จวนสกุลกง
“ข้าอยู่ที่ไหน... โอ๊ย!”
“คุณหนูท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ อย่าพึ่งลุกนะเจ้าคะ ท่านมีแผลเต็มตัวไปหมดเลยคุณชายรองพึ่งจะส่งท่านหมอกลับไป”
กงเหรินซินจำได้เพียงลาง ๆ ว่านางถูกแส้ของจางลี่เหมยไปครั้งหนึ่งที่กลางหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงพี่รองของตัวเองวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็มิได้ตอบกลับเขาก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
“อาเจิงเจ้าร้องไห้ทำไม”
“คุณหนู ข้าทนเห็นท่านได้รับความอยุติธรรมนี้ไม่ได้จริง ๆ ตอนที่คุณชายรองพาท่านกลับออกมาจากจวนท่านอ๋อง…”
“อาเจิง เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ”
สาวใช้ร้องไห้สะอึกสะอื้นซึ่งมิใช่เรื่องโกหก อย่างน้อยชาติใหม่ในการเป็นกงเหรินซินนางก็ยังมีคนที่จริงใจกับนางอยู่หนึ่งคน แม้ว่าก่อนหน้านี้อาเจิงเองก็จะไม่ได้มีท่าทีกลัวนางต่างจากคนอื่น แต่นางก็เป็นคนเดียวที่กล้าจะเข้ามาดูแลเหรินซินด้วยใจจริง
“อาเจิง ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ”
“คุณหนู ตั้งแต่เล็กจนโตท่านไม่เคยบาดเจ็บ แทบไม่เคยมีแผลแต่ครั้งนี้… คุณชายรองโกรธมากถึงกับยื่นฎีกาฟ้องร้องท่านอ๋อง ตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านเองก็ทราบเรื่องแล้วด้วย”
“อะไรนะ เหตุใดพี่รองถึงได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้…”
“คุณชายสั่งให้ข้าดูแลท่านให้ดี และบอกว่าเรื่องนับจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของเขาเองเจ้าค่ะ คุณหนูข้าไม่เคยเห็นท่านถูกรังแกเช่นนี้มาก่อนเลย”
“เมื่อก่อนมีแต่ข้า ที่คอยรังแกผู้อื่นสินะ”
“ฮึก…. คือว่า…”
“ช่างเถอะ ข้าเป็นนางร้ายแห่งซานโจวไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมไม่ว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้หรือต่อไปภายภาคหน้าก็ยังจะเป็นเช่นเดิม ใครทำอะไรกับข้าไว้ก็อย่าได้คิดว่าข้าจะปล่อยไปง่าย ๆ อาเจิงเจ้าจะช่วยข้าหรือไม่”
“คุณหนู ท่านจะให้บ่าวทำสิ่งใดบ่าวยอมทั้งนั้นเจ้าค่ะ ขอเพียงท่าน…”
“เจ้าอย่าได้ห่วง ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปทำร้ายคนหรอก แต่หากว่าคนอื่นมาทำร้ายเราก่อนข้าย่อมไม่มีปล่อยไปง่าย ๆ จางลี่เหมย ซ่งจินหรู หมิงเว่ยเซียว ความแค้นครั้งนี้ข้าจดจำเอาไว้แล้ว”
“ท่านนอนพักสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ หมอสั่งยาลดไข้กับยาสมานแผลให้ตอนนี้ร่างกายท่านต้องการพักผ่อน คุณชายบอกข้าแล้วว่าหากไม่มีเรื่องอันใดจะไม่ให้ผู้ใดมารบกวนท่านอีกเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
สี่วันผ่านไป
หลังจากเรื่องที่กงเหรินซินถูกพาตัวไปสอบสวนที่จวนอ๋องครั้งก่อนก็ไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมนางอีก เรื่องฎีกาฟ้องร้องชินอ๋องที่ถูกส่งโดยรองเจ้ากรมคลัง “กงอวี้หาน” ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านอ๋องหยุดสอบสวนเรื่องนี้โดยทันที ส่วนสกุลจางถูกสั่งให้จ่ายค่าทำขวัญให้กับสกุลกงเป็นเงินสามพันตำลึง จางลี่เหมยถูกลงโทษโบยสิบไม้เพราะทำร้ายกงเหรินซินโดยไร้คำสั่ง
“คุณหนูยามาแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าต้องกินอีกนานแค่ไหน ตอนนี้บาดแผลก็หายเกือบหมดแล้ว”
“แต่ว่า…”
“ช่างเถอะไหน ๆ เจ้าก็อุตส่าห์ต้มมาแล้วข้าจะกินก็แล้วกัน”
หลังจากเรื่องในวันนั้นกงเหรินซินก็เหมือนกับได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าท่านอ๋องผู้นั้นจะมิได้มาสืบสาวเอาเรื่องกับนางอีก และแม้ว่าจะยังไม่เคยพบคู่กรณีของนางตรง ๆ อย่าง “ซ่งจินหรู” แต่นางเองก็ยังรู้สึกแปลกใจว่าเพราะเหตุใดซ่งจินหรูจึงได้ปักใจเชื่อว่ากงเหรินซินเป็นผู้ที่จะฆ่านางในวันนั้น
“ได้นอนพักผ่อนเต็มที่ ดูเหมือนว่ากำลังภายในของข้าจะกลับมาได้เกือบสมบูรณ์แล้ว ขาดก็เพียงแค่… อาเจิง”
“เจ้าค่ะคุณหนู ท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ”
สาวใช้ที่พึ่งนำชุดใหม่ของคุณหนูไปเก็บในหีบเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจ
“เจ้าพอจะรู้จัก… "หอหลัวต๋า" หรือไม่"
“คุณหนู เหตุใดจู่ ๆ ท่านจึงได้ถามถึงเรื่องนี้เจ้าคะ”
สีหน้าของสาวใช้ทำให้นางรู้ว่าอาเจิงรู้ว่าหอหลัวต๋าคือสถานที่เช่นไร และเป็นที่ที่ไม่เหมาะสำหรับสตรีชั้นสูงเช่นกงเหรินซินเป็นแน่
“เปล่าหรอก ข้าก็แค่เหมือนเคยได้ยินใครพูดขึ้นมาสักคนหนึ่งเท่านั้น เจ้ารู้จักหรือไม่”
“รู้เจ้าค่ะ หอหลัวต๋าเป็นหอที่รวบรวมนักฆ่า นักสืบและองครักษ์เดนตายเอาไว้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นเจ้าของตลาดมืดในเมืองหลวง “ไม่มีสิ่งที่หอหลัวต๋าหาไม่ได้” นี่คือสิ่งที่หอหลัวต๋ายึดถือเป็นหลักปฏิบัติเจ้าค่ะ"
“เหตุใดเจ้าจึงรู้จักที่นั่นเล่าอาเจิง”
“คุณหนูนี่ท่านลืมไปแล้วจริง ๆ หรือเจ้าคะ ก็ท่านเป็นคนให้ข้าไปสืบหาเรื่องของหอหลัวต๋าเอง”
“ข้าหรือ เพราะเหตุใดกัน”
“ท่านจำไม่ได้สินะเจ้าคะ ครั้งก่อนท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนหลอกให้คุณหนูซ่งไปที่ตำหนักเย็นจนนางเกือบเสียสติและจับไข้ไปหลายวัน เรื่องนี้ทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วและมาหาเรื่องท่านถึงในจวนทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้เรื่อง ดังนั้นจึงได้ให้ข้าไปหาข้อมูลของหอหลัวต๋า เพราะท่านได้ยินมาจากคุณชายรองคุยกับขุนนางในกรม”
“ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่น้องสาวไม่แท้ของอ๋องผู้นี้มีเรื่อง ปัญหามักจะวนมาที่ข้าเสมอเลยสินะ”
“เจ้าค่ะ ทุกเรื่องแม้ว่าท่านจะไม่ชอบหน้าคุณหนูซ่งเพราะเป็นสตรีเดียวที่อยู่ใกล้ชิดท่านอ๋อง และแม้ว่านางจะเป็นเพียงน้องสาวแต่ว่าท่านก็ไม่เคยคิดร้ายและลงมือแกล้งนางมากไปกว่า… เอ่อ…”
“ว่ามาเถอะ ข้าเองก็อยากรู้ในเรื่องที่ข้า… จำไม่ได้เช่นกัน บางทีข้าอาจจะหลงลืมไป หากว่าข้าทำผิดกับนางจริงเมื่อพบหน้ากันอีกครั้งจะได้ขอโทษนาง”
“ขอโทษ!”
เหรินซินหันไปมองใบหน้าที่ตกใจของสาวใช้ข้างกาย
“หรือว่าแม้แต่คำว่าขอโทษ เมื่อก่อนข้าก็พูดไม่เป็นงั้นหรือ”
“คุณหนูดูเหมือนว่าท่านตกน้ำครั้งนี้จะมีบางอย่าง ไม่สิหลาย ๆ อย่างในตัวท่านเปลี่ยนไปมากเลยนะเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ๆ เจ้าว่ามาสิว่าข้าเคยไปทำอะไร นางชื่ออะไรนะ”
“ซ่งจินหรูเจ้าค่ะ ท่านก็แค่ เคยเอาหนอนไปปล่อยนาง ครั้งนั้นนางแพ้จนผื่นขึ้นเต็มตัว แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้นหมอหลวงกลับวินิจฉัยว่านางถูกพิษ”
“ถูกพิษงั้นหรือ หนอนที่ข้าเอาไปปล่อยมีพิษหรือ”
“ไม่นะเจ้าคะ เป็นหนอนผีเสื้อที่ขึ้นอยู่ที่ต้นพุดซ้อนธรรมดาเจ้าค่ะ แม้แต่ท่านเองก็ยังแปลกใจว่าเหตุใดนางจึงถูกพิษ อีกครั้งก็ตอนที่ท่านมอบชาดทาปากให้กับนาง เมื่อนางทาก็เกิดอาการแพ้จนปากบวมและออกจากจวนไม่ได้เกือบสองเดือน”
“ในชาดทาปากข้าไปใส่อะไรถึงได้ทำให้นางเป็นเช่นนั้นกัน”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้พูดเพียงแค่โวยวายและไม่ยอมรับผิดเจ้าค่ะ สุดท้ายก็เรื่องที่พวกท่านตกสระน้ำในวังพร้อมกันนี่แหละเจ้าค่ะ”
“เรื่องที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังมาทั้งหมด ฟังแล้วแปลก ๆ หรือไม่”
“แปลกหรือเจ้าคะ แต่ว่าในตอนนั้น เอ่อ…”
เมื่อมองหน้าอาเจิงนางจึงได้เข้าใจในทันที กงเหรินซินในตอนนั้นถือเป็นนางร้ายที่ใคร ๆ ต่างเกลียดและหวาดกลัว แม้นว่านางจะทำหรือไม่เรื่องทั้งหมดก็จะถูกตัดสินไปแล้วว่าเป็นฝีมือนาง
ด้วยนิสัยดื้อดึงและไม่ยอมคนที่ชอบโวยวาย ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อในสิ่งที่คนอื่น ๆ พูดเพราะกงเหรินซินมิได้มีสหายในวัยเดียวกันเลยแม้แต่คนเดียว
“เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านอ๋องผู้นั้นก็คงจะเกลียดข้า เพราะคิดว่าข้ากลั่นแกล้งน้องสาวของเขาสินะ”
“ใช่เจ้าค่ะ ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่าท่านริษยาคุณหนูซ่ง แต่ใคร ๆ ต่างก็ทราบว่านางมิใช่น้องสาวแท้ ๆ ของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงคิดกันว่าท่านต้องการจะกำจัดนางเพื่อจะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
