แชร์

บทที่2

ผู้เขียน: ชุนกวงห่าว
เหลียงหยวนโจวหัวเราะอย่างได้ใจ “คราวหน้าผมจะระวังกว่านี้ เดี๋ยวไปซื้อยาให้คุณ”

เสียงของผู้ชายค่อยๆ จางหายไป สืออวี๋ก้มมองลิปสติกที่หักครึ่งในมือ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์

ทิ้งลิปสติกที่หักลงในถังขยะ สืออวี๋เปิดชั้นที่สองของกล่องเครื่องประดับ แต่พบว่ามีเพียงไม่กี่ชิ้น

ก่อนหน้านี้ในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่เหลียงหยวนโจวส่งให้ ไม่ต่ำกว่าร้อยชิ้น ตั้งแต่เหลียงหยวนโจวนอกใจ หลังจากผิดหวังต่อเขาหนึ่งครั้ง เธอก็จะเอาทิ้งหนึ่งชิ้น

ช่วงแรกทิ้งช้ามาก แต่หลังๆกลับทิ้งเร็วขึ้น ตอนนี้ก็เกือบหมดแล้ว

เหมือนกับความรักที่เธอมีต่อเหลียงหยวนโจว จากที่เคยเต็มล้นเหมือนคลื่นทะเล มาจนถึงตอนนี้ที่หมดกำลังใจและสิ้นหวัง ดูเหมือนกำลังจะจางหายไปจนหมดสิ้นแล้ว

สืออวี๋หยิบสร้อยคอทองเส้นเล็กขึ้นมา นี่คือของขวัญวันครบรอบสามปีที่เหลียงหยวนโจวส่งให้

จี้สร้อยเป็นรูปอุ้งเท้าแมว ตอนนั้นสืออวี๋อยากเลี้ยงแมวตัวหนึ่งมาก มักดูคลิปแมวจากบนออนไลน์

ตอนได้รับสร้อยนี้ เธอตื่นเต้นมาก หมุนเล่นจี้รูปแมวไม่หยุด

ทั้งคู่เคยวางแผนว่าจบการศึกษาแล้วจะเช่าบ้านด้วยกันและรับแมวตัวหนึ่งมาเลี้ยง แม้แต่ชื่อก็ตั้งเสร็จแล้ว เรียกว่า“โจวโจว”

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลี้ยง เหลียงหยวนโจวเริ่มเอาแต่ทำธุรกิจ หลังธุรกิจสำเร็จก็ยิ่งยุ่งจนไม่มีเวลาให้เธอเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะนึกถึงเรื่องเลี้ยงแมว

คิดย้อนกลับไป ตั้งแต่ตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เริ่มมีปัญหาแล้ว

เธอมั่นใจเกินไป คิดว่าเหลียงหยวนโจวจะไม่เปลี่ยนใจ

สืออวี๋เก็บความรู้สึกปั่นป่วนไว้ ก้มหน้าทิ้งสร้อยทองลงในถังขยะ ปิดกล่องเครื่องประดับช้าๆ

ตอนนี้ในกล่องเหลือเพียงเครื่องประดับห้าชิ้น

เธอสวมเสื้อโค้ท หยิบกระเป๋าแล้วออกจากบ้าน

มาถึงสำนักงานกฎหมาย เพื่อนร่วมงานก็เข้ามาแสดงความยินดีที่เธอชนะคดีอีกครั้ง

“ทนายสือ ยินดีด้วยค่ะ!”

“ทนายสือ นี่คงเป็นคดีที่หกของเดือนนี้แล้วสินะ สมกับที่ได้รับฉายา ‘จอมทัพผู้ชนะทุกคดี’ ในสำนักงานกฎหมายเลยจริงๆ”

“คำที่ว่า ‘ล้มเหลวเรื่องความรัก แต่ประสบความสำเร็จในเรื่องงานนี่มันใช้ได้จริงๆเลย คุณดูสิตอนนี้การงานของทนายสือรุ่งเรืองขนาดไหน”

ทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานอีกคนรีบดึงแขนให้สัญญาณเธอ เดิมทีอากาศที่สนุกสนานก็เงียบลงทันที ทุกคนมองหน้ากัน ไม่กล้ามองสืออวี๋

ทุกคนในสำนักงานกฎหมายล้วนรู้เรื่องที่เธอกับเหลียงหยวนโจวกำลังจะแต่งงานกัน บางคนที่ข่าวสารดียังรู้ด้วยว่าเหลียงหยวนโจวแอบสนิทกับเลขานุการของเขา แต่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ต่อหน้าสืออวี๋

คนที่พูดก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดพล่าม จึงรีบขอโทษ “ทนายสือ ขอโทษนะคะ ฉันพูดไปมั่ว คุณอย่าใส่ใจไปเลยนะคะ……”

สีหน้าของสืออวี๋ซีดขาวเล็กน้อย มือที่ถือแฟ้มเอกสารกำแน่นขึ้น ฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร คืนนี้ฉันเลี้ยงทุกคนกินข้าวที่ร้านอาหารเทียนเซียงเก๋อ หาเวลาว่างให้ได้นะ!”

ทุกคนรับปาก และหยอกล้อเพื่อคลายบรรยากาศกันเล็กน้อย เรื่องนี้ก็ผ่านไป

สืออวี๋กลับมาที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ จัดเรียงเอกสารคดีและเริ่มเขียนสรุปคดี

แต่เขียนไปสองชั่วโมง กลับได้แค่ไม่กี่บรรทัด ความคิดล่องลอยไปไกลแล้ว

ตอนเย็น สืออวี๋เดินเข้าร้านอาหารเทียนเซียงเก๋อกับเพื่อนร่วมงานสิบกว่าคน

ริมหน้าต่างมีสองเงาที่คุ้นเคย ตอนสืออวี๋หันไปมอง ก็สบกับตาที่เย็นชาของเหลียงหยวนโจวพอดี

เธอหายใจสะดุด วินาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ละสายตา ป้อนของหวานให้เสินหลีกินต่ออย่างไม่สนใจคนรอบข้าง

แม้ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเธอ เขาก็ไม่ให้เกียรติเธอสักนิดเลย

มีเพื่อนร่วมงานที่สนิทกับสืออวี๋อยู่แล้วหน้าเคร่งเครียด รีบก้าวไปข้าวหน้าเพื่อทวงความเป็นธรรมให้สืออวี๋

สืออวี๋ดึงมือเธอไว้ พูด้วยเสียงเรียบเฉย “ฉันไม่เป็นไร ไปที่ห้องส่วนตัวเถอะ”

บนใบหน้าของเพื่อนร่วมงานเต็มไปด้วยความโกรธ หันกลับมากำลังจะพูด แต่ก็ชะงันไปเมื่อเห็นสีหน้าที่ฝืนยิ้มของสืออวี๋

สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้สืออวี๋ดึงเธอไปที่ห้องส่วนตัว

เรื่องความรัก ก็เหมือนการดื่มน้ำ ร้อน-เย็นก็มีแต่ผู้ดื่มเท่านั้นที่รู้ ในเมื่อสืออวี๋อยากรักษาภาพลักษณ์ของความสงบ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ สืออวี๋ก็ลุกไปห้องน้ำ

ทันทีที่ปิดประตู ได้ยินเสียงได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานกำลังพูดคุยกันอยู่ข้างใน

“เมื่อกี้ฉันเห็นไม่ผิดใช่ไหม? แฟนทนายสือป้อนผู้หญิงคนอื่นกินของหวานต่อหน้าทนายสือ ผู้ชายเลวชั่วชัดๆ!”

“ฉันก็เห็นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผู้ชายเลวๆแบบนี้ ทนายสือชอบเขาตรงไหน?เธอสวยขนาดนี้ เลิกกับเขาแล้วก็หาใหม่ได้ทันทีเลยนี่นะ?”

“เอ๊ย บอกได้ว่าต่างคนต่างยอมกันเอง ปกติทนายสือทำคดีเฉียบขาดชัดเจนขนาดนั้น แต่เรื่องความรักกลับงงงวยแบบนี้……”

สืออวี๋ไม่ได้ฟังต่อ แต่ก็พอเดาได้คร่าวๆ

อันที่จิรงพวกเขาพูดถูก แต่ทุกครั้งที่นึกได้ว่าชีวิตในอนาคตจะไม่มีเหลียงหยวนโจวอีกต่อไป หัวใจก็เจ็บปวดจนเธอรับไม่ไหว

นานเข้าไป เธอเองก็ชินแล้ว

ชินกับความเย็นชา ชินกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงอื่นบนตัวเขา และชินกับการที่แผลค่อยๆ หาย

เมื่อเดินมาที่ประตูห้องน้ำ เธอก็หยุดฝีเท้าในทันที คนทั้งคนราวกับถูกตอกตะปูไว้อยู่กับที่ จนขยับไม่ได้

