แชร์

บทที่ 35 ลงมือกับสกุลสุ่ย

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-23 21:44:48

เมื่อสุ่ยฮูหยินเห็นว่าโม่ชิงเยว่ทรุดลงไปเช่นนี้ก็ได้แต่คิดในใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว เพียงแต่การที่พิษออกฤทธิ์ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือว่าผลเสียต่อสกุลสุ่ยของนางกันแน่ นางจึงได้เอ่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังแม้ว่าในใจจะสั่นไหวมากเพียงใดก็ตาม

“นิ่งอันโหวฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิด ชาถ้วยนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอันใดส่วนสาเหตุที่ท่านสิ้นไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินต่อการออกมาข้างนอกจวนหรือเปล่า” คำพูดของสุ่ยฮูหยินทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการกล่าวหา

“ข้าหาใช่คนร่างกายอ่อนแอเช่นนั้น สุ่ยฮูหยินเสียทีที่ข้าไว้ใจจึงได้ยินดีมาที่นี่ตามคำเชิญของท่าน คิดไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยของพวกท่านจะข้างนอกสุกใสแต่ภายในเน่าเหม็น เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี๋เหนียงในจวนข้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงได้มีพฤติกรรมต่ำช้าเลวทรามเช่นนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะจวนแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่ต่ำตมเช่นนี้นี่เอง ชุ่ยเหมยเก็บชาถ้วยนั้นมาข้าจะนำไปให้กรมอาญาตรวจสอบ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของสุ่ยฮูหยินก็รีบขัดขวางชุ่ยเหมยในทันที แต่กลับสาวใช้ธรรมดามีหรือจะขัดขวางชุ่ยเหมยได้ทัน นางทั้งว่องไวและรวดเร็วกว่าใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็สามารถเก็บถ้วยชาใบนั้นขึ้นมาได้แล้ว นางรีบเอาถุงหนังข้างเอวใส่ถ้วยชาใบนั้นเอาไว้ในทันที

“ฮูหยินบ่าวเก็บถ้วยชาเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เช่นนั้นก็พาข้ากลับจวนเถิด” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของนางก็ช่วยกันประคับประคองนางทำท่าว่าจะพานางออกจากงานเลี้ยงแต่คนของสุ่ยฮูหยินกลับมาขวางทางพวกนางเอาไว้

“ถอยออกไป กล้าคิดทำร้ายฮูหยินของท่านโหวยังไม่พอยังคิดจะกักขังฮูหยินอีกหรือ คอยดูนะหากฮูหยินของพวกข้าเป็นอะไรไป พวกข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่หน้าประตูวังจะป่าวประกาศให้ผู้คนรับรู้กันทั่วว่าจวนสกุลสุ่ยของพวกเจ้านั้นต่ำช้าสักเพียงใด” เสียงของชุ่ยหลันทำให้โม่ชิงเยว่ที่แสร้งหมดสติอยู่ลอบชื่นชมอยู่ในใจพลางคิดเอาไว้ว่าชุ่ยเหมยและหรงมามาเลือกคนได้ไม่เลว

“ปล่อยพวกนางกลับไป” เสียงของสุ่ยฮูหยินเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาคนของนางจึงจำต้องถอยแล้วปล่อยให้คนของโม่ชิงเยว่พานางออกจากจวนสกุลสุ่ยท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในงานเลี้ยงหลายคนพาคนออกจากจวนสกุลสุ่ยตามโม่ชิงเยว่ในทันทีด้วยกังวลว่าตนเองก็อาจจะถูกสตรีสกุลสุ่ยเล่นงานด้วยรวมทั้งท่านหญิงเจียหลีที่รีบตรงกลับจวนของจ่างกงจู่ผู้เป็นพระมารดาแล้วเล่าเรื่องที่จวนสกุลสุ่ยทำลงไปในงานเลี้ยงในวันนี้

ยามที่โม่ชิงเยว่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหันไปมองสาวใช้ของนางแล้วก็เอ่ยชื่นชมออกมา

“พวกเจ้าทำได้ดีมากเมื่อกลับจวนไปแล้วข้าจะตอบแทนอย่างดี” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้พวกนางก็ต่างรีบบอกว่าล้วนเป็นหน้าที่ของพวกนางแต่โม่ชิงเยว่รู้ดีว่าที่ควรตกรางวัลก็สมควรจะตกรางวัลที่ควรตำหนิก็สมควรจะตำหนิ ในเมื่อยามนี้คนของนางทำงานดีก็ควรจะตกรางวัลให้แก่พวกนางสักหน่อย

พอถึงจวนนิ่งอันโหวโม่ชิงเยว่ก็แสร้งสลบไสลไม่ได้สติอีกครั้งแล้วปล่อยให้สาวใช้ช่วยประคองนางเข้าไปในจวน มีเสียงตะโกนให้ไปตามท่านหมอกันอย่างวุ่นวายทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนการของโม่ชิงเยว่แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือจากเดิมทีที่นางคิดจะแสร้งส่งคนไปตามท่านหมอมาให้เขาตรวจร่างกายที่ได้รับพิษเข้าไปของนางแล้วส่งท่านหมอผู้นั้นกลับไป แต่ท่านหมอที่มาถึงประตูจวนโดยที่คนของนางยังไม่ทันได้ออกไปตามคือท่านหมอที่ซ่งเหวินจิ้งเคยพามาตรวจดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อชุ่ยเหมยเห็นท่านหมอชุดขาวผู้นั้นนางจึงรีบเอ่ยถามเขาในทันที

“ท่านมาได้อย่างไร” ท่านหมอชุดขาวผู้นั้นจ้องมองชุ่ยเหมยอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้เอ่ยกับนางเสียงเบา

“ท่านโหวส่งข้ามา” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้เดิมทีชุ่ยเหมยก็คิดว่าจะส่งเขากลับไปแต่เมื่อคิดได้ว่าในเมื่อซ่งเหวินจิ้งเป็นคนส่งมาก็แสดงว่าเขาน่าจะรู้เรื่องการไม่ชอบมาพากลของจวนสกุลสุ่ยนางจึงได้เชื้อเชิญท่านหมอผู้นั้นเข้าไปในจวน

เมิ่งเส้าชิงจ้องมองสาวใช้ผู้นั้นด้วยใบหน้าเย็นชา ซ่งเหวินจิ้งมักจะพร่ำบ่นกับเขาอยู่หลายครั้งว่าฮูหยินของตนชอบอยู่แต่กับสตรีที่มีใบหน้างดงาม ในตอนแรกเขาไม่เคยสนใจคำพร่ำบ่นเหล่านั้นแต่ยามนี้เมื่อได้เห็นสาวใช้ผู้นี้เขาเริ่มจะเชื่อคำพร่ำบ่นของสหายแล้ว ยิ่งยามที่ได้เห็นบรรดาสาวใช้ที่ห้อมล้อมฮูหยินของซ่งเหวินจิ้งแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจสหายของตนขึ้นมา ในเมื่อฮูหยินของสหายชอบอยู่แต่กับสตรีที่มีใบหน้างดงามถึงเพียงนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะรู้สึกรังเกียจบุรุษใบหน้ากร้านแดดกร้านลมแถมยังเป็นบุรุษหยาบกร้านแบบสหายของเขา

“ขอล่วงเกินแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าวางลงบนข้อมือของฮูหยินของสหายแล้วจึงได้ลงมือตรวจจับชีพจร

“ท่านได้รับพิษแต่ก็มีพิษอีกชนิดที่ช่วยต้านเอาไว้ ดูเหมือนว่าฮูหยินจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรเป็นอย่างดีดังนั้นข้าคงไม่ต้องเขียนเทียบยาเพื่อขับไล่พิษเหล่านั้นแล้วกระมัง” เมื่อเมิ่งเส้าชิงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา

“ขอบคุณท่านหมอมาก ขอบอกท่านตามตรงว่าข้าได้เตรียมยาขับพิษเอาไว้แล้ว” คำพูดของนางทำให้เมิ่งเส้าชิงพยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนจะได้กลับไปรายงานท่านโหวว่าฮูหยินของเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการแก้พิษ” เมื่อเอ่ยจบเมิ่งเส้าชิงก็เดินจากไปทิ้งให้โม่ชิงเยว่นั่งทำสีหน้าไม่ถูกอยู่เช่นนั้น จวบจนชุ่ยเหมยเดินกลับเข้าห้องมานางจึงได้โบกมือไล่สาวใช้คนอื่นๆ ให้ออกจากห้องไปแล้วสอบถามชุ่ยเหมยถึงการลงมือของนางในทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพบเบาะแสอะไรหรือไม่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยถามเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ยิ้มออกมาในทันที

“สาวใช้สองคนนั้นไปนำพิษราคะกำจายมาจากเรือนของสุ่ยฮูหยินเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าเวลาที่กรมอาญาไปตรวจพวกนางจะนำไปซุกซ่อนที่อื่น ก็เลยแบ่งยาบางส่วนไปซุกซ่อนตามบริเวณที่คนของกรมอาญาน่าจะตรวจพบอีกหลายจุดเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เจ้าทำได้ดีมาก ส่วนเรื่องรถม้าของสุ่ยอี้หรงเล่าเจ้าได้นำผงยาที่ข้ามอบให้ไปใส่เอาไว้ในกาน้ำชาบนรถม้าของนางแล้วหรือยัง” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“บ่าวลงมือแล้วเจ้าค่ะ” คำตอบของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ

“เรื่องที่เกิดในวันนี้เป็นสุ่ยอี้หรงที่เผยพิรุธออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ วันนี้นางจะต้องถูกมารดาและผู้อาวุโสในจวนตำหนิแน่ ยามที่นางต้องนั่งรถม้าออกจากจวนสกุลสุ่ยจะต้องอยากดื่มชาเพื่อดับความร้อนรุ่ม หรือต่อให้นางไม่อยากดื่มผงยาราคะกำจายที่ข้าปรุงขึ้นก็ยังคงจะส่งผลต่อนางอยู่ดี ด้วยยาที่ข้าปรุงไม่ต้องถูกไอความร้อนก็สามารถออกฤทธิ์ได้ขอเพียงสูดดมเข้าไปย่อมได้รับพิษอย่างแน่นอน จวนสกุลสุ่ยกับจวนไหวกั๋วกงอยู่ห่างกันมากฤทธิ์ยาที่กำเริบขึ้นมาระหว่างทางย่อมสามารถทำให้นางก่อเรื่องขายหน้าให้แก่ตนเองได้เป็นแน่”

เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ได้แต่พยักหน้าพลางคิดในใจว่าเห็นทีคราวนี้จวนสกุลสุ่ยจะต้องประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่ยึดครองตำแหน่งฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวไม่ได้อีกไม่กี่วันแม้แต่ตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อของจวนไหวกั๋วกงคนสกุลสุ่ยก็คงไม่อาจจะครอบครองได้แล้ว การลงมือของเจ้านายของนางยังคงเด็ดขาดและโหดเหี้ยมอยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการลงมือฆ่าคนในดาบเดียวอย่างที่เจ้านายของนางเคยทำแต่การกระทำเช่นนี้ก็สามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นหลายคนด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวอย่างแท้จริง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status