“พ่อไม่ยอม! เงินสินสอดก็รับจากทางนั้นมาจนหมดแล้ว อยู่ๆ แกจะมาบอกให้พวกฉันล้มเลิกงานทุกอย่างไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้” คุณรบตวาดขึ้น ก่อนจะจ้องมองบุตรสาวคนโตด้วยท่าทีเอาเรื่อง อย่างไรเสียงานหมั้นระหว่างลูกสาวกับแฟนหนุ่มก็ต้องเกิดขึ้น
“รับมาแล้ว ก็ส่งคืนเขาได้นี่คะพ่อ”
“มันทำแบบนั้นได้ที่ไหน เงินนั่นน่ะ พ่อเอาไปลงทุนกับเพื่อนหมดแล้ว แกได้ยินไหมว่ามันไม่เหลือแล้ว!” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยท่าทีโกรธจัด ก่อนจะก้มหน้านิ่ง ราวกับว่าท่านไม่อยากจะพูดถึงความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้น เพียงเพราะความหูเบาไว้ใจคนผิดของตนเอง มันเลยทำให้ท่านต้องสูญเงินยี่สิบล้านไปอย่างน่าเสียดาย
“คุณพ่อ!”
“ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องหมั้นกับตาเหม! เรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ไม่ได้ ฉันไม่ยอม” ไม่เพียงแต่เรื่องเงินเท่านั้นที่สำคัญ ไหนจะชื่อเสียงที่อาจเสียหายนั่นอีก ยังไงท่านก็รับไม่ได้!
“ไม่ค่ะ ถ้าพ่อยังอยากให้มีงานหมั้นเกิดขึ้น พ่อก็ต้องไปหาคนอื่นมาเข้าพิธีแทน เพราะว่าหนูจะไม่หมั้นกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!” คริมาตอบกลับ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้อยู่แล้ว นี่จะเป็นอีกครั้ง ที่เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นเครื่องมือของพ่อ หรือใครหน้าไหนทั้งนั้น
“ยัยมา!”
“ขอแค่มีงานหมั้นเกิดขึ้น จะเป็นใครก็ได้ใช่ไหมคะคุณ!” กลับกลายเป็นคุณดวงกมล ที่เอ่ยขึ้นยามเมื่อนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!” แม้จะพอเข้าใจถึงจุดประสงค์ของภรรยาคู่ชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นคุณรบก็ยังอยากที่จะถามออกไปอยู่ดี ซึ่งก็ภาวนาเหลือเกินว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด!
“น้องว่าคุณพี่น่าจะพอเดาออกนะคะ ว่าน้องหมายความว่ายังไง” ไหนๆ เรื่องก็ออกมาเป็นแบบนี้แล้ว ไอ้ครั้นจะให้ไปบังคับลูกนางก็ไม่กล้า และคิดว่าคงทำไม่ได้ด้วย ที่เหลือก็คงจะมีแค่หนทางเดียวเท่านั้น ที่น่าจะจบทุกปัญหาได้ และจะต้องจบลงด้วยดีด้วย!
คงมีแค่ทางเดียวเท่านั้นแล้วจริงๆ ในตอนนี้
เป็นคริมาที่ต้องหอบเอาความกล้าที่อยู่น้อยนิดมาหาอดีตคนรักถึงที่บ้าน เพราะมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องการให้เขาช่วย เรื่องบางอย่าง ที่มันอาจทำให้เขาโกรธเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ถ้าได้รู้
“พ่อไม่ยอมให้ยกเลิกงานหมั้นค่ะ มาก็เลยคิดว่าจะให้ ‘น้อง’เข้าพิธีแทน” แน่นอนว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้ ใบหน้าคมคายก็ฉายชัดให้เห็นถึงความไม่พอใจทันที ด้วยไม่คิดว่าคนรักจะกล้าทำแบบนี้
“มา!” แค่ต้องยอมเลิกกันตามที่เธอขอมันก็น่าจะมากพอแล้วนะ แต่นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่!
