เข้าสู่ระบบเมื่อเข้ามาในมิติแล้ว มู่หลินให้ทั้งสามบุรุษบ้านหวังตักน้ำในลำธารเข้าไปรอในห้องน้ำอาบในกระท่อม ส่วนบุรุษทั้งสามมู่หลินให้ออกไปแช่น้ำที่ลำธารด้านนอก ตัวนางอยู่คอยดูแลท่านแม่แทน
เมื่อเหมยฮวาลงไปแช่ความเจ็บปวดก็พุ่งขึ้นมาจนนางอดที่จะกรีดร้องออกมาไม่ได้ มู่หลินรู้ได้ทันทีว่าท่านแม่ของนางนั้นได้รับพิษมาเป็นระยะเวลานาน แต่ใครกันที่วางยาคงต้องรอให้ท่านแม่ฟื้นความจำให้ได้ก่อน
หนึ่งชั่วยามที่เหมยฮวาแช่น้ำนั้นความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้นางแทบหมดสติ ยังดีที่ได้บุตรสาวที่ร้องเรียกให้มารดามีสติอยู่ตลอดเวลาช่วยให้ผ่านไปได้ น้ำในอ่างทั้งดำและส่งกลิ่นเหม็น มู่หลินจึงให้ท่านแม่อาบน้ำชำระกายอีกรอบ นางออกไปแจ้งแก่บุรุษทั้งสามที่ตอนนี้ขึ้นจากน้ำมารอ อยู่ที่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวาย
"พิษในร่างกายท่านแม่ ขับออกหมดแล้วเจ้าค่ะ" ความกังวลใจขของทั้งสามถึงได้หายไป
ท่านแม่เหมยฮวาเดินออกมาด้านนอก ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนจนสามบุรุษยืนมองอย่างโง่งม สตรีตรงหน้าใบหน้างดงาม ผิวขาวราวน้ำนมที่แตะแล้วแทบจะคั้น ออกมาให้ดื่มได้ อายุของท่านแม่นั้นเหมือนกับย้อนลงไปเพียง27-28เท่านั้น
"เป็นอะไรกัน หน้าข้ามีอะไรติดอย่างนั้นหรือ" บุรุษทั้งสามถึงได้รู้สึกตัว
มู่หลินพาทุกคนมาดูกระจกในห้องนอนของนาง ทุนคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนเองก็ตกใจ และเกิดความกังวลใจขึ้น หากบุคคลภายนอกเกิดความสงสัยจะนำภัยมาสู่ครอบครัวได้
มู่หลินเลยเสนอว่าระหว่างนี้ให้ขี้เถ้าในครัวทาหน้าหรือบริเวณที่คนสังเกตเห็นไปก่อน พอนานวันเข้าค่อยลดความเข้มของสีลงคนจะได้ไม่สงสัยมาก
"ทุกคน ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าว" ท่านแม่ที่นั่งเงียบๆ มาโดยตลอดเปิดปากพูดขึ้น มู่หลินเห็นถึงความกังวลในดวงตาของท่านแม่จึงจับมือแล้วกล่าวว่า
"พวกเราพร้อมรับฟังทุกเรื่องของท่าน และพร้อมอยู่เคียงข้างท่านเสมอ" มู่หลินพอจะรับรู้ถึงสายตาตั้งแต่ที่ลืมตามาตอนแช่น้ำแล้วว่าท่านแม่น่าจะได้ความทรงจำกลับมาแล้ว
"ข้าจำเรื่องในอดีตได้แล้ว" ทุกคนได้ฟังแล้วก็เดินเข้ามากอดให้กำลังเพราะดูจากสีหน้าท่านแม่แล้วนั้นเรื่องในอดีตคงจะเลวร้ายมากแน่นอน
"ถ้าเจ้าไม่พร้อมจะพูด พี่กับลูกล้วนรอได้" ท่านพ่อกอดปลอบใจท่านแม่ที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มไหลอีกแล้ว
เมื่อท่านแม่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึงเล่าเรื่องราวก่อนที่จะมาพบกับหวังเจียวจิ้น
"แม่มีแซ่เดิมว่าเซี่ย เซี่ยเหมยฮวา เป็นบุตรีของท่านพ่อเซี่ยหลี่เฉียง ท่านแม่หลินลู่เสียน มีพี่ชายหนึ่งคน ชื่อเซี่ยซีห่าว ท่านตาพวกเจ้าไม่มีบ้านรองไม่มีอนุหรือสาวใช้อุ่นเตียง ตัวแม่นั้นมีสัญญาหมั้นหมายกับฉีอ๋อง ฉีอ๋องเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งเมืองหลวง ตัวแม่นั้นไม่นึกมาก่อนว่าบ่าวรับใช้ข้างกายจะทรยศวางยามาเนิ่นนาน ยาพิษชนิดนี้ไม่แสดงอาการเจ็บปวดหรือตายในทันที แต่จะทำให้คนที่ได้รับพิษเหมือนคนเป็นโรคเรื้อรัง ตรวจไม่พบ ผิวหน้า ผิวกายดำคล้ำ
ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะพบเจอท่านพ่อพวกเจ้า วันนั้นบ่าวชั่วหลอกแม่พาไปไหว้พระขอพรนอกเมืองไกลจากเมืองหลวง500ลี้ ระหว่างทางพบนักฆ่าจำนวนมาก องครักษ์ที่ไปด้วยต้านไว้ไม่ไหว บ่าวชั่วทำทีเป็นพาแม่หนีจนไปถึงหน้าผา ก่อนที่มันจะผลักแม่ลงไป มันได้บอกถึงตัวตนของผู้จ้างวานไว้คือ เว่ยเลี่ยงซู สหายรักของแม่เอง หึหึ" เหมยฮวาหัวเราะให้กับความโง่งมที่หลงไว้ใจเลี่ยงซู โดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหลงรักฉีอ๋องจนยอมฆ่าสหายอย่างนางได้
เมื่อกล่าวถึงฉีอ๋องในแววตาของเหมยฮวาไม่มีความอาลัยอาวรณ์เหลืออยู่เลย เจียวจิ้นจึงคลายความกังวลลงได้ เพราะเขากลัวหากนางจำเรื่องราวได้แล้ว และยังรักฉีอ๋องอยู่กลัวนางจะทิ้งเขากับลูกไป
มู่หลินที่รับฟังถึงชื่อผู้จ้างวานฆ่าแม่ของตนนางก็โมโหจนเผลอบีบแก้วน้ำชาจนแตกคามือ เสียงแตกของแก้วเรียกสติของทุกคนได้เป็นอย่างดี ท่านแม่รีบเข้ามาคว้ามือของมู่หลินตรวจดูบาดแผล พี่ใหญ่รีบวิ่งไปตักน้ำที่โอ่ง พี่รองหาผ้ามาช่วยซับเลือด ท่านพ่อจึงต้องเก็บเศษแก้วไปทิ้ง
"แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว หลินเออร์อย่าได้โมโหแทนแม่แบบนี้ แม่จะขาดใจถ้าเจ้าต้องเจ็บตัว"
"เว่ยเลี่ยงซู ข้าจะจำชื่อนางไว้ เมื่อใดที่ข้าพบเจอ นางต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับท่านแม่ไว้อย่างแน่นอน"
มู่หลินหลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว ได้ถามความคิดเห็นของท่านแม่ว่าอยากติดต่อบ้านท่านตาหรือไม่ แต่ความกังวลของท่านแม่คือเรื่องราวที่ผ่านมาเกือบ17ปีแล้ว ไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของครอบครัวท่านตา มู่หลินจึงคิดจะเข้าตำบลไปขอความช่วยเหลือจากท่านปู่อู๋เพื่อสืบเรื่องราวของทางบ้านท่านตา
จากนั้นทุกคนจึงออกจากมิติเพื่อไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ชาวบ้านต้องมาทำงานแต่เช้า แล้วนายช่างสร้างบ้านจะเดินทางมาดูพื้นที่ด้วย มู่หลินจึงต้องเขียนแบบบ้านให้นายช่างอีก
คืนนั้นมู่หลินได้ออกแบบบ้านโดยตัวบ้านเป็น2ชั้น ด้านบนมีห้อง5ห้อง นางให้ทุกห้องมีห้องน้ำห้องอาบน้ำในตัวทุกห้อง ด้านล่างมีห้องนอน2ห้อง ห้องตำรา1ห้อง ห้องโถงรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำด้านนอกไว้สำหรับแขก
ด้วยในยุคที่นางได้มาอยู่นี้ระบบห้องน้ำถือว่าดีขึ้นแล้ว ในเมืองหลวงและเมืองรอบๆ ได้วางระบบท่อน้ำฝั่งไว้ในดิน เมื่อราดน้ำแล้วของเสียจะลงไปตามท่อ ทำให้ไม่มีกลิ่นรบกวน ระบบน้ำก็ใช้วิธีดึงน้ำจากลำธารมาใช้ นายช่างสร้างบ้านสามารถทำได้อย่างแน่นอนเพราะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่อาจจะแปลกสำหรับคนในหมู่บ้านชุนหง
มู่หลินไม่ได้อยู่คุยกับนายช่างนางให้ท่านพ่อเป็นผู้คุยแทน แบบบ้านที่นางวาดนั้นไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ราคาที่นายช่างประเมิน ตัวบ้าน พร้อมเครื่องเรือน เรือนด้านหลังสำหรับคนงานในภายหน้าอีก 10 ห้อง กำแพงที่ล้อมทั้งหมด 65 หมู่ นายช่างคิดรวมค่าคนงาน 500 ตำลึงทอง ราคานี้รวมที่นายช่างจะต้องหาคนงานเพิ่ม เพราะเจียวจิ้นต้องการให้บ้านเสร็จก่อนฤดูหนาวที่จะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า คนงานที่นายช่างหาก็เป็นพวกชาวบ้านที่ดูแข็งแรงสู้งาน
เจียวโจวพาน้องสาวและน้องชายฝาแฝดเดินทางไปในอำเภอเพื่อพบท่านหมออู๋
ห้าปีผ่านไปชายแดนประจิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชาวเมืองแคว้นฉีเริ่มเข้ามาทำการค้ามากขึ้น ถึงกับมีตลาดชายแดนที่ทั้งสองแคว้นจะนำสินค้าของตนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ชีวิตชาวบ้านจึงดีขึ้นมู่หลินได้หาพืชผักที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเข้ามาปลูก นางยังค้นพบภูเขาที่มีดินเค็ม เมื่อถวายฎีกาถึงฮ่องเต้ให้ทราบเรื่องแล้ว พระองค์ได้ช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงภูเขาผลิตเกลือออกมาจำหน่าย โดยหักภาษีเข้าคลังเพื่อพัฒนาพื้นที่เมืองอื่นต่อไปฮ่องเต้ฉู่เฟยหลางสละราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทขึ้นปกครองตอนนี้เจ้าลูกเต่าทั้งสามติดตามบิดาเข้าไปฝึกวรยุทธ์ในค่ายทหาร เพราะไป๋เฟยหรงหมั่นไส้บุตรชายทั้งสามที่เกาะติดมู่หลินมากเกินไปไป๋หมิงยู่ ไป๋หรงซิ่ง ไป๋เฉินกง เวลาอยู่กับบิดาทั้งสามจะทำตัวนิ่งขึม เหมือนเช่นบิดา พอลับหลังบิดา ทหารที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งหลายล้วนปวดหัวกันเป็นแทบ เด็กชายทั้งสามพี่ใหญ่วางแผน พี่รองดูต้นทาง น้องเล็กหลอกล่อ กลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจากกงหยวนนั้นเรียกได้ว่าตอนนี้เก่งเกินอาจารย์เสียแล้วแม้แต่กงหยวนยังเจ้าเล่ห์ไม่ได้เท่าไป๋หรงซิ่งเลย หากหนีเรียนวันใดแล้วโดนจับได้ ไป๋เฉินกงจะทำหน้าที่เรียกร
ใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนก็มาถึงแดนประจิม จวนท่านแม่ทัพนั้นไม่มีอะไรให้มู่หลินปรับปรุงแก้ไขนอกจากห้องน้ำ นางอยากจะเอาที่นอนออกมาใช้ใจจะขาด แต่ยังไม่ได้บอกกล่าวเรื่องมิติที่มีให้กับเฟยหรงได้รู้มู่หลินที่นอนไม่สบายตัวก็ขยับไปมาจนเฟยหรงรู้สึกตัว“น้องหญิง นอนไม่หลับหรือ” เฟยหรงดึงตัวมู่หลินมา กอด“ท่านพี่ข้าจะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง” พูดจบมู่หลินก็พาเฟยหรงเข้าไปในมิติของตน“ที่นี่คือที่ใด” เฟยหรงมองรอบๆ อย่างโง่งม ที่นี้สวยมากจริงๆ ลำธารที่น่าลงไปแช่ ภูเขาด้านหลังก็ดูอุดมสมบูรณ์ ไหนจะแปลงสมุนไพรหลากหลายชนิด พืชผักผลไม้เต็มไปหมด ทุ่งข้าวที่เหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว กระท่อมหลังน้อยที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้“ที่นี่คือมิติของข้าเจ้าค่ะ” มู่หลินพาเฟยหรงเข้าไปในกระท่อม ด้านในเครื่องเรือนของใช้ไม่เหมือนที่เขาเคยเห็น นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดของนางตั้งแต่แรกให้ฟัง ก็เหมือนสิ่งที่นางเล่าให้ครอบครัวฟังเฟยหรงกอดมู่หลินยิ่งนึกถึงว่านางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งใจเขาก็ยิ่งปวด“หากเจ้าไม่อยากนำที่นอนออกไปด้านนอก เจ้าจะบอกพี่เรื่องนี้หรือไม่” เฟยหรงเอ่ยอย่างน้อยใจ มู่หลินจึงจูบไปที่มุมปากเพื่อเอาใจ“ย่อมต้อง
ไป๋เฟยหรงกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ตัวแทบจะติดกับมู่หลินเลยทีเดียว ยิ่งมู่หลินออกไปข้างนอกเฟยหรงแทบจะให้นางใส่ผ้าคลุมทั้งตัวไม่ใช่ว่าไม่มีสตรีเข้าหาเฟยหรงนะ มีมากเลยทีเดียว สาวใช้ที่มาใหม่ในจวนไป๋ที่คิดจะปีนเตียงเฟยหรง โดนเฟยหรงถีบออกมาจากห้องรักษาตัวอยู่ห้าวันกว่าจะลุกขึ้น เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นใครจะกล้าเสี่ยงขุนนางที่ใจกล้าก็อยากจะยกบุตรสาวให้เป็นอนุ ตอนเช้ามาทหารเข้ามาจับกุมโดนขุดความผิดที่ตนก่อไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนาง แม้จะเล็กน้อยไม่โดนตัดสินโทษหนักก็ย่อมต้องโดนลดขั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ขุนนางทั้งหลายเลยเลิกยุ่งกับแม่ทัพไป๋ไปโดยปริยาย“หลินเออร์ แม่ว่าเจ้าแต่งให้ท่านแม่ทัพเสียเลยเถิด ตอนนี้เจ้าก็ 17 หนาว แล้ว พ่อกับแม่มีพี่รองของเจ้าอยู่ด้วย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เหมยฮวาเรียกมู่หลินมานั่งพูดคุย เพราะนางก็เห็นใจว่าที่ลูกเขยเช่นกัน“ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” มู่หลินยอมตกลงเฟยหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะวิ่งไปป่าวประกาศให้คนทั้งเมืองหลวงได้รู้กันทั่ว เฟยหรงรีบเข้าวังหลวงไปขอฤกษ์มงคลที่เร็วที่สุด แล้วก็เร็วจริงๆ งานจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้ามู่หลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโมโห สั
แล้วก็ถึงวันสอบเตี้ยนซื่อ หน้าพระที่นั่ง โดยวันสอบจะมีฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบและออกข้อสอบ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งจะได้เป็น จอหงวน อันดับที่สอง ปั๋งเหยี่ยน อันดับที่สาม ทั่นฮวาครอบครัวหวังมาส่งเจียวโจวกับเจียวจ้านหน้าสนามสอบ“ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดพอ พ่อไม่คาดหวังว่าเจ้าทั้งสองจะติดสามอันดับ” เจียวจิ้นให้กำลังใจบุตรชาย“แต่ข้าคาดหวังว่าท่านพี่ทั้งสองจะได้จอหงวนเจ้าค่ะ”เจียวโจวดีดหน้าผากมู่หลิน เจียวจ้านตบอกให้น้องเล็กรอดูได้เลยเมื่อทั้งสองเดินเข้าสนามสอบแล้ว เจียวจิ้น เหมยฮวา มู่หลินจึงกลับไปรอที่จวนระหว่างรอผลสอบ ข่าวที่ส่งจากโยวโจวทำให้เฟยหรงถึงกับนั่งไม่ติด ต้องรีบควบม้าออกมาจากค่ายทหารนอกเมืองเพื่อขอความเห็นใจจากมู่หลินทันที่“หลินเออร์” เฟยหรงเอ่ยเสียงอ่อยเรียกมู่หลินมู่หลินเลิกคิ้วรอฟังว่าพ่อตัวดีจะพูดสิ่งใด"เยว่เออร์ตั้งครรภ์แล้ว""อืม" ใช่เรื่องนี้นางรู้แล้ว เพราะห่าวหรานส่งข่าวมาเช่นกัน"หลินเออร์ แต่งเลยมิได้หรือ" มู่หลินหรี่ตามองเฟยหรง"กลับค่ายไปเลย" นางกัดฟันพูดผลการสอบเตี้ยนซื่อ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เจียวโจวได้เป็นปั๋งเหยี่ยน เจียวจ้านได้อันดับที่ห้า เด็กๆ
ท่านผู้เฒ่าเซี่ยมาถึงก็เมืองหลวงพักผ่อนเพียงหนึ่งวันก็พาคนทั้งตระกูลเดินทางเข้าสู่วังหลวง"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี""ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี" ฮ่องเต้มองสหายต่างวัยด้วยความคิดถึง"เซี่ยหลี่เฉียงรับราชโองการ ตระกูลเซี่ยจงรักภักดีต่อราชวงศ์ มีความดีความชอบร่วมปราบกบฏองค์ชายใหญ่ในครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตำแหน่งกั๋วกง ขั้นหนึ่ง ประทานจวนหน่งหลัง เงินรางวัล 50,000 ตำลึงทอง ผ้าไหม 20 พับ เครื่องประดับ 5 หีบ จบราชโองการ " ขันทีประกาศราชโองการแม้ของรางวัลที่ได้จะไม่อาจเทียบเท่ากับของที่เคยโดนยึดไป แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่เสียดาย เพราะทรัพย์สินของตระกูลตอนนี้มีมากมายเทียบเท่าเงินในคลังหลวงได้ฮ่องเต้ยังคงต้องใช้เงินเยี่ยวยาชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการก่อกบฏขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้อีกมากตระกูลเซี่ยเข้าพักในจวนหลังใหม่ ท่านตาท่านยายยังบ่นกับมู่หลินเรื่องที่นอนนั้นนอนไม่สบายเท่าที่หมู่บ้านชุนหง ห้องน้ำก็ไม่สะดวกสบาย หลานสาวแสนดีจึงเอาใจด้วยการเอาที่นอนของใช้ออกมาให้ทุกคน ท่านตาท่านยายเลยได้ยิ้มหน้าบานครอบครัวหวังเจียวจิ้นนั้นแยกตัวไปอยู่จวนที่ห่าวหรานซื้อไว้ หากให้นั
เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ







