“ที่นี่ก็สวยดีอยู่หรอก แต่ว่าทำไมเสด็จพี่ต้องให้ข้ามาพักที่นี่ตั้งหนึ่งเดือนด้วยล่ะ”
จ้าวม่านอวิ๋นบ่นกับนางกำนัลของตัวเอง
“มีแต่ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ น้ำตก ข้าเห็นทุกวันย่อมเบื่อเป็นธรรมดา”
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าภูเขาด้านบนมีถ้ำด้วยนะเพคะ”
นางกำนัลรีบพูดสิ่งที่ตนเองรู้มา
“ถ้ำหรือ” จ้าวม่านอวิ๋นทวนคำ “ถ้ำธรรมดาหรือไม่”
“เห็นว่าภายในมีสิ่งก่อสร้างด้วยเพคะ น่าจะฮ่องเต้องค์ก่อนๆ สร้างไว้”
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็ควรไปดูสินะ”
สตรีลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วเรียกนางกำนัลให้ตามไปด้วยไม่กี่คน
........
ถ้ำชิงฮู่
ถ้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณปากถ้ำเหมือนกับถ้ำตามธรรมชาติโดยทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไปตามเส้นทางเดินประมาณครึ่งชั่วยามก็จะเจอตำหนักภายในนั้น บริเวณโดยรอบตำหนักปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ด้านข้าง
จ้าวม่านอวิ๋นมาถึงปากถ้ำ เมื่อสอบถามทหารที่เฝ้าด้านหน้าจึงเดินเข้าไปภายในถ้ำเพียงสองคนกับนางกำนัลที่สนิท ส่วนคนอื่นๆ นางให้เฝ้าอยู่ด้านหน้า เพราะเกรงว่าหากมีคนเข้าไปเยอะจะทำให้เสียบรรยากาศ
ระหว่างทางเดินจะเห็นลำธารน้ำใสขนาบด้านข้าง มีปลาตัวเล็กใหญ่ว่ายไปมาให้เห็นหลายตัว
“อากาศเย็น บรรยากาศดี เหมาะกับการเร้นกายดี”
จ้าวม่านอวิ๋นพูดพร้อมกับเดินไปกระโดดไปอย่างร่าเริง
ไม่นานนักสายตาก็เห็นตำหนักหินหยกตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านรอยแยกบนผนังถ้ำ
สตรีวิ่งไปหน้าตำหนัก ดวงตาเป็นประกายมองไปรอบๆ เห็นสระน้ำอยู่ด้านข้าง ส่วนด้านหลังตำหนักมีต้นไม้หลายต้นขึ้นตามธรรมชาติ แต่งดงามราวกับมีคนยกมาตั้งเพิ่มความงามให้กับสถานที่
“สวยมาก”
นางกล่าวชมเมื่อมองความงดงามตรงหน้า
“เจ้าเข้าไปในตำหนัก เตรียมน้ำชาไว้ เดี๋ยวข้าตามเข้าไป”
สตรีหันไปสั่งนางกำนัลที่มาด้วยกัน
“เพคะ”
เมื่อนางกำนัลเดินจากไป จ้าวม่านอวิ๋นก็เดินเล่นริมสระน้ำจากนั้นก็ตรงไปยังสวนด้านหลัง
นางเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนลืมเวลา เมื่อเห็นดอกไม้ที่บานสะพรั่งก็เข้าไปสูดดมกลิ่นหอมทุกครั้ง
“หอมจัง”
มือเรียวเด็ดดอกไม้สีโอรสทัดลงข้างใบหูก่อนก้าวเดินอีกครั้ง
ใช้เวลาประมาณอีกหนึ่งถ้วยน้ำชา สตรีก็พบกับทางแยก นางตัดสินใจเลี้ยวขวา
“เอ๊ะ ตรงนั้นมีตำหนักเล็กอีกหลังด้วยหรือ”
นางหยุดเดินเมื่อสายตาเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายบ้านหลังเล็ก ทำจากหินอ่อนเหมือนกับตำหนักที่เพิ่งผ่านมา ด้วยความสงสัย สตรีจึงตัดสินใจไปยังตำหนักหลังนั้น
มือเรียวผลักประตูเข้าให้เปิดออก สายตาเห็นโต๊ะหนังสือและเตียงนอน ด้านหลังมีประตูบานใหญ่อีกชั้น
ร่างบางเดินไปผลักประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อประตูถูกเปิดออกก็พบกับแท่นหินอ่อนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
“นั่นไว้ทำอะไร นอน นั่งสมาธิ หรืออย่างไร”
จ้าวม่านอวิ๋นพูดพึมพำกับตัวเอง เท้าเรียวเล็กก้าวตรงไปยังแท่นหินอ่อนนั้น
ถึงแท่นหินอ่อนจึงพบว่าด้านบนวางทับด้วยแผ่นหยก มือเรียวเอื้อมไปลูบทันที
“อย่า”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งร้องห้ามด้วยความตกใจ
จ้าวม่านอวิ๋นหันมองแต่ก็ไม่ทัน ร่างบางถูกแรงดึงดูดบางอย่างรั้งทั้งร่างให้อยู่บนแท่นหยกนั้น
“หลิวกวน ทำไมเจ้าไม่บอกข้าเร็วกว่านี้”
นางชี้นิ้วใส่รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรที่เดินทางมาตำหนักชิงเฉิงพร้อมกับตน
“แล้วองค์หญิงทำไมไม่อยู่ที่ตำหนักหลักล่ะพะย่ะค่ะ จะมาถึงที่นี่ทำไม”
บุรุษรูปร่างกำยำพูดยอกย้อนจนอีกฝ่ายเริ่มหัวเสีย
“อย่ามัวพูดมากเสียเวลา มาเอาข้าลงจากแท่นหยกนี่เดี๋ยวนี้”
หลิวกวนส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
“องค์หญิงทราบหรือไม่ ตำหนักนี้เป็นที่ฝึกบำเพ็ญเพียรคู่ของบูรพกษัตริย์ ถ้าขึ้นไปแล้วต้องมีการแลกเปลี่ยนพลังหยินหยางถึงจะลงมาได้”
“แลกเปลี่ยนหยินหยาง ทำอย่างไร”
จ้าวม่านอวิ๋นขึ้นเสียงถาม
หลิวกวนเลิกคิ้วมองสตรีที่กำลังหัวเสียอย่างประหลาดใจ
“องค์หญิงไม่เข้าใจคำว่าบำเพ็ญเพียรคู่แลกเปลี่ยนหยิน หยางหรือพะย่ะค่ะ”
จ้าวม่านอวิ๋นนิ่งเงียบในทันใด นางหยุดคิดชั่วครู่ก่อนใบหน้างามแดงระเรื่อขึ้นมา
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”
“ไม่มีพะย่ะค่ะ องค์หญิงมีชายคนรักหรือไม่ เขามาด้วยหรือเปล่า กระหม่อมจะได้ไปตามมา”
หลิวกวนถามสีหน้าจริงจัง
“จะบ้าหรือ ข้าจะไปมีได้อย่างไร”
จ้าวม่านอวิ๋นตอบอย่างกระดากอาย
“แล้วจะให้ใครมาแลกเปลี่ยนหยินหยางกับพระองค์ดีล่ะ”
หลิวกวนยังคงถามน้ำเสียงปกติ แต่ยิ่งทำให้จ้าวม่านอวิ๋นเขินอายยิ่งขึ้น
“เจ้าเป็นชายตัดแขนเสื้อมิใช่หรือ เช่นนั้นก็เจ้าเนี่ยแหละ รีบทำให้เสร็จๆ แล้วก็หุบปากให้เงียบ อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้”
สตรีกัดฟันพูดสายตาจ้องมาทางหลิวกวน
“กระหม่อมเนี่ยนะ” บุรุษส่ายศีรษะปฏิเสธ
“แม้กระหม่อมจะไม่เคย แต่กระหม่อมก็เลือก”
“จะ เจ้า” จ้าวม่านอวิ๋นยกนิ้วเรียวชี้หน้าหลิวกวน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธข้า”
นางขึ้นเสียงก่อนหยุดเงียบราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“หรือว่าพวกบุรุษตัดแขนเสื้อจะทำกับสตรีไม่เป็น ถ้าทำเป็นแต่ไม่ทำคงเป็นเพราะไม่ชำนาญ หรืออาจเป็นพวกอ่อนหัดไร้น้ำยา”
หลิวกวนได้ฟังสิ่งที่นางคิด ใบหน้าเขาก็ยิ่งอึมครึม นี่นางกำลังดูถูกเขาซึ่งๆ หน้า
ไม่ต้องให้นางเรียกเขาอีกครั้ง บุรุษก้าวขึ้นแท่นหยกทันที มือหนาผลักร่างบางให้นอนหงายลงบนแผ่นหยก
“องค์หญิงก็ทำใจให้ดีละกัน กระหม่อมไม่ได้ไร้น้ำยาอย่างที่พระองค์พูด”
พูดจบเขาก็ปลดสายคาดเอวถอดเสื้อผ้าตน ให้สตรีเห็นหน้าอกหน้าท้องที่กำยำ
จากนั้นมือหนาก็เอื้อมมาปลดสายคาดเอวของจ้าวม่านอวิ๋น เขาปลดกางเกงของนางลงแล้วก้มหน้าซุกลงเนินเนื้อสาวที่มีไรขนปกคลุมบางเบา
“อื้อ”
จ้าวม่านอวิ๋นสะดุ้งและร้องตกใจเมื่อถูกจมูกกับริมฝีปากของบุรุษสัมผัสที่ส่วนสงวนของตน
ร่างบางเขยิบกายหนีอย่างฉับพลันแต่ก็ถูกแขนแกร่งของบุรุษรั้งเอาไว้
มือหนาของหลิวกวนแหวกกลีบเนื้ออูม เขาใช้ปากและลิ้นลงเลียตามร่องหลืบพร้อมกับดูดเม้มติ่งหวานด้วยความชำนาญ
บุรุษที่ตอนแรกทำไปเพราะทนฟังวาจาดูถูกของสตรีไม่ได้ ทำเพียงต้องการพิสูจน์ให้นางเห็นเท่านั้น แต่เมื่อได้ลิ้มรสความหวานของสตรีครั้งแรก จากที่เขาคิดว่าจะทำแค่ให้เสร็จ กลายเป็นค่อยๆ ทำอย่างละเมียดละไม
ครั้งแรกของเขาควรใช้เวลานานๆ ลิ้มรสความหวานและความอิ่มเอมให้เต็มที่
จ้าวม่านอวิ๋นแอ่นสะโพกลอยสูงขึ้น เสียงหวานครางออกจากลำคออย่างลืมตัว
หลิวกวนเห็นอาการของนาง เขาเลื่อนลิ้นร้อนมาจ่อที่ปากโพรงหวาน ส่วนนิ้วโป้งเลื่อนมาแตะที่เกสรดอกไม้ที่เริ่มเป็นตุ่มนูนชูชัน
เมื่อทุกอย่างประจำที่ เขาก็เกร็งลิ้นร้อนแล้วแหย่เข้าไปที่โพรงหวาน นิ้วโป้งก็ขยับเป็นจังหวะหมุนคลึงที่เกสรของนาง
จ้าวม่านอวิ๋นเมื่อถูกลิ้นที่ร้อนและลื่นแหย่เข้ามาในช่องทางรักของตน ติ่งเสียวถูกนิ้วใหญ่คลึงเล่นไม่หยุดพัก ความรู้สึกเสียวซ่านก็วิ่งผ่านทั่วร่างกาย ในหัวของนางขาวโพลน ความรู้สึกถูกผิดถูกกลบหายไป เหลือเพียงความต้องการที่เข้ามาแทนที่
มือเรียวแหวกเสื้อของตนและเปิดบังทรงจนหน้าอกสองเต้าสัมผัสกับอากาศเย็นภายนอก จากนั้นก็ขยำเต้าอวบอิ่มตามจังหวะลิ้นของบุรุษด้วยความเพลิดเพลิน
หลิวกวนขยับลิ้นและริมฝีปากได้สักพักก็รับรู้ได้ว่าร่างบางนั้นมีการกระตุก น้ำหวานไหลทะลักออกมาจากโพรงหวานจนเขาตั้งตัวแทบไม่ทัน
แตกคาปากคืออย่างนี้สินะ บุรุษภาคภูมิใจในความสามารถของตน
ช่วงที่สตรีนอนหายใจหอบ เขาก็ไม่รอช้าถกกางเกงของตนลง ให้มังกรที่ขยายใหญ่โผล่ออกมานอกผ้า
“องค์หญิงพร้อมแล้วสินะ”
เขาพูดกับสตรี มือหนาข้างหนึ่งจับหัวมนหมุนวนรอบปากโพรงหวาน อีกข้างเอื้อมไปจับหน้าอกของนาง
“อืม”
เขาหลับตาเพื่อซึมซับความรู้สึกให้เต็มที่เมื่อสัมผัสร่างกายหญิงสาว
หัวมังกรหมุนวนสลับกับมุดโพรงหวานตื้นๆ ไม่กี่ครั้ง เสียงของจ้าวม่านอวิ๋นก็ดังขึ้น สายตาฉ่ำเยิ้มมองบุรุษบ่งบอกถึงความต้องการที่มากกว่านี้ของตน
หลิวกวนยิ้มมุมปาก เขาก้มปากให้ริมฝีปากครอบยอดถันสีชมพูอ่อน บั้นเอวก็ขยับอย่างแรงและเร็วจนส่วนหัวและทั้งตัวมังกรเข้าไปจนสุดโพรงหวานในครั้งเดียว
“โอ้ย”
เสียงกรีดร้องของสตรีดังขึ้นด้วยความเจ็บ นางรู้สึกถึงช่องทางรักที่คับแคบของตนถูกแท่งเนื้อใหญ่แทรกเข้ามาอย่างแรง ทั้งยังรู้สึกแน่นอึดอัดในเวลาเดียวกัน
จ้าวม่านอวิ๋นนอนหายใจหอบเหนื่อย หน้าอกกระเพื่อมจนหลิวกวนยกมืออีกข้างมาขยำและบีบยอดถันของนางเล่น ทั้งปากและมือวนเวียนอยู่ที่เต้าอวบอิ่มทั้งสองข้างสลับไปมา
วังหลวงจ้าวหลินอ้ายออกว่าราชการที่ท้องพระโรงอีกครั้งหลังจากไปแปรพระราชฐานอยู่หลายวัน“ฝ่าบาท แม่ทัพโม่เถี่ยรบชนะแคว้นเย่ทำให้เราได้รับชัยกลับมาพะย่ะค่ะ”เสนาบดีหลัวทูลบอกนาง“ดีมาก ยอดเยี่ยม”สตรีกล่าว นางมองดูแม่ทัพหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ แม่ทัพโม่ผู้นี้สูงกว่าเฉินซีหมิงประมาณสองคืบ แต่ความล่ำกลับมากกว่าเป็นสามเท่า‘หุ่นแม่ทัพต้องใหญ่อย่างนี้สินะ’นางคิดในใจก่อนพูดออกมา“ท่านแม่ทัพโม่นำชัยมาสู่แคว้น ท่านต้องการสิ่งใดเป็นรางวัลสามารถบอกกับข้าได้โดยไม่จำเป็นต้องลังเลใจ”โม่เถี่ยเงยหน้ามองจักรพรรดินีผู้เลอโฉมแล้วปรายสายตามองเฉินซีหมิงก่อนยกมือทั้งสองขึ้นมาประสานกัน“กระหม่อมได้ยินมาว่าฝ่าบาทรับราชครูเฉินกับท่านหมอ หลี่เป็นนายสนมในวัง กระหม่อมอยากขอเป็นสนมของพระองค์อีกคนพะย่ะค่ะ”จ้าวหลินอ้ายได้ยินก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่‘นี่ข้างามขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ชาติก่อนก็หน้าตาแบบนี้แต่โสด ชาตินี้กลับมีแต่คนยินยอมมาเป็นสามี’
หลิวกวนแช่มังกรยักษ์ของตนให้โพรงรักของจ้าวม่านอวิ๋นตอดรัดอยู่สักพัก เมื่อแรงตอดเบาลงเขาก็เริ่มขยับเอวเข้าออกให้มังกรตัวใหญ่ครูดกับผนังนุ่มไปมา“อ้า”เขาร้องครางอย่างลืมตัว ความรู้สึกดีแบบนี้เขาก็เพิ่งเคยลองครั้งแรกมิน่าที่เหล่าบุรุษหลงใหลสตรีก็เพราะรู้สึกเช่นนี้เองเขาจับขาขาวของจ้าวม่านอวิ๋นให้แยกออกจากกันมากขึ้น ส่วนตัวเขาคุกเข่าแทงมังกรให้ผลุบเข้าออกตามจังหวะที่ตนพอใจดวงตาคมมองก้อนเนื้อสองก้อนที่กระเด้งยั่วยวนแล้วจึงมองมังกรของตัวเองเคลื่อนเข้าออกโพรงหวาน ในใจเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเมื่อได้ยินเสียงครางและเห็นใบหน้าเหยเกของจ้าวม่านอวิ๋น เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกระแทกเพื่อให้นางเสียวมากขึ้นและร้องดังขึ้นยิ่งนางเสียวและเสร็จมากครั้งเท่าไหร่เขาก็รู้สึกดีมากเท่านั้นเวลาผ่านไปหลายชั่วยาม บุรุษสตรียังคงกระแทกท่อนล่างใส่กันไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพัก“ถึงพร้อมกันนะ”หลิวกวนพูดข้างหูของจ้าวม่านอวิ๋น หญิงสาวพยักหน้าดวงตาเคลิบเคลิ้มบุรุษขยับเอวสอบตอกมังกรของตนเข้าโพรงนุ่มอีกครั้ง เสียงร้องสุขส
“ที่นี่ก็สวยดีอยู่หรอก แต่ว่าทำไมเสด็จพี่ต้องให้ข้ามาพักที่นี่ตั้งหนึ่งเดือนด้วยล่ะ”จ้าวม่านอวิ๋นบ่นกับนางกำนัลของตัวเอง“มีแต่ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ น้ำตก ข้าเห็นทุกวันย่อมเบื่อเป็นธรรมดา”“หม่อมฉันได้ยินมาว่าภูเขาด้านบนมีถ้ำด้วยนะเพคะ”นางกำนัลรีบพูดสิ่งที่ตนเองรู้มา“ถ้ำหรือ” จ้าวม่านอวิ๋นทวนคำ “ถ้ำธรรมดาหรือไม่”“เห็นว่าภายในมีสิ่งก่อสร้างด้วยเพคะ น่าจะฮ่องเต้องค์ก่อนๆ สร้างไว้”“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็ควรไปดูสินะ”สตรีลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วเรียกนางกำนัลให้ตามไปด้วยไม่กี่คน........ถ้ำชิงฮู่ถ้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณปากถ้ำเหมือนกับถ้ำตามธรรมชาติโดยทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไปตามเส้นทางเดินประมาณครึ่งชั่วยามก็จะเจอตำหนักภายในนั้น บริเวณโดยรอบตำหนักปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ด้านข้างจ้าวม่านอวิ๋นมาถึงปากถ้ำ เมื่อสอบถามทหารที่เฝ้าด้านหน้าจึงเดินเข้าไปภายในถ้ำเพียงสองคนกับนางกำนัลที่สนิท ส่วนคนอื่
เมื่อมีหลี่เสินอยู่กับจ้าวหลินอ้าย เฉินซีหมิงจึงขอตัวลากลับก่อน เนื่องจากต้องไปจัดการงานในราชสำนักแทนจ้าวหลินอ้าย ก่อนออกเดินทางเขาดึงตัวหลี่เสินไปพูดคุยอยู่พักใหญ่แล้วจึงจากไปอย่างสบายใจ“เฉินซีหมิงพูดอะไรกับเจ้าหรือ”จ้าวหลินอ้ายโบกพัดขนนก ดวงตามองบุรุษด้วยความสงสัย“เอ่อ พี่ซีหมิงสอนงานกระหม่อมพะย่ะค่ะ”บุรุษก้มหน้าเขินอาย“สอนงาน”สตรีทวนคำ เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็เข้าใจทันที“วันนี้ยังไม่ต้องหรอก เมื่อวานข้าเหนื่อยไปหน่อย”นางบอกเขาเสียงเบา“แต่พรุ่งนี้เช้าก็คงดี”หลี่เสินพยักหน้าเข้าใจ“เช่นนั้นกระหม่อมไปต้มยาให้ฝ่าบาท บำรุงชี่เลือดก่อนนะพะย่ะค่ะ”หมอหนุ่มหายไปประมาณหนึ่งก้านธูปก็ยกถ้วยใส่ยาต้มสมุนไพรมาให้จ้าวหลินอ้าย สตรีรับมาดื่มแล้วก็ทำสีหน้าเหยเก“ยาบำรุง ทำไมถึงขม”“กระหม่อมใส่ยาขับพิษร้อนลงไปด้วยพะย่ะค่ะ ยาจึงมีรสขม”สตรีมองหน้าเขา คิ้วเรียวขมวดสงสัย“ร้อน ข
เช้าวันถัดมา จ้าวหลินอ้ายตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในห้องบรรทมเพียงผู้เดียว ดวงตากลมมองไปรอบห้องไม่เห็นเฉินซีหมิงจึงเรียกนางกำนัลที่เฝ้าอยู่นอกห้องเข้ามาซักถาม“ราชครูเฉินไปไหน” “ไปดูเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมตำหนักเล็กทางด้านหน้าเพคะ”นางกำนัลตอบพลางช่วยกันทำความสะอาดเรือนร่างของจ้าวหลินอ้ายและเปลี่ยนชุดให้นางใหม่ หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวหลินอ้ายก็ออกมาเดินเล่นที่บ่อน้ำพุร้อน เมื่อวานมัวแต่เล่นสนุกกับเฉินซีหมิงจึงไม่ได้สนใจบรรยากาศโดยรอบเท่าใดนัก ตอนนี้มีเวลาว่างจึงต้องการชื่นชมทิวทัศน์ให้เต็มที่ “หืม ด้านนี้มีประตูเล็ก ไปไหนกันนะ”สตรีเอื้อมมือเรียวไปเปิดประตู จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้เรียกนางกำนัลหรือองครักษ์ให้ติดตามทางเดินนี้แม้จะค่อนข้างแคบแต่สะอาดสะอ้าน สองข้างทางปลูกต้นกุ้ยฮัวที่ส่งกลิ่นหอมทั่วบริเวณสตรีเดินตามทางไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนลืมดูพื้นผิวถนนเบื้องหน้า เท้าเรียวก้าวไม่ทันระวังจึงข้อเท้าพลิกล้มลงบนพื้น“โอ้ย”จ้าวหลินอ้ายร้องพร้อมกับยกมือกุมข้อเท้า นางพยายามลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บจนลุกไม่ไหวนั่งกุมข้อเท้าของตนสักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเ
ตำหนักฮัวซาน ภูเขาฮัวซาน เมืองต้าซาน จ้าวหลินอ้ายนั่งอยู่บนจุดชมวิวที่สูงที่สุด จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองต้าซาน ทั้งยังสามารถมองเห็นเมืองอื่นที่อยู่ไกลๆ ได้อีกหลายเมือง “ฝ่าบาทไม่เข้าไปพักผ่อนในตำหนักหรือพะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงเดินถือถาดใส่ผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างกายนาง “อากาศดีเช่นนี้จะไปอุดอู้อยู่ในตำหนักทำไม”จ้าวหลินอ้ายกวักมือให้บุรุษลงนั่งข้างกาย เฉินซีหมิงไม่รอช้า หย่อนกายลงบนเก้าอี้ มือหนาหยิบอิงเถาป้อนใส่ปากนางทันที “ที่ด้านหลังของตำหนักมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่นะพะย่ะค่ะ นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นกำลังพอเหมาะดีต่อสุขภาพแล้ว ทิวทัศน์ตรงนั้นก็ยังสวยงามไม่แพ้ที่ตรงนี้” ดวงตาหวานของสตรีมองชายหนุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มยั่วยวน “เจ้าคิดว่า เหมาะกับการทำภารกิจนอกสถานที่หรือไม่” เฉินซีหมิงตาโตประหลาดใจกับคำพูดของสตรีตรงหน้า ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ “ดีสิพะย่ะค่ะ คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง การทำภารกิจนอกสถานที่จะทำให้ฝ่าบาทได้รับพลังหยินจากพระจันทร์และพลังหยางจ