“นะคะเหม ถ้าคุณไม่ยอม พ่อคงบังคับให้มาเข้าพิธีหมั้นกับคุณตามกำหนดเดิมแน่ๆ ถือว่ามาขอร้องก็ได้ นะคเหม…” เป็นอีกครั้งแล้วที่ปฏิพัทธ์รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยมีความสำคัญใดๆ ต่อคนตรงหน้า ที่นึกอยากจะเลิกรักกันก็สามารถเลิกรักง่ายๆ แต่แล้วอยู่ๆ วันนี้ เธอกลับบุกมาหากันถึงบ้าน พร้อมกับข้อเสนอบ้าๆ พวกนี้โดยที่ไม่สนเลยสักนิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เธอเพิ่งจะขอ
“ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา มันจะมีสักครั้งบ้างไหม…ที่คุณคิดอยากจะรัก และอยากใช้ชีวิตที่เหลือไปพร้อมกันกับผมจริงๆ” คำถามนี้เองที่มันกัดกินใจคนฟังอยู่ไม่น้อย จนเธอนั้นไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่คิดเปลี่ยนใจง่ายๆ เช่นกัน เพราะทั้งหมดนี้เธอได้เลือกแล้ว และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ!
“ตกลง! ถ้าทั้งหมดนี้มันเป็นความต้องการของมา ผมก็จะทำให้! แต่อย่างหวังว่าเรื่องระหว่างผมกับน้องสาวคุณมันจะลงเอยด้วยดีเหมือนในนิยายน้ำเน่าที่คุณชอบอ่าน เพราะว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น!” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เสียงเข้มก็ดังสวนขึ้น ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดินจากกันออกไปไกล ทิ้งไว้แต่เธอ ที่ได้แต่มองภาพแผ่นหลังของอดีตคนรัก ที่ค่อยๆ ลับสายตาไปไกลอยู่เพียงลำพัง
ซึ่งสุดท้ายเธอก็ได้แต่หวัง…
สามปีต่อมา ภาพของภรรยา ที่บัดนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ สร้างรอยยิ้มให้ปฏิพัทธ์ได้ทุกครั้งที่เห็น และเขาชอบเหลือเกินที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้ บ้านที่จะมีแค่เธอกับเขา และลูกๆ ของพวกเรา “เหนื่อยไหมคะวันนี้” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นผ้าเย็นไปซับใบหน้าหล่อเหลาให้สามีอย่างเอาใจ “นิดหน่อยครับ ว่าแต่วันนี้เจ้าแสบในท้องเป็นยังไงบ้าง” คนถูกถามส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบไปตามความจริงที่ก็เห็นๆ กันอยู่ทุกวัน “ยังดื้อเหมือนเดิมค่ะ โชคดีที่วันนี้คุณแม่แวะมาอยู่เป็นเพื่อนช่วงบ่าย ท่านเลยอาสาช่วยดูตาเป้ให้ ปันก็เลยพลอยได้เอนหลังพัก…” ซึ่งเรื่องนี้จะโทษใครคนไหนไม่ได้เลย เพราะเป็นเธอเองที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการพี่เลี้ยง แต่จนถึงนาทีนี้ เธออาจต้องลองทบทวนดูใหม่ เพราะการต้องเลี้ยงลูกชายในช่วงเวลาที่กำลังซนได้ที่ ไปพร้อมๆ กับเจ้าตัวแสบในท้องที่ทำเธอแพ้ท้องหนักมากไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน “ไว้พี่จะสั่งให้คนแวะมาอยู่เป็นเพื่อน ปันจะได้มีเวลาพักในช่วงบ่าย ดีไหมครับ” ข้อเสนอของสามีเป็นที่น่าพอใจอยู่พอสมควร แต่กระนั้นเธอก็ต้องข
หลายเดือนต่อมา “ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาออกไปเจอกันตามลำพังแบบนั้น! เหมนี่ก็เหลือเกิน คอยดูนะกลับมาพี่จะสวดให้ยับเลยคอยดู!” ปาฏลีได้แต่ยิ้มรับต่อคำบอกกล่าวของพี่ที่แวะมาเยี่ยม และถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น ลึกๆ ในใจของเธอมันก็สั่งการให้เชื่อใจสามีอยู่ดี “ปันไว้ใจพี่เหมค่ะ” “ไว้ใจน่ะไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ต้องกอดสิทธิ์ของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ ด้วย”หากสุดท้ายแล้วคนที่พ่อของลูกเลือกคือคนอื่น ผู้หญิงแสนธรรมดาอย่างเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยเขาไป “พี่มา…มีความสุขใช่ไหมคะ” คนถูกถามเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองน้องสาวของตัวเอง ด้วยท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย ปันเองก็ควรจะมีความสุขเหมือนกัน” ต่อให้สุดท้ายแล้วรักครั้งใหม่ของเธอจะไม่สมหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ได้ใช้เวลาที่ล้ำค่าร่วมกัน นั่นมันก็เพียงพอแล้ว และเธอไม่โทษใครเลยที่รักครั้งนี้ต้องจบลงทั้งๆ ที่เธอและเขา เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันไปได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เรื่องนี้สอนให้เธอได้เรียนรู้ ว่าบางครั้งความรักก็มักจะเล่นตลกกั
ใช้เวลาเพียงไม่นานปาฏลีก็มาถึงโรงพยาบาลที่ลูกชายกำลังรักษาตัวอยู่ แน่นอนว่าคนแรกที่เธอพุ่งเข้าไปหานั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกเขา คนที่เคยสัญญากันเสียดิบดีว่าจะดูแลตาหนูเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ลูกต้องเจ็บ แต่นี่อะไร! “คุณดูแลลูกประสาอะไร ทำไมปล่อยให้ตาเป้ไม่สบายแบบนี้!” ใบหน้าคมคายตวัดไปตามแรงตบทันทีที่เธอวิ่งเข้ามาถึงตัว แน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจแก่คนอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าพอจะขยับเข้ามาห้าม ออกจะรู้สึกสมน้ำหน้าคนถูกตบเสียด้วยซ้ำไป โทษฐานที่ดูแลลูกได้ไม่ดีพอ “ปัน…” “ถ้าไม่มีเวลาดูแล ก็ยกลูกให้ฉัน แล้วคุณจะไปขึ้นสวรรค์หรือตกนรกกับใครก็เชิญ!” แน่นอนว่าเขาไม่มีวันยอม ต่อให้จะเป็นลูกหรือแม่ของลูก จากนี้ก็จะไม่มีใครได้เดินออกไปจากชีวิตเขาทั้งนั้น! แม้หมอจะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของเธอแค่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่ปาฏลีก็แทบไม่ยอมอยู่ห่างจากยอดดวงใจของเธอแม้แต่ก้าวเดียว หญิงสาวใช้เวลากล่อมจนเจ้าตัวน้อยผล็อยหลับถึงได้หันกลับมามองพ่อของลูกที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน “คุณก
เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ตนเองกับภรรยาไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ปฏิพัทธ์จึงตั้งใจว่าวันนี้เขาจะยกเลิกงานในช่วงเย็นทั้งหมดเพื่อกลับบ้าน กลับมาใช้เวลาปรับความเข้าใจกับแม่ของลูก ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อย จนมันอาจทำให้เธอเผลอเข้าใจผิด ทว่าเดินหาก็แล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น มันกลับมีเพียงแค่ความว่างเปล่า “ปันล่ะครับ” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหว ต้องหันไปถามคนอื่นๆ ในบ้าน ที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจากันสักคำ “คะ…คุณปันไปแล้วค่ะ” “ไปแล้ว ไปไหน!” “ก็ไปจากที่นี่น่ะสิ!” หนนี้กลับกลายเป็นคุณจารุวรรณที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันทีที่พ่อตัวดีทำท่าจะเดินตรงหน้ามาหา “แม่หมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ!” “ข้อตกลงระหว่างแกกับเขาจบแล้วนี่ อีกอย่างตอนนี้แกก็พาแม่หนูคนนั้นออกงานไปเปิดตัวเป็นว่าเล่น ใครเขาจะกล้าหน้าด้านอยู่ต่ออีกล่ะ!” คำตอบที่ได้รับนอกจากจะทำให้ตกใจแล้ว มันยังทำให้เขาคิดไปถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองของเมียเมื่อคืนก่อนอีกด้วย หากรู้ว่านั่นมันจะเป็นยิ้ม
