวเอง
เด็กสาวคนนั้นคืออดีตชาติที่แล้วของเคียร่า หลังจากตกลงไปในบ่อน้ำก็ตระหนักได้ว่าพลังของนักบุญหญิงตื่นขึ้น และค่อย ๆ ระลึกอดีตชาติได้ถึงจะเป็นภาพเลือนรางก็ตาม
เคียร่า คราเรนซ์ นางเอกนิยายเรื่อง ดวงดาวแห่งรัก ที่เคยอ่านเมื่อชาติที่แล้ว ชีวิตของเคียร่าในนิยายช่างคล้ายกับตัวเธอเองอย่างน่าประหลาด แม้ตอนจบจะเป็นแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่เธอกลับรู้สึกไม่พึงพอใจสักเท่าไหร่
ถึงจะยังไม่อยากจะเชื่อว่าโลกแห่งนี้ที่เธออยู่ตั้งแต่เกิดเป็นเพียงแค่โลกในนิยายซึ่งมีคนแต่ง เธอรู้เรื่องราวในนิยายตั้งแต่ต้นจนจบ และตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลกมันก็เป็นเป็นไปตามเรื่องราวนี้จริงๆ ตัวเธอในอนาคตข้างหน้าจะได้แต่งงานครองคู่กับองค์ชายอาร์มิส
แต่เธอก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ตอนนี้เธอคือใครกันแน่ เด็กสาวที่เคยฆ่าตัวตายในอดีตชาติ หรือเคียร่าลูกสาวบุญธรรมของดยุกคราเรนซ์ที่ถูกกดขี่ในกรงแห่งอำนาจตลอดมา หากเธอเชื่อฟังและใช้ชีวิตตามที่พวกเขากำหนด ก็จะเหมือนวนซ้ำชีวิตเดิมที่น่าขมขื่น
ประตูถูกเปิดออกอย่างไร้ความเคารพขัดจังหวะความคิดของเคียร่า หญิงรับใช้ในชุดเมดสีขาวดำเดินเข้ามาภายในห้องที่เงียบงัน
“คุณหนูคะ คุณชายอัลเบิร์ตเรียกไปพบที่ห้องทำงานค่ะ แล้วตอนเย็นท่านดยุกจะกลับมารับประทานอาหารพร้อมกับทุกท่านค่ะ กรุณามารับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลาด้วยค่ะ” น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยบอกแต่ยังคงควบคุมความอ่อนน้อมอยู่เล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปอาบน้ำก่อน”
อันนาก้มศีรษะอย่างเรียบเฉย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ท่าทางที่ดูไม่มีมารยาทของอันนา ยังถือว่าดีกว่าหญิงรับใช้คนอื่น ๆ เพราะส่วนใหญ่ไม่เพียงแค่ไร้มารยาท แต่ยังกลั่นแกล้งเธออย่างไร้ความปรานี แม้กระทั่งดยุกและดัชเชสก็ไม่สนใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังลงโทษเธอด้วยการขังไว้ให้อดอาหารบ่อยครั้ง แค่คิดก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะอาเจียน
แต่ตอนนี้ เธอจะมัวมานั่งเฉย ๆ ไม่ได้ หากไปหาอัลเบิร์ตช้า เธอคงไม่แคล้วได้รับบาดแผลใหม่เพิ่ม
หลังจากชำระร่างกาย เคียร่าทาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบที่ช่วยปลอบประโลมความรู้สึก ชุดเดรสสีขาวบางเฉียบถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ชุดที่อัลเบิร์ตมักให้ใส่ไปทุกครั้งเวลาเรียกพบส่วนตัวซึ่งเป็นรสนิยมอย่างหนึ่งของเขา
