แชร์

บทที่ 1 กลับคืน

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-07 18:17:24

บทที่ 1  กลับคืน

เสียงเกือกม้าเหยียบลงบนดินแห้งแล้งในยามเช้ามืด คล้ายเสียงหัวใจของเมืองหลวงที่หยุดเต้นไปครู่หนึ่งยามที่มีรถม้าปรากฏที่หน้าประตูเมือง

ไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถม้าใคร

ไม่มีใครกล้าถาม

ในดวงตาคมดุที่ฉาบด้วยม่านหมอกสีเทานั้นเต็มไปด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้  คล้ายความตาย คล้ายไฟแค้น คล้ายอดีตที่ยังไม่ถูกลืม มือขาวซีดแวกผ้าม่านรถม้าออกก่อนจะเอ่ยบอกยามเฝ้าประตูเมืองหลวง

“เปิดประตู ข้ามีนามว่า หลานฮวา บุตรสาวคนเดียวของเสนาบดีคลังจ้าวหยงชิง”

เสียงนางเรียบเย็น แต่ก้องสะท้อนในอกของทหารยาม เสี้ยววินาทีที่ได้สบตานาง ราวกับต้องมนตร์จนต้องรีบหลีกทางให้อย่างไม่รู้ตัว

“ดาวหายะนะหรือ… ยังไม่ตาย”

“นางกลับมาทำไมกัน หรือจะมารับช่วงต่อจากพี่สาว” แล้วเหตุใดนางจึงกล้าเอ่ยว่าตนเองคือบุตรสาวคนเดียวของเสนบดีจ้าวกัน แล้วพี่สาวที่ตายไปมินับญาติกันหรอกหรือ

“เฮอะ ใครจะไปลืมได้… วันคลอดวันนั้นน่ะ ดาวดีมีเพียงดวงเดียว อีกดวงเป็นเคราะห์ร้ายจะนำพาทั้งตระกูลถึงแก่ความตาย”

เสียงซุบซิบดังไม่ขาดสายในตลาดยามเช้า เมื่อข่าวการกลับมาของบุตรีต้องคำสาปกระจายไปทั่วเมือง ผู้คนจดจำได้เพียงว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้านาง นางยังเป็นทารกในผ้าอ้อมที่ถูกอุ้มผ่านประตูเมืองออกไปในยามรุ่งสาง

ไม่มีใครคาดคิดว่านางจะกลับมา

และไม่มีใครรู้เลยว่า สิ่งที่นางนำกลับมาด้วยนั้น… ไม่ใช่แค่ตัวของนาง

ในห้องโดยสารเล็ก ๆ ร่างบางโอบอุ้มหอบสัมภาระและกล่องไม้เรียบ ๆ วางอยู่เบื้องหน้า กล่องที่นางอุตส่าห์หอบหิ้วลงมาจากเขาพิษ

นางเปิดฝากล่องนั้นอย่างแผ่วเบา ข้างในมีสิ่งของเพียงไม่กี่อย่าง ตำราพิษเก่า ๆ ม้วนหนึ่ง ขวดยาเล็กจิ๋วสิบสองขวด และสิ่งสุดท้าย…

จดหมายลาตายของพี่สาว ฉบับจริง

ไม่ใช่ฉบับที่คนอื่นเห็น สองพี่น้องลอบติดต่อกันมาตั้งแต่จำความได้ ในมุมล่างสุดของกระดาษนั้น มีลายมือเล็ก ๆ เขียนกำกับไว้ว่า

‘หากน้องได้รับจดหมายนี้ จงช่วยข้าด้วย…เขาจะฆ่าข้า’

รถม้าคันเล็กแล่นเข้าเมืองหลวงในยามสาย และหยุดลงเบื้องหน้าจวนใหญ่หลังหนึ่ง

ป้ายไม้แกะลายมังกรประดับด้วยตัวอักษรสีทองเขียนว่า

จวนเสนาบดีคลัง จ้าวหยงชิง

เดิมทีเขาเป็นเพียงสมุหบัญชีตัวเล็ก ๆ ในกรมคลังที่ไม่มีใครจดจำ หากแต่หลังจาก ‘อนุจ้าว’ ให้กำเนิดดาวนำโชค ผู้เป็นพี่สาวของนาง

