"ฝ่าบาทเพคะ เอี้ยงอูเป็นแม่สื่อตอนนี้ได้นำท่านหญิงจงยี่บุตรีใต้เท้ากงมาเข้าเฝ้าเพคะ"
ม่อเฉวียนเงยหน้าจากกองฎีกา เจียเฟยยืนกุมมือด้านหน้าห่างออกไป
"เสี่ยวเฟยยกน้ำชา"
เจียเฟย ประสานมือก้าวเดินออกห้องไป
"เชอะ มีหญิงงามมาถึงที่ไล่เราออกมาทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ความจริงอยากจะตะคลุบนางเสียเต็มที"
บ่นงึมงำออกมา หานตงเงยหน้าขึ้นทันที
"ขันทีน้อยเจ้าพูดกับข้าหรือ"
"พูดกับท่านนั่นแหละ"
"นี่เจ้าว่าข้าว่าข้าจะตะคลุบองค์หญิงอย่างนั้นหรือ เจ้านี่ปากคอเราะร้าย เหมือนๆ ..เหมือนสตรี"
อีกคนที่วันๆใจกับลอยไปหาองค์หญิงรองมู่เฉวียนกลับมองว่าเรื่อวทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา
"ท่านเองก็เหมือนกัน"
"นี่เจ้า"ตาเขียวปั๊ด
"องครักษ์ต่ำชั้นอย่าได้มายุ่งกับเสี่ยวเฟยของข้า"
เสียงแหลมเล็กของมู่เฉวียนที่เดินมาคล้องแขนกับแขนของเจียเฟย หันมายิ้มกว้างให้กับเจียเฟย
"ไปก้นเถอะ อย่ามาเสียเวลากับองครักษ์ไร้ค่าเพียงคนเดียว"หานตงก้มหน้า
"องค์หญิง องค์หญิงเสี่ยวเฟยจะต้องยกน้ำชา"
"เจ้าไปยกน้ำชาแทนท่านขันที ส่วนท่านขันที ข้าชวนเขาไปเดินเล่น"หันไปสั่งหานตง
"ตะแต่องค์หญิงฝ่าบาทจะทรงกริ้ว"
"ข้ารับรองพี่ใหญ่ไม่กล้า ไปกับข้าพี่ใหญ่ไม่ยุ่ง น่า… เสี่ยวเฟยข้าคิดถึงเจ้าทั้งคืนเราไปนั่งดื่มชาชมสวนตกปลา กันตามประสาคนรัก"
เสี่ยวเฟยอ้าปากค้างเมื่อมู่เฉวียนดึงแขนให้ตามไป หานตงส่ายหน้าไปมาเดินไปที่ห้องเครื่องอย่างเสียไม่ได้
ร่างอ้อนแอ้นอ่อนหวานของจงยี่ย่อกายลงช้าๆ ก้มหน้าด้วยความเจียมตัว
"จงยี่ถวายพระพรฝ่าบาท"
ม่อเฉวียน มองสำรวจตั้งแต่เรือนผม ใบหน้าทรวดทรงองค์เอว และกิริยาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือใจสั่นอะไรเหมือนเมื่อพบกับเจียเฟยในครั้งแรก ในตอนนั้นเขาตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าขันทีที่เป็นบุรุษทำไมถึงมีใบหน้างดงามขนาดนี้ แต่นี่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหญิง อีกทั้งยังเป็นหญิงงามเขายังไม่รู้สึกอะไรหรือว่าเขาจะฝักใฝ่เรื่องแบบนั้นจริงๆ เสียแล้ว
"อืม มานี่”
“มาใกล้ๆ ฝ่าบาทสิเจ้าค่ะคุณหนู"
ยายแม่สื่อร่างท้วมใช้พัดในมือแทนมือกวักให้จงยี่เข้าใกล้ๆ ม่อเฉวียน
"ฝ่าบาทเพคะ”
ย่อกายลงงดงาม เรียกให้จงยี่เดินเข้ามาหาแต่แทนที่จะรู้สึกใจสั่นเขากลับเฉยๆ ไม่รู้สึกรู้สมอะไร พรุ่งนี้คงต้องเรียกท่านหมอมาหารือเสียแล้ว
“ เห็นไหมเล่านางอ่อนหวานราวน้ำผึ้งป่า กิริยาเหมือนนางสวรรค์ ผิวพรรณ ผุดผ่องเป็นยองใย"
ม่อเฉวียนเหลือบตาขึ้นมอง
"เจ้า เสวยเย็นพร้อมข้าดีไหม"หานตงยกชุดน้ำชาเข้ามา
ม่อเฉวียนขมวดคิ้ว
"เจ้าขันทีเสี่ยวเฟยไปไหนเสีย"
"เอ่อ เอ่อ อ่าองค์หญิงทรงพาขันทีน้อยเสี่ยวเฟยไปเดินเล่นพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าขันทีคนนี้ ข้าเตือนแล้วยังกล้าขัดบัญชาข้า"
"ฝ่าบาท ข้าน้อยก็บอกแล้วว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้วแต่เขาก็ยังไม่ห้ามปรามองค์หญิงอีกทั้งยังยอมไปแต่โดยดี"