เพราะต้องเผื่อเวลาไปดูแลไร่ข้าวโพดแสงจันทร์ ไร่แห่งใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เลยทำให้หมูนี้ปฏิพัทธ์ไม่ค่อยเวลาให้แม่ของลูกอย่างที่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็ยังเชื่อว่าพ่อและแม่ของตนเองนั้น จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนตัวเองได้เป็นอย่างดี “นี่คุณเจ้านาง หุ้นส่วนคนใหม่ของพี่เอง” เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เขาจึงเอ่ยแนะนำคนข้างกายให้ได้รู้จักกับภรรยาด้วยท่าทีเป็นกันเอง ต่างจากทั้งสองสาวที่ดูจะอึดอัดยังไงชอบกล “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ น้องปันใช่ไหมคะ พี่ได้ยินเรื่องของหนูจากเหมอยู่บ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปาฏลีเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองคนตรงหน้า ซึ่งก็เหมือนว่าเจ้านางเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ซึ่งมันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึก เหมือนว่ากำลังถูกด้อยค่ายังไงก็ไม่รู้ สำหรับเจ้านางแล้ว เธอไม่ถือเลยถ้าผู้ชายที่เธอคบหาด้วยจะมีอดีต อีกทั้งเธอเองก็แอบไปได้ยินมาว่าปฏิพัทธ์กับภรรยาของเขานั้นมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งมันเป็นข้อตกลงที่เธอรับได้ และไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด หากวันหนึ่งต้องกลายมาเป็นแม่ของเด็กคนอื่นท
นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้เวลานี้ เธอเหลือเวลาที่จะได้อยู่กับเขากับลูก อีกแค่เพียงเก้าเดือนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเวลาที่ไม่ได้ยาวนานอย่างที่ใจเธอหวังเอาไว้เลยสักนิด แต่ถึงจะเศร้าเสียใจสักแค่ไหนเธอก็จะไม่ลืมสัญญาที่เคยได้ให้กับเขาเอาไว้และเธอจะคืนอิสระให้เขา…เมื่อวันที่ต้องจากลากันมาถึง…ภาพของคนที่หมู่นี้มักจะกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านกลายเป็นภาพที่ปฏิพัทธ์มีโอกาสได้เห็นจนชินตา อีกทั้งมันยังเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหนหลังเลิกงาน นอกจากกลับมานั่งมองมัน “คืนนี้มีฝนดาวตก ออกไปนั่งดูที่ระเบียงกันไหม” เพราะกลัวว่าอีกคนจะเบื่อที่ต้องอยู่แต่บ้าน เขาจึงพยายามหากิจกรรมให้เธอได้มีส่วนร่วม คืนนี้เองก็เช่นกันที่ตั้งใจจะพาออกไปปูเสื่อดูดาวตก “ไปค่ะ” คนที่กำลังเฝ้ารอโอกาสงามๆ นี้อยู่นานแล้ว ไม่รีรอที่จะตอบรับพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำสามีออกมาจัดแจงทุกอย่างไว้รอที่ระเบียงระหว่างที่เขาขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันได้กลายมาเป็นห้องนอนของเธอด้วยเช่นกันรอไม่นานพ่อของลูกก็กลับมาลงสมทบ ก่อนที่เธอและเขาจะใช้เวลาที่เหลือ หมดไปกับการนั่งดูดาวตก