“ร่มรื่นจัง เราอยู่คนเดียวเลยเหรอ”
“ห้องน้ำอยู่ทางนั้น” เมื่อญาติผู้พี่เดินเข้ามายังบริเวณบ้านเล็กของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และไม้ประดับซึ่งแขวนไว้ชั้นล่าง มัลลิกาก็ออกปากชมทันที นาราอยากให้เวลารวบรัดที่สุด จึงบอกสิ่งที่พวกเธอต้องการไป
“อย่ารีบสิ พี่มาเยี่ยมนะ” ข้าราชการสาวนั่งลงที่ม้านั่ง ตามด้วยเพื่อนของเธอ พูดคุยกันสองสามประโยค กระทั่งเห็นสายตากดดันของนารา ถึงได้ลุกขึ้น
นาราและเพื่อนของมัลลิการออยู่ด้านนอก เธอไม่คุยอะไรมากนักเพราะไม่สนิทกับทั้งสอง
“โอ๊ย” กระทั่งเสียงของคนในห้องน้ำดังขึ้น นารารีบประตูเข้าไปดูเพราะคิดว่ามัลลิกาต้องเป็นอะไรแน่ๆ เป็นจริงดังนั้นหญิงสาวตาค้างเมื่อเห็นว่ามัลลิกานั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำ กุมข้อเท้าตัวเอง
“พี่เหมียว!” นารารีบเข้าไปหาญาติผู้พี่ทันที พยุงสาวร่างบางขึ้นมา ก่อนจะพาออกมาด้านนอก
“เป็นอะไรมั้ย” พาหญิงสาวนั่งลงบนม้านั่ง บอกตามตรงว่าตอนนี้ใจของเธอสั่นไปหมด มัลลิกาดูไม่ดีเลย
“พี่ลื่นล้มน่ะ เจ็บจัง” หญิงสาวในชุดสีกากีลูบคลำข้อเท้าตัวเอง เธอไม่นึกว่านาราจะเป็นห่วงเธอเหมือนกัน เพราะทุกครั้งหญิงสาวก็มีท่าทีเมินเฉยต่อเธอเสมอ
“เดินได้มั้ยเนี่ย”
“โอ๊ย” มัลลิการ้องออกมา ความเจ็บจี๊ดปวดหนึบตรงข้อเท้าโจมตีเธอ หญิงสาวกัดปาก ครวญครางเล็กน้อย
“พี่ขอพักที่นี่นิดหนึ่งได้มั้ย ถ้าให้กลับเลยพี่ทนไม่ไหว” ขอร้องน้องสาว ถ้าให้กลับตอนนี้มัลลิกาคงได้น้ำตาเล็ดแน่ และถ้าจะให้เพื่อนของเธออุ้มออกไป ก็เห็นว่าคงไม่เหมาะสมชายหนุ่มแต่งงานแล้ว เดี๋ยวเรื่องนี้จะไปกันใหญ่ เพราะแบบนั้นเธอขอนั่งพักตรงนี้สักพัก ดีขึ้นจะกลับไปทำงาน
“อื้อ” นาราตกลง แม้เธอจะไม่ได้สนิทสนมและมีกำแพงกั้นระหว่างมัลลิกาตลอดเวลา แต่เธอไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ถ้าพักแล้วทุกอย่างดีขึ้น เธอก็อยากให้มัลลิกานั่งพักสักหน่อย
ด้วยความน่าเบื่อไม่มีอะไรทำ เพื่อนของมัลลิกาเลยเดินไปรอบๆ นาราบอกแล้วว่าอย่าเดินไปที่อื่นสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าจะเดินต้องเดินอยู่แถวนี้ ซึ่งพวกเขาก็ตกลง เวลานี้จึงเหลือเพียงนารากับมัลลิกาสองคน ซึ่งน่าจะเลยเวลาบ่ายมาแล้ว ทว่านารายังไม่ไปไหน เพราะอยากเฝ้าพี่สาวของเธอเอง
“เรากับคุณสิงเป็นยังไงบ้างเหรอ” นาราที่นั่งนิ่งเงยหน้าขึ้นมา เมื่อได้ยินมัลลิกาเอ่ยคำถามนั้น
“คะ” เธอไม่เข้าใจ ทำไมคนอื่นถามเธอถึงเรื่องสิงหราชตลอดเวลา
“ก็เขาลือกันว่าเห็นเราไปกับคุณสิงบ่อยๆ แทบจะเป็นนายหญิงของที่นี่เรื่องจริงรึเปล่า”
อ้อ ที่แท้ก็เรื่องนั้น
“ไม่นี่คะ นาคไม่ได้เป็นอะไรกับเขา” ทุกคนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ รวมถึงคนงานในไร่ ที่บางคนเรียกเธอว่านายหญิงหรือเอ่ยถามเธอถึงเรื่องสำคัญที่เจ้าของไร่ตัดสินใจเท่านั้น ซึ่งบางครั้งสิงหราชก็โยนมันมาให้เธอทำ บอกตามจริงเธอไม่อยากให้ทุกคนคิดแบบนั้นเลย เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน อ้อ เป็นสิอย่างน้อยก็เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ ส่วนคำว่านายหญิงคงไม่เหมาะกับเธอ
“อย่าปิดบังพี่เลย เป็นก็บอกว่าเป็นเถอะ ใครๆก็อยากเป็นนายหญิงของนายหัวสิงทั้งนั้น ถ้าเขาจริงใจกับเราก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นนาราเงียบไป ญาติสาวก็ยิ่งติดตาม ทุกปฏิกิริยาของนาราอยู่ในสายตาของเธอ ความวูบไหวผ่านดวงตางามสั่นระริก เพียงเสี้ยวเวลาเดียวมัลลิกาก็จับสังเกตได้
“ไม่มีอะไรค่ะ” และอย่างที่คิดนารายังปฏิเสธ
เขาไม่ได้จริงใจกับเธอ หนำซ้ำเขายังมีผู้หญิงคนอื่น แล้วสถานะอย่างเธอมันน่ายินดีที่ไหนกัน นารายังคงเงียบเฉย ปัดตกไป
“ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกค่ะ คนก็พูดกันได้ทั้งนั้น นาคอยู่ที่นี่ นาคมาทำงาน ถ้าใช้หนี้หมด นาคก็จะไปตามทางของนาค”
“เหมียว กลับกันเถอะ พี่น้อยโทรตามแล้ว” ในตอนที่คุยกับญาติผู้พี่อยู่ หญิงที่ชื่อชมัยพรก็เดินเข้ามา น้อยคือหัวหน้าแผนกฝ่ายที่มัลลิกาทำงานอยู่ ได้ยินดังนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้น ยิ้มน้อยๆให้ญาติของตน
“พี่ซื้อขนมมาให้เยอะเลย อย่าลืมกินล่ะ ถ้ามีโอกาสว่างแวะไปหาพี่ด้วยนะ”
“ค่ะ” นารารับคำ ยืนส่งมัลลิกาอยู่หน้าบ้าน มัลลิกายิ้มส่งท้ายให้เธอเล็กน้อย ก่อนเดินไปที่รถตัวเองที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไกลๆ
รถคันเกือบล้านเคลื่อนออกไปแล้ว นาราจึงได้ถอนหายใจออกมา บอกตามตรงว่าไม่ชินเท่าไหร่ที่มัลลิกาทำตัวดีด้วย แต่อีกอย่างเธอไม่อยากคิดมากเกินไป เพราะคิดไม่ออกว่ามัลลิกาจะร้ายกับเธอไปทำไม อิจฉาเหรอ เกลียดชังเหรอ จะรู้สึกแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยทำอะไรให้เลย ช่างเถอะ ไม่อยากคิดมากแล้ว ไปทำสวนของเธอดังเดิมดีกว่า