เมื่อเธอมาถึงห้องทำงาน พ่อบ้านเปิดประตูให้ เผยให้เห็นอัลเบิร์ตนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“พ่อบ้านออกไปก่อน” เสียงเข้มของอัลเบิร์ตดังขึ้น ขณะที่เขาวางปากกาลงบนโต๊ะ
“เคียร่า ถอดเสื้อคลุมออกแล้วมานั่งตรงนี้”
อัลเบิร์ตเลื่อนเก้าอี้ออกพร้อมตบหน้าตักตนเองเชิญชวนเรียกหาเหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“ท่านพี่ ข้าว่านั่งตรงนั้นมันดูไม่ควร”
ชายหนุ่มจิ๊ปากไม่สบอารมณ์
“ขัดคำสั่งผู้สืบทอดตำแหน่งดยุกงั้นหรือ รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่ตามมาที่หลังจะเป็นยังไง เคียร่า…อย่า ให้ข้าอารมณ์เสีย”
น้ำเสียงทุ้มขึ้นจนทำให้ร่างกายบางเกิดอาการสั่นไหวเล็กน้อย มือค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมเผยให้เห็นผิวขาวดั่งหิมะ ทว่าดันมีรอยแดงของการถูกเฆี่ยนตีตามร่างกาย ที่จริงแผลภายนอกสามารถรักษาให้หายได้เพียงแค่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตื่นขึ้นมารักษามัน แต่ตระกูลคราเรนซ์ผู้สืบเชื้อสายเวทมนตร์แห่งแสงเป็นเวทแห่งการรักษา พี่น้องในตระกูลคราเรนซ์มีเวทแสงกันหมดแม้แต่ตระกูลรองก็ยังมีเวทแห่งแสง ยกเว้นแค่เธอ เคียร่าจึงไม่สามารถรักษาแผลตามร่างกายตามอำเภอใจได้
ขาเรียวก้าวไปยังโต๊ะทำงานของอัลเบิร์ต ทิ้งตัวนั่งลงหน้าตักของเขา ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างพอใจ มือสากลูบไล้รอยแผลตามร่างกายของเคียร่า ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างหูของเธอ
“เดี๋ยวท่านพี่ผู้นี้จะรักษาแผลตามเรือนร่างของเจ้าให้เอง” เสียงแผ่วเบาชวนน่าขนลุกเอ่ยบอบ ก่อนจะก้มจุมพิตลงบนไหล่บาง
“ขอบคุณค่ะท่านพี่…”
เธอพูดพลางหยิบปากกาปลายแหลมบนโต๊ะติดมือมา มือลอบเอื้อมไปยังท้ายทอยของเขา ความคิดที่จะฆ่าเขาผุดขึ้นมาครั้งแรกในชีวิต ทว่าเธอกลับหยุดชะงัก
สัมผัสที่น่าขยะแขยง เมื่อก่อนตัวเธอทนกับการกระทำแบบนี้ไปได้อย่างไร ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าโลกแห่งนี้มันเป็นนิยายถูกแต่งขึ้น ให้ตัวเอกน่าสงสารน่าเวทนาแต่ไม่คิดอยากจะเคียดแค้น เพราะเป็นคนดี สุดท้ายก็ได้ครองรักกับรัชทายาทเพื่อหลุดหนีจากครอบครัวน่าขยะแขยงแห่งนี้ ที่น่าตลกก็คือทุกคนในตระกูลคราเรนซ์ลอยหน้าลอยตัวไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกผิด แต่ได้ทั้งอำนาจเพิ่มมากขึ้นและยังใช้ชีวิตปกติสุขดี อัลเบิร์ต์ได้ขึ้นเป็นดยุกและแต่งงานมีลูกสืบสกุล ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดนี้ควรเป็นของเธอตั้งแต่แรก
มือสากลูบไล้ช่วงต้นขาขาวเนียน แสงสีขาวประกายขึ้นรอยแผลต่าง ๆ เริ่มจางหาย เคียร่าจับมืออัลเบิร์ตพร้อมยื่นหน้ากระซิบข้างหูของเขา
“ท่านพี่ พอก่อนเถอะค่ะ ช่วงเย็นท่านดยุกจะกลับมาทานมื้อเย็น ข้าต้องไปเตรียมตัวเปลี่ยนชุดอีก”
“ข้ายังอยากอยู่กับเจ้านานกว่านี้”
นิ้วเรียวสวยปิดปากอัลเบิร์ตพร้อมระบายยิ้มหวานออกมา
“ไว้คราวหน้านะคะ” สายตาเย้ายวนพลันคลี่ยิ้มหวาน ก่อนจะยื่นหน้าจุมพิตตรงใบหูของเขาแผ่วเบา
“เจ้า… ดูเปลี่ยนไปนะ ปกติจะนั่งทื่อตัวสั่นเป็นลูกนก” มุมปากแสยะยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความสงสัยกับท่าทีเปลี่ยนไป ทว่าก็รู้สึกชื่นชอบกับท่าทีแบบนี้จนใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อน
“ใช่ค่ะ ข้าเปลี่ยนไปแล้ว” รอยยิ้มหวานสดใสเอ่ยบอกพร้อมลุกขึ้นออกจากตักอัลเบิร์ต เธอเดินตรงไปหยิบเสื้อคลุมตัวเดิมกลับมาสวมใส่ พอพ้นสายตาจากเขาใบหน้ายิ้มสดใสก็เจือจางหายไปเหลือเพียงแววตาเต็มไปได้ด้วยความขุ่นเคืองหมายมั่นอยากปลิดชีพชายผู้นี้
ข้ารับใช้จัดเตรียมอาหารหรูหรามากมายให้แก่เหล่าสมาชิกในตระกูลคราเรนซ์ ได้แก่ ดยุกอีแวน ดัชเชสโจนา อัลเบิร์ต ลูกชายคนโต ฟานา ลูกสาวคนเล็ก และเคียร่า บุตรบุญธรรมลูกสาวคนกลาง เนื้อสเต๊กถูกเสิร์ฟให้กับทุกคน ยกเว้นเคียร่า อาหารเป็นเพียงซุปมันฝรั่งกับขนมปังก้อนแข็ง ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งปกติเธอจะได้เพียงแค่ขนมปังก้อนเดียวในมื้อเย็น
แต่เรื่องอะไรเล่าที่เธอจะยอมทนกับการข่มเหงเช่นนี้
“ทำไมของข้าเป็นเพียงแค่ซุปมันฝรั่งกับขนมปังเล่าคะ อันนาไปเปลี่ยนให้ข้าหน่อย”
อันนามีท่าทางกระอักกระอ่วน เธอช้อนตามองฟานาก่อนจะเอื้อมไปหยิบจานของเคียร่า
“ของโปรดเจ้าไม่ใช่หรือ ปกติก็กินแต่แบบนี้ไม่ยักจะบ่น ครั้งนี้เจ้าก็อยากได้เพียงแค่ขนมปังหรือไง”
ฟานาเอ่ยบอกพร้อมยิ้มเยาะ
“ยังไงข้าก็ถือเป็นคนของตระกูลคราเรนซ์ก็ควรได้รับการปฏิบัติดั่งขุนนาง ถ้ามีเรื่องเสียเกียรติออกไปให้ซุบซิบนินทากัน มันคงน่าอัปยศกับตระกูลคราเรนซ์อันสูงส่งใช่ไหมคะท่านดยุก...”
ใบหน้าไร้เดียงสาหันไปมองดยุกที่ทำหน้าตาขึงขัง สีหน้าดูก็รู้ว่าไม่พอใจกับคำพูดของเคียร่า
“ไปเปลี่ยนมา”
ดยุกเอ่ยบอกก่อนรับประทานอาหารตรงหน้าต่อคำสั่งดยุกถือว่าเด็ดขาดไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งนี้ได้แม้ว่าฟานาจะแสดงท่าทางไม่พอใจก็ตาม
“เคียร่า องค์ชายอาร์มิสได้พูดคุยเรื่องการถอนหมั้นกับตระกูลเบลซหรือยัง”
เสียงทุ้มกังวานเอ่ยถามทำให้ทุกคนในโต๊ะอาหารชะงักเล็กน้อย แรงกดดันที่แผ่ออกมาของดยุก ทำให้เคียร่าตัวสั่นอัตโนมัติ
ดยุกต้องการฟังคำตอบที่มีอยู่ในใจอยู่แล้ว ถ้าเคียร่าตอบไม่ชัดเจนหรือเบี่ยงประเด็นเหมือนครั้งก่อน เธอจะต้องถูกทำโทษ
“องค์ชายอาร์มิสบอกข้าแล้วค่ะ ท่านคงประกาศถอนหมั้นกับเลดี้แอมเบอร์ในเร็ว ๆ นี้”
“เฮอะ ก็ถือว่าดี อีกไม่นานตระกูลของดยุกเบลซอำนาจคงเสื่อมลง...ส่วนเจ้าก็เตรียมตัวเรียนรู้มารยาทในวังซะ” ดยุกอีแวนยิ้มเยาะพอใจก่อนจะปรายต่อมองภรรยาของตนอย่างเฉยชา “ฝากดัชเชสจัดการเรื่องนี้ด้วย”
“ค่ะท่านดยุก... เคียร่า นับตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องอดอาหารเย็นเพื่อเตรียมตัวเป็นกุลศตรีที่คู่ควรกับองค์ชายด้วยเล่า” ดัชเชสเอ่ยเสียงเรียบ
“คนไม่มีพลังเวทเช่นเจ้า จากเป็นหญิงชู้จะได้เป็นถึงว่าที่พระชายาก็จงสำนึกบุญและตอบแทนตระกูลคราเรนซ์ด้วยล่ะ ” ฟานาพูดทิ้งท้าย
ถึงแม้ว่าฟานาจะรู้สึกอิจฉาที่เคียร่าได้เป็นคนรักขององค์ชายอาร์มิสผู้มีใบหน้าหล่อเหลามากที่สุดในจักรวรรดิ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าแทรกได้ เนื่องจากท่านพ่อต้องการใช้เคียร่าเป็นหนทางในการเพิ่มอำนาจ
ในขณะที่อัลเบิร์ตนิ่งเงียบตลอดมื้ออาหารเพราะเขาไม่สบอารมณ์และนึกเสียดายที่ต้องเว้นระยะห่างกับเคียร่า
“ข้าอิ่มแล้วงั้นขอตัวก่อนนะคะ”
เคียร่ายิ้มสดใสดั่งเช่นเคย เธอรู้สึกอาหารตรงหน้ามันช่างไร้รสชาติ ยิ่งทานร่วมโต๊ะกับคนเหล่านี้ความอยากอาหารก็เริ่มน้อยลง ถึงแม้การลุกจากโต๊ะอาหารก่อนดยุกจะเป็นเรื่องเสียมารยาทก็ตาม ทว่าเคียร่าไม่อยากสนใจต่อสายตาของคนในคฤหาสน์คราเรนซ์แล้ว
เธอกลับมายังห้องนอนของตนเอง หย่อนกายนั่งเก้าอี้มือหยิบสมุดและปากกาวางบนโต๊ะ พร้อมเขียนลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ หลังจากพลังนักบุญหญิงตื่นขึ้นจะเป็นช่วงกลางเรื่องของนิยายเรื่องนี้แล้ว เคียร่าในนิยายได้เผยพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับคนในตระกูลได้รู้ ถึงแม้จะโดนทำร้ายต่าง ๆ นานาจากครอบครัว พอมีพลังเธอก็ใช้พลังปกป้องครอบครัวจากตระกูลเบลซซึ่งเป็นปรปักษ์กับตระกูลคราเรนซ์
ส่วนเคียร่าในตอนนี้ต้องการเปลี่ยนเส้นเรื่องของตนเอง พลังศักดิ์สิทธิ์ถ้าเผยไพ่ไม้ตายออกไป สถานการณ์คงยิ่งแย่ลง และเหตุการณ์ต่อไปตัวเธอจะโดนปองร้ายจากองค์ชายเฮลิออส ตัวร้ายประจำเรื่องที่บทสรุปก็ต้องตาย และผู้สังหารตัวร้ายคือนางเอกในนิยาย ทว่าในชาติก่อน เธอก็พอชื่นชอบตัวละครนี้ เพราะเรื่องราวของเขามันแสนเจ็บปวด แต่เขาเป็นผู้โดนกระทำที่ต้องการเดินเส้นทางแก้แค้นไม่เหมือนกับเคียร่าซึ่งให้อภัยกับคนเหล่านั้น
ช่างเป็นนางเอกแสนดีจริงๆ
ทว่าถ้าต้องการหมากตัวสำคัญสำหรับแผนการปลดปล่อยอิสรภาพ เปลี่ยนเส้นทางตอนจบดาษดื่นของนิยายน้ำเน่านางเอกผู้แสนไร้เดียงสา เธอต้องเริ่มแผนการเป็นพันธมิตรกับองค์ชายเฮลิออสให้จงได้
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร