ความวุ่นวายกลับมาอีกครั้ง ทุกคนวิ่งสวนกันไปมา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า—หัวใจของผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งหลุดร่วงระหว่างปะทะอกและมัน…ยังไม่ยอมกลับเข้าที่ตั้งเดิม
“คุณช่วยผมแต่งตัวหน่อย”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าวหอมหันขวับ ก่อนจะเผลอชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“ฉะ…ฉันเหรอคะ?”
ไดออนไม่ตอบ แค่พยักหน้าเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มนิดเดียวที่มุมปาก น้อยมาก…แต่ฆ่าคนได้ไม่ต่ำกว่าร้อยราย
“โอเคค่ะ!” เสียงตอบรับแผ่ว ๆ แทบไม่เหมือนคนที่เคยฝึกฝีมือเย็บชุดจนมือพอง
เธอเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวส่วนตัวของศิลปิน สายตากวาดมองซ้ายขวาอย่างสับสน
‘ทำไมไม่มีใครอยู่เลยล่ะ…?’
“ผมอยู่ทางนี้” เสียงเรียกเบา ๆ ดังมาจากอีกมุม เขาเอียงคอมองเธอ เหมือนจะบอกว่า “รีบมาหน่อยสิ”
“อ่า ค่ะ ค่ะ” ข้าวหอมตอบติดขัด ขณะที่มือก็หยิบอุปกรณ์กับชุดเสริมเข้ามา
เธอจัดปกเสื้อ รีดชายกางเกง แล้วหยิบเชือกเส้นยาวที่ต้องพันจากเอวลงไปจนถึงขา เชือกที่เป็นลูกเล่นสำคัญในคอนเซ็ปต์ MV นี้
“คุณช่วยหมุนตัวไปทางขวาหนึ่งรอบได้ไหมคะ” เธอถามพร้อมยื่นมือจับเชือก เพื่อจะได้พันรอบตัวเขาโดยไม่ต้อง…เอ่อ...โอบหลัง
“ผมปวดหลังนะ หมุนลำบาก”
“หะ…?” เธอเงยหน้ามองเขา งงจริงไม่ได้แกล้ง
‘ปวดหลังแล้วเกี่ยวอะไรกับหมุนตัวไม่ได้วะ…? ใช้ขาหมุนไหมปกติเนี่ยะ? ตรรกะ “ประเทศไดออน” มาก!’
เธอส่ายหน้ากับตัวเองเบา ๆ ไม่กล้าหัวเราะดัง ได้แต่หลบตา ก้มหน้าทำงานต่อ แต่แก้มสองข้างก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแค่คิดถึง…"เช้าวันนั้น" ก็เขินจนจะระเบิดอยู่แล้ว
ปึก!
อยู่ดี ๆ มือใหญ่นั่นก็ดึงมือเธอ แล้วดึงให้ขยับเข้าใกล้…ใกล้จนหน้าเธอซุกอยู่ที่อกเขาอีกครั้ง
“อ๊ะ—!”
เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาโดยไม่ตั้งใจ ระยะห่างน้อยกว่าหนึ่งฝ่ามือ เสียงหัวใจเธอเริ่มดังเหมือนกลองรัว
ตึก... ตึก... ตึก...
‘อย่าเต้นแรง! เดี๋ยวเขารู้หมด!’ ‘เดี๋ยวก็เผลอทำแบบวันนั้นอีกหรอก...’
เขายังมองเธอ สายตาไม่ได้ยิ้ม…แต่ก็ไม่ได้เย็นชา เหมือนกำลัง “ยั้งอะไรบางอย่าง” ไว้อยู่
ในที่สุด เขาก็โน้มตัวลงเล็กน้อย ช่วยพันเชือกต่อเองจากตำแหน่งที่มือของเธอสั่นจนหยุดอยู่ นิ้วเรียวของเขาจัดเรียงเนื้อผ้า เสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว และเงียบ
แล้วเขาก็หันหลัง…เดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ เหลือเพียงเธอที่ยืนนิ่งอยู่นานหลายนาที
“ฟู่...” เสียงถอนหายใจหลุดออกมาในที่สุด เธอเอามือทาบหน้าอกตัวเอง เหมือนจะกลัวว่าหัวใจมันจะเต้นดังจนคนข้างนอกได้ยิน
ฉากที่ 6: “กลางคืนที่ไม่มีใครรู้...ว่าเราอยู่ด้วยกัน”
‘ใต้แสงจันทร์และบะหมี่ร้อน ๆ เขาไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์...แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชวนเธอคุย’
หลังเสร็จงาน ข้าวหอมนั่งพับชุดกลับเข้ากล่องอย่างระวัง มือเรียงแยกชุดทุกชิ้นอย่างเป็นระเบียบโดยเฉพาะชุดที่ เขา สวม—เธอแยกไว้ต่างหากในถุงซิปล็อกอย่างดี
“อยากจะ ‘แหม’ ให้ถึงหูไดออนเลยนะคะ… จะเก็บไว้นอนกอดอะสิ” เธอพึมพำเบา ๆ ปาก ยู่ ตา ยู้ จมูกยู้ รวมศูนย์กลางแบบที่คนเห็นต้องบอกว่า “น่าฟัด”
เธอมองไปรอบชายหาด ทะเลสีฟ้าครามสะท้อนแสงจันทร์บาง ๆ หาดทรายขาวทอดยาวเงียบสงบจนน่าเสียดาย
“ทะเลก็สวย ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย… แต่ทำงานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตีสามแล้ว แงงง อดเลย~”
เธอบ่นกับตัวเอง แต่ในใจ…ก็มีความสุขแบบเงียบ ๆ ที่ได้ทำงานกับเขา ที่ได้ใกล้เขา แม้จะไม่ได้ใกล้ในฐานะที่ใจอยากให้เป็นก็ตาม
อ่าวย่าหลง (Yalong Bay) หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า ฮาวายแห่งตะวันออก (Oriental Hawaii) หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในจีน น้ำทะเลสีฟ้าใสสะท้อนกับหาดทรายสีขาวยาวกว่า 7 กิโลเมตร
แต่คืนนี้…ไม่มีแสงไหนงดงามไปกว่าแววตาคู่นั้น ที่เธอบังเอิญ…ตกลงไป โดยไม่รู้ว่าจะขึ้นมาได้เมื่อไหร่
ตีสี่กว่าแล้ว...
“เสร็จสักที หิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว” ข้าวหอมบ่นพึมพำ ขณะยืดแขนขาอ่อนแรงจากการเก็บงานที่ลากยาวมาจนฟ้าเกือบสาง
ทั้งวันเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากขนมปังแผ่นเดียวตอนอยู่ในรถตอนเช้า...
“ไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ย ดวง?”
“ไม่ไหว ตาจะปิดแล้ว…” ดวงใจหาววอด ๆ พร้อมยกสองมือกอดตัวเองด้วยความหนาว
“ไปเถอะนะ เดี๋ยวกลับมานอน” ข้าวหอมทำเสียงอ้อนแบบคนหิวจัด
“ฉันมีขนมปังเมื่อเช้าเหลืออยู่แผ่นนึง ไปกินอันนั้นละกัน~” ว่าแล้วก็วิ่งหนีขึ้นห้องแบบไม่หันกลับมามอง
“เฮ้! อย่าหนีนะ แก๊! ขนมปังแค่นั้นจะไปอิ่มอะไร!?” ข้าวหอมตะโกนตามหลัง ก่อนเดินบ่นพึมพำ
“หึ ขนมปังไม่กี่แผ่นจะหลับได้ยังไง... ตอนนี้กินช้างทั้งโขลงยังไม่แน่เลยว่าจะพอ!”
“แน่ใจเหรอว่าเธอจะกินช้างได้?” เสียงทุ้มแทรกขึ้นจากด้านหลัง
ข้าวหอมสะดุ้งเฮือก มือรีบยกขึ้นลูบหน้าอกอย่างอัตโนมัติ
“หิวก็ลูบท้องสิ ไม่ใช่ลบอก” ไม่พูดเปล่า…เขายื่นมือมาลูบเบา ๆ ตรงหน้าท้องของเธอ
“ตกใจหมดค่ะ!” เธอถอยหลังหนึ่งก้าว สายตามองรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง นี่มันชายหาดย่าหลงตอนตีสี่นะ ถ้ามีใครเห็นศิลปินระดับโลกมาอยู่กับดีไซเนอร์โนเนมแบบเธอ… ข่าวพรุ่งนี้จะแรงกว่าแดดทะเลแน่!
“เราไปจากตรงนี้ก่อน” ยังไม่ทันได้ถามอะไร เขาก็จับมือเธอแล้วดึงเข้าไปหลังต้นไม้ใหญ่ริมชายหาดทันใดนั้น...มือเธอสั่น
ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะ “ความมืด” มันเป็นสิ่งที่ฝังลึกในใจเธอจากอดีต…
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้น” เขาเอ่ยเบา ๆ เสียงจริงใจจนเธอชะงัก
“ผมแค่จะชวนคุณไปกินข้าว…เพราะผมก็หิวเหมือนกัน แล้วเรื่องวันนั้น... ผมก็อยากขอโทษ
อีกอย่างที่พาคุณมาตรงนี้…เพราะนั่น”เขาชี้ไปยังชายหาดฝั่งตรงข้าม มีเงาคนลับ ๆ ล่อ ๆ ยืนอยู่หลังแนวพุ่มไม้
“ปาปารัซซี่?” เธอเบิกตากว้าง
“คุณจะเป็นข่าวไหม? แล้วฉันล่ะ? ถ้าใครรู้ว่าเราเคยอยู่ด้วยกัน แล้วตอนนี้ยังมาเดินด้วยกันอีก—
นักข่าวต้องขุดจนฉันโดนหาว่าได้งานเพราะใช้เส้นแน่เลย!”“ไม่เป็นไรค่ะ! ฉันจะพูดความจริง—เราบริสุทธิ์! ไม่มีอะไร! แค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา!” ข้าวหอมพูดรัวจนหอบ
ไดออนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบง่าย
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“เดี๋ยวนะ...นี่มันห้องแต่งตัวนี่?” เธอมองไปรอบ ๆ อย่างงง ๆ เดินอ้อมตั้งไกล แล้วทำไมวกกลับมาที่เดิม?
“ผมสั่งให้คนเอาอาหารมาไว้ที่นี่ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเล…ไม่ได้เห็นนานแล้ว”
“อ๋อ...โรแมนติกจัง” เธอพึมพำเบา ๆ
“คุณว่าอะไรนะ?” เขากระซิบถามข้างหู เสียงแหบพร่าในระยะประชิดทำให้หัวใจเธอสั่นอีกครั้ง
“ปะ...เปล่าสักหน่อยค่ะ!”
“แต่ผมได้ยินนะ” เขาแกล้งเลิกคิ้ว ยิ้มขำเบา ๆ
“พูดเบาขนาดนั้นยังได้ยินอีกเหรอคะ?” เธอบ่นงึมงำ แก้มแดงระเรื่อ
“น่ารักจัง…” เขายีหัวเธอเบา ๆ จนข้าวหอมต้องหลบสายตา ทั้งที่ในใจอยากจะวิ่งออกไปเขียนไดอารี่คำว่า “วันนี้เขาเรียกว่าน่ารัก!!”
กล่องบะหมี่ถูกยกมาตรงหน้า “เอาถ้วยนี้ หรือถ้วยนี้ดี?”
“อันนี้ก็ได้ค่ะ…” เธอยิ้ม
เขาส่งข้อความบอกผู้จัดการให้หาของกินแบบด่วน ๆ และได้ของแถม—คือบะหมี่รสใหม่ที่แบรนด์กำลังส่งมาให้ลองชิม เผื่อจะได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์
IM (ผู้จัดการ): กินไปเหอะ กินแล้วได้ 10 ล้านหยวน
“ซี๊ด…อ่า…” เสียงดูดเส้นบะหมี่พร้อมเสียงลิ้นที่แลบออกมา ทั้งแดง ทั้งร้อน ทั้งเผ็ดจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
“น้ำค่ะ!” เธอยื่นขวดให้ แต่เหลือแค่ก้นขวด
“ผะ…ผมเผ็ดจนจะตายแล้ว…” เขาเดินวนไปมา หน้าแดง หูแดง
เธอมองซ้ายขวาหาทางช่วยอีกครั้งสุดท้าย...
/จุ๊บ...จ๊วบ/
ริมฝีปากเธอกดทับลงไปที่ปากเขา เบา แต่แนบแน่น เหมือนจะช่วยลดความเผ็ด…แต่กลับเพิ่มความร้อนเข้าไปอีก
ไดออนชะงักดวงตาเบิกกว้าง ก่อนค่อย ๆ มองหน้าเธอ ข้าวหอมเบือนหน้าหนี ใบหน้าแดงเหมือนโดนต้มทั้งตัว
‘นี่ฉัน…เพิ่งจูบเขาอีกแล้วเหรอ?’ และครั้งนี้...ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็น... ความตั้งใจโดยไม่รู้ตัว
เขายังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นเหมือนมีดีเจมาเปิดมิกซ์กลางอก ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้อง
แต่ทั้งเขา และเธอ ต่างรู้ดีว่า...
บางอย่าง...มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว และมันอาจจะ... หยุดไม่อยู่
ค่ำคืนงานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังพิธีแต่งงานที่มิลาน สวนดาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยไฟประดับสีอุ่น แสงจากโคมไฟระย้าสะท้อนแก้วแชมเปญบนโต๊ะกลม เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของแขกผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขข้าวหอมในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้าง สะบัดชายกระโปรงเบา ๆ เดินออกมายังระเบียงที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเทียนหอม ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเบา ๆ พร้อมกลิ่นดอกมะลิจากกระถางใกล้ตัวเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข้อความใหม่เพิ่งถูกส่งเข้ามาไม่กี่นาที“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานของน้อง...แต่เจี่ยเจียสัญญาว่า จะกลับไปมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอในเร็วๆนี้นะ”ข้าวหอมอ่านจบก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มรื้นน้ำใส ๆ โดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มบาง ๆ เหมือนต้องการซ่อนความรู้สึกไว้เพียงคนเดียว‘เจี่ยเจีย’ — สวีอิงหราน พี่สาวต่างแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยทำให้เธอร้องไห้มากที่สุด…แต่ก็เป็นคนเดียวที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอที่สุดเช่นกันเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่วงแขนอบอุ่นจะโอบเอวเธอไว้แน่น กลิ่นโคโลญจ์อ่อน ๆ แบบเฉพาะของเขาแตะจมูกในทันที“พี่สาว...ส่งข้อความมาเหรอ?”เสียงทุ้มนุ่มของไดออนกระซิบถามเบา ๆ ใ
[เช้าวันต่อมา]แสงแดดยามเช้าเกลี่ยตัวบนผ้าห่มสีอุ่น อากาศในห้องไม่ได้หนาว แต่หัวใจสองดวงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น…ร้อนกว่าอะไรทั้งหมดข้าวหอมค่อย ๆ ลืมตา เปลือกตาเธอกะพริบช้า ๆ รับกับแสงธรรมชาติที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากคนที่อยู่ข้างหลัง วงแขนแข็งแรงที่กอดเธอไว้แน่นไม่ปล่อย ผิวของเขาแนบชิดหลังเธออย่างไม่มีช่องว่าง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หัวใจเธอสงบราวกับบทเพลงกล่อมนอนเธอยิ้มบาง ๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันขยับได้เต็มที่ เสียงทุ้มแหบจากด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา"อย่าขยับสิคะ..."เสียงนั้นทำให้เธอชะงัก หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขินอาย “ข้าวจะปลุกเฮีย…”"เมื่อคืนเฮียยังไม่พอเลย..."คำพูดที่ดังเบาข้างหูทำให้ใบหน้าข้าวหอมแดงก่ำ เธอพยายามขยับหนีด้วยความเขิน แต่ยิ่งเธอขยับ วงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น"เฮีย…" เธอเรียกเสียงเบา"ข้าวเจ็บนะคะ..."เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังจากลำคอของเขา กึ่งเอ็นดูกึ่งขี้เล่น เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเธออย่างนุ่มนวลแต่ลึกซึ้ง"แล้วเมื่อคืนร้องทำไมคะ..."คำถามที่ไม่มีเจตนาเย้าแหย่ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[หน้าห้องพักโรงแรม ที่จัดเป็นเรือนหอชั่วคราว– มิลาน เวลา 20:45 น.]ไดออนเปิดประตูห้องพักหรูบนชั้นดาดฟ้า ข้าวหอมในชุดเดรสยาวหลังเปลี่ยนออกจากชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง“คืนนี้…” เธอพูดเสียงเบา“ไม่ต้องมีอะไรหวานมากก็ได้นะคะ แค่เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”ไดออนยิ้มบาง“ถ้าเฮียบอกว่าเตรียมเทียน หอม กลีบกุหลาบ และไวน์ไว้หมดแล้วล่ะ…”“เฮีย—!” ข้าวหอมเขินจนหูแดง แต่ยังไม่ทันได้ดุจริง ๆ —ตึง! ตึง! ตึง!เสียงเคาะประตูดังลั่น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วโหวกเหวกคุ้นหู“เปิดเร็ว! เพื่อนเจ้าสาวขอเข้าตรวจห้อง!”“แค่มาเช็คว่าไม่มีพิธีแปลก ๆ แบบคล้องประตูอะไรเท่านั้นเอง!”“เฮียไดออนซ่อนกุหลาบใต้เตียงรึเปล่า เราขอดู!”ข้าวหอมเบิกตากว้าง ไดออนถอนหายใจแล้วหันไปกระซิบ“…ดวงใจกับมินยงมาแน่”ประตูเปิดออก —ดวงใจ, มินยง, และ คิมโฮ ยืนถือกล่องของขวัญ กับไวน์คนละขวด เดินเข้ามาแบบไม่รอเชิญ“อ๊ะ! บรรยากาศดีอยู่นะ” ดวงใจ หันไปรอบ ๆ“เฮียจัดได้มินิมอล ไม่เว่อร์นะ…ไม่เหมือนตอนขอแต่งงาน!”คิมโฮ ยกไวน์ขึ้นมา“เราเอาแชมเปญมาฉลองให้คืนแรกครับ!”“เฮียไดออน คนป๊อปปูลาร์อันดับหนึ่ง…ผู้ไม่เคยเป็นสามีใครมาก่อน!”ข้าวหอมเอามื
[โบสถ์หินเก่ากลางมิลาน – เวลา 11:11 น.]ไม่มีพรมแดง ไม่มีสื่อ ไม่มีเวทีระดับโลก มีแค่ห้องโถงแคบ ๆ ที่ประดับด้วยดอกลาเวนเดอร์แห้งบนแท่นไม้เรียงราย ผ้าม่านสีขาวบางปลิวเบา ๆ ตามแรงลมจากช่องหน้าต่าง เสียงเปียโนบรรเลงคลอด้วยท่วงทำนองเรียบง่าย แต่ทุกโน้ตชัดเจนราวกับสะท้อนอารมณ์ของวันพิเศษนี้หน้าประตูโบสถ์ —“ข้าวหอม…อย่าพึ่งเดินเข้าพิธีนะยะ!!”เสียงแหลมตื่นของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาก่อนตัวจะปรากฏ ดวงใจในชุดเดรสโทนชมพูนู้ดวิ่งจ้ำพรวดมาด้วยรองเท้าส้นสูง กระแทกพื้นหินตึก ๆ จนแขกบางคนหันมามองเธอพุ่งเข้าประตูโดยไม่ทันชะลอ—โครม!“ว้าย!”ร่างของเธอกระแทกเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำสนิทเต็มแรง จนถุงของฝากในมือกระเด็นหล่นพื้น ขนมกล่องเล็ก ๆ กลิ้งออกมาอย่างอนาถ“ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ!” ดวงใจรีบย่อตัวลงเก็บของก่อนจะเงยหน้าขึ้น…แล้วก็ชะงักใบหน้าที่เธอเห็นคือ คริส — หนุ่มมาดนิ่งแห่ง BBOOM Entertainment ผู้มีออร่าระยะห่างแบบคนที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงง่ายเขาแค่ก้มเก็บของให้เธออย่างนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำ เรียบ ไม่เร่งเร้า“...รีบเหรอ”“ค่ะ รีบ…แต่ตอนนี้รีบเขินมากกว่า…” ดวงใจหลบสายตาทันที เสียงเธอเบา
[หน้าห้องพักผู้ป่วย – เวลา 10:10 น. วันถัดมา]เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่แค่ได้ยินก็น่าปวดหัว“เปิดเร็วๆ แม่หญิงฟ่านเฉียน! นี่ข้าหอบของกินมาจากร้านดังนะยะ!”ไดออนสะดุ้งเฮือกจากที่กำลังหั่นแอปเปิล ข้าวหอมที่นั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มกลั้นหัวเราะ“เสียงแบบนี้…ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร”ประตูเปิดออก—ปรากฏร่าง เพื่อนสาวตัวแสบประจำแก๊ง Rice Design Group ใส่แว่นกันแดดตัวใหญ่ กระเป๋าสะพายสองใบ มือหิ้วถุงอาหารเกือบสิบถุงเหมือนจะมาปิกนิก“แก๊สสส! ยัยข้าว! ทำไมโทรหาแกไม่ได้เลยยะ!”เพื่อนเดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากข้าวหอมแรงจนเธอเซไปข้าง“แม่! แกผอมไปนะ ห้ามอดข้าวอดน้ำเข้าใจมั้ย ช่วงนี้แฟนดารากำลังแรง อย่าเพิ่งอกหัก!”ไดออนสำลักน้ำอยู่ข้างเตียง ข้าวหอมหัวเราะกลั้นเสียง“ไม่มีอกหักค่ะ…แค่หัวใจบวมนิดหน่อย”“ว้ายยยยยยย!!!” เสียงเพื่อนแสบลากยาว “นี่ยังกล้าเล่นมุกอีกเหรอ!?”เธอวางถุงอาหารลงจนเต็มโต๊ะ “พวกเราเป็นห่วงจะตายห่า คิดว่าแกไปติดเกาะหรือโดนลักพาตัวไป!”ข้าวหอมกับไดออนสบตากันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร…แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มีความหมายเกินคำอธิบาย[อีกมุม – โทรศัพท์ของข้าวหอมสั่นเบา ๆ]เธอหย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสองครั้ง ไดออนที่ยังยืนอยู่ใกล้เตียงข้าวหอม หันไปมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนในเสื้อคลุมสีเทาเรียบ เดินเข้ามาหน้าตามีแววกังวล — แต่เมื่อก้าวพ้นประตูมาเพียงไม่ก้าวเดียว เขาก็ชะงักดวงตาของเขามองตรงไปที่เตียง เห็นร่างของข้าวหอมนอนพิงหมอนอยู่ เส้นผมยุ่งนิดหน่อยจากการนอนนาน แต่ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกำลังยิ้มให้เขา“เก๊อ…เกอ…” เสียงเธอเบาเหมือนสายลม กระซิบแผ่วราวกับกลัวมันจะหายไปสวีเฉียนเกอไม่พูดอะไรในทันที แววตาเขาไหววูบ เหมือนภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาพร้อมกัน — เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยจับชายเสื้อเขาไว้แน่นในคืนที่ฝนตกแต่ที่ทำให้เขาชะงักจริง ๆ…ไม่ใช่แค่ข้าวหอมเขาหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งหันหลังให้ข้างเตียง — ผมยาวรวบหลวมๆและไหล่ผอมบางนั้น ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกลับเต้นแรงขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้สาเหตุ“…คุณคือ…” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยความลังเลหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆทันทีที่สายตาทั้งสองสบกัน — แม้จะไม่เหมือนในความทรงจำแม้จะไม่มีรอยยิ้มแบบที่เขาเคยจำได้แต่ดวงตาคู่นั้น…แวว