แชร์

บทที่10

ผู้เขียน: ชุนกวงห่าว
หลังได้เห็นกับตาว่าความรักที่เหลียงหยวนโจวมีต่อเสินหลีนั้น เธอก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีก

ความรักที่เธอมีต่อเหลียงหยวนโจว และตลอดหลายปีที่ผ่านมาความรู้สึกนั้นก็ถูกการดึงดันซ้ำแล้วซ้ำเล่าบั่นทอนจนแทบไม่เหลืออยู่ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว

“เป็นไปไม่ได้!”

สายตาของเซี่ยงชินเฟินแน่วแน่ “หนูให้โอกาสเขาอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้เขายังทำให้หนูผิดหวังเหมือนเดิม ป้าจะไม่ห้ามหนูอีกแล้ว”

“โอกาสครั้งนี้ ถือว่าป้าเซี่ยงใช้บุญคุณช่วยชีวิตขอแทนหยวนโจวได้ไหม?”

สืออวี๋ถอนหายใจอยู่ในใจ จริงๆแล้วเธอทำแบบนี้ ก็เพียงแค่ยืดเวลาการเลิกราของตัวเองกับเหลียงหยวนโจวออกไปเท่านั้น แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม

คนสองคนที่ไม่ได้รักกันแล้ว จะเดินไปด้วยกันต่อได้อย่างไร?

ท่ามกลางสายตาวิงวอนของเซี่ยงชินเฟิน สุดท้ายสืออวี๋ก็พยักหน้า “ได้ค่ะป้าเซี่ยง หนูสัญญากับป้าว่า ถ้าภายในหนึ่งเดือนเหลียงหยวนโจวตัดขาดกับเสินหลีได้จริง หนูจะยกโทษให้เขา”

พูดแบบนี้ เพราะว่าในใจเข้าใจดูว่า เหลียงหยวนโจวไม่มีทางทอดทิ้งเสินหลีเพื่อเธอ

เมื่อเห็นเธอตกลง เซี่ยงชินเฟินก็โล่งใจ รีบหยิบกำไลที่เตรียมมาออกจากกระเป๋า

“นี่เป็นของที่ยายของหยวนโจวให้ป้า ป้าเองก็ไม่มีของมีค่าอะไร นี่ถือเป็นของขวัญงานแต่งที่ป้าส่งให้หนู หนูอย่ารังเกียจเลยนะ”

กำไลหยกนั้นส่องประกายใต้แสงไฟ แค่ดูก็รู้ว่ามีมูลค่ามาก

สืออวี๋ผลักกำไลหยกกลับไป “ป้าเซี่ยงคะ ของชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป หนูรับไม่ได้หรอกค่ะ”

“ไม่หรอก ก็แค่กำไลอันหนึ่งเอง”

สืออวี๋ส่ายหัว ไม่ยอมเอา เซี่ยงชินเฟินจึงได้แต่เอาเก็บไว้

หลังจากส่งเซี่ยงชินเฟินขึ้นแท็กซี่แล้ว สืออวี๋จึงกลับบ้าน

ไม่รู้ว่าเซี่ยงชินเฟินใช้วิธีไหน หลายวันมานี้ เหลียงหยวนโจวล้วนกลับมาทุกวัน

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสืออวี๋ ก็มักจะทำหน้าเย็นชา และไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเธอ

เสินหลีเหมือนจะโทรหาเขาตลอด แต่แปลกที่เหลียงหยวนโจวไม่รับสักสายเลย

สืออวี๋ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป แต่เธอก็ไม่สนใจ ทำเหมือนเขาเป็นคนล่องหน

แค่ทนให้ครบหนึ่งเดือน เธอชดใช้บุญคุณที่เซี่ยงชินเฟินช่วยชีวิตแล้ว ก็ได้ปลดปล่อยแล้ว

เธอไม่เคยคิดเลยว่า มีวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจเตรียมจะไปจากเหลียงหยวนโจว มันจะรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย

ไม่คิดไกลไปกว่านี้ เธอก็จดจ่อกลับไปอ่านเอกสารต่อ

สุดสัปดาห์ เซี่ยงชินเฟินมาคุยปรึกษาหารือเรื่องแต่งงานกับพวกเขา

พอรู้ว่าเหลียงหยวนโจวกับสืออวี๋ต่างไม่ใส่ใจนัก เธอเลยจัดการแทนเอง

สืออวี๋กับเหลียงหยวนโจวนั่งแยกกันที่สองฝั่งของโซฟา ซ้ายคนขวาคน แบ่งเขตกันอย่างชัดเจน

เทียบกับคู่รักที่กำลังจะแต่งงานแล้ว กลับเหมือนสามีภรรยาที่ความสัมพันธ์แตกสลายและกำลังจะหย่ากัน

เซี่ยงชินเฟินนั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขา เอาตัวอย่างการ์ดเชิญที่ตัวเองเลือกเสร็จให้พวกเขาเลือก เหลียงหยวนโจวเลือกอันที่เชยที่สุด ใบหน้าไร้ความใส่ใจ

“เอาอันซ้ายบนก็แล้วกัน”

สืออวี๋เหลือบมอง พบว่าการ์ดนั้นมันดูแก่หน่อย มีแค่ตัวอักษรฮี่[1]ใหญ่ๆตัวหนึ่ง ไม่มีลวดลายตกแต่งใดๆ เหมาะกับรสนิยมผู้ใหญ่ยุคก่อน การ์ดอื่นล้วนสวยกว่านี้หมด

เซี่ยงชินเฟินจิกตาใส่เขา ก่อนหันไปมองสืออวี๋ “สืออวี๋ หนูชอบอันไหน เอาที่หนูชอบ”

มองดูท่าทีที่กระตือรือร้นของสืออวี๋ สืออวี๋อยากบอกกับเธอจริงว่าไม่จำเป็น สภาพนี้ของเธอกับเหลียงหยวนโจว จะแต่งงานแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง?

ลังเลไปครู่หนึ่ง ก็ไม่พูดคำพวกนี้ออกมา เพราะเธอตอบตกลงเซี่ยงชินเฟินว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง

ตอนนี้เธอก็เพิ่งเข้าใจความรู้สึกที่ถูกคนบังคับนั้นมันเป็นอย่างไร

“เอาตามที่เขาเลือกก็ได้ค่ะป้า”

เซี่ยงชินเฟินพยักหน้าแล้วยิ้ม “โอเค งั้นก็ตามนี้นะ”

หลังจากคุยเรื่องของชำร่วยเสร็จ เซี่ยงชินเฟินจึงยิ้มแล้วจากไป

ทันทีที่เธอออกไป ห้องนั่งเล่นก็ตกอยู่ในความเงียบ

สืออวี๋ดูเวลา สี่ทุ่มกว่าแล้ว

พรุ่งนี้เช้ามีคดีต้องขึ้นศาล ถึงแม้เอกสารจะเตรียมครบแล้ว แต่เธอก็ชอบตรวจอีกรอบถึงจะสบายใจ

ลุกขึ้นกำลังจะเดินเข้าห้อง เสียงที่เย็นชาของเหลียงหยวนโจวก็ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น

“สืออวี๋ แต่งกับผู้ชายที่ไม่รักเธอ มันก็เหมือนอยู่เป็นหม้ายไปตลอดชีวิต คุณแน่ใจเหรอว่านี่คือชีวิตที่คุณอยากได้?”

สืออวี๋ชะงัก หันกลับไปมองเขา “เหลียงหยวนโจว ถ้าคุณไม่อยากแต่ง ก็ไปบอกกับป้าเซี่ยงเองสิ”

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวเคร่งขรึม จ้องเธอไม่วางตา ก่อนหัวเราะหยัน “โอเค คุณอย่าได้เสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

สืออวี๋ไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าห้องแล้วล็อกประตูโดยตรง

แม้ว่าช่วยงนี้เหลียงหยวนโจวจะกลับมา แต่พวกเขาก็แยกกันนอนตลอด เธอนอนในห้อง เหลียงหยวนโจวนอนบนโซฟา

หลังตรวจสอบเอกสารเสร็จ มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้วสืออวี๋ก็เก็บใส่กระเป๋า เอาชุดนอนแล้วเตรียมไปอาบน้ำเข้านอน

รุ่งเช้า สืออวี๋ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จหยิบกระเป๋าเอกสารแล้วออกจากห้อง ในห้องนั่งเล่นก็ไม่มีวี่แววของเหลียงหยวนโจวแล้ว

การขึ้นศาลช่วงเช้าเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารและหลักฐานที่สืออวี๋ยื่นครบถ้วน ทำให้การพิจารณาจบลงอย่างรวดเร็ว

เหลือเพียงรอคำพิพากษา ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะชนะ

ขณะเดินออกจากศาล จู่ๆก็มีคนพุ่งออกมา

ทำให้สืออวี๋ตกใจแล้วถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะเห็นว่าเป็นเสินหลี

เสินหลีตาทั้งแดงและบวม สีหน้าดูโทรมเล็กน้อย สายตาที่มองดูสืออวี๋มีความโกรธเคือง

“สืออวี๋ คุณทำอะไรไป? ทำไมช่วงนี้ประธานเหลียงไม่รับสายฉัน ในบริษัทก็ปฏิบัติเย็นชากับฉัน?!”

น้ำเสียงกล่าวหาของเธอทำให้สืออวี๋ไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า “คุณควรไปถามเหลียงหยวนโจว ไม่ใช่มาถามฉัน”

“ต้องเป็นเพราะคุณแอบทำเรื่องไม่ดีลับหลังแน่ ตอนนี้คนที่ประธานรักคือฉัน ต่อให้คุณใช้กลอุบายอะไรทำให้ไม่สนใจชั่วคราว เขาก็ไม่มีวันรักคุณอีกครั้งหรอก!”

มือของสืออวี๋ที่ถือกระเป๋าเอกสารกำแน่นขึ้นเล็กน้อย พยยักหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง “งั้นคุณก็สู้ๆ ล่ะ พยายามให้เขากลับไปอยู่ข้างเธอให้ได้เร็วๆ นะ”

สีหน้าของเสินหลีดูแย่ รู้สึกว่าสืออวี๋กำลังประชดเธอ

“คุณดีใจได้ไม่นานหรอก!”

พูดจบ เสินหลีก็จากไปอย่างโกรธ

มองดูแผ่นหลังเธอ บนใบหน้าของสืออวี๋ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ดูออกว่า เหลียงหยวนโจวเอาใจเธอมากจริง ไม่อย่างงั้นเธอก็คงไม่กล้าวิ่งมายั่วยุที่ตรงหน้าสืออวี๋

สืออวี๋ละสายตา แล้วเดินไปที่ลานจอดรถ

คืนนั้น เหลียงหยวนโจวก็กลับมาพร้อมกลิ่นเหล้าหนักอึ้ง

สืออวี๋กำลังเขียนเอกสารที่ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นเหล้านตัวเขาก็ขมวดคิ้วแล้วรีบปิดคอมเตรียมกลับห้อง

เหลียงหยวนโจวขวางเธอไว้ “วันนี้เสินหลีไปหาคุณเหรอ?”

ทันทีที่เขาพูด กลิ่นเหล้าก็ล้อมรอบสืออวี๋ทันที

สืออวี๋ถอยหลังเล็กน้อยเพื่อดึงระยะห่างระหว่างทั้งสองคนออก “ใช่ ทำไม?”

เหลียงหยวนโจวมองดูหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอ แล้วหัวเราะหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยการดูถูก

“ช่วงนี้คุณช่างยิ่งอยู่ยิ่งใจกว้างสักแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เราก็คงไม่ทะเลาะกันเยอะขนาดนั้น”

ถ้าสืออวี๋สามารถใจกว้างแบบนี้ตลอดไป ไม่สนเรื่องระหว่างเขากับเสินหลี แต่งงานกับเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้

แม้ว่าเขาจะไม่รักสืออวี๋แล้ว แต่ใบหน้าของสืออวี๋ พาออกไปข้างนอกก็มีหน้ามีตาดี

สบตากับเหลียงหยวนโจวอยู่ครู่หนึ่ง สืออวี๋เบือนหน้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ไม่ได้ใจกว้างขึ้น แต่เป็นเพราะเธอไม่สนใจเขาอีกแล้ว

“คุณไว้ใจ ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว”

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[1]ฮี่ หมายถึง คำมงคลในภาษาจีน ที่แสดงถึงความสุข ความยินดี
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 135

    ซือเยี่ยนเลิกคิ้ว “มีคนบอกประจำ”สืออวี๋: “...”น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนแอบภูมิใจนิด ๆ ยังไงชอบกลแฮะ?เมื่อเห็นสืออวี๋พูดอะไรไม่ออก ดวงตาของซือเยี่ยนก็ฉายแววขบขันวูบหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป สืออวี๋จึงไม่ทันสังเกต“หมอซือคะ เมื่อกี้ตอนฉันคุยกับครอบครัวนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าเพื่อให้ได้ลงทะเบียนนัดกับคุณ พวกเขาถึงขั้นต้องเดินทางมาจากต่างอำเภอ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับย้ายโรงพยาบาลแล้ว ส่วนจะให้เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นพวกเขาก็ไม่ไว้ใจ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้ทำอะไรไม่ยั้งคิด ชักมีดขู่ให้คุณผ่าตัดแบบนั้นแหละค่ะ”“ในสายตาฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ไม่เข้าใจผลลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารก่อนผ่าตัดแบบดมยาสลบเท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน”“ถ้าพวกเขามาขอโทษคุณอย่างจริงใจ คุณจะยอมให้โอกาสคนไข้คนนั้นอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”สิ้นเสียงของเธอ ซือเยี่ยนก็ตอบทันที “ไม่ได้ครับ”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “หลักการของคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? สำคัญถึงขั้นที่ต่อให้ถูกคุกคามถึงชีวิตก็ยังไม่ยอมประนีประนอมเนี่ยนะ?”แค่นึกถึงภาพที่เขาอยู่ร่วมห้องกับชายผู้ถือมีดเมื่อครู่ สืออ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 134

    “ค่ะ...”ผู้หญิงคนนั้นรีบรุดไปที่ห้องทำงานของซือเยี่ยนทันที สืออวี๋ก้าวเท้าตามไปติด ๆเมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของซือเยี่ยน และเห็นสามีตัวเองกำลังเงื้อมีดใส่ซือเยี่ยนด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เธอก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อใบหน้าซีดเผือด“คุณคะ! วางมีดลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หลังได้ยินเสียงหญิงสาว ชายคนนั้นก็หันขวับกลับมา และเมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเธอจริง ๆ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ตวาดลั่นว่า “ใครใช้ให้ออกมา รีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “คุณคะ วางมีดลงเถอะ พ่อเป็นคนให้ฉันมาเอง คุณเอามีดมาขู่หมอแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ...”ตอนนี้ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ “ผมไม่สนว่าจะผิดกฎหมายหรือเปล่า รู้แค่ว่าไอ้หมอนี่ต้องรับปากผ่าตัดให้พ่อเท่านั้น!”“คุณอยากให้พ่อเห็นคุณติดคุกหรือไง เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นฝ่ายเราที่ผิดเอง จริงสิ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคนนี้เธอเป็นทนาย เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับหมอซือให้พวกเรา คุณเอาแต่ขู่หมอซือแบบนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ”ชายคนนั้นตวัดสายตามองสืออวี๋ที่อยู่ข้างภรรยา แววตาพลันเย็นเยียบ “ทนายบ้าบออะไร! แม่นั่นกับหมอคนนี้มันก็พวกเดียวกันนั่นแห

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 133

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ สืออวี๋จึงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่เขาถือมีด ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการความสงบเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพฤติการณ์ร้ายแรง ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญาด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้เลยค่ะ”เมื่อสืออวี๋พูดคำสุดท้ายจบลง ภายในห้องพักผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงของคนที่พูดเมื่อครู่ก็ดังออกมาอีกครั้ง “คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเป็นทนายความตัวจริง? แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามาช่วยพวกเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหมอคนนั้น?!”สืออวี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อกี้ตอนที่เขาถือมีดบุกเข้าไปในห้องทำงานแพทย์ มีคนเห็นไม่น้อย ตอนนี้มีคนแจ้งตำรวจแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ไปเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ รอให้ตำรวจมาถึงก็สายเกินไป เขาเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ พวกคุณพิจารณาดูเองเถอะ”พูดจบประโยคนี้ สืออวี๋ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะดึงดันไปจนถึงที่สุด เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรแล้วแต่ในใจของสืออวี๋ กลับยังคงไม่อาจสงบลงตอนนี้ ซือเยี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับผ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 132

    สืออวี๋ใจหายวาบ “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ?!”“แจ้งแล้วค่ะ แต่ที่นี่อยู่ไกลจากสถานีตำรวจนิดหน่อย คาดว่ากว่าตำรวจจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาที”“งั้นสิบกว่านาทีนี้ เราจะปล่อยให้ซือเยี่ยนเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพังเหรอคะ?”“คือว่า... ตอนแรกผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ชักมีดออกมาค่ะ แต่พอหมอซือปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้พ่อเขาอีก เขาก็ชักมีดออกมา หมอซือเห็นมีดก็เลยรีบปิดประตูล็อกทันที”สืออวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ยิ่งซือเยี่ยนอยู่กับเขานานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นแต่ตอนนี้ ซือเยี่ยนล็อกประตูห้องทำงานจากด้านใน ต่อให้เธออยากช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้วถ้าผลีผลามบุกเข้าไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายคนนั้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกสืออวี๋สูดหายใจลึก ก่อนสอบถาม “แล้วญาติคนอื่น ๆ ของผู้ป่วยล่ะคะ? ผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือลูกบ้างไหม?”“มีค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมออกมา ก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้นั่นแหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย กะว่าจะให้ออกมาเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 131

    ตกค่ำ สือหมิงฮุยกลับมาถึงบ้านเมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นโจวฉินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาแล้วเขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะเปลี่ยนรองเท้า เดาได้ไม่ยากว่าที่ไปคุยกับสืออวี๋วันนี้คงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ตามคาด ขณะเขานั่งลงบนโซฟา โจวฉินก็เริ่มโวยวาย “สืออวี๋ไม่ยอมถอนฟ้อง ฉันทะเลาะกับแม่นั่นไปรอบหนึ่ง เลยลืมให้บัตรธนาคารไปซะสนิท เดี๋ยวคุณเอาไปให้เองแล้วกัน!”สือหมิงฮุยเหลือบมองบัตรธนาคารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่งจะตาย ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ? พรุ่งนี้คุณไปอีกรอบแล้วกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที”โจวฉินแค่นหัวเราะ “ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องเป็นคนไปตามง้อแม่นั่นทุกทีด้วย? คุณมันก็ดีแต่ปาก อ้างไปเรื่อยว่าบริษัทงานยุ่งทุกวัน มีวันไหนไม่ยุ่งบ้างไหม? ฉันว่าปล่อยให้มันเจ๊งไปก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งแล้ว!”“หุบปากนะ!”สือหมิงฮุยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “วัน ๆ ถ้าไม่เอาแต่เดินชอปปิง ก็ดีแต่พูดจาปากเสีย เกิดบริษัทผมเจ๊งขึ้นมาจริง คุณก็เตรียมตัวไปนั่งขอทานข้างถนนได้เลย!”“เป็นขอทานก็ยังดีกว่าต้องมานั่งขายหน้าทุกวัน! ยังไงฉันก็ไม่ไปหายัยนั่นอีก คุณอยากไปก็ไปเองเถอะ อีกเดี๋ยวม่านม่า

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 130

    ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ หมอซือ”เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณย่าสือเห็นว่ามีเพียงสืออวี๋อยู่คนเดียวจึงขมวดคิ้วถาม “แม่แกลกลับไปแล้วเหรอ?”“ค่ะ”เมื่อเห็นสีหน้าของสืออวี๋เรียบเฉยจนอ่านอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก คุณย่าสือจึงเอ่ยปากถาม “เธอมาพูดอะไรกับแก?”“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกให้หนูดูแลคุณย่าดี ๆ หวังว่าคุณย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ”สืออวี๋เพิ่งพูดจบ คุณย่าสือก็สวนกลับมาอย่างหัวเสีย “เธอพูดอะไรกับแกกันแน่?! นิสัยอย่างโจวฉินฉันรู้ดี เธอไม่ถ่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยเพื่อพูดเรื่องไร้สาระไม่กี่ประโยคนี้หรอก”สืออวี๋อดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง “คุณย่า เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ และบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้สือม่าน สั่งไม่ให้หนูไปก่อกวน”คุณย่าสือเบนความสนใจไปได้จริง ๆ เธอพูดอย่างโมโห “ใครอยากจะไปงานเลี้ยงของเธอกัน ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจัดงานที่ดีกว่าให้แกเอง!”“ค่ะ ๆ ๆ งั้นหนูจะรอคุณย่าจัดงานเลี้ยงให้นะคะ ท่านหันตัวหน่อยค่ะ หนูจะเริ่มนวดให้แล้ว”“ตอนนี้ไม่ต่อต้านการกลับบ้านตระกูลสือแล้วเหรอ?”สืออวี๋ส่ายหน้า “ถึงหนูจะต่อต้าน ก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้อยู่ดี สู้ทำตามที่ท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status