ในไม่ไกลนั้น ภาพตรงหน้าทิ่มแทงตาเธออย่างแรง

เสินหลีนั่งอยู่บนอ่างล้างหน้า เหลียงหยวนโจวกอดเอวเธอไว้อย่าแน่น หันหลังให้สืออวี๋ จูบกันอย่างไม่แคร์ใคร

เมื่อก่อนต่อให้เขาจะทำมั่วยังไง ก็ไม่เคยจู๋จี๋กับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธออย่างนี้

แต่ตอนนี้ เขากลับทำแบบนี้

มองดูแผ่นหลังของเหลียงหยวนโจว สืออวี๋รู้สึกเหมือนอกถูกเจาะ มีลมหนาวพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เหลียงหยวนโจว ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายขนาดนี้?

เพราะหมกมุ่นเกินไป เหลียงหยวนโจวไม่แม้แต่จะสั่งเกตเห็นสืออวี๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้น

แต่ว่าต่อให้สังเกตเห็น สำหรับเขาแล้วมันก็ไม่ได้ให้เจ็บปวดหรือสะเทือนใจอะไร

เพราะเธอจะเสียใจหรือไม่นั้น เขาไม่สนใจนานแล้ว

กระจกสะท้อนภาพทั้งสองคนกอดกัน และสะท้อนใบหน้าที่ซีดเผือด และเศร้าโศกของสืออวี๋

เหมือนตัวตลกคนหนึ่ง

เสินหลีเป็นคนเห็นสืออวี๋ก่อน รีบดันเหลียงหยวนโจวออก “ประธานเหลียง……คุณหนูสือ……”

แก้มของเธอแดงระเรื่อ ดวงตาสีอัลมอนด์ส่องประกายความตื่นตกใจ น้ำใสวิบวับ ริมฝีปากสีแดงฉ่ำที่เขาเคยจูบแดงระเรื่อเหมือนผลไม้หวานที่เพิ่งสุกเต็มที่ ดึงดูดให้คนอยากลิ้มลอง

“ไม่ต้องสนเธอ”

“ประธานเหลียง……อื้อ……” คำพูดที่เหลือถูกเหลียงหยวนโจวกลืนหาย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เหลียงหยวนโจวถึงค่อยปล่อยเสินหลี อุ้มเธอลงจากอ่างล้างหน้า จัดกระโปรงให้ เธอแล้วเธอพาออกไป

ตอนเดินผ่านสืออวี๋ เขาเลิกคิ้วเยาะ “ยังดูไม่หนำใจอีกเหรอ? คืนนี้ให้ผมพาเสินหลีกลับไป ให้คุณได้ดูอย่างหนำใจหน่อยไหม?”

สืออวี๋หันหน้ามองเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย หาความอ่อนโยนในอดีตไม่ได้เลยแม้แต่นิด

“เหลียงหยวนโจว ลับหลังคุณกับเธอจะทำอะไรกันก็ได้ แต่……อย่าพามาให้ฉันเห็นได้ไหม? ถือว่าฉันขอร้องละ……”

เธอไม่รู้ว่าตัวเองยังจะทนได้อีกนานแค่ไหน

อนาคตที่เคยสัญญากัน ตอนนี้ดูเหมือนมีแต่เธอคนเดียวที่ยังฝันว่ามันจะเป็นจริง

เหลียงหยวนโจวยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ จับคางของเสินหลีแล้วจูบบนปากของเธออีกครั้ง

“แค่นี้ก็ทนไม่ไหวเหรอ? ทนไม่ไหว คุณก็สามารถยกเลิกการหมั้นหรือเลิกกันได้เสมอ”

สืออวี๋ก้มหน้า กำลังจะพูด แต่สายตาก็หยุดชะงักทันที

บนข้อมือของเสินหลีสวมกำไลทองรูปดอกทิวลิปไว้อันหนึ่ง ไม่ว่าจะดีไซน์หรือการทำ ก็เหมือนกับที่เหลียงหยวนโจวเคยออกแบบสั่งทำให้เธอเป๊ะเลย!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 135