"ฝ่าบาทเพคะอย่าทรงกริ้ววันนี้วันดี คุณหนูจงยี่มาให้ฝ่าบาทดูตัว"
ยายอ้วนเอี้ยงอู ทักท้วง
"ไม่ได้ปล่อยไว้เหิมเกริมยิ่งนัก หานตงพาข้าไป"
หาทางหลบเลี่ยงการดูตัวด้วยรู้สึกอึดอัดแม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
"ฝ่าบาทแต่นี่เป็นการดูตัวฝ่าบาทจะต้องให้ความสำคัญ"
"อืมจริงด้วยการดูตัวก็สำคัญยิ่ง สำคัญจริงๆ หานตงเจ้าอยู่ที่นี่กับแม่สื่อและบุตรีใต้เท้ากงไปก่อน ข้าไปไม่นาน"
"ฝ่าบาท "
"องค์หญิงก็สำคัญกับข้าเหมือนกัน เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้น้องของข้าไปกับเจ้าขันที จอมกะล่อนนั้นได้หรือ”
หานตงยุยงส่งเสริมด้วยไม่สู้ชอบหน้าเสี่ยวเฟยเพราะว่ามู่เฉวียนชอบเสี่ยวเฟยมากกว่าหานตงนั่นเอง
“ฝ่าบาทสู้สู้ หานตงจะรั้งอยู่ที่นี่ มะแม่นางจงยี่ เดินหมากกับข้ารอฝ่าบาท”
จงยี่หันมองแม่สื่อร่างท้วมที่ก็ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรได้แค่เพียงพยักหน้า ม่อเฉวียนอมยิ้ม นี่เขาไปติดเอานิสัย กะล่อนของเสี่ยวเฟยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยอมชักแม่น้ำ ยอมโป้ปดเพื่อจะได้ไม่ต้องมาทนนั่งดูตัวหญิงงามที่แสนจะน่าเบื่อ ปล่อยให้หานตงจัดการแทนเขาไป
ผ่านดงดอกไม้ และสวนสวยมายังสระบัวที่มีดอกบัวบานสะพรั่งงดงาม
“เสี่ยวเฟย พายเรือกันดีไหม”
จะปฏิเสธอย่างไรว่าว่ายน้ำไม่เป็นกลัวว่าจะตกน้ำ
“ฮึ่ม”ปรับเสียงให้คมเข้ม
“เสี่ยวเฟย เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย”
จะบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็นก็กลัวว่าจะขายหน้า
“ข้าอยากจะชมดอกบัวอยากเก็บดอกบัว เจ้าตามใจข้าหน่อยไม่ได้หรือไร” เขย่าแขนเจียเฟยเบาๆ
"ดูข้างบนก็ได้ขอรับ"
"ข้าอยากดูใกล้ๆ"
“ข้างบนก็ใกล้ได้ขอรับนี่อย่างไรขอรับ”เดินยืยเมียงมองดอกบัวริมตลิ่ง
“ข้างบนมันไม่ได้ดอมดมดอกบัวนะสิข้าอยากให้เจ้าเก็บดอกบัวให้ข้า”
“ขอรับหากองค์หญิงประสงค์เช่นนั้น….ก็ได้”
เจียเฟยรู้ดีว่ามู่เฉวียนเป็นอีกหนึ่งคนที่จะพึ่งบารมีได้ฉะนั้นจึงต้องเอาใจนางเข้าไว้ มู่เฉวียนก้าวขาขึ้นไปบนเรือ เจียเฟยผลักท้ายเรือแล้วกระโดดขึ้นไปบนเรือจับไม้พายขึ้นมาทำท่าทะมัดทะแมง
พายไปกลางสระใหญ่ มู่เฉวียนยิ้มหยอกเย้ากับดอกบัว ทั้งตูมทั้งบาน กลีบซ้อนกันสวยงามราวภาพวาด เจียเฟยเองก็รู้สึกสนุก
“ข้าจะเก็บดอกบัวไปฝากไทเฮา เจ้าหยุดเรือก่อน”
เจียเฟยหยุดเรือนิ่งไว้ มู่เฉวียนดึงดอกบัวดอกใกล้ๆก่อนจะเอื้อมมือไปยังดอกถัดไปแล้วถัดไปไกลขึ้นไปเรื่อยๆ ดอกบัวที่ถูกดึงให้หลุดจากกอทำเอาเรือโยกเยก เจียเฟยใจเต้นตึกตักกล้วว่าเรือจะล่ม แต่ก่อนที่จะทันได้ห้ามมู่เฉวียนก็ดึงดอกบัวดอกที่ไกลออกไปกระตุกดอกบัวในมือสุดแรง เรือพลิกตะแคลงอย่างรวดเร็ว เจียเฟยตกใจสุดขีดแต่ไม่อาจทำอะไรได้ร่างเล็กสองร่างหล่นลงไปในน้ำเสียพร้อมกัน
“ตูมมมมมมม”
“ฮ่าาาาา ฮ่าาาา”
มู่เฉวียน หัวเราะด้วยมู่เฉวียนว่ายน้ำเก่งเพียงตกไปแค่นี้ไม่มีผลอะไร แต่เจียเฟยกลับไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ จมดิ่งลงไปใต้น้ำอย่างที่ไม่อาจฝืน
“เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย”
มู่เฉวียนหยุดหัวเราะเมื่อไม่เห็นว่าเจียเฟยจะโผล่ขึ้นจากน้ำสักที
เจียเฟยกลืนน้ำลงไปในลำคอ ดำดิ่งจมลึกสุดลึกเอื้อมมือคว้ากอบัวที่มีหนามแหลมบาดมือเจ็บแปลบจนต้องปล่อย ลมหายใจกำลังจะหมดลง
ตาพร่ามัว เมื่อมองเห็นเพียงรางเลือนว่าใบหน้าของม่อเฉวียน ในน้ำขุ่นมัวว่ายเข้ามาใกล้ โลกดับมืดลงในทันที
ม่อเฉวียน คว้าเอวบางมาแนบกาย กดริมฝีปากส่งต่อลมหายใจ มือใหญ่สัมผัสได้ถึงเอวกิ่วกับสะโพกกลมมน อาภรณ์ขันทีที่ถูกน้ำบีบรัดใบหน้าขาวในน้ำใส ผมยาวสยายด้วยหมวกขันทีที่หลุดหายไป หน้าอกอวบที่ถูกรัดไว้กับมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดยามที่อาภรณ์เปียกปอน ม่อเฉวียนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าทำไมขันทีหนุ่มน้อยผู้นี้ถึงได้งดงามเพียงนี้ เขาว่าหญิงสาวงดงามยามเปียกฝน แต่นี่บุรุษผู้นี้กับงดงามกว่าหญิงงามเสียอีก กอดรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ยอมจำนนต่อเสียงหัวใจของตัวเอง
"ฝ่าบาทเพคะ เอี้ยงอูเป็นแม่สื่อตอนนี้ได้นำท่านหญิงจงยี่บุตรีใต้เท้ากงมาเข้าเฝ้าเพคะ"ม่อเฉวียนเงยหน้าจากกองฎีกา เจียเฟยยืนกุมมือด้านหน้าห่างออกไป"เสี่ยวเฟยยกน้ำชา"เจียเฟย ประสานมือก้าวเดินออกห้องไป"เชอะ มีหญิงงามมาถึงที่ไล่เราออกมาทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ความจริงอยากจะตะคลุบนางเสียเต็มที"บ่นงึมงำออกมา หานตงเงยหน้าขึ้นทันที"ขันทีน้อยเจ้าพูดกับข้าหรือ""พูดกับท่านนั่นแหละ""นี่เจ้าว่าข้าว่าข้าจะตะคลุบองค์หญิงอย่างนั้นหรือ เจ้านี่ปากคอเราะร้าย เหมือนๆ ..เหมือนสตรี"อีกคนที่วันๆใจกับลอยไปหาองค์หญิงรองมู่เฉวียนกลับมองว่าเรื่อวทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา"ท่านเองก็เหมือนกัน""นี่เจ้า"ตาเขียวปั๊ด"องครักษ์ต่ำชั้นอย่าได้มายุ่งกับเสี่ยวเฟยของข้า"เสียงแหลมเล็กของมู่เฉวียนที่เดินมาคล้องแขนกับแขนของเจียเฟย หันมายิ้มกว้างให้กับเจียเฟย"ไปก้นเถอะ อย่ามาเสียเวลากับองครักษ์ไร้ค่าเพียงคนเดียว"หานตงก้มหน้า"องค์หญิง องค์หญิงเสี่ยวเฟยจะต้องยกน้ำชา""เจ้าไปยกน้ำชาแทนท่านขันที ส่วนท่านขันที ข้าชวนเขาไปเดินเล่น"หันไปสั่งหานตง"ตะแต่องค์หญิงฝ่าบาทจะทรงกริ้ว""ข้ารับรองพี่ใหญ่ไม่กล้า ไปกับข้าพี่ใหญ่ไม่ยุ่ง น่า… เ
"ก็เพราะเจ้าขันทีผู้นี้แหละ"บ่นงึมงำหมอหลวง ขมวดคิ้วเพราะเหมือนม่อเฉวียนอยากจะพูดกับหมอหลวงคนเดียวมากกว่าจะให้ผู้อื่นได้ยิน"ท่านหมอ"ไทเฮาแสดงสีหน้ากังวล"อาการของฝ่าบาท ยังพอจะแก้ไขได้ ข้าน้อย จะใช้เวลาต่อจากนี้ดูแลและตรงฃวจรักษาพระอาการประชวรอย่างลฃะเอียดไมทเฮาอย่าทรงกังวลเพียงแต่ตอนนี้จะต้องเร่งตรวจดูพระอาการประชวรเสียก่อน"ประสานมือตรงหน้าไทเฮา"ฉะนั้นท่านหมอดูแลฝ่าบาท ข้าไม่กวนใจแล้ว เฉวียนเอ่อร์แม่จะส่งบุตรีขุนนางคนแรกมาในอีกสองวัน"ม่อเฉวียนยิ้มน้อยๆไทเฮาจากไปพร้อมกับความกังวลใจ"มะ ท่านหมอข้าพร้อมแล้ว""ฝ่าบาทคงต้องถวายยาคลายความกังวลบำรุงร่างกายให้หลับสบาย""ท่านหมอข้ายังไม่ได้บอกท่านหมอว่าข้ามีอาการเช่นไร"หมอหลวงถอนหายใจ"ฝ่าบาท ไม่นิ่งซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการของคนที่กำลังสับสนและวิตกกังวล ตอนนี้ฝ่าบาทมีความรู้สึกท้อแท้และไม่แน่ใจบางอย่างบ้างไหม"ม่อเฉวียนพยักหน้า"น่านอย่างไรเล่า ฝ่าบาทกำลังมีเรื่องกังวลใจอย่างยิ่ง ฝ่าบาทบอกข้าน้อยมาเถิดว่าฝ่าบาทกำลังกังวลใจเรื่องไร รับรองว่าคุยกับข้าน้อยแล้วจะต้องหายกังวลแน่นอน เมื่อเรื่องอะไรก็เล่าให่ข้าน้อยฟังได้บางทีสองหัวอาจดีกว่าหั
"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก""ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"หานตงส่ายหน้าไปมา"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนางได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุดมู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กข
ตำหนักไทเฮา“เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาทกับขันทีคนใหม่”“มีแต่เสียงกรีดร้องเพคะ” หรูหราน เอ่ยปากยิ้มๆไทเฮาวางถุงหอมที่เลือกหยิบมาดูทีละอันลงในถาด ถอนหายใจยาว“เฉวียนเอ่อร์ ที่ข้ากลัวคือเขานิยมบุรุษ มาบัดนี้จึงอยากจะลองใจ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลคงต้องเปลี่ยนตัวขันทีเสีย”“ยังไม่มีอะไรเพคะ”ก้มหน้าหลบตาจะว่าไปเสี่ยวเฟยก็น่าเอ็นดูหลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน จึงรู้ว่าเสี่ยวเฟยเองลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้หากจะถูกปลดจากตำแหน่งขันทีข้างกายเพราะความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็คงไม่ยุติธรรมนัก“เอาล่ะเจ้าไปเถิดไปคอยจับตามองฮ่องเต้แทนข้า แล้วอย่าลืมนำเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักของเฉวียนเอ่อร์มาเล่าให้ข้าฟัง”หรูหรานย่อกายจากไป“ควรทำอย่างไร” เอ่ยปากกับนางกำนัลข้างกาย“จะทำสิ่งใดได้ คงต้องคัดสรรหญิงงามมาให้ฝ่าบาทดูตัวเช่นเคยที่ผ่านมา ไทเฮาทรง ลองใจฝ่าบาทโดยการส่งขันทีร่างอ้อนแอ้นหน้าตาหวานละมุนยิ่งจะทำให้ฝ่าบาทจิตใจไหวเอน อีกอย่างหากเป็นอย่างเรื่องเล่าจริง คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือไทเฮา เคยมีเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาว่าขันทีมักจะเหนือบัลลังก์ ยามที่ฝ่าบาท ยอมเชื่อใจ ไทเฮาไม่กล้ากดดันฝ่าบาทเรื่องหญิงท
“เจ้าขันทีมานี่หน่อย” เจียเฟยวิ่งพรวดเข้ามาชนเข้ากับร่างสูงของม่อเฉวียนเต็มเปา“ซุ่มซ่าม” คว้าแขนเล้กแต่พอนึกได้ก็ปล่อยให้เจียเฟยล้มลงกับพื้นก้มจ้ำเบ้าแต่เจียเฟยก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้า“ฝะฝะฝ่าบาทมีเรื่องใดให้เสี่ยวเฟยรับใช้ดูแลปกป้องและ ช่วยเหลือ” ม่อเฉวียนถอนหายใจ เจ้านี่พูดมากเสียจริง“นอนที่นั่นนอนตรงนั้นเหมือนที่เฉินกงเคยนอน” ชี้มือไปที่แท่นนอนอีกอันที่ต่ำกว่า ข้างข้างผนังห้องกว้าง“ได้ขอรับ”“ไปขนเอาเครื่องนอนของเจ้ามาเจ้าขันที”"ไม่ต้องบอกหรอกขอรับเรื่องนั้นเจียเฟยจะต้องไปเอาเครื่องนอนมาแน่เพราะฝ่าบาทคงไม่มีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นยอมมอบเครื่องนอนอันสวยงามและหอมกรุ่นของฝ่าบาทให้กับเสี่ยวเฟยแน่ๆ”“เจ้านี่ รีบไปหัดสงบคำเสียบ้าง”เจียเฟยวิ่งแน่บ“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทเสี่ยวเฟยมาแล้ว” ม่อเฉวียนขมวดคิ้วคม“มาแล้วก็ไปนอน” คลี่ผ้าห่มห่มคลุมร่างบาง แหมแท่นนอนของเฉินกงกงนี่นุ่มเสียจริง“ขอรับแต่เอาเข้าจริงๆ นะขอรับฝ่าบาทก็อายุตั้ง22ปีแล้วทำไมไม่หัดนอนเพียงลำพังหรือหาสนมนางในมานอนร่วมแท่นนอนจะได้ไม่ต้องอ้างว้างลำพังเช่นนี้”“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”“นั่นสินะฝ่าบาทนี่ก็แปลกเป็นถึงฮ่องเต้
"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร""ไปยืนตรงนั้น"ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน""ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม""เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่าง
“เสี่ยวเฟย เจ้ากำลังจะทำอะไร” ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แนบแน่นจากด้านหลัง“เจ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เจ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร“ฝ่าบาท ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเจ้าแมงมุมนั่น”หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมาเจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆวางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป“ฝ่าบาทเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง“ฝะฝ่าบาทเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค
“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีอาวุโสผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอดขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็นหญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว“เจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีอาวุโสถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด“แซ่เจีย นามว่าเฟย” ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ฝ่าบาทนิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารุ้ใจนายคนใหม่ของเจียฟยที่สุด“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”ชี้มือไปที่ผนังห้องเจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก“ขะ
เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบเอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"เจียเฟยสูดลมหายใจเข้