เสียงนั้นทำให้นางชะงักไปทันที นางพลาดแล้ว!!
“หยางเฟิ่งหยวน!!”
คนตรงหน้าสวมชุดใหม่แล้วและเดินออกมา สีหน้านางตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเขา นางเผลอใช้วิชายุทธ์ต่อหน้าเขาไปเสียแล้ว
“ท่านมาทำอะไรที่นี่!! …..อาจารย์หยาง”
“ข้า…เห็นเจ้าไม่ออกมาเสียที ก็เลย….”
เมื่อเขาพูดจบนางก็เริ่มเข้าใจทันที เรื่องก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาเต็มหัวนางทันทีพร้อมกับนางที่หันหน้าหลบตาเขาทันที
“เจ้า….เป็นอะไรมากหรือไม่”
“อย่าเข้ามา!! ข้า…สบายดี ขอบคุณอาจารย์หยาง ข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวสิ ข้า…อยากขอโทษเรื่องเมื่อครู่นี้”
“ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าหรอกเจ้าค่ะ ท่าน….ลืมไปเสียเถอะ”
“เจ้า…แน่ใจหรือว่า…”
“เอาเป็นว่าข้าไม่เคยพบท่าน ไม่เคยเจอท่านที่นี่ หรือที่ใดทั้งสิ้น ข้าแค่มาเดินเล่นเท่านั้น และตอนนี้ก็หายออกมานานแล้วดังนั้น…..ข้าขอตัวก่อน”
ฟางเหยาวิ่งออกจากป่าไผ่ไปโดยเร็ว นางไม่หันกลับมาอีกเลยจนถึงหน้าหอพักที่มีเพื่อนๆนั่งเล่นกันอยู่ เป่าเป้ยเดินมาหานาง
“อ้าว เจ้ากลับมาแล้วเหรอ ฟางเหยา นี่เจ้าหนีอะไรมาทำไมหอบเป็นลูกสุนัขเช่นนี้เล่า”
“เป่าเป้ย ข้า….ไม่มีอะไร”
“เหตุใดวันนี้คนมานั่งด้านนอกกันเยอะขนาดนี้ละ”
“พวกเขามีข่าวซุบซิบเรื่องใหม่นะสิ เรื่องไร้สาระนะ แต่ก็…”
“พวกนางขยันกันเสียจริงเลยนะ”
“แต่ข่าวนั่นข้าลองนึกดูแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องจริงอยู่นะ เจ้ามานั่งพักตรงนี้สักครู่เถอะ”
ฟางเหยาเดินตามเป่าเป้ยไปนั่งพักและรินน้ำชาดื่มก่อนที่เป่าเป้ยจะเล่าข่าวที่กำลังเป็นที่ซุบซิบอยู่ในตอนนี้
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หายเหนื่อยหรือยัง หน้าเจ้าอย่างกับเห็นผีมาน่ะ”
“น่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก”
“ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”
“ช่างเถอะว่าแต่เจ้ามีเรื่องใดจะเล่าให้ข้าฟังงั้นหรือ”
“ข่าวที่ว่าคือข่าวของจ้าวลู่อินกับตาเฒ่าหยางน่ะ”
ฟางเหยานิ่งไปครู่หนึ่งและหันกลับไปถามเป่าเป้ยด้วยท่าทีที่นิ่งกว่าเดิม
“ว่าอย่างไรงั้นหรือ ข้าจะไม่แปลกเลยหากว่านางจะประกาศว่าจะแต่งงานกับตาเฒ่านั่น”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่านางพูดแบบนี้ เจ้าเดาเก่งเกินไปแล้วคนดี”
ฟางเหยารู้สึกว่าใจหายวูบลงไปที่ท้องน้อยอย่างรวดเร็วจนรู้สึกจุกที่อก นี่มันคือความรู้สึกใดกันแน่นะ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ขะ..ข้าเดาถูกงั้นหรือ”
“ใช่ ข่าวซุบซิบบอกว่านางกับอาจารย์หยางนั่นถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้ เป็นคู่หมายกันและหากนางเรียนจบเมื่อใด พวกเขาก็จะจัดพิธีหมั้นขึ้นทันที”
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากป่าไผ่และพึ่งเดินมาถึง เขาหันมามองนางที่นั่งอยู่หน้าหอนอนแต่มิได้พูดสิ่งใด แต่เพื่อนๆในหอนอนกลับมองเขาและส่งเสียงเพราะคิดว่าเขามองพวกนาง
“นั่นอาจารย์หยาง”
“เขามองมาทางนี้ หรือว่ากำลังมองท่านหญิงกันนะ”
จ้าวลู่อินที่นั่งทำท่าเอียงอายอยู่ด้านหลังฟางเหยามองเขากลับไปเช่นกัน
“ข้าเข้าไปนอนก่อนนะ”
“อ้าวคนดีรอข้าก่อนสิฟางเหยา ข้าไปด้วย”
ฟางเหยาลุกขึ้นและหันกลับเข้าไปที่หอนอนทันที เฟิ่งหยวนยืนมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ห้องพักตนเองเช่นกัน
“อาจารย์หยางนี่ท่ามากจริงนะ อยากทักทายก็ไม่กล้า สงสัยกลัวว่าท่านหญิงจะเขินนะเจ้าคะ”
“พี่เฟิ่งหยวนมักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาให้เกียรติข้านะพวกเจ้าก็อย่าพูดไปมากความ ตอนนี้ข่าวนั่นกระจายไปทั่วแล้ว ข้าเสียหายนะ”
แต่ผู้ที่เอ่ยปากว่าตนเองเสียหายกำลังยิ้มอยากชอบใจ ฟางเหยาได้ยินเรื่องนี้ถึงกับรู้สึกมวนท้องแปลกๆ เขากับลู่อินกำลังจะหมั้นหมาย แต่กลับล่วงเกินนางในสระน้ำร้อนนั่น แค่คิดก็คับแค้นใจเหลือเกิน
วันถัดมา
“ฟางเหยา เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้ป่วย”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่บาดแผลข้ามันปวดนิดหน่อย เจ้าลาป่วยให้ข้าที”
“เช่นนั้นเจ้าก็นอนพักมากๆนะ แล้วข้าจะยกข้าวต้มมาให้เจ้า”
“ขอบใจนะเป่าเป้ย”
ฟางเหยานอนพักอยู่ครึ่งวัน ที่จริงนางไม่อยากเห็นหน้าเฟิ่งหยวน นางไม่รู้ว่าจะทำหน้าเช่นไรเมื่อพบเขา นางบอกไปแล้วว่าให้เขาลืมเรื่องเมื่อวานไป แต่กลับกลายเป็นนางที่เก็บเอามาคิดพร้อมกับข่าวลือที่ได้ยินนั่น
“เลิกร้องไห้เสียที เจ้ากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย เจ้าเป็นถึงนักฆ่าวิหกวายุเชียวนะ อย่าอ่อนแอเช่นนี้สิ”
ใช่แล้ว นางก็คือนักฆ่า “วิหควายุ” ที่โด่งดังในชิงโจวที่ทางการพยายามหาตัวเท่าใดก็ไม่เคยพบ นางก่อคดีฆาตกรรมขุนนางชั่วและโจรชั่วที่เข่นฆ่าปล้นสวาทผู้คนในเมืองชิงโจวมาสองปีและซ่อนเร้นกายในจวนเสนาบดีอยู่หลายปี
เสแสร้งเป็นคุณหนูอ่อนแอและขี้โรคจนไม่ออกสังคม จนกระทั่งข่าวการแต่งงานที่ไม่สำเร็จของนางและเหลียงคุณ จึงทำให้นางต้องมาเจอเขาและอยู่ที่สำนักศึกษานี่ และในตอนนี้ชิงโจวเองก็เข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้งทำให้อาชีพนักฆ่าของนางต้องหยุดลงไปด้วย
