“ปล่อยกูนะโว้ย!! ไอ้เฟย!! กูบอกให้ปล่อยกูไงวะ!!”
“...”
“มึงคิดจะทำบ้าอะไร...ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะโว้ย!!”
เอริคร้องโวยวายเสียงดังก้องไปทั่วห้อง ร่างกายขยับดิ้นไปมาอยู่บนเตียงกว้าง เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกมือเรียวยาวของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ที่กำลังจะช่วยถอดชุดคลุมออกให้นั้น เปลี่ยนมาจับข้อมือข้างหนึ่งของเขาบิดไปทางด้านหลัง แล้วกดตัวเขาให้นอนแนบลงกับเตียงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
เอริคพยายามดิ้นขัดขืนไปมาอย่างสุดแรง เพื่อให้ร่างกายที่ถูกกดอยู่กับเตียงเป็นอิสระ แต่เพราะสภาพของตัวเองเวลานี้ มันทำให้เขาดิ้นและออกแรงขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเลย แถมยิ่งเขาขัยบมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บที่แขนและข้อมือมากขึ้น เอริคไม่คิดเลยว่าเฟยจะมีแรงเยอะมากขนาดนี้
เฟยไม่สนเสียงร้องโวยวายของคนนอนอยู่ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งมาหยิบเนกไทของตัวเองที่โต๊ะหัวเตียง จากนั้นก็เอามาจัดการหมัดมือทั้งสองข้างของเอริคไขว้หลังเอาไว้ หึหึ ดูสิอยู่สภาพนี้แล้วยังจะมีปัญญาจับเขากินได้อีกไหม
“ผมก็...จะช่วยคุณเอริคเตรียมความพร้อมยังไงครับ”
เฟยกระตุกยิ้มมุมปากขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าขาวของตัวเองเข้าไปใกล้ซอกคอของคนนอนอยู่ แล้วกระซิบพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบคล้ำแถวขาอ่อนเล่นไปด้วย
“มึงพูดเรื่องบ้าอะไร ปล่อยกูนะโว้ยย!! ไอ้เฟย!! กูบอกให้หยุดไงวะ”
เอริคตะโกนร้องขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธและตกใจ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระรื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างกายเปลือยเปล่าที่ถูกกดแนบอยู่กับเตียง สะดุ้งเฮือกตัวเย็นวาบขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสของฝ่ามือที่ต้นขาของตัวเอง เอริคที่กำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตอยู่นั้น ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว เขาเข้าใจความหมายที่เฟยต้องการจะสื่อกับตัวเองดี
บ้าเอ๊ย!! ทำไมเรื่องราวมันถึงได้พลิกผันไปหมดแบบนี้นะ เขาไม่น่าไว้ใจไอ้จีนหน้าขาวนี่เลยจริง ๆ
เพียะ!!
“พูดเพราะ ๆ หน่อยสิครับ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ”
มือเรียวยาวยกขึ้นตีก้นของคนนอนอยู่ไปหนึ่งที เพื่อเป็นการลงโทษที่อีกฝ่ายพูดไม่เพราะกับตัวเอง ก่อนจะแกล้งพูดดุขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน อย่างไม่สะทกสะท้านสีหน้าโกรธเกรี้ยว กับเสียงร้องโวยวายของอีกฝ่าย
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เฟยไม่เคยมีความคิดที่จะยอมเป็นรับให้เอริคอยู่แล้ว แต่ที่ทำไปทุกอย่างนั้นก็เพื่อให้เอริคตายใจ ลดความระแวงในตัวเขาลงก็เท่านั้น แล้วในที่สุดเขาก็ทำสำเส็จ
เฟยจ้องมองร่างเปลือยที่กำลังขยับดิ้นไปมาตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย หึหึ ในเมื่อคนตรงหน้าอยากนอนกับเขามาก งั้นคืนนี้เขาก็จะจัดให้ได้สมดั่งหวัง ขอกินแบบไม่เกรงใจเลยก็แล้วกัน
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี่เลยนะ ไม่งั้นมึงไม่ได้ตายดีแน่ ได้ยินไหม” เอริคตะโกนร้องขู่ออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
เอริครู้สึกโกรธจนแทบคลั่ง ใบหน้าแดงจนเป็นสีเลือด เขารู้สึกร่างกายเย็นชาไปหมดทั้งตัว พอคิดถึงเรื่องที่จะต้องเกิดกับตัวเองต่อจากนี้ เอริคพยายามขยับร่างกายถอยหนีอีกฝ่าย จนข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดไว้แสบร้อนไปหมด แต่มันกับแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะเอวหนาทั้งสองข้างของเขา ถูกมือขาวของเฟยจับล็อกไว้แน่นอยู่นั่นเอง เวรเอ๊ย!!