หน้าที่การงานของเขาก็พุ่งทะยานราวติดปีกจากเรือนหลังน้อยแออัด กลายเป็นเรือนสี่ประสานหรูหราตั้งตระหง่านกลางเมืองหลวง มีทั้งประตูบานใหญ่ หอคอยชมจันทร์ และบ่าวไพร่นับร้อยในความครอบครอง

“คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้เอ่ยอย่างสุภาพ พลางเลิกผ้าม่านรถม้า

หลานฮวาค่อย ๆ ยกชายกระโปรงขึ้น แล้วก้าวลงอย่างสงบปลายเท้าสัมผัสพื้นหินเรียบหน้าประตูจวนดวงตาคมใต้หมวกผ้าบาง ๆ เหลือบมองตัวอักษรเหนือบานประตู

“จวนสกุลจ้าว…”

นางเอ่ยเสียงแผ่ว แต่เจือความเยียบเย็นแทรกทุกพยางค์

หากเลือกได้…

นางคงถอนนามสกุลของตนเองออกจากธรรมเนียมสายโลหิตนั้นเสียเองแล้ว มุมปากนางยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้ม…ที่ไม่เกี่ยวกับความยินดีแม้แต่น้อย

“ที่นี่หรือ…สถานที่ที่เขาเคยผลักไสข้าด้วยมือของเขาเอง”

หลานฮวา ยืนอย่างเงียบงันหน้าประตู ไม่เร่งฝีเท้า ไม่ขอคำอนุญาตปล่อยให้เวลาไหลผ่านอย่างเงียบงัน ก่อนจะยกเท้าก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปอย่างสง่างาม

เมื่อก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามาในจวน หลานฮวาเห็นบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์ขุนนางยศสูง และสตรีในชุดแพรสีอ่อน ทั้งสองยืนรออยู่ตรงชานหน้าเรือนหลัก ใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มประดับ แต่มิได้อบอุ่นพอจะให้รู้สึกว่าเป็น  บ้าน

“ฮวาเอ๋อร์…ลูกพ่อ”

เสียงของเขาดังขึ้นทันทีที่เห็นนางจ้าวหยงชิงบิดาผู้ไม่เคยยื่นมือออกมารับนางแม้ยามยังเป็นทารก วันนี้กลับเรียกชื่ออย่างแผ่วเบาราวจะกลบฝุ่นในอดีต

แม่ใหญ่ภรรยาเอกของเขา ผู้เคยสั่งให้ลบชื่อหลานฮวาออกจากบัญชีคนในจวนวันนี้แต่งหน้าจนแทบจำไม่ได้ และยิ้มหวานจนดอกไม้ยังหม่นหมอง

“เดินทางเหนื่อยหรือไม่ลูก มาเถอะ มานั่งก่อน”

แต่ยังไม่ทันที่หลานฮวาจะได้นั่งลงบนเบาะรอง เสียงของบิดาก็เอ่ยขึ้นต่อทันที รวดเร็ว…ไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจ

“เจ้าคงรู้เหตุผลที่พ่อให้คนไปรับเจ้าแล้วใช่หรือไม่ การแต่งงานกับคุณชายตระกูลหลาง…ไม่อาจล้มเลิกได้ หลานเมยไม่อาจกลับมาอีกแล้ว เจ้าในฐานะฝาแฝด ต้องเป็นผู้สืบทอดพันธสัญญานั้นแทน”

เงียบงันในอากาศหนักอึ้ง

ราวกับทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ก่อนที่นางจะได้ยินคำว่า พ่อ เสียอีก

หลานฮวามองเขาอย่างนิ่งงันดวงตาที่เคยเฝ้ารอความอบอุ่นจากผู้ให้กำเนิดนานนับสิบแปดปีบัดนี้…ไม่มีแม้แต่เงาของความหวังเหลืออยู่

“เช่นนั้นก็จงเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เสื้อผ้า เครื่องประดับ ห้องหอทุกอย่างที่เตรียมไว้ให้พี่สาว ข้าจะใช้มันทั้งหมด”

เสียงของนางชัดเจน ราบเรียบ แต่เฉียบขาดจนผู้ฟังต้องชะงัก

นางไม่ขอ ไม่อ้อนวอน ไม่โอดครวญ

มีเพียงคำประกาศที่ตราตรึงและเยือกเย็น…เหมือนน้ำแข็งที่กลืนเปลวไฟ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 6 พ่อลูกสายรบ แม่สายยาพิษ

    ตอนพิเศษ 6 พ่อลูกสายรบ แม่สายยาพิษเมื่อแม่จับลูกกินยาตั้งแต่ขวบครึ่ง“ขมมาก…” เด็กชายตัวน้อยน้ำตาคลอเมื่อหลานฮวาหยดยาสีดำลงปาก“อือ อมไว้” นางว่าเสียงเรียบ“ท่านแม่…ข้าอยากกินขนม”หลางหานเจิ้งรีบเข้ามาอุ้มลูกพร้อมมองภรรยาอย่างอ้อนวอน“ฮวา…ลูกยังเล็กนัก”“หากท่านออกรบแล้วโดนพิษ ท่านจะหวังให้ลูกกินขนมรอท่านรอดกลับมาหรือ”“…ข้าจะเตรียมจดหมายพินัยกรรมไว้แต่เนิ่น ๆ ก็แล้วกัน…”การฝึกเชิงยุทธของพ่อลูกตั้งแต่ซื่อเหยียนอายุห้าขวบ หลางหานเจิ้งก็ให้เขาเริ่มฝึกหมัดพื้นฐาน“ข้าเจ็บ” เด็กน้อยครวญเมื่อฝ่ามือถลอกจากไม้กระบอง“แม่เจ้าเคยขุดสมุนไพรด้วยมือเปล่ากลางหิมะ ยังไม่ร้องเลย เจ้าเป็นชายจะร้องไห้เชียวหรือ”ซื่อเหยียนมองหน้าบิดา ก่อนเงียบและฝืนฝึกต่อจากนั้นหลางหานเจิ้งก็หันหลังไปซับน้ำตา…ของตัวเอง“ใจเจ้ากล้ากว่าใจข้าเสียอีก ซื่อเหยียน…” เขากระซิบเบา ๆ ด้วยเสียงสะเอื้อน จำต้องฝึกให้บุตรชายแข็งแกร่ง แต่ก็แอบน้ำตาซึมทุกคราที่เห็นเขามีน้ำตาอุบัติเหตุจากห้องปรุงยาวันหนึ่ง ซื่อเหยียนแอบเข้าห้องของมารดาคิดว่าเป็นครัว หยิบขวดที่คิดว่าเป็นน้ำหวานขึ้นมาชิม…ตื่นมาพบตัวเองนอนอยู่ในตั่ง ห่มผ้าแน่นหนาหลาน

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 5 ท่านแม่ทัพกับลูกน้อย

    ตอนพิเศษ 5 ท่านแม่ทัพกับลูกน้อยใครจะคิดว่าแม่ทัพผู้ดุดันแห่งแคว้นจะกลายเป็น บิดาผู้คลั่งรักลูกได้ถึงเพียงนี้แม้จะยังคงเป็นแม่ทัพที่ศัตรูหวาดกลัวในสนามรบ แต่ภายในจวนหลาง เขาคือชายผู้เงอะงะในยามอุ้มลูก และเคร่งเครียดยิ่งกว่าออกศึกยามลูกน้อยร้องไห้กลางดึกคืนแรกหลังจากลูกเกิดหลังหลานฮวาคลอด ลูกชายตัวน้อยถูกตั้งชื่อว่า หลางซื่อเหยียน หมายถึงหมอกเย็นแห่งขุนเขาคืนแรกหลังจากลูกเกิด หลางหานเจิ้งนั่งเฝ้าข้างเปลตลอดทั้งคืน“เขาจะหายใจไม่ออกไหม”“ไม่เจ้าค่ะ เด็กทุกคนก็เป็นแบบนี้”“แน่ใจหรือหรือเราควรมีหมอเฝ้าไว้ตลอดยามค่ำ”บ่าวรับใช้ต่างพากันอมยิ้มเมื่อเห็นแม่ทัพแห่งชายแดนผู้ไม่เคยย่อมคุกเข้าให้ใคร กำลังนั่งพับเพียบอยู่หน้าตั่งของลูกน้อย ดวงตาที่เคยดุดันกลับอ่อนโยนลงราวแสงจันทร์ที่สาดลงบนยอดหญ้าเมื่อเขาอุ้มลูกครั้งแรก หลางหานเจิ้งอุ้มดาบได้หลายร้อยเล่ม แต่พออุ้มลูกกลับแข็งทื่อประหนึ่งถือศิลาต้องคำสาป“ข้า…อุ้มแบบนี้ถูกหรือไม่”“ผิดหมดเลยเจ้าค่ะ เอาท้องคุณชายน้อยแนบอก ไม่ใช่แนบแขนแข็ง ๆ ของท่าน”แต่แล้วเมื่อซื่อเหยียนเงียบเสียงและซุกหน้าลงกับอกของเขา หลางหานเจิ้งนิ่งไปนาน…ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงจ

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 4 เริ่มต้นชีวิตคู่…และชีวิตใหม่ในครรภ์

    ตอนพิเศษ 4 เริ่มต้นชีวิตคู่…และชีวิตใหม่ในครรภ์หลังจากที่หลานฮวาตัดสินใจ ลองใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยา กับหลางหานเจิ้ง ชีวิตประจำวันของทั้งสองค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากความเคยชินสู่ความผูกพันที่ลึกซึ้งเขาเริ่มลุกก่อนทุกเช้า ชงชาสมุนไพรให้นาง นางเริ่มคอยรอเขากลับจากว่าราชการ แล้วตักข้าวให้ในมื้อค่ำบางวันเขาจะนั่งแกะผลไม้อย่างเงียบ ๆ ให้นาง บางวันนางจะถักด้ายให้เขาเอาไปเย็บผ้าคลุมไหล่ใหม่ไม่มีคำรักพร่ำเพรื่อ ไม่มีพิธีรีตรองแต่การกระทำเล็ก ๆ เหล่านี้ค่อย ๆ เติมเต็ม ใจ ที่เคยด้านชาจากอดีตจนกระทั่งวันหนึ่ง…ยามสายของฤดูใบไม้ผลิหลานฮวารู้สึกคลื่นไส้อย่างไร้สาเหตุมาแล้วหลายวันในที่สุดนางก็ยอมให้หมอประจำจวนตรวจดู“คุณหนู…มิใช่ ฮูหยิน…ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ ท่านตั้งครรภ์แล้ว”นางนิ่งไปครู่หนึ่งไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะจิตใจนาง…ไม่เคยเตรียมรับข่าวนี้จริง ๆบุตรคนหนึ่ง…ในร่างของนางบุตรของนางกับเขาเมื่อหลางหานเจิ้งกลับมาถึงเรือนเขารู้ได้ทันทีว่านางมีเรื่องจะบอก หลานฮวาไม่ได้พูดอะไรทันที นางเพียงวางมือเขาเบา ๆ บนหน้าท้องของตนเอง แล้วกระซิบช้า ๆ“ท่านจะได้เป็นบิดาแล้ว”เขาชะงักไปชั่วขณะจากนั้นคุกเข

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 3 มือหนึ่ง…และรอยยิ้มแรก

    ตอนพิเศษ 3 มือหนึ่ง…และรอยยิ้มแรกบรรยากาศบนเรือนเหม่ยฮวานิ่งสงบเสียงใบไม้ไหวแผ่วเบา คล้ายเสียงกระซิบของหัวใจหลางหานเจิ้งยังคงนั่งอยู่ข้างนางมือเขายังประสานกับมือนางอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าแรงไปเพียงนิด จะทำให้นางผละหนีเวลาผ่านไปเพียงครู่หรืออาจเนิ่นนานกว่าที่ใครจะรู้หลานฮวาที่เคยมองลงต่ำพลันขยับนิ้วมือเล็กน้อยก่อนที่ปลายนิ้วของนางจะค่อย ๆกุมมือเขาตอบ อย่างเงียบงัน และมั่นคงหลางหานเจิ้งไม่ได้หันมามองทันทีแต่หัวใจเขาเต้นถี่ขึ้นราวกับจะขาดไม่ใช่เพราะหวังว่านางจะรักแต่เพราะรู้ว่า…นางเริ่มเชื่อใจและในจังหวะที่สายลมพัดเอาเส้นผมของนางปลิวมาสะบัดเบา ๆนางกลับยกมืออีกข้างมาจัดมันอย่างเงียบ ๆพร้อมกับ ยิ้มบาง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัวรอยยิ้มที่ไม่ใช่เพื่อปกปิด ไม่ใช่เพื่อเย้ยหยันแต่เป็นรอยยิ้มแท้จริง เหมือนบุปผาที่ผลิบานโดยไม่ทันได้รู้ตัวว่า ฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนแล้วหลางหานเจิ้งเห็นรอยยิ้มนั้นจากหางตาเขาไม่พูดอะไร เพียงแต่โน้มตัวลงเล็กน้อยใช้แขนอีกข้างประคองลมเย็นที่พัดมาทางนางไม่ให้โดนตัว“หนาวหรือไม่”เสียงของเขายังแผ่ว อ่อนโยนเหมือนเดิมหลานฮวาส่ายหน้าช้า ๆก่อนจะเอนศีรษะพิงกับเสาเรือนอย่า