สามวันถัดมา“เสด็จแม่ ยังอีกไกลหรือไม่เพคะ”“ไหนว่าเจ้าจะไม่บ่นอย่างไรเล่าเซียนเอ๋อร์ นี่แค่ทางขึ้นเขาเองเจ้าก็บ่นเสียแล้ว”“ข้าแค่รู้สึกเวียนหัวเพราะรถม้ามันโยกนี่เพคะ”“มานั่งตักพ่อเถอะจะได้นิ่มหน่อย มาสิ”หมิงชิงเซียนขยับไปนั่งตักบิดาซึ่งทั้งกว้างและนิ่มเมื่อท่านอ๋องวางตำราลงและหันมามองหน้าพระชายาที่แง้มหน้าต่างและเริ่มมองออกไปข้างนอก“เจ้าคงไม่คิดที่จะอยู่ที่สำนักไป๋ซานนานนักหรอกนะ ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็เป็นพระชายาหมิงชินอ๋อง หาใช่สตรีอันดับหนึ่งในยุทธภพไม่”“ท่านกังวลเกินไปแล้ว ข้าแค่อยากจะมองดูรอบ ๆ เท่านั้นว่าต่างไปจากเดิมหรือไม่”“เสด็จพ่อ ลูกจะต้องมาฝึกที่นี่จริง ๆ หรือเพคะ”“เจ้าอยากจะมาหรือไม่เล่าเซียนเอ๋อร์”“ลูกเองก็ไม่รู้ แต่ลูกอยากจะเก่งเหมือนเสด็จแม่เพคะ”“เจ้าเป็นลูกของแม่ก็ต้องเก่งและยอดเยี่ยมเหมือนแม่เจ้าอยู่แล้ว ยอดหญิงอันดับหนึ่งในใต้หล้ามีเพียงเสด็จแม่ของเจ้าเท่านั้น”“แต่เหตุใดบางคืนข้าถึงได้ยินเสียงท่านแม่ร้องแปลก ๆ เล่าเพคะ”เหรินซินหันมามองพักตร์ท่านอ๋องในทันทีเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวกล่าวขึ้นมา ท่านอ๋องนึกขำเมื่อเห็นใบหน้าของพระชายาที่เริ่มแดงจัดจนถึงใบหู“เซ
แปดปีต่อมา“ชิงเซียน ได้เวลาอาบน้ำแล้ว”“เพคะเสด็จแม่ แต่ว่าข้ายังอยากฝึกดาบอยู่”“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ น้าอันเมี่ยนของเจ้าเหนื่อยแล้วอีกเดี๋ยวเสด็จพ่อเจ้าก็จะกลับมาจากในวัง จะถูกตำหนิเอาได้นะ”“ก็ได้เพคะ”“ข้าพานางไปเองเพคะ”“ฝากเจ้าด้วยนะอาเจิง”“เพคะพระชายา”อาเจิงพา “หมิงชิงเซียน” บุตรสาวของท่านอ๋องในวัยสี่ขวบครึ่งไปอาบน้ำตามคำสั่งของพระชายากงเหรินซิน ไม่นานเมื่อทั้งคู่เดินไปท่านอ๋องก็กลับเข้ามาในตำหนัก พระองค์เดินตรงมาหานางที่นั่งรออยู่ศาลาริมสวนซึ่งชิงเซียนใช้ฝึกดาบกับอันเมี่ยน“ท่านพี่”“เหตุใดเจ้าถึงได้มานั่งที่นี่คนเดียว เซียนเอ๋อร์เล่าไปไหนแล้ว”“ข้าให้อาเจิงพานางไปอาบน้ำแล้วเพคะ เหตุใดวันนี้ท่านพี่จึงกลับเร็วนักเล่าเพคะ”“รีบกลับมาหาเจ้าน่ะสิ เตรียมของทุกอย่างแล้วหรือ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้วคิดว่าครั้งนี้คงไม่หนาวเท่าปีก่อน หยางเอ๋อร์จะได้ไม่ลำบากมาก”“เจ้าก็เอาแต่เป็นห่วงบุตรชายของเจ้า เขาไปฝึกที่สำนักไป๋ซานร่วมปีแล้วน่าจะชินกับอากาศแล้วกระมัง อีกอย่างยังมีอาจารย์อย่างเฉินกวนคอยส่งข่าวมาให้ไม่ขาด ยังเป็นห่วงอีกหรือ”“แต่หยางเอ๋อร์ยังเด็กนะเพคะ เส
“อ๊าา…. อ๊าา ไม่ไหวแล้ว มันจุกมาก อื้อ….”เหรินซินทั้งกัดฟัน ทั้งอ้าปากระบายความเสียวออกมาเมื่อท่านอ๋องจับบั้นท้ายนางกระแทกลงมาถี่ ๆ เพื่อรับมังกรยักษ์ที่สอดอยู่ด้านใน ไม่นานร่างเล็กก็ถูกเขาจับพลิกให้นอนตะแคง ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมา อ้อมกอดของพระสวามีกระชับเข้ามาจนชิดและถูกเขากระแทกอีกครั้ง พร้อมกับหน้าอกที่ถูกนิ้วสากหนานั้นบดขยี้ที่ยอดจนแตะทางสวรรค์ไปอีกครั้ง“อ๊าา….”ครึ่งชั่วยามถัดมา“ท่านพี่เพคะ พอแล้วได้หรือไม่ข้าขอพัก อ๊าา!!”หน้าต่างทุกบาน รวมถึงประตูถูกลงกลอนจนหมดสิ้น บัดนี้เหรินซินได้หลงกลท่านอ๋องเพราะคำพูดหวาน ๆ นั่นเสียแล้ว ใครจะคิดว่าหลังจากที่เปิดประตูให้พระสวามีเข้ามา นางจะไม่ได้พักและแทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้วกับศึกรักที่โหมกระหน่ำ จนเผาไหม้ทุกอย่างที่ขวางหน้าเช่นนี้“อ๊าา ท่านพี่ อย่าเลียนะ! เราพึ่งจะ อ๊าา….”แต่ท่านอ๋องมิได้ใส่ใจ ลิ้นของเขายังคงซอกซอนเข้าไปยังร่องรักที่เปียกชื้นทั้งน้ำของเขาและนาง เหรินซินเหงื่อไหลท่วมและแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงแต่ก็มิอาจทัดทานความปรารถนาของท่านอ๋องที่มีต่อนางได้“อ๊าา….”เป็นอีกครั้งที่นางถึงฝั่งสวรรค์ แต่ท่านอ๋องก็มิได้เว้นช่วงให้นางพักเลยจร
ท่านอ๋องเดินไปยังเรือนหลังที่ตอนนี้เริ่มเงียบลงแล้วหลังจากที่รอสาวใช้ของเหรินซินเดินออกมา เว่ยเซียวที่หลบอยู่ด้านหลังก็ค่อย ๆ ไปที่ประตูแต่ปรากฏว่าประตูถูกลงกลอนเอาไว้“อะไรเนี่ย ปิดประตูงั้นหรือ”“ท่านคิดว่าจะเข้ามาในห้องข้าได้ง่าย ๆ งั้นหรือ”“เจ้า! ร้ายนักนะอาซิน”เสียงของเหรินซินดังออกมาจากด้านในเขาจึงรู้ว่าติดกับเข้าแล้ว พระชายาของเขามิใช่คนโง่ที่จะไม่รู้แผนการตื้นเขินเช่นนี้ แต่ในเมื่อพ่อตาสอนมาแล้วทุกอย่าง เช่นนั้นคืนนี้เขาจะไม่มีทางยอมแพ้เป็นอันขาด“อาซิน… เปิดประตูให้ข้าเข้าไปหน่อยสิ ข้าอยากจะคุยกับเจ้าจริง ๆ นะ อีกอย่าง…”“ท่านกลับไปดื่มสุรากับพี่ใหญ่และท่านพ่อจะดีกว่า มายืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีความหมาย หม่อมฉันไม่มีทางเปิดประตูให้พระองค์”“เจ้ากลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เจ้าจะยอมให้สามีของตัวเองถูกยุงกัดตายอยู่ตรงนี้งั้นหรือ หากเจ้าไม่เปิดข้าก็จะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น คอยดูสิว่าข้าจะตายก่อนหรือว่าเจ้าจะใจอ่อนก่อน”“เช่นนั้นก็เชิญท่านอ๋องยืนเฝ้ายามหน้าประตูต่อไปนะเพคะ จะได้รู้ว่าเหล่าองครักษ์ต้องลำบากเพียงใด”“เดี๋ยวสิ! นี่กงเหรินซินมันจะเกินไปแล้ว อย่าใ
สองเดือนถัดมา“ยอดไปเลย ข้าพึ่งจะเคยเห็นกระบวนท่าของ “กระบี่วารีพิสุทธิ์” เต็มตาก็วันนี้เอง เว่ยเซียวท่านเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อใดว่านางมิใช่ซินเอ๋อร์แต่เป็นเยว่ชิงชิง"“ครั้งแรกที่ข้าเห็นนางแอบฝึกที่โรงฝึกของพวกเจ้าข้าก็เริ่มสงสัยว่านางมิใช่กงเหรินซิน ยอดไปเลยใช่ไหมเล่า”“เรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ”“นั่นสิ ว่าแต่เจ้าเถอะตอนที่ไปสำนักไป๋ซาน ไม่เห็นเคยบอกข้าเลยว่านางคือใคร”“ตอนนั้นข้ารับปากท่านพ่อแล้วว่าจะไม่เปิดเผยฐานะของนาง และจะไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร ได้แต่เฝ้ามองนางห่าง ๆ และคอยช่วยเหลือในสิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้ ทั้งกระบี่ที่ท่านพ่อสั่งทำแล้วมอบให้และเงินที่ฝากเอาไว้กับอาจารย์โดยไม่บอกให้นางรู้”“ข้านับถือเจ้านะที่ปกปิดความลับมาได้นานขนาดนี้ หากเป็นข้าก็คงอยากจะเผยตัวตนตั้งแต่แรก”“ใช่ว่าข้าไม่อยาก เพียงแต่ว่า…”“เพราะกงเหรินซินสินะ ปากเจ้าพร่ำบ่นนางและด่านางเป็นประจำแต่ก็รักนางมากไม่ต่างกังกงอวี้หาน”“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าเสียใจมากที่สุดในฐานะพี่ชาย ข้าควรจะดีกับนางเหมือนที่อวี้หานทำ”ท่านอ๋องตบไหล่ของจ้าวหนาน สหายและเพื่อนร่วมสำนักของเขา ท่านอ๋องพอจะรู้
สามวันถัดมา / สุสานสกุลกง “ซินเอ๋อร์ เนี่ยเอ๋อร์ พวกเจ้าคงจะได้พบกันแล้วสินะ ฝากดูแลนางด้วยนะ”“ซินเอ๋อร์ พี่ใหญ่ไม่เคยอยากจะทะเลาะกับเจ้าเลยสักครั้ง พี่ทำผิดต่อเจ้าที่คอยเปรียบเทียบเจ้ากับคนอื่น ชาติหน้าหากมีจริงขอให้พี่ได้มีโอกาสเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้าอีกสักครั้งเถอะนะ”ตุ๊กตาไม้ที่แกะด้วยมือของกงจ้าวหนานวางลงที่หน้าป้ายวิญญาณน้องสาวผู้ล่วงลับ เขาทำมันขึ้นมาระหว่างออกศึกและเก็บเอาไว้นานกว่าสิบปีแต่ไม่มีโอกาสได้ให้กงเหรินซิน เพียงเพราะนางเอาแต่โวยวายและโมโหทุกคนที่ไม่เข้าข้างนาง เขาจึงเก็บตุ๊กตาไม้นี้เอาไว้ตลอด กงอวี้หานเดินมาตบไหล่ของพี่ใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าป้ายวิญญาณของน้องสาวที่ทำขึ้นมาในสุสานของสกุลกง“พี่ใหญ่ท่านอย่าคิดมากเลย ซินเอ๋อร์เองก็มิได้โกรธท่านจริง ๆ หรอก ที่นางเอาแต่ใจก็แค่อยากให้ท่านหันไปสนใจนางเท่านั้นเอง”“ข้าไม่เคยได้มีโอกาสขอโทษ หรือทำดีกับซินเอ๋อร์เลยสักครั้ง จนกระทั่ง…”“พี่ใหญ่ ตอนนี้คนร้ายก็ได้ชดใช้ให้กับน้องเล็กแล้ว ท่านอย่าได้โทษตัวเองอีกเลยนะเจ้าคะ”“เจ้าพูดถูก แม้ว่านางจะไม่อยู่แล้วแต่ตอนนี้เจ้าเองก็อยู่ในร่างของนาง ทำดีกับเจ้าก็ไม่ต่างกับทำดีกับนาง”“ใช่แล้ว