“หึหึ น่ากลัวจังเลยนะครับ งั้นก่อนตายผมขอกินให้อิ่มก่อนคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
เฟยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดว่าเขาจะกลัวคำขู่พวกนี้หรือไง เฟยค่อย ๆ โน้มตัวลงนอนข้าง ๆ แล้วเอาร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองแนบชิดกับร่างกายของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยปากพูดกระซิบเย้าหยอกที่ข้างหูของเอริคออกไปอย่างอารมณ์ดี มาถึงขั้นนี้แล้ว จะพูดขู่อะไรเขาก็ไม่กลัวอีกทั้งนั้น
เฟยรู้ดีว่าถึงเขาจะปล่อยเอริคไปตอนนี้ ตัวเองก็คงจะไม่รอดอยู่ดี เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาขอกินให้อิ่มท้องก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องหลังจากนี้ค่อยคิดอีกทีก็ยังไม่สาย
“ไอ้เฟย!!…กูบอกให้หยุดไงวะ” เอริคหันไปจ้องหน้าของเฟยด้วยสายตาอาฆาต แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่หวาดกลัวเขาเลยสักนิด
เวลานี้เอริคอดด่าตัวเองไม่ได้ เขาไม่น่ามาเสียท่าง่าย ๆ ให้กับไอ้จีนบ้านี่เลย โธ่โว้ย!! จะเรียกให้ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเข้ามาช่วยก็ไม่ได้อีก เพราะห้องระดับ VIP ของที่นี่ มันเป็นแบบเก็บเสียงและมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เอริครู้สึกมืดแปดด้านแล้วจริง ๆ ตอนนี้
เอริคนอนดิ้นไปมาในอ้อมแขนแกร่ง ปากก็ร้องด่าออกมาไม่หยุด เฟยที่เห็นแบบนั้นเลยยกมือข้างหนึ่ง ขึ้นมารั้งใบหน้าของเอริคให้หันมาทางตัวเอง แล้วจ้องมองสีหน้าเดือดดาลของคนในอ้อมกอด ด้วยสายตาเป็นประกายวาววับ เวลานี้เฟยไม่มีความรู้สึกกลัวคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่กลับกันเขายิ่งรู้สึกชอบและรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ หึหึ คืนนี้เขาจะทำให้ปากของเสือร้าย ที่เอาแต่ร้องด่าเขาไม่หยุดในตอนนี้ กลายร่างเป็นลูกแมวร้องควรญครางอยู่ใต้ร่างเขาให้ดู
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าให้พูดเพราะ ๆ”
เสียงนุ่มทุ้มของเฟยพูดขึ้น พร้อมจับแก้มของเอริคบีบเล่น คล้ายจะทำโทษคนพูดไม่เพราะ
บาร์เทนเดอร์หนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ พอเอริคได้เห็นรอยยิ้มนั้นร่างกายก็เย็นวาบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้พูดโต้กลับอะไร ริมฝีปากบางของบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เอาแต่ฉีกยิ้มให้เขา ก็ประกบลงมาปิดริมฝีปากของเขาไว้ซะก่อน เอริคที่ถูกจู่โจมแบบนั้นทันไม่ตั้งตัว ก็สะดุ้งเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะถูกริมฝีปากของเฟยประกบจูบลงที่ปากของตัวเองแบบนี้
ใบหน้าหล่อเหล่าของเจ้าของคคาสิโน ถูกมือเรียวยาวของบาร์เทนเดอร์หนุ่มจับล็อกไว้แน่น เพื่อรับจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนของตัวเอง ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดจูบกันอย่างดุเดือด ถึงเอริคจะพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง แต่เขาก็ไม่สามารถสู่แรงของอีกฝ่ายได้เลย
เฟยบดขยี้ริมปากของตัวเองจูบอย่างไม่สนใจ ว่าอีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ ก่อนจะเริ่มคุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้โอกาสก็แทรกลิ้นร้อนของตัวเองเข้าไปในโพรงปากของคนที่นอนดิ้นอยู่ ปลายลิ้นร้อนตวัดพัวพันหยอกล้อ กับลิ้นของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ
“อื้ออ...อื่ออ”
เสียงร้องโวยวายที่ดังก้องไปทั่วห้องเมื่อครู่ ตอนนี้กลับได้เงียบหายไป แล้วกลายเป็นเสียงร้องอื้ออึงออกมาจากในลำคอของแทน
เฟยประกบจูบดูดดึงแลกลิ้นพัวพันอยู่ในโพลงปากเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ จนรับรู้ถึงแรงดิ้นรนและเสียงหอบกระเส่า ที่เริ่มจะหายใจไม่ทันของอีกฝ่าย เลยต้องจำใจต้องถอนริมฝีปากของตัวเองออกอย่างน่าเสียดาย
“นี่คือการลงโทษที่คุณพูดไม่เพราะกับผม”
เฟยถอนจูบออก แล้วจ้องดูผลงานของตัวเองอย่างพอใจ ก่อนจะก้มกระซิบพูดที่ข้างหูของคนที่กำลังนอนหอบอยู่ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“มึง...!!” เอริคขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน จนเส้นเลือดตรงขมับปูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนแรกเอริคคิดจะตวาดใส่เฟยต่อ แต่พอได้เห็นริมฝีปากแดงที่เปียกชุ่มไปด้วยคาบน้ำลาย และแววตาหื่นกระหายของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมาทางตัวเอง เลยต้องเม้มปากแน่น แล้วกลืนคำด่าทอกลับลงคอไปด้วยความรู้สึกขัดแค้นใจ
ในใจของเอริคตอนนี้มันรู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟเผา ไม่เคยมีใครกล้าหยามเขามากขนาดนี้มาก่อน
“หึหึ ต้องอย่างนี้สิครับ” ใบหน้าขาวผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นอย่างถูกใจ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเลิกพ้นคำด่าตามที่เขาบอกแล้ว จากนั้นก็เอ่ยพูดเย้าหยอกอีกฝ่ายอย่างเกรงกลัวอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเอริคเลิกตะโกนต่อว่าตัวเองแล้ว บาร์เทนเดอร์หนุ่มก็ค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่ง แล้วจับคนบนเตียงพลิกให้นอนหงาย สายตาเป็นประกายมองจ้องไปที่ เรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าตาแทบไม่กะพริบ ลำคอขาวของเฟยรู้สึกแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ หึหึ ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมกับที่เขาต้องเสี่ยงตายขึ้นมาหน่อย
ตอนแรกเฟยก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเอริคสักเท่าไหร่ แต่พอเขาได้มาเห็นภาพตรงหน้าเวลานี้ ความคิดทั้งหมดของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะร่างเปลือยขาวเนียน ใบหน้าคมของลูกครึ่งที่ราวกับรูปสลัก กล้ามเนื้อกระชับเป็นสัดส่วน ไหนจะซิกซ์แพ็กแน่น ๆ เรียงราวเป็นลอน มันช่างดูน่าหลงใหลซะเหลือเกิน
เฟยมองเชยชมภาพตรงหน้าจนพอใจแล้ว ก็ค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเอง จับขาของเอริคอ้าออกกว้าง แล้วโน้มใบหน้าของตัวเองลงใกล้ที่หว่างขา ดวงตาจดจ้องไปรูรักที่ปิดสนิทอย่างด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไอ้เฟยมึงจะทำบ้าอะไร ปล่อยกูนะโว้ย!!”
เอริคเริ่มร้องโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อถูกเฟยจับขาทั้งสองข้างตึงไว้แน่น สภาพของเขาตอนนี้มันช่างดูน่าอายเหลือเกิน
“อย่าดิ้นสิครับ...ขอผมดูหน่อยนะว่าด้านหลังของคุณ มันสวยมากขนาดไหน”
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