แสงไฟจากโคมแก๊สสาดส่องลงมาบนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นและโคลน ทำให้เกิดเงามืดทอดยาวตามกำแพงตึก เมรี่และเอดิสันยืนอยู่หน้าอาคารหินสีเข้มที่ดูไม่โดดเด่นนัก แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม ประตูไม้โอ๊กบานใหญ่ปิดสนิท ไม่มีป้ายชื่อบ่งบอกถึงความเป็นสโมสรใดๆ แต่เอดิสันบอกว่านี่คือ 'สโมสรลี้ลับ' ที่สมาชิกของ 'เงาแห่งลอนดอน' มักจะใช้เป็นที่นัดพบ
"คุณแน่ใจหรือคะว่าเราจะเข้าไปที่นี่ได้?" เมรี่กระซิบถามเอดิสัน เสียงของเธอแฝงความกังวลเล็กน้อย เธอรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาจากอาคารนี้ "แน่นอนครับ" เอดิสันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าของเขาไม่มีแววหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย "ผมเป็นสมาชิกของสโมสรนี้มานานแล้ว แม้จะไม่ค่อยได้มาเยือนบ่อยนักก็ตาม" เมรี่เบิกตากว้าง "คุณเป็นสมาชิกขององค์กรนี้ด้วยหรือคะ!" เอดิสันหันมายิ้มมุมปาก "ไม่ใช่ครับ ผมเป็นนักสืบ มิสแบล็ควู้ด ผมเข้าเป็นสมาชิกที่นี่เพื่อศึกษาพฤติกรรมของพวกเขา และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้ครับ" เขาเปิดประตูออกช้าๆ เสียงบานพับเก่าๆ ดังเอี๊ยดอ๊าดในความเงียบ ภายในสโมสรนั้นตกแต่งอย่างหรูหราผิดกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง พรมเปอร์เซียหนานุ่มปูเต็มพื้น โคมระย้าคริสตัลระยิบระยับอยู่กลางเพดาน ผนังประดับด้วยภาพเขียนสีน้ำมันและรูปปั้นหินอ่อน มีกลิ่นซิการ์และบรั่นดีคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ชายวัยกลางคนจำนวนมากแต่งกายด้วยเสื้อโค้ทหางยาวและเสื้อกั๊กผ้าไหมกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรส เสียงหัวเราะและการกระซิบกระซาบดังแว่วมาเป็นระยะ "จำไว้นะครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกระซิบข้างหูเมรี่ "ที่นี่มีดวงตาและหูมากมาย อย่าพูดอะไรที่ไม่จำเป็น และอย่าแสดงท่าทีสงสัยใดๆ ผมจะแนะนำคุณในฐานะหลานสาวที่มาเยี่ยมลอนดอน" เมรี่พยักหน้า เธอพยายามควบคุมสีหน้าและท่าทางให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เธอรู้สึกเหมือนกำลังแสดงละครบทสำคัญ และเธอจะต้องไม่พลาดบทบาทนี้เด็ดขาด เอดิสันพาเมรี่เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เขาเดินตรงไปยังกลุ่มชายสูงอายุกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่ที่โต๊ะกลมกลางห้อง "สวัสดีครับท่านลอร์ดเวลลิงตัน ท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์" เอดิสันกล่าวทักทายอย่างสุภาพ ชายสูงอายุทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองเอดิสัน "อ้าว! เกรย์สัน! ไม่เจอกันนานเลยนะ! ไม่คิดว่าจะเห็นเจ้ามาที่นี่เลยนะ" ท่านลอร์ดเวลลิงตันกล่าวด้วยเสียงห้าว "ผมแค่แวะมาเยี่ยมเยียนน่ะครับ" เอดิสันตอบ "และผมก็พาหลานสาวของผมมาแนะนำให้รู้จักด้วยครับ นี่คือมิสเมรี่ แบล็ควู้ด เพิ่งเดินทางมาจากบาธน่ะครับ" เมรี่โค้งคำนับอย่างงดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะท่านลอร์ด ท่านเคานต์" ท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์มองเมรี่ด้วยสายตาพิจารณา "แบล็ควู้ดอย่างนั้นหรือ? นามสกุลคุ้นๆ นะ" "ครับ" เอดิสันตอบอย่างรวดเร็ว "เธอเป็นญาติห่างๆ ของนักสืบโรเบิร์ต แบล็ควู้ดน่ะครับ" เมื่อได้ยินชื่อของพ่อ เมรี่สังเกตเห็นว่าใบหน้าของท่านลอร์ดเวลลิงตันและท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์เปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่พวกเขาก็พยายามเก็บอาการ "อ๋อ...นักสืบแบล็ควู้ดน่ะหรือ" ท่านลอร์ดเวลลิงตันพึมพำ "น่าเสียดายที่เขาจากไปเร็วเกินไปนัก" "ครับ" เอดิสันตอบ "แต่ดูเหมือนว่าหลานสาวของผมจะมีความสนใจในเรื่องราวของคดีปริศนาไม่น้อยเลยล่ะครับ เธอชอบอ่านหนังสือสืบสวนสอบสวน" เมรี่รู้สึกว่าเอดิสันกำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ และเธอก็เข้าใจบทบาทของตัวเอง เธอพยายามแสดงท่าทีเหมือนเด็กสาวผู้ไร้เดียงสาที่ชื่นชอบเรื่องลึกลับ "ใช่ค่ะ! หนูชอบเรื่องราวของเชอร์ล็อก โฮล์มส์มากเลยค่ะ" เมรี่กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "คุณลุงของหนูเล่าให้ฟังว่าคุณนักสืบแบล็ควู้ดเคยไขคดีที่ซับซ้อนมากมาย คุณลุงคะ...เขาเคยพูดถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบุคคลสำคัญในลอนดอนบ้างไหมคะ?" คำถามของเมรี่ทำให้บรรยากาศในกลุ่มชายสูงอายุเงียบกริบลงทันที ทุกคนหันมามองเมรี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป "คดีอะไรกันหนูน้อย?" ท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร?" "ก็คดีการหายตัวไปของนักข่าวคนหนึ่งที่กำลังเขียนข่าวเกี่ยวกับองค์กรลับอะไรสักอย่างน่ะค่ะ" เมรี่ตอบ เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลย "คุณลุงของหนูบอกว่าคุณนักสืบแบล็ควู้ดกำลังสืบคดีนั้นอยู่ค่ะ" ท่านลอร์ดเวลลิงตันถอนหายใจ "นั่นเป็นเรื่องไร้สาระของพวกนักข่าวปากพล่อยน่ะหนูน้อย ไม่มีองค์กรลับอะไรทั้งนั้น และนักข่าวคนนั้นก็แค่หนีหนี้ไปเฉยๆ" "จริงหรือคะ?" เมรี่ถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอก็พยายามเก็บอาการ "แต่หนูได้ยินมาว่ามิสเตอร์เฟรเดอริค แบล็ควู้ดก็หายตัวไปพร้อมกับนักข่าวคนนั้นด้วยนี่คะ" ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของท่านลอร์ดเวลลิงตันและท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์ดูถมึงทึงขึ้นมาทันที "เจ้าไปได้ยินเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาจากไหนกัน มิสแบล็ควู้ด!" ท่านลอร์ดเวลลิงตันกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน "นักสืบเฟรเดอริค แบล็ควู้ดแค่เดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศต่างหาก! ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักข่าวคนนั้นเลย!" "ขออภัยครับท่านลอร์ด" เอดิสันรีบกล่าวแทรกขึ้น "หลานสาวของผมยังเด็กนัก ไม่ค่อยรู้เรื่องราวภายนอกเท่าไหร่ครับ เธอแค่ได้ยินเรื่องราวแปลกๆ มาจากคนอื่นแล้วก็เอามาพูดตาม" "เจ้าควรจะดูแลหลานสาวของเจ้าให้ดีกว่านี้นะเกรย์สัน!" ท่านเคานต์ฟอร์เรสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "การพูดจาไร้สาระเช่นนี้อาจนำปัญหามาสู่ตระกูลได้!" เอดิสันยิ้มเล็กน้อย "ผมเข้าใจครับท่านเคานต์ ผมจะดูแลเธอให้ดีกว่านี้ครับ" เขาหันมามองเมรี่ "เมรี่ หลานควรไปหาอะไรดื่มหน่อยนะ" เมรี่พยักหน้า เธอรู้แล้วว่าเธอได้เบาะแสสำคัญจากคำพูดของพวกเขา แม้จะพยายามปกปิด แต่ท่าทางของพวกเขากลับบ่งบอกว่าพวกเขากำลังโกหก และเรื่องราวของ 'เงาแห่งลอนดอน' และการหายตัวไปของเฟรเดอริคและนักข่าวคนนั้นเป็นเรื่องจริง เมรี่เดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มที่อยู่มุมห้อง เธอสั่งน้ำเลมอนเนดหนึ่งแก้ว และพยายามทำตัวให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เธอแอบสังเกตการณ์พฤติกรรมของคนอื่นๆ ในสโมสร เธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่เงียบๆ ที่โต๊ะมุมห้อง กำลังจดบันทึกอะไรบางอย่างลงในสมุดเล่มเล็กๆ ชายคนนั้นมีผมสีดำขลับ และมีดวงตาที่คมกริบ เขาดูเหมือนกำลังเฝ้าระวังอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา เมรี่รู้สึกว่าชายคนนั้นน่าสงสัย เธอจึงพยายามเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างไม่ให้เขารู้ตัว เธอแอบชำเลืองมองไปที่สมุดบันทึกของเขา และเห็นว่าเขากำลังวาดแผนผังบางอย่างที่ดูซับซ้อน และมีชื่อบุคคลสำคัญหลายคนปรากฏอยู่บนแผนผังนั้น ขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการแอบมอง จู่ๆ ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาของเขาจ้องตรงมาที่เมรี่ เมรี่ตกใจจนตัวแข็งทื่อ เธอรู้แล้วว่าเขาเห็นเธอ "มีอะไรให้ช่วยหรือครับคุณหนู?" ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมรี่พยายามสงบสติอารมณ์ "ขอโทษค่ะ ฉันแค่มองหาเพื่อนค่ะ" "เพื่อนของคุณคงไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกครับ" ชายคนนั้นตอบ "ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กสาวอย่างคุณ" เมรี่รู้สึกถึงความคุกคามจากน้ำเสียงของเขา เธอพยายามหันหลังกลับ แต่เขากลับคว้าแขนของเธอไว้แน่น "คุณหนูกำลังแอบดูอะไรอยู่หรือเปล่าครับ?" ชายคนนั้นถาม ใบหน้าของเขาเข้าใกล้เมรี่มากขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ "เปล่าค่ะ! ฉันไม่ได้แอบดูอะไรเลยค่ะ!" เมรี่ตอบ เธอพยายามสะบัดแขนออก แต่ก็ไม่สามารถทำได้ "อย่าคิดจะโกหกผมนะครับคุณหนู" ชายคนนั้นกล่าว "เพราะผมไม่ชอบคนที่โกหก" เอดิสันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบเดินเข้ามาหาเมรี่และชายคนนั้น "มีอะไรกันหรือครับมิสเตอร์คลาร์ก?" เอดิสันถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความเยือกเย็น ชายคนนั้นที่ชื่อมิสเตอร์คลาร์กหันมามองเอดิสัน "มิสเตอร์เกรย์สัน! ดูเหมือนหลานสาวของคุณจะซุกซนเกินไปนะครับ เธอแอบมองสิ่งที่เธอไม่ควรจะเห็น" "ผมขอโทษแทนหลานสาวของผมด้วยครับมิสเตอร์คลาร์ก" เอดิสันกล่าว "เธออาจจะแค่สงสัยในสิ่งที่เห็นเท่านั้นครับ" "ความสงสัยอาจนำมาซึ่งหายนะนะครับมิสเตอร์เกรย์สัน" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่เช่นนี้" เอดิสันยิ้มเล็กน้อย "ผมเข้าใจครับมิสเตอร์คลาร์ก ผมจะดูแลหลานสาวของผมให้ดีกว่านี้ครับ" เขาหันไปมองเมรี่ "เมรี่ เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะ" เมรี่พยักหน้า เอดิสันพาเธอเดินออกมาจากบริเวณนั้น มิสเตอร์คลาร์กยังคงจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ "เขาเป็นใครคะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถามเมื่อพวกเขามานั่งอยู่ที่มุมห้อง "เขาคือ มิสเตอร์คลาร์ก หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของ 'เงาแห่งลอนดอน' ครับ" เอดิสันตอบ "เขาเป็นคนอันตราย และฉลาดมาก อย่าไปยุ่งกับเขาเด็ดขาด" "แต่หนูเห็นเขาเขียนแผนผังบางอย่างลงในสมุดของเขาค่ะ" เมรี่กล่าว "มันดูเหมือนเป็นเครือข่ายบางอย่าง" เอดิสันเลิกคิ้ว "คุณเห็นอะไรบ้าง?" เมรี่เล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เธอเห็นให้เอดิสันฟัง เอดิสันฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ "เป็นข้อมูลที่มีค่ามากครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกล่าว "ผมคิดว่าคุณอาจจะพบเบาะแสสำคัญเข้าแล้ว"เมรี่วิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่แคบและซับซ้อนของลอนดอน โดยมีเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังไล่หลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพยายามหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหญิงในที่สุด เธอก็มาถึงโรงละครเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง มันเป็นที่ที่เธอเคยใช้เป็นฐานลับในการสืบสวนคดีต่างๆ ในอดีต"เราปลอดภัยแล้วนะหนู" เมรี่กล่าวพร้อมกับวางเด็กหญิงลง "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"เด็กหญิงยังคงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เมรี่กอดเธอไว้แน่นเพื่อปลอบประโลมในขณะที่เธอกำลังกอดเด็กหญิงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง..."น่าประทับใจจริงๆ ที่เจ้ายังจำที่แห่งนี้ได้"เมรี่หันขวับ และพบกับชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววตาที่เฉลียวฉลาด และแววตาที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ"คุณเป็นใครคะ!" เมรี่ถามด้วยความสงสัยชายชราคนนั้นยิ้ม "ข้าคือคนที่เฝ้ารอเจ้ามานานแล้ว"เขาก้าวเข้ามาใกล้เมรี่ แล้วยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ เมรี่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่ไหลผ่านร่างกายของเธอ"เจ้าคือความหวังสุดท้ายของข้า" ชา
สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจเช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า"เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไปขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั่วศูนย์บัญชาการลับขององค์กร 'กาลเวลา' แสงไฟสีแดงกะพริบไปมา สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดและอันตรายยิ่งกว่าเดิม เมรี่และทีมต้องเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดวิลเลียมส์และเหล่า 'ยมทูต' ที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง"พวกแกไม่มีทางทำลาย 'แกนกลาง' ของข้าได้หรอก!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำราม "ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว!"เขากดปุ่มบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในข้อมือของเขา และทันใดนั้นเอง กำแพงเหล็กขนาดใหญ่ก็เลื่อนลงมาปิดกั้นทางเข้าออกทุกทาง ทำให้พวกเขาติดอยู่ในห้องควบคุมแห่งนี้"ไม่นะ!" เฟรเดอริคอุทาน "เราติดกับแล้ว!""ไม่ต้องห่วงครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ผมรู้ทางออกครับ!"เขาชี้ไปที่ช่องระบายอากาศขนาดเล็กที่อยู่บนเพดาน "เราต้องเข้าไปในนั้น!"แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ท่านลอร์ดวิลเลียมส์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขามีพละกำลังและความว่องไวที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวกับว่าเขามีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยเสริม"แกจะต้องเป็นคนแรกที่ตาย!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำรามใส่เมรี่เมรี่หลบการโจมตีของเขาได้อย่างหวุดหวิด เธอใช้มีดสั้นป้องกันตัวเองจากคมมีดของท่านลอร์ดวิลเลียมส์ที่พุ่งเ
รถยนต์ของมิสเตอร์คลาร์กแล่นฉวัดเฉวียนไปตามถนนในลอนดอนอย่างรวดเร็ว โดยมีรถของหัวหน้าใหญ่แห่ง 'ยมทูต' เป็นเป้าหมาย พวกเขาขับผ่านผู้คนและรถยนต์คันอื่นๆ อย่างไม่ลดละ การไล่ล่าดำเนินไปอย่างดุเดือดท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของมหานคร"เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงสำนักงานใหญ่ของพวกเขาได้!""สำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหนคะ?" เมรี่ถามด้วยความสงสัย"มันอยู่ในใจกลางเมืองครับ" เอดิสันตอบ "เป็นที่ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอเลย"ในที่สุด รถของ 'ยมทูต' ก็แล่นเข้าไปในอาคารสูงระฟ้าแห่งหนึ่งที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาอย่างน่าตกใจ"นั่นไงครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าว "พวกเขาเข้าไปในนั้นแล้ว!""เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" เฟรเดอริคถาม "ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นเข้มงวดมาก""เราไม่ต้องเข้าไปครับ" มิสเตอร์คลาร์กยิ้ม "เราจะใช้ทางลับ"เขาพาพวกเขาไปยังทางเข้าอุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารนั้น มันเป็นทางเข้าที่ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น"อุโมงค์นี้จะนำเราไปสู่ทางเข
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ลอนดอน ชีวิตของเมรี่และทีมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้เป็นแค่นักสืบธรรมดาอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นวีรบุรุษผู้เปิดโปงองค์กรลับที่สั่นสะเทือนสังคมอังกฤษทั้งประเทศ ข่าวของพวกเขาถูกตีพิมพ์ลงบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และชื่อของตระกูลแบล็ควู้ดก็กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในฐานะนักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้เช้าวันหนึ่ง จดหมายฉบับหนึ่งจากราชสำนักได้ส่งมาถึงพวกเขา มันเป็นจดหมายเชิญให้พวกเขาไปรับรางวัลเกียรติยศที่พระราชวังบักกิงแฮม ในฐานะผู้ที่มีส่วนช่วยในการคลี่คลายคดีสำคัญของประเทศ"นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!" เฟรเดอริคกล่าวด้วยความตื่นเต้น "เราจะได้ไปพระราชวังบักกิงแฮม!""เราไม่ได้ไปเที่ยวครับพี่เฟรเดอริค" อเล็กซานเดอร์กล่าว "เราไปในฐานะผู้ได้รับเชิญให้ไปรับรางวัล"เมรี่มองไปที่จดหมายเชิญ เธอรู้สึกดีใจและภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความกังวลบางอย่างที่ไม่อาจทราบสาเหตุ"ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ" เอดิสันกล่าว "เราจะไปพระราชวังกันวันนี้"พวกเขาแต่งกายในชุดสูทและชุดราตรีที่ดูสง่างาม และนั่งรถม้าคันหรูที่ราชสำนักส่
ท้องฟ้าเหนือลอนดอนเป็นสีเทาหม่น แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านก้อนเมฆหนาทึบ บรรยากาศเงียบสงัดราวกับกำลังรอคอยบทสรุปของเรื่องราวที่ยืดเยื้อมานาน เมรี่และทีมยืนเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดเอียน เกรย์ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและอำมหิต"คิดว่าการจับกุมผู้การฟิลลิปส์จะหยุดย้าข้าได้งั้นหรือ!" ท่านลอร์ดเอียนกล่าว "ข้าคือ 'ท่านลอร์ดผู้สูงศักดิ์' ที่แท้จริง และพวกเจ้าทุกคนจะกลายเป็นเถ้าธุลีอยู่ตรงนี้!"เขาไม่ได้มาคนเดียว ชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด รายล้อมพวกเขาไว้จากทุกทิศทาง"พวกแกมีกันแค่หกคน" ท่านลอร์ดเอียนเยาะเย้ย "จะสู้กับคนจำนวนมากอย่างพวกเราได้อย่างไร!""เราสู้เพื่อความถูกต้อง!" เมรี่ตะโกน "ความจริงจะเปิดเผยทุกอย่าง!""ความจริงอย่างนั้นหรือ!" ท่านลอร์ดเอียนหัวเราะ "ข้าคือความจริง! ข้าคือผู้กำหนดชะตากรรมของลอนดอน!"การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว!เบ็นกับเอดิสันที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี พยายามเข้าจัดการกับลูกสมุนของท่านลอร์ดเอียนอย่างสุดกำลัง เฟรเดอริคกับอเล็กซานเดอร์ต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อปกป้องเลดี้อลิซาเบธ เมรี่คว้ามีดสั้นที่มิสเตอร์คลาร์กเก็บไว้ให้เ