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 2 ใต้เงาจันทร์ ใจหนึ่งเผยความจริง

    ตอนพิเศษ 2 ใต้เงาจันทร์ ใจหนึ่งเผยความจริงหลานฮวานั่งมองเปลวเทียนที่สั่นไหวในยามค่ำคืน แสงอุ่นนั้นคล้ายคลึงกับดวงตาของหลางหานเจิ้งที่มองนางอย่างไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่วันที่เขาแต่งนางเข้าจวน…จนถึงวันนี้ เขายังคงเป็นเช่นเดิมเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ“ความรักระหว่างชายหญิง ข้าเคยเห็นมานัก…แต่ไม่เคยเข้าใจ”นางพึมพำกับตนเอง “บางที…มันอาจจะไม่ต่างจากความรู้สึกที่ข้ามีให้พี่สาวฝาแฝด ความรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้ ความเงียบที่ไม่อึดอัด ความคิดถึงในยามจากไกล”แม้นางจะบอกกับหลางหานเจิ้งว่า “ข้าอาจจะรักท่าน”แต่นางก็ไม่รู้ว่า รักเช่นนั้นลึกซึ้งเพียงใดนางไม่รู้ว่ารักคือแรงปรารถนาอันเร่าร้อนหรือคือความเข้าใจอันลึกซึ้งระหว่างวิญญาณสองดวง แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้แน่คือ…“เมื่ออยู่ใกล้เขา ข้ารู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าตนไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา”กับคนอื่น หลานฮวาต้องปั้นหน้า ต้องระวังคำพูด ต้องคอยรับมือกับอันตรายรอบด้าน แต่กับเขา…นางแค่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ก็พอ เขาไม่เร่งเร้า ไม่คาดหวังนางไม่รู้ว่าเรียกสิ่งนี้ว่ารักหรือไม่แต่หาก “รัก” คือการไม่อยากให้อีกฝ่ายหายไปจากชีวิต นางก็กลัวอยู่ลึก ๆ ว่า หากวันหนึ่งเขาหายไ

  • กลิ่นพิษบุปผา   ตอนพิเศษ 1 เกี้ยวภรรยาตนเองมิผิด

    ตอนพิเศษ 1 เกี้ยวภรรยาตนเองมิผิด“ขอเพียงเจ้าอยู่ตรงนี้… ข้าจะรอ”หลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลง หลานฮวาไม่เคยแสดงความยินดีหรือให้ความสนิทสนมกับสามีของตนแม้แต่น้อย นางยังคงใช้ชีวิตเช่นเคย มีเรือนของตน ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น และไม่เปิดใจรับใครเข้ามาเพิ่มทว่า แม่ทัพหลางหานเจิ้งกลับไม่เคยบังคับ เขาเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ และรอ ราวกับเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่ง ดอกไม้พิษดอกนี้จะยอมเผยกลีบงามให้เขาเห็นด้วยตนเอง“วันนี้เจ้ากินข้าวหรือยัง”“ท่านแม่ทัพอย่ากังวล ข้าไม่ใช่คนลืมกินข้าว”“เจ้ากินแต่อาหารที่คนครัวทำ ข้าฝึกฝีมือมาหลายเดือน… ลองชิมดูหน่อยสิ”หลานฮวาเหลือบมองถ้วยซุปปลาที่เขายื่นมา รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นตรงมุมปาก “ท่านทำเอง”“ด้วยมือของข้าเอง ขนาดแม่ทัพยังต้องล้างปลา นั่นเรียกว่าความรักใช่หรือไม่”“ไม่แน่ใจ อาจจะเรียกว่าความว่างงาน”แม่ทัพหลางหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะนั้นทำให้สาวใช้แถวนั้นพากันกลั้นยิ้ม เพราะไม่ค่อยมีใครได้เห็นแม่ทัพหน้านิ่งของพวกนางยิ้มเช่นนี้บ่อยนักในคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก พายุกระหน่ำจวนจนประตูเรือนหลายแห่งเปิดกระแทกเสียงดัง สาวใช้ทุกคนรีบหาที่หลบ ฝนสาดเข้าเรือนเหม่ยฮวาจนเปี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status