    ซือเยี่ยนเลิกคิ้ว “มีคนบอกประจำ”สืออวี๋: “...”น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนแอบภูมิใจนิด ๆ ยังไงชอบกลแฮะ?เมื่อเห็นสืออวี๋พูดอะไรไม่ออก ดวงตาของซือเยี่ยนก็ฉายแววขบขันวูบหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป สืออวี๋จึงไม่ทันสังเกต“หมอซือคะ เมื่อกี้ตอนฉันคุยกับครอบครัวนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าเพื่อให้ได้ลงทะเบียนนัดกับคุณ พวกเขาถึงขั้นต้องเดินทางมาจากต่างอำเภอ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับย้ายโรงพยาบาลแล้ว ส่วนจะให้เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นพวกเขาก็ไม่ไว้ใจ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้ทำอะไรไม่ยั้งคิด ชักมีดขู่ให้คุณผ่าตัดแบบนั้นแหละค่ะ”“ในสายตาฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ไม่เข้าใจผลลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารก่อนผ่าตัดแบบดมยาสลบเท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน”“ถ้าพวกเขามาขอโทษคุณอย่างจริงใจ คุณจะยอมให้โอกาสคนไข้คนนั้นอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”สิ้นเสียงของเธอ ซือเยี่ยนก็ตอบทันที “ไม่ได้ครับ”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “หลักการของคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? สำคัญถึงขั้นที่ต่อให้ถูกคุกคามถึงชีวิตก็ยังไม่ยอมประนีประนอมเนี่ยนะ?”แค่นึกถึงภาพที่เขาอยู่ร่วมห้องกับชายผู้ถือมีดเมื่อครู่ สืออ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 134

    “ค่ะ...”ผู้หญิงคนนั้นรีบรุดไปที่ห้องทำงานของซือเยี่ยนทันที สืออวี๋ก้าวเท้าตามไปติด ๆเมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของซือเยี่ยน และเห็นสามีตัวเองกำลังเงื้อมีดใส่ซือเยี่ยนด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เธอก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อใบหน้าซีดเผือด“คุณคะ! วางมีดลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หลังได้ยินเสียงหญิงสาว ชายคนนั้นก็หันขวับกลับมา และเมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเธอจริง ๆ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ตวาดลั่นว่า “ใครใช้ให้ออกมา รีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “คุณคะ วางมีดลงเถอะ พ่อเป็นคนให้ฉันมาเอง คุณเอามีดมาขู่หมอแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ...”ตอนนี้ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ “ผมไม่สนว่าจะผิดกฎหมายหรือเปล่า รู้แค่ว่าไอ้หมอนี่ต้องรับปากผ่าตัดให้พ่อเท่านั้น!”“คุณอยากให้พ่อเห็นคุณติดคุกหรือไง เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นฝ่ายเราที่ผิดเอง จริงสิ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคนนี้เธอเป็นทนาย เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับหมอซือให้พวกเรา คุณเอาแต่ขู่หมอซือแบบนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ”ชายคนนั้นตวัดสายตามองสืออวี๋ที่อยู่ข้างภรรยา แววตาพลันเย็นเยียบ “ทนายบ้าบออะไร! แม่นั่นกับหมอคนนี้มันก็พวกเดียวกันนั่นแห

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 133

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ สืออวี๋จึงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่เขาถือมีด ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการความสงบเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพฤติการณ์ร้ายแรง ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญาด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้เลยค่ะ”เมื่อสืออวี๋พูดคำสุดท้ายจบลง ภายในห้องพักผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงของคนที่พูดเมื่อครู่ก็ดังออกมาอีกครั้ง “คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเป็นทนายความตัวจริง? แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามาช่วยพวกเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหมอคนนั้น?!”สืออวี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อกี้ตอนที่เขาถือมีดบุกเข้าไปในห้องทำงานแพทย์ มีคนเห็นไม่น้อย ตอนนี้มีคนแจ้งตำรวจแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ไปเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ รอให้ตำรวจมาถึงก็สายเกินไป เขาเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ พวกคุณพิจารณาดูเองเถอะ”พูดจบประโยคนี้ สืออวี๋ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะดึงดันไปจนถึงที่สุด เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรแล้วแต่ในใจของสืออวี๋ กลับยังคงไม่อาจสงบลงตอนนี้ ซือเยี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับผ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 132

    สืออวี๋ใจหายวาบ “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ?!”“แจ้งแล้วค่ะ แต่ที่นี่อยู่ไกลจากสถานีตำรวจนิดหน่อย คาดว่ากว่าตำรวจจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาที”“งั้นสิบกว่านาทีนี้ เราจะปล่อยให้ซือเยี่ยนเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพังเหรอคะ?”“คือว่า... ตอนแรกผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ชักมีดออกมาค่ะ แต่พอหมอซือปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้พ่อเขาอีก เขาก็ชักมีดออกมา หมอซือเห็นมีดก็เลยรีบปิดประตูล็อกทันที”สืออวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ยิ่งซือเยี่ยนอยู่กับเขานานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นแต่ตอนนี้ ซือเยี่ยนล็อกประตูห้องทำงานจากด้านใน ต่อให้เธออยากช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้วถ้าผลีผลามบุกเข้าไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายคนนั้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกสืออวี๋สูดหายใจลึก ก่อนสอบถาม “แล้วญาติคนอื่น ๆ ของผู้ป่วยล่ะคะ? ผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือลูกบ้างไหม?”“มีค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมออกมา ก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้นั่นแหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย กะว่าจะให้ออกมาเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 131

    ตกค่ำ สือหมิงฮุยกลับมาถึงบ้านเมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นโจวฉินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาแล้วเขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะเปลี่ยนรองเท้า เดาได้ไม่ยากว่าที่ไปคุยกับสืออวี๋วันนี้คงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ตามคาด ขณะเขานั่งลงบนโซฟา โจวฉินก็เริ่มโวยวาย “สืออวี๋ไม่ยอมถอนฟ้อง ฉันทะเลาะกับแม่นั่นไปรอบหนึ่ง เลยลืมให้บัตรธนาคารไปซะสนิท เดี๋ยวคุณเอาไปให้เองแล้วกัน!”สือหมิงฮุยเหลือบมองบัตรธนาคารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่งจะตาย ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ? พรุ่งนี้คุณไปอีกรอบแล้วกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที”โจวฉินแค่นหัวเราะ “ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องเป็นคนไปตามง้อแม่นั่นทุกทีด้วย? คุณมันก็ดีแต่ปาก อ้างไปเรื่อยว่าบริษัทงานยุ่งทุกวัน มีวันไหนไม่ยุ่งบ้างไหม? ฉันว่าปล่อยให้มันเจ๊งไปก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งแล้ว!”“หุบปากนะ!”สือหมิงฮุยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “วัน ๆ ถ้าไม่เอาแต่เดินชอปปิง ก็ดีแต่พูดจาปากเสีย เกิดบริษัทผมเจ๊งขึ้นมาจริง คุณก็เตรียมตัวไปนั่งขอทานข้างถนนได้เลย!”“เป็นขอทานก็ยังดีกว่าต้องมานั่งขายหน้าทุกวัน! ยังไงฉันก็ไม่ไปหายัยนั่นอีก คุณอยากไปก็ไปเองเถอะ อีกเดี๋ยวม่านม่า

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 130

    ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ หมอซือ”เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณย่าสือเห็นว่ามีเพียงสืออวี๋อยู่คนเดียวจึงขมวดคิ้วถาม “แม่แกลกลับไปแล้วเหรอ?”“ค่ะ”เมื่อเห็นสีหน้าของสืออวี๋เรียบเฉยจนอ่านอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก คุณย่าสือจึงเอ่ยปากถาม “เธอมาพูดอะไรกับแก?”“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกให้หนูดูแลคุณย่าดี ๆ หวังว่าคุณย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ”สืออวี๋เพิ่งพูดจบ คุณย่าสือก็สวนกลับมาอย่างหัวเสีย “เธอพูดอะไรกับแกกันแน่?! นิสัยอย่างโจวฉินฉันรู้ดี เธอไม่ถ่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยเพื่อพูดเรื่องไร้สาระไม่กี่ประโยคนี้หรอก”สืออวี๋อดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง “คุณย่า เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ และบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้สือม่าน สั่งไม่ให้หนูไปก่อกวน”คุณย่าสือเบนความสนใจไปได้จริง ๆ เธอพูดอย่างโมโห “ใครอยากจะไปงานเลี้ยงของเธอกัน ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจัดงานที่ดีกว่าให้แกเอง!”“ค่ะ ๆ ๆ งั้นหนูจะรอคุณย่าจัดงานเลี้ยงให้นะคะ ท่านหันตัวหน่อยค่ะ หนูจะเริ่มนวดให้แล้ว”“ตอนนี้ไม่ต่อต้านการกลับบ้านตระกูลสือแล้วเหรอ?”สืออวี๋ส่ายหน้า “ถึงหนูจะต่อต้าน ก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้อยู่ดี สู้ทำตามที่ท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status