หน้าหลัก / โรแมนติก / พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก / บทที่ 12 ลุค ครอว์ฟอร์ดไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย

แชร์

บทที่ 12 ลุค ครอว์ฟอร์ดไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย

ผู้เขียน: พะเนินเทินทึก
รถยนต์สองคันแล่นออกจากโรงแรมชื่อดัง จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่

เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย เบียงก้าก้าวออกจากรถ

ซูก้าวตามลงมา

ที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาพบว่าเจสัน ดอยล์กำลังรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทที่ดูสง่าเข้าคู่กับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี

“สวัสดีค่ะ คุณดอยล์” เบียงก้าทักทายเจสันเหมือนอย่างที่ซูและคนอื่น ๆ ทำ

เจสันพยักหน้ารับคำทักทายของเบียงก้า หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอเขม็งนั้นแตกต่างจากคนอื่น

หลังจากที่เบียงก้าเดินเข้าไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม เจสันก็ยังคงจ้องตามเธอไปอย่างนั้น

เมื่อลุคลงมาจากรถ เขาก็สังเกตได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจสัน

ลุคจ้องมองไปยังเจสัน กระทั่งเมื่อเจสันรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเจ้านายอย่างแนบเนียน

เขายืนตรงอย่างสูงสง่า ลุคสาวเท้าเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น “คุณกำลังมองเธออยู่”

ลุคพูดกับเจสันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา

เจสันใคร่ครวญอยู่ในใจว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปหรือไม่ ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บงำสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง “เปล่าครับ ผมเปล่า”

แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ !

ลุคมองเจสันด้วยสายตาเคลือบแคลงมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นเอง ฌองลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในโรงแรม เขาเหน็บแล็ปท็อปไว้กับแขนข้างหนึ่ง เขาเห็นเจ้านายของตนกับผู้ช่วยพิเศษดอยล์ยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ เขาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไรก็ต้องทักทายพวกเขาอย่างไม่มีทางเลือก “สวัสดีครับ คุณดอยล์ คุณครอว์ฟอร์ด”

ลุคส่งสายตาคมปราดไปยังผู้มาใหม่

“ผมฌอง แลงดอน เป็นพนักงานใหม่ของฝ่ายออกแบบครับ” ฌองแนะนำตัวเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะขวางทางคุณครับ คุณครอว์ฟอร์ด เพราะงั้นผมจะขึ้นไปชั้นบนเดี๋ยวนี้เลย”

สายตาของลุคยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนทั่วทั้งร่างของเขากำลังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเย็นยะเยือกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เมื่อกลับขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ลุคปลดกระดุมที่ถูกออกแบบอย่างประณีตบรรจงออก ขณะที่เหลือบมองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่หลับอยู่บนเตียงเพราะเหนื่อยอ่อนจากการเล่นมาทั้งวัน

เขาเดินมุ่งหน้าไปยังบาร์ในห้องสวีทสุดหรู จากนั้นเปิดขวดไวน์แดงออกแล้วรินมันใส่แก้ว

ใบหน้าของเขายังคงบึ้งตึงอยู่ ก่อนจะกระดกไวน์ในแก้วขึ้นดื่ม ปล่อยให้ของเหลวเย็นเฉียบไหลลงคอ

หลังจากนั้นไม่นานนัก เด็กทั้งสองก็ตื่นขึ้น

พี่ชายนั้นเป็นคนตื่นขึ้นก่อน เขาแปรงฟันและล้างหน้า หลังจากนั้นจึงกลับมาที่ห้องแล้วช่วยน้องสาวเลือกชุดเจ้าหญิงของเธอ

“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อรึเปล่าคะ พี่ชาย”

พี่ชายของเธอส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของพวกเขาเช่นกัน แต่เขาก็รู้ว่า “เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะ”

...

ณ ชั้นล่าง

ฌองวางกระเป๋าแล็ปท็อปลงแล้วเข้าไปสวมกอดเบียงก้า

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เบียงก้าเอ่ยถามเพราะไม่คุ้นชินกับกอดที่กระทันหันนี้

เขาทั้งคู่คบกันอย่างเปิดเผยมาเป็นปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าที่ควร

เบียงก้าไม่ชอบการถูกสัมผัสทางร่างกาย และฌองเองก็เข้าใจในสิ่งนั้น เขาไม่เคยทำอะไรเกินขอบเขต

แม้ว่าคราวนี้ ท่าทางของฌองจะดูแปลกไปก็ตาม

“ไม่มีอะไรนี่ พี่ก็แค่คิดถึงเธอ ก็เลยอยากกอดเธอเท่านั้นเอง” ฌองตอบอย่างเอือยเฉือย

เบียงก้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

คืนนั้น พวกเขาสองคนรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

หลังจากนั้น ฌองแนะนำว่าพวกเขาควรจะไปหาซื้อเสื้อผ้า เนื่องจากมีเวลาอันน้อยนิด ทำให้เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย

ตอนสามทุ่มครึ่งของคืนนั้น หลังจากที่ได้ทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว พวกเขาจึงมุ่งหน้ากลับโรงแรม

“ผมต้องการหนึ่งห้องครับ ขอบคุณ” ฌองหยิบบัตรประชาชนออกมาแล้วยื่นให้พนักงานต้อนรับ

เบียงก้ารอเขาอยู่ด้านนอก เธอพลันนึกได้ว่าเมื่อคืนพนักงานต้อนรับบอกว่าไม่มีห้องพักว่างเหลือเลย

พนักงานต้อนรับค้นหาห้องว่างจากฐานข้อมูล เป็นอย่างที่เบียงก้าคิด พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นและกล่าว “ขออภัยค่ะ ตอนนี้เราไม่มีห้องว่างเหลืออยู่เลย”

ฌองขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะหันมามองเบียงก้า

ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์มุ่งหน้าไปยังชั้นบน

ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องของเบียงก้า ฌองก็เอ่ยปากขึ้น “พี่ขอนอนห้องเธอได้รึเปล่า? เธอนอนที่เตียงได้เลยนะ พี่จะนอนที่โซฟาเอง”

เบียงก้ากระพริบตาปริบ ๆ

“พี่เป็นแฟนเธอนะที่รัก นี่มันก็ห้าปีแล้ว เธอจะบอกว่ายังไม่เชื่อใจพี่อย่างนั้นเหรอ?” ฌองมองเบียงก้าด้วยแววตาผิดหวังและเศร้าสร้อย

เธอจึงรู้สึกผิดในทันที

ในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานี้ ฌองดูแลเบียงก้าเป็นอย่างดี โดยไม่สนว่าจะต้องเป็นฝ่ายไล่ตามเธออยู่ฝ่ายเดียวหรือไม่ เขาไม่พยายามเข้าหาเธอเพราะเรื่องอย่างว่าเหมือนคนอื่น ๆ

เขาปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพชนในแง่นั้น

“ก็ได้ค่ะ พี่นอนที่โซฟาก็ได้” เบียงก้าเอ่ยขึ้นอย่างกังวลเพราะว่าเธอจะทำร้ายความรู้สึกชายหนุ่ม

ในขณะเดียวกัน

ในห้องอาหารของห้องสวีท

ครอบครัวครอว์ฟอร์ดทั้งสามคนนั่งพร้อมหน้ากัน

เรนนี่ถือไก่ทอดไว้ในมือ เธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร ขนตายังคงมีน้ำตาเกาะอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งจะร้องไห้ไปหมาด ๆ

ลุคเรียกเจสันมาอย่างกระทันหัน นั่นทำให้เจสันค่อนข้างสับสนไม่น้อย

“เด็กใหม่จากฝ่ายออกแบบไม่มีที่อื่นให้พักแล้วรึยังไง?” ลุคเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

เจสันไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เจ้านายถึงได้เป็นกังวลเรื่องที่พักของเด็กใหม่จากฝ่ายออกแบบนัก แต่เขาก็ตอบไปตามตรง “ทางโรงแรมไม่มีห้องว่างเหลือแล้วครับ และเขาก็ไม่ได้ไปหาโรงแรมที่ไหนอีก ผมคิดว่าเขามีแผนจะพักกับแฟนสาวของเขาแทนครับ”

หลังจากที่เขารายงานจบ เจสันก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึง “ความไม่พอใจอย่างมาก” ในแววตาของลุค

เจสันเป็นประเภทอ่านสายตาคนเก่ง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยอ่านเจ้านายของตัวเองออก

แต่ครั้งนี้กลับสำเร็จจนได้

มาคิด ๆ ดูแล้ว เขาอาจจะต้องมองเบียงก้า เรย์นใหม่เสียแล้ว

เรนนี่ยังทำหน้ามุ่ยอยู่ แม้จะจัดการไก่ในมือจนหมด

“หนูไม่อยากอยู่กับพ่อใจยักษ์แล้ว!”

“อย่าดื้อสิ เรนนี่” ลานี่กล่าว

“พ่อใจร้าย พ่อใจยักษ์ พ่อไม่ดี! พี่ลานี่ใจร้าย พี่ลานี่ใจยักษ์ พี่ลานี่ไม่ดี…” เรนนี่ส่งเสียงฮึมฮำในคอ

เจสันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ในทางกลับกันเขาหันไปพูดกับเรนนี่แทน “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเรนนี่กันครับ? คุณหนูอยากไปหาพี่ผู้หญิงคนเมื่อคืนไหม คุณหนูไปอยู่กับเธอได้นะครับ”

เรนนี่ไม่ได้พูดอะไร แต่เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที ดูเหมือนว่าจะอยากให้เจสันพาเธอไปหาคุณบี

เจสันเหลือบมองเจ้านายที่ยังคงเงียบ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้านอะไร เขาจึงพาเรนนี่ออกไปจากห้องอาหาร ไปยังห้องของเบียงก้าแทน

ลิฟต์เคลื่อนลงมายังชั้นล่าง

ก่อนที่เจสันจะถึงชั้นของเบียงก้า โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“คุณครอว์ฟอร์ด” เจสันเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจในตอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

หลังจากวางสาย เจสันไม่พอใจนัก แต่ก็แบกรับคำสั่งมาอย่างไม่มีทางเลือก

กลางดึกคืนนั้น ซูนั่งอยู่ในรถ เธอทั้งง่วงนอนและอ่อนเพลียไม่ต่างกับเบียงก้า “ฉันว่าลูกสาวของประธานชอว์เป็นภัยต่อเราทุกคน ดูสิ เธอปรากฏตัวแค่วันเดียว พวกเราก็ต้องทนทุกข์ขนาดนี้แล้ว อะไรทำให้ท่านประธานโกรธจนถึงขนาดสั่งให้พวกเรากลับไปเมืองเอในชั่วข้ามคืนกันล่ะเนี้ย? โอ้ พระเจ้า! นี่มันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้วนะ ท่านประธานกำลังจะเป็นบ้าแน่ ๆ ค่ะ พวกเราน่ะเสียเงินให้กับโรงแรมไปแล้ว แต่เขากลับไม่ให้เราได้ใช้เวลาเพลิดเพลินสักหน่อยเหรอ? เขามีความสุขนักรึไงที่ได้เห็นเราต้องมาทนทุข์อยู่บนถนนแบบนี้?!”

เบียงก้าเองก็ท้อใจเช่นกัน

เธอไม่รู้เลยว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่

ฌองนั่งอยู่ที่เบาะโดยสารด้านหน้า ตรงกันข้ามกับทอมที่เป็นคนขับ

เป็นเวลาที่ดึกมากแล้วในตอนนี้ ณ โรงแรมในเมืองเอช

ลุคยืนอยู่บนระเบียงของห้องพักโรงแรม เขายืนสูบบุหรี่อยู่ ยามที่ควันสีขาวพวยพุ่งออกมา เขานิ่วหน้าพลางปล่อยให้ความรู้สึกค่อย ๆไหลออกมา

ใครที่เคยทำงานร่วมกับเขาในโลกธุรกิจต่างก็รู้ดีว่าเขาไม่เคยมีจุดอ่อนใด ๆ เลย ราวกับว่าเขาถูกพันธนาการด้วยเกราะอันแข็งแกร่งไปทุกส่วน

ก่อนหน้านี้ในห้องของเขามีแก้วอยู่หลายใบ และแอลกอฮอล์ก็ทำให้เขารู้สึกมึนเล็กน้อย

เมื่อนึกไปถึงเสียงครวญครางเมื่อห้าปีก่อนของเธอ และการต่อสู้อันดุเดือดของเธอเมื่อคืน เขาก็อดที่จะหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ เขาก้มศีรษะลง แล้วดับบุหรี่ในมือบนที่เขียบุหรี่

เช้าตรู่วันต่อมา

เจสัน ดอยล์และเจ้านายพร้อมด้วยลูก ๆ ของเขามุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติเมืองเอช

ใบหน้าอันหล่อเหลาของลุคถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดเวลา

เจสันเดินตามเข้าไป หากแต่ในใจอดคิดกับตัวเองไม่ได้ ‘ท่านประธานอาจจะห้ามไม่ให้เขาสองคนอยู่ร่วมห้องกันในโรงแรมเอชได้ แต่คุณไม่สามารถจะห้ามไม่ให้เขากลับไปอยู่ในรังรักที่เมืองเอได้หรอก!’

‘สุดท้ายแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายล่ะ? คุณน่ะอย่าไปยุ่งย่ามกับชีวิตของพวกเขาให้มากนักจะดีกว่า’
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 207 ครอบครัวทั้งสี่คนนอนอยู่ด้วยกัน

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 206 คุณเมารึเปล่า

    เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 205 ลุคแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน

    “น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 204 เขาอยากครอบครองเธอใจจะขาด

    เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 203 ทำไมคุณถึงขี้อายนักเล่า ผมก็เห็นทุกอย่างไปหมดแล้วนิ

    เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 202 ตัณหาอันแรงกล้าในยามเช้าของลุค

    ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status