ห้องเรียน
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ทบทวนบทเรียนกันเลยสินะ สิ่งที่เขียนมาส่งนี่มีแต่ขยะ พวกเจ้าลืมสมองเอาไว้ในท้องแม่กันหมดงั้นหรือ มีเพียงสองฉบับที่ส่งเข้ามาที่พอใช้ได้ นอกนั้น เอาไปเผาให้หมดแล้วเขียนมาส่งใหม่ทุกคน”
แน่นอนว่าข่าวลือนั่นต้องรู้ถึงหูของหยางเฟิ่งหยวนแล้วเป็นแน่ เขาถึงได้มีท่าทีโมโหเช่นนี้ จ้าวลู่อินนั้นไม่ได้มีท่าทีสลดลงสักนิดเพราะนางมั่นใจว่าหนึ่งในสองฉบับนั้นต้องมีของนางเป็นแน่
“อาจารย์หยางเจ้าคะ แล้วสองฉบับนั่นเป็นของ…”
“สองฉบับที่ผ่าน กู้เป่าเป้ย!”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าเอาของเจ้ากลับไปได้ อธิบายได้ละเอียดดี สมกับเป็นบุตรใต้เท้ากู้ เขาคงเข้มงวดกับเจ้ามากสินะ”
“ขอบคุณอาจารย์หยางเจ้าค่ะ ท่านพ่อเป็นเช่นนั้นจริงๆเจ้าค่ะ”
“อีกฉบับ ของ ลี่ฟางเหยา!!”
เสียงนั้นทำให้จ้าวลู่อินนั่งลงอย่างหงุดหงิดทันที เสียงในห้องดังขึ้นอีกครั้งเพราะพวกนางเองก็คิดว่าต้องเป็นจ้าวลู่อินเป็นแน่ ไม่มีผู้ใดคิดว่าจะเป็นลี่ฟางเหยา
“อาจารย์หยางเจ้าคะ วันนี้ฟางเหยานางไม่สบายข้าจะนำกลับไปให้นางเองเจ้าค่ะ”
“ไม่สบายงั้นหรือ นางเป็นอะไร หรือว่าแผลของนาง!!….”
“ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ แต่นางบ่นว่าปวดหัว ก็เลยขอพักเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ พวกเจ้าที่เหลือใช้เวลาที่เหลือนี้เขียนงานแก้ไขแล้วส่งท้ายชั่วโมง หากว่ายังเขียนไม่ได้ ก็เตรียมตัวไปกักบริเวณที่หอคัมภีร์คัดกฎของสำนักศึกษา ข้อห้ามเกี่ยวกับนินทาและสร้างข่าวลือเท็จ หากว่าข้ายังได้ยินเรื่องราวไร้สาระอยู่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยผู้ที่เป็นต้นเรื่องเอาไว้!!”
เขาจงใจส่งสายตาไปยังจ้าวลู่อินที่ทำท่าไม่รู้เรื่องอยู่ด้านหน้า ทุกคนไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย เสียงขู่ที่เย็นถึงไขสันหลังนั่นทำเอานักเรียนที่เหลือเกรงกลัวอยู่ไม่น้อย
หยางเฟิ่งหยวนหันมามองกู้เป่าเป้ยที่กลับไปนั่งที่เดิม เขากำม้วนกระดาษนั้นแน่นและเดินออกจากห้องเรียนไปทันที
“เจ้าว่าอาจารย์จะไปที่ใด”
“ไม่รู้ ข้าไม่อยากยุ่งแล้วข้าจะไม่พูดอะไรอีก ข้ากลัวสายตานั่น เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ
"นั่นแสดงว่า….”
“ข่าวซุบซิบที่ว่านั่นไม่ใช่ความจริงนะสิ ไม่เช่นนั้นอาจารย์หยางจะโกรธจนอยากฆ่าคนถึงขนาดนั้นหรือ”
“คงเป็นจ้าวลู่อินที่คิดไปเองคนเดียวสินะ!!”
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่