นาราเดินเข้ามาในบ้านเพราะป้านงรักบอกว่ามีของมาส่งเธอ หญิงสาวรับมันมาจากป้าแม่บ้านที่ยืนยิ้มให้อย่างใจดี ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร นาราไม่ใช่พวกชอบสั่งของจากเส้นทางอินเทอร์เน็ต มักไปซื้อเองมากกว่า ที่เป็นแบบนั้นเพราะไม่อยากติดใจ เงินของเธอมีน้อยนิด นาราไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับเรื่องเหล่านี้
“ใครส่งมาเหรอคะ” นงรักชะเง้อมอง เด็กสาวยิ้มให้ ก่อนจะค่อยๆฉีกซองสีน้ำตาลออกอย่างเบามือ
และเพียงเปิดมันออกมา วินาทีนั้นราวกับมีบางอย่างฟาดเข้าใส่หัว นาราชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า มือที่จับสิ่งนั้นอยู่สั่นระริกจนภาพพวกนั้นขยับไปด้วย
“ตายจริง! นี่มันอะไรกันคะเนี่ย” นงรักปิดปากตัวเอง ภาพของสิงหราชกับผู้หญิงคนหนึ่งคลอเคลียแนบชิดกัน ไปจนถึงหญิงสาวกอดกายหนา ราวกับว่ารักกันมานมนาน ปรากฏในตาหญิงสูงวัย
“หนูนาคอย่าดูนะคะ!” นงรักรีบเก็บภาพพวกนั้นมาใส่มือ หญิงวัยกลางคนสั่นระริก มองหญิงสาวตัวเล็กที่ราวกับว่าสติได้หลุดลอยไปแล้ว
เข้าใจแล้ว เป็นอย่างนี้นี่เอง
วันนั้น วันที่เขามีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดมา เพราะมันมาจากผู้หญิงคนนี้นี่เอง ทั้งสองแนบชิดกัน และถ้าให้คิดหลังจากนั้น บนเตียงพวกเขาคง...
“คุณนาค...”
คงมีอะไรกันจนหนำใจ!
น่าเกลียดตรงคืนนั้นเขายังอยากมีอะไรกับเธอ
ไม่รู้จักพอ
“คุณนาคคะ” นงรักมองเด็กสาวด้วยใจนึกสงสาร ใครหนอใคร ใครส่งรูปพวกนี้มา ถึงอย่างนั้นนงรักก็ยังไม่อยากเชื่อ เมื่อก่อนนายหัวสิงอาจจะเจ้าชู้ แต่เธอเชื่อว่าตอนนี้สิงหราชไม่เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน ทว่าในหลักฐานก็จนปัญญาแก้ตัวแทน
“ป้าส่งมันมาให้หนูเถอะค่ะ หนูไม่เป็นอะไรหรอก” ใบหน้านารายังแสดงรอยยิ้ม บอกไม่ออกว่าเธอควรจะรู้สึกยังไง ทว่าก็ยังอยากเห็นรูปภาพพวกนั้นอยู่ดี อยากตอกลึกไปถึงแก่นใจว่า ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันรักเธอ ไม่มีวันหยุดอยู่ที่ใคร...
“แต่” นงรักทำท่าค้าน นาราพูดขึ้นก่อน ใบหน้าเธอเรียบเย็นนัก
“ป้าอย่าบอกเขานะคะว่าหนูรู้เรื่องนี้”
“...”“ส่งมันมาเถอะค่ะ แล้วหนูจะไม่บอกใคร”
ไม่เรียกร้อง ไม่สนใจ ไม่อะไรทั้งนั้น ทำเหมือนว่าผ่านมาแล้วผ่านไป แม้อกด้านซ้ายเธอจะบีบรัดด้วยความประหลาดก็ตาม ในที่สุดนงรักก็ส่งรูปคืนไป นัยน์ตาฝ้าฟางมองหญิงสาวรุ่นลูกตาละห้อย ทว่าอย่างเธอคงไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ปล่อยไปตามบุญตามกรรม
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง