แชร์

ตอนที่ 8 อินอวิ๋นฉวี่ 1.2

ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-06 09:06:55

ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าตัวตนดั้งเดิมที่แท้จริงของขันทีผู้นี้หาใช่ชาวหยวนเป่ยโดยกำเนิด ในความเป็นจริงแล้วคือสายลับที่ถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงและฮ่องเต้ต้าซางซึ่งจับมือผนึกกำลังหวังโค่นล้มหยวนเป่ย ถูกส่งตัวเข้ามาแทรกซึมคอยหาข่าวภายในราชสำนักหยวนเป่ย เป้าหมายเพื่อหาโอกาสลอบสังหารอุปราชอวิ๋นหยาง และถ้าหากลงมือกับอุปราชผู้นั้นสำเร็จมีหรือชีวิตของอินอวิ๋นฉวี่จะอยู่รอดต่อไปได้นาน ฮ่องเต้หนุ่มจะต้องถูกสังหารตายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชีวิตของอินอวิ๋นหยางหลุดลอยออกจากร่าง

แต่ที่ไม่ลงมือปลงพระชนม์อินอวิ๋นฉวี่ด้วยเพราะ หากอวิ๋นฉวี่สวรรคตลงวันใดแน่นอนว่า แผ่นดินหยวนเป่ยจะต้องตกเป็นของอุปราชผู้กล้าอินอวิ๋นหยางโดยทันที และนั่นจะยิ่งยากกว่าอะไรทั้งหมดหากจะคิดเป็นอิสระและก้าวขึ้นมาครอบครองหยวนเป่ย แทนที่นั้นต้องสืบล่วงรู้จุดอ่อนของอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้รวมไปถึงที่พำนักอันแท้จริงของพระองค์

ด้วยไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอุปราชผู้นี้ประทับอยู่แห่งหนใดและบริหารแผ่นดินโดยใช้อินทรีทองสื่อสารอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ซึ่งต้าเหลียงและต้าซางรวมไปถึงหยวนเป่ยนั้นต่างรบพุ่งกันมานานเพื่อแผ่ขยายอำนาจที่อยู่ติดกันให้รวมเป็นหนึ่งเดียวจนกระทั่งอวิ๋นหยางบุกเข้ายึดครองและสามารถโจมตีแคว้นต้าเหลียงและต้าซางได้เป็นผลสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้าเหลียงและต้าซางกลายเป็นแคว้นภายใต้การปกครองของหยวนเป่ยนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชีวิตผู้คนถูกสังหารแทบหมดเมืองเพราะความอำมหิตของอินอวิ๋นหยางแทนที่จะใช้ฆ่าหนึ่งข่มร้อย แต่อุปราชผู้นี้กลับเลือกที่จะฆ่าทั้งเมืองเพื่อให้อีกฝ่ายยอมสยบแทบเท้า

จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 12 ปีแล้วที่ต้องก้มหัวให้และมีหน้าที่ส่งบรรณาการตามข้อตกลงสัญญาสงบศึกมาให้เป็นประจำทุกปี และวิธีเดียวที่จะทำให้ต้าเหลียงและต้าซางจะได้รับอิสรภาพจากหยวนเป่ยนั่นก็คือ ปลิดชีพอุปราชผู้ลือนามให้จงได้

ทว่าหามีผู้ใดสามารถที่จะเข้าถึงตัวของอินอวิ๋นหยางได้แม้แต่น้อย สาเหตุเพราะอุปราชผู้กล้าเป็นผู้นำกองทัพออกล่าดินแดนมาโดยตลอด นำกองทัพผ่านแคว้นใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้มีแต่ได้รับชัยชนะกลับมา จนเป็นที่กล่าวขวัญและเลื่องลือไปทั่วทุกแดนดินถึงความเก่งกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก อีกทั้งไม่เคยมีผู้ใดพานพบตัวตนที่แท้จริงของอุปราชผู้นี้

หากนับอายุจนถึงขณะนี้อุปราชอวิ๋นหยางมีอายุย่างเข้า 29 พระชันษาแล้ว ทรงจากหยวนเป่ยไปตั้งแต่มีพระชนมายุเพียงแค่ 12 พระชันษาเท่านั้นและเข้าไปอยู่ในกองทัพตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์เพื่อเอาตัวรอดจากการไล่ล่าเอาชีวิตจากฮองไทเฮา

ที่ต้องการกำจัดพระโอรสทุกพระองค์ที่ประสูติจากฟูเหรินตลอดจนถึงพระสนมองค์อื่นๆ เพื่อไม่ให้อยู่ขวางทางการก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้ของพระโอรสอวิ๋นโฉ ซึ่งก็คือพระราชบิดาของอินอวิ๋นฉวี่ ฮ่องเต้น้อยของหยวนเป่ยอยู่ในเวลานี้

“เอาเถอะ! เอาเถอะ! เหตุใดข้าจะต้องสนใจถ้อยคำของเหล่าขุนนางที่ฝักใฝ่และอยู่ข้างเดียวกับคนผู้นั้นด้วยเล่า ในเมื่อพวกมันไม่เคยคิดว่าข้าคือฮ่องเต้ จะพูดยกย่องหรือไม่ก็ไม่ต่างอะไร ข้าสนใจเพียงแค่ทำอย่างไงจึงจะได้อำนาจบัญชาการทหารกลับคืนมาหาข้าทั้งหมดเท่านั้น เจ้าคิดเห็นอย่างไงเสี่ยวฉิงจื่อ” ประโยคสุดท้ายหันกลับไปถามขันทีคนสนิท

รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของขันทีผู้นั้นขึ้นมาทันที เมื่อโอกาสที่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอดในสุดก็มาถึงจนได้ในวันนี้

“ฝ่าบาทรับสั่งถามกระหม่อมเช่นนี้ หากเสนอความคิดเห็นออกไป เกิดมีผู้ใดมาล่วงรู้เข้ามีหวังได้คอขาดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พระสุรเสียงของฮ่องเต้หนุ่มแผดดังก้องออกมาทันใด

“ข้ายังไม่ได้มีคำสั่งบั่นคอเจ้า หัวจะขาดออกจากตัวไปได้อย่างไง! เจ้าโง่!” รับสั่งตวาดกลับไป

ไส้ศึกจากต้าเหลียงแสร้งทำทีตัวสั่นงันงกขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินสุรเสียงกร้าวรับสั่งออกมาเช่นนั้น

“ผู้ที่มีอำนาจสั่งประหารกระหม่อมได้ นอกจากฝ่าบาทแล้วก็คือองค์อุปราชอย่างไงเล่าพ่ะย่ะค่ะ ทรงลืมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ อำนาจทัดเทียมฝ่าบาทและดูท่าจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ!!!” ฮ่องเต้หนุ่มตวาดสุรเสียงดังกระหึ่มครั้นได้ยินเช่นนั้น พร้อมยกนิ้วพระหัตถ์ชี้หน้าขันทีคนสนิท

“ผู้ใดจะมีอำนาจมากเกินไปกว่าข้า ผู้ที่เป็นฮ่องเต้ของหยวนเป่ย อุปราชผู้นั้นแม้จะเป็นเสด็จอาของข้าก็ตามแต่ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เสด็จย่าทรงวางเอาไว้ และจะต้องมอบทุกอย่างให้แก่ข้าทั้งหมด ทุกสิ่งที่อยู่ในตัวของคนผู้นั้นต้องเป็นของข้าไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาอันปราดเปรื่อง วิชายุทธ์ล้ำเลิศและอำนาจทั้งหมดก็ต้องเป็นของข้าทั้งสิ้น!!!” รับสั่งตวาดก้องด้วยแรงเดือดดาล

“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทรับสั่งไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย กระหม่อมคิดเห็นเช่นเดียวกัน” ขันทีจอมสอพลอรีบกราบทูลกลับไปอย่างรวดเร็ว พร้อมสุรเสียงของอินอวิ๋นฉวี่ดังแทรกขึ้น

“ในเมื่อล่วงรู้แล้วเช่นนี้! เจ้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น มีข้าอยู่ทั้งคนมีหรือที่หัวของเจ้าจะหลุดลอยด้วยน้ำมือของคนผู้นั้น มีแต่จะหัวขาดเพราะข้าเสียมากว่า เพราะฉะนั้นตอบมา! เจ้าคิดว่าจะจัดการกับอุปราชผู้นั้นอย่างไงดี” ฮ่องเต้จอมโง่เขลารับสั่งถาม

“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมก็จะกราบทูลฝ่าบาทตามตรงโดยไม่อ้อมค้อมอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ! มีวิธีเดียวที่จะทรงได้อำนาจกลับคืนมานั้นก็คือ” ขันทีจอมสอพลอกล่าวพร้อมก้าวเข้าไปหาฮ่องเต้น้อยพร้อมก้มลงกระซิบวิธีการที่จะกำจัดอุปราชลือชื่อ

ครั้นทรงฟังแผนการจากขันทีคนสนิทจบลง อินอวิ๋นฉวี่หันกลับไปทอดพระเนตรใบหน้าออกทรงเหลี่ยมของเสี่ยวฉิงจื่อซึ่งเป็นขันทีคนสนิทของพระองค์ และสายตาดังกล่าวทำให้ไส้ศึกที่ปลอมตนมานั้นหยุดชะงักไปชั่วขณะ ด้วยคาดไม่ออกว่าฮ่องเต้โง่ผู้นี้จะมีความเห็นคล้อยตามด้วยหรือไม่

ตุบ! ร่างสันทัดทรุดกายลงนั่งคุกเข้ากับพื้นตำหนักอย่างรวดเร็ว

“กระหม่อมสมควรตายยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! ที่เสนอความคิดเห็นอันโง่เขลาให้แก่พระองค์เช่นนี้ แต่ที่กระหม่อมกราบทูลกลับไปเพราะฝ่าบาทอนุญาตให้ถวายคำแนะนำได้ ก็เลยเสนอความเห็นไปเท่าที่จะคิดได้พ่ะย่ะค่ะ” ไส้ศึกจากสองแคว้นอธิบายกลับไปหากแต่ภายในใจกลับเฝ้ารอคำตอบที่คาดหวังเอาไว้

ฉาด!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆแนะนำ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 62 อวสาน 1.1

    10 เดือนผ่านไป เทือกเขาหลงเมิ่งเทือกเขาสูงเสียดฟ้ายังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวัน จากวันเป็นเดือนจนเวลาผ่านไปแล้วสิบเดือนที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นที่จวนอุปราชแห่งหยวนเป่ย จนทำให้อินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้สวรรคตพร้อมกับอินอวิ๋นหยางอุปราชผู้ลือนามซึ่งหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยเพราะค้นหาพระศพไม่พบ มีเพียงพระศพของอินอวิ๋นฉวี่เท่านั้นที่ถูกค้นพบ ในสภาพพระศพต่างเป็นที่สยดสยองแก่ผู้มาพบเป็นยิ่งนัก ด้วยถูกต้นไม้ยืนต้นตายที่ก้นเหวซึ่งหักสะบั้นลงจนเกิดปลายแหลมคม โชคร้ายของฮ่องเต้น้อยที่ร่วงหล่นจากยอดเขา ร่างตกลงมาเสียบคาอยู่กับตอไม้ที่เหลือเพียงปลายแหลมคมดังกล่าวจนเครื่องในไหลทะลักออกมากองนอกลำตัวเป็นภาพที่ผู้ใดมาพานพบต่างก็ไม่คาดคิดว่า จุดจบของฮ่องเต้หยวนเป่ยจะมีเป็นสภาพเช่นนี้ ในขณะที่อุปราชหยวนเป่ยที่ตกจากยอดเขามาพร้อมกันกับไม่เห็นพระศพแต่อย่างใด มีเพียงรอยลากเป็นทางยาวตรงก้นเหวซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าถูกสัตว์ป่าลากพระศพของพระองค์ไปเป็นอาหารของมันก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน เพราะพระศพของฮ่องเต้หยวนเป่ยก็ถูกสัตว์ป่ากัดแทะจนชิ้นส่วนแขนและขาหายไปทั้งสองข้าง เ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 63 อวสาน 1.2

    ดวงตาคู่โศกสั่นไหวระริกเมื่อเห็นคนงามอุ้มครรภ์ขนาดใหญ่และใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง พร้อมหยาดน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงขลุ่ยนั้นช่างบีบเค้นหัวใจคนฟังเสียนี่กระไร บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่านางรักและอาลัยต่อคนที่จากไปมากมายยิ่งนัก ไม่ว่าคนรักจะอยู่แห่งหนใด ขอฝากเสียงขลุ่ยนี้เป็นตัวแทนความรักและความคิดถึงของนางที่มีให้นี้จากหัวใจทั้งหมด “ผีเสื้อน้อยแสนสวยของข้า!” เสียงรำพึงร้อยเรียกหาสตรีในหัวใจของอินอวิ๋นหยาง อุปราชรูปงามบัดนี้มาปรากฏตัวอยู่ทางด้านหลังแม่ผีเสื้อแสนสวยของพระองค์ ช่วงระยะเวลาสิบเดือนที่ผ่านมาอินอวิ๋นหยางเก็บตัวอย่างเงียบเชียบรักษาพระอาการที่ถูกพระชายาของตัวเองวางยาพิษหมายสังหารให้ชีพดับสูญ แต่แล้วนางกลับให้โอกาสได้อยู่รอดต่อไปเพราะล่วงรู้แล้วว่า เมื่อทำลงไปแล้วนางกลับไม่มีความยินดีแม้แต่น้อยตรงกันข้ามเจ็บปวดหัวใจเป็นยิ่งนัก แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บเพราะถูกอินอวิ๋นฉวี่จ้วงแทงในระยะกระชั้นชิดและยังถูกพิษร้ายแรงของพระชายาทำให้พระองค์บาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ตกจากยอดเขาลงมาและอุปราชหนุ่มคว้าเถาวัลย์เอาไว้ได้ทันจึงไม่ร่วงหล่นลงสู่ก้นเหว จึงมีเพีย

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 60 วันวิปโยค 1.7

    จวนอุปราชกลุ่มควันขาวลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ปกคลุมไปทั่วจวนอุปราชแลดูคล้ายเมฆหมอกเมฆา แต่ความเป็นจริงแล้วคือควันไฟที่ผสมยาแก้พิษของอินอวิ๋นฉวี่ ที่แอบลอบวางพิษยาสั่ง ซึ่งฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยาดังกล่าวมาจากเสี่ยวฉิงจื่อ ขันทีไส้ศึกจากสองแคว้นซึ่งเป็นทั้งยาสั่งและเป็นยาพิษในตัวด้วยกัน อันเกิดจากการคิดค้นปรุงยาของอดีตเจ้าสำนักหมื่นพิษโหรวหนิง อาจารย์ของหวู่ซานซานและอาจารย์ปู่ของหยางเฟยอี้ แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเมื่อหยางเฟยอี้ นอกจากอัจฉริยะทางด้านดนตรีด้วยแล้ว นางยังมีปัญญาอันชาญฉลาดและไหวพริบดีเลิศมาจากภพชาติปัจจุบันของนาง จึงทำให้การปรุงยาพิษที่สามารถแก้พิษได้ทุกชนิดบรรลุผลสำเร็จ หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่มาเกี่ยวพันกับชีวิตของหวู่ซานซาน แม่ผีเสื้อตัวน้อยก็จะยังไม่สามารถคิดค้นยาแก้พิษได้ทุกชนิดนี้ขึ้นมาได้แต่อย่างใด ยาแก้พิษดังกล่าวถูกนำมาเทใส่กองไฟจนเกิดเป็นควันขาวลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วจวนอุปราช ยอดเขาหลงเมิ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยควันขาวมองแทบไม่เห็นตัวคน ในขณะที่กองทหารอารักขาซึ่งได้รับยาแก้พิษนั้นแล้วไม่ได้อยู่ในการควบคุมของฮ่องเต้หยวนเป่ยอีกต่อไป ต่างพากันกระจายกำล

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 61 วันวิปโยค 1.8

    ควับ! ฮ่องเต้หยวนเป่ยหันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตรทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว และต้องเบิกพระเนตรกว้างด้วยความตระหนกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรอุปราชผู้เป็นอา ยืนสูงทะมึนค้ำพระองค์อยู่ในขณะนั้นใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงท่ามกลางเส้นผมสีดำสนิทตกลงปรกหน้า ดวงตาจับจ้องเขม็งมาที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตายจนสัมผัสได้ “เจ้าเสียดายชีวิตข้าหรือเสียดายเพราะไม่ได้ลงมือฆ่าด้วยตัวเอง!” อินอวิ๋นหยางถามกลับไปพร้อมแสยะยิ้มหยามเหยียด ฮ่องเต้หยวนเป่ยครั้นหายจากอาการตกตะลึงที่ได้เห็นผู้เป็นอาสามารถหวนคืนกลับมาจากความตายได้นั้น รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ตายยากเหมือนกันนะเสด็จอา! แต่ก็ดี!...ในเมื่อเหตุการณ์พลิกผัน วันนี้ข้าหรือท่านเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดกลับไป” รับสั่งพร้อมใช้สายพระเนตรจับจ้องผู้เป็นอาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงอาภรณ์ขาวผืนบางเบาพันไว้รอบกายมัดรวบเอาไว้ใต้เอวเพียงเท่านั้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยโลหิตและรอยแผลเป็นจากการทำสงคราม ปรากฏตามลำตัวตลอดจนทั่วทั้งแผ่นหลังและท่อนแขนกำยำปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน “ดูท่าสภาพของท่าน

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 59 วันวิปโยค 1.6

    ในขณะเดียวกัน กระท่อมหลังเขาพระวรกายสูงของฮ่องเต้หยวนเป่ย บัดนี้ได้มาปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูห้องของหวู่ซานซาน พระองค์กำลังยืนพิงประตูกอดอกทอดพระเนตรคนงามอยู่ในขณะนั้น ด้วยหยางเฟยอี้ในยามนี้ร่างกายของนางมีสภาพเปียกปอน จนอาภรณ์ขาวที่สวมอยู่ติดกายแนบลู่ไปกับกายงามจนเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอันสมบูรณ์ของสตรีเพศแสนเย้ายวนใจเผยให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ทอดพระเนตร อกเป็นอก เอวคอดเท่ามดตะนอย สะโพกผายได้รูปสวย บั้นท้ายงอนงามตึงแน่นเล่นเอาอวิ๋นฉวี่ตะลึงลานไม่เป็นอันทำอะไร ทันทีที่หยางเฟยอี้หันกลับมาเผชิญหน้ากับพระองค์จนนางต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบงัน “ฝ่าบาทจะทรงยืนจ้องหม่อมฉันแบบนี้อีกนานไหมเพคะ” คนงามถามสวนกลับไป และนั่นทำให้อวิ๋ฉวี่ฮ่องเต้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที “ก็เจ้าชวนน่ามองเช่นนี้! จะห้ามสายตาของข้าไปได้อย่างไร แผนลอบสังหารอุปราชคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียกระมัง เจ้าจึงมีสภาพกลับมาให้ข้าได้เห็นเช่นนี้ ดูท่าข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไปไม่เป็นไปตามที่คิด” รับสั่งออกมาตามการคาดเดาของตัวเอง “อย่างนั้นเหรอเพคะ! ถ้าเช่นนั้นก็คอยทอดพระเนตรต่อไปก็แล้วกัน” คนงามตอบกลับไ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 58 วันวิปโยค 1.5

    ในขณะเดียวกัน ตำหนักอุปราชริมฝีปากหยักได้รูปสวยเริ่มขยับขึ้นมาทีละน้อย ภายหลังจากกลืนยาเม็ดสีดำสนิทลงไปนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ทั่วกายเริ่มหายจากอาการชาไปทั่วร่าง และสามารถเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง พรืดดดด!!!! อินอวิ๋นหยางกระอักโลหิตแดงฉานพุ่งพรวดออกจากปากจนกระจายเต็มที่นอน พร้อมร่างใหญ่ทรุดฮวบลงกับฟูกตรงหน้าทันที แค่กก! แค่กก! แค่กกก! เสียงไอโครกครากดังออกมาทันใดพร้อมกระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงพึมพำดังเล็ดรอดออกมาอย่างแผ่วเบาอยู่ในขณะนั้น “ยะ...เยี่ยนลี่! ย..เยี่ยนลี่...ถ..ถิง...ถิง..ถิงถิง...ของ...ข้า!” เสียงเรียกชื่ออดีตพระชายาและคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนเดียวกันดังออกมาจากปากของอุปราชแห่งหยวนเป่ย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ยันกายขึ้นมาจากฟูกนอน เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายปรกลงใบหน้าก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวพระวรกายค่อยๆ คลานออกมาจากแท่นบรรทมจุดหมายคือผ้าแพรสีเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากแท่นบรรทมเท่าใดนัก ตุบ! ตุบ! ตุบ! พระวรกายใหญ่ตกจากแท่นบรรทมก่อนจะกลิ้งตกลงไปที่พื้นห้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามแต่อย่างใด ท่อนแขนแข็